เล่มที่ 9 บทที่ 254 ที่แท้นางก็มีเวลาที่กระวนกระวายจนทำตัวไม่ถูกเหมือนกัน

ทะลุมิติไปเป็นภรรยาชาวสวนของท่านบัณฑิต

กลับถึงห้องครัว เซี่ยยวี่หลัวใช้น้ำล้างเปลือกแตงโมจนสะอาด จากนั้นจึงวางไว้ในตะกร้า ใช้มือข้างหนึ่งพยุงก้นตะกร้า จะนำไปแขวนไว้กับตะขอบนคาน เซียวยวี่เห็นเข้า จึงเร่งฝีเท้าเดินมา

เซียวยวี่ตัวสูงมาก เพียงเอื้อมมือเล็กน้อยก็หยิบตะกร้าในมือเซี่ยยวี่หลัวได้แล้ว เขาพยุงก้นตะกร้า ดันขึ้นบนเล็กน้อย หูหิ้วของตะกร้าก็แขวนอยู่บนตะขอแล้ว

ใบหน้าเซี่ยยวี่หลัวขึ้นสีแดง

คนข้างกายถึงแม้รูปร่างจะซูบผอมแต่ก็มีพละกำลัง ยืนอยู่ตรงหน้าเซี่ยยวี่หลัว ประหนึ่งกำแพงที่แข็งแรงทนทาน บีบคั้นจนเซี่ยยวี่หลัวไม่กล้าหายใจแรงด้วยซ้ำ

เซียวยวี่ยืนใกล้เกินไป

เซี่ยยวี่หลัวเห็นผิวขาวเนียนประหนึ่งเครื่องกระเบื้องเคลือบชั้นดีภายในคอเสื้อของเซียวยวี่ ทั้งยังสัมผัสได้ถึงไออุ่นร้อนเบาบางจากกายเซียวยวี่ กลิ่นอายบนตัวเขาลอยมาแตะจมูก ทำให้นางหน้าแดงไปถึงใบหู

เซี่ยยวี่หลัวไม่เคยใกล้ชิดกับบุรุษถึงเพียงนี้มาก่อน หัวใจของนางเต้นแรงจนแทบจะหลุดออกมาจากช่องอก แต่คนที่เป็นต้นเหตุเหมือนจะไม่รู้อะไรเลย ยังคงยืนอยู่ตรงหน้านาง ไม่ขยับเขยื้อน

ใบหน้าร้อนราวกับเป็นน้ำที่ต้มจนเดือด เซี่ยยวี่หลัวหน้าแดงถึงใบหู หายใจเร็ว นางถอยหลังไปสองก้าวด้วยความตื่นตกใจ จากนั้นจึงหันขวับเดินออกไปทันที

อาจเพราะเดินเร็วเกินไป ฝีก้าวดูกระวนกระวาย ตอนเดินออกจากประตูห้องครัวจึงสะดุดธรณีประตูจนเกือบล้ม เซียวยวี่ที่อยู่ด้านหลังเห็นแล้วถึงกับขมวดคิ้วมุ่น

“เจ้าช้าหน่อย…” เซียวยวี่พูดโพล่งออกมา น้ำเสียงเต็มไปด้วยความเป็นห่วง

เซี่ยยวี่หลัวจับวงกบประตูจนทรงตัวได้อย่างยากลำบาก หันกลับไปชำเลืองมองเซียวยวี่แวบหนึ่ง จากนั้นจึงรีบหนีไปด้วยความตื่นตกใจ

นางเห็นภูตผีหรืออย่างไร?

เซียวยวี่คิดจะทำอะไรกัน!

เซี่ยยวี่หลัวหนีไปด้วยความตื่นตกใจ ราวกับว่าข้างหลังมีภูตผีอย่างไรอย่างนั้น แต่เซียวยวี่เห็นแล้วกลับคิดต่างกัน

เมื่อครู่นี้เขาจงใจ กลับคิดไม่ถึงว่าจะทำให้นางตกใจ เห็นแววตาตื่นตกใจและฝีเท้าที่ดูกระวนกระวายของนาง เซียวยวี่เม้มปากแย้มรอยยิ้ม ที่แท้นางก็มีเวลาที่กระวนกระวายจนทำตัวไม่ถูกเหมือนกัน

ตอนเข้านอนในช่วงค่ำ เซี่ยยวี่หลัวยังรู้สึกจิตใจว้าวุ่น แม้แต่ตอนเล่านิทานก็เล่าได้ไม่เต็มที่

ยังดีที่นิทานน่าสนใจมาก เซียวจื่อเมิ่งและเซียวจื่อเซวียนต่างไม่สนใจว่าพี่สะใภ้ใหญ่เล่าอย่างไร เด็กสองคนฟังนิทานเรื่องฮุยกูเหนียง*อย่างเพลิดเพลิน จากนั้นคนที่ควรดับไฟก็ดับไฟ คนที่ควรกลับห้องก็กลับห้อง

ภายในห้องเงียบสงบลง ไม่นานเซียวจื่อเมิ่งที่อยู่ข้างกายก็ส่งเสียงกรนเบา นอนหลับไปแล้ว เซี่ยยวี่หลัวนอนไม่หลับ พลิกตัวไปมา ไม่รู้สึกง่วงนอนแม้แต่น้อย

เซียวยวี่ในวันนี้ ทำให้นางรู้สึกว่าไม่อาจคาดเดาได้

หรือควรจะบอกว่า เซียวยวี่ในระยะนี้ ทำให้นางรู้สึกว่าไม่อาจคาดเดาได้

เซียวยวี่คิดจะทำอะไรกันแน่ เซี่ยยวี่หลัวคิดอยู่ครึ่งค่อนคืน ก็ยังคิดไม่ออก สุดท้ายไม่อาจทานความง่วง จึงผล็อยหลับไป

ส่วนคนที่นางคิดถึง กลับไม่ได้นอนทั้งคืนอย่างแท้จริง

ระหว่างอ่านตำรา เขาอ่านไม่เข้าใจแม้แต่ตัวเดียว ระหว่างนอนหลับ พอหลับตา ห้วงความคิดก็ไม่ว่างเว้น

ในห้วงภวังค์เต็มไปด้วยท่าทางของเซี่ยยวี่หลัว ยามขมวดคิ้ว ยามยิ้ม ยามอ่อนโยน ยามโมโห ทั้งท่าทางเรียบร้อยงามสง่าดูใจกว้าง ตอนจริงจัง ตอนร่าเริงสดใส รวมทั้งตอนเก้อเขินทำตัวไม่ถูก ภาพต่างๆ ผุดขึ้นอย่างต่อเนื่องในห้วงความคิดเซียวยวี่

ยังมีท่าทางตอนนางยิ้มจนคิ้วงามโก่งโค้ง

รอยยิ้มของนางราวกับเป็นคาถาของซุนวู่คงอย่างไรอย่างนั้น พอได้เห็น ก็ทำให้รู้สึกมีความสุข ทิ้งไว้เพียงความเบิกบานใจ ความกังวลหายไปจนสิ้น

เซียวยวี่นอนไม่หลับทั้งคืน

ไม่ว่าจะลืมตาหรือหลับตาก็มีแต่คนผู้นั้น ทำอย่างไรก็ไม่อาจลบเลือน

เซียวยวี่นอนไม่หลับ ทอดถอนใจทีหนึ่ง ถือโอกาสลุกขึ้นมาอ่านตำรา อ่านจนถึงช่วงหลังเที่ยงคืน สุดท้ายก็ฟุบนอนอยู่บนโต๊ะด้วยอาการสะลึมสะลือ

เช้าวันรุ่งขึ้น เซียวยวี่ตื่นตรงเวลา แขนทั้งสองข้างถูกกดทับจนเกิดอาการชา เขาเหยียดกายบิดขี้เกียจก่อนจะลุกขึ้น ช่วงหลายปีที่ผ่านมา ไม่ว่าวันก่อนหน้าจะเข้านอนสายเพียงใด เช้าวันรุ่งขึ้นเขาก็ยังตื่นตรงเวลาเสมอ

จากนั้นจะนอนไม่หลับอีก

เมื่อก่อนต้องดูแลบิดามารดาที่ล้มป่วย ทั้งยังต้องดูแลเด็กเล็กสองคน เขางานยุ่งทั้งวันราวกับลูกข่างก็มิปาน แทบไม่ได้หยุดพัก ไม่มีเวลาไปแตะต้องตำราที่ตัวเองรักที่สุดเลย ในภายหลังเขาจึงบีบให้ตัวเองตื่นแต่เช้า ฟ้ายังไม่สว่างก็ลุกแล้ว อาศัยเวลาเพียงน้อยนิด อ่านตำราอย่างคลุ้มคลั่ง เพื่อซึมซับความรู้

ในภายหลัง เขาจึงติดนิสัยตื่นแต่เช้า ทำมานานหลายปี แก้ไม่ได้แล้ว

เกรงว่าชั่วชีวิตนี้คงแก้ไม่ได้อีก

หลังจากล้างหน้าบ้วนปาก เซียวยวี่จึงไปอ่านตำรา เขาเปิดหน้าต่างไว้ เปิดผ้าม่านโปร่งขึ้นเล็กน้อย ระหว่างอ่านตำราก็คอยมองไปทางหน้าต่างเป็นระยะ เดิมทีคิดว่าจะได้เห็นเงาร่างบอบบางอรชรนั่น แต่รอคอยอยู่นานก็ยังไม่เห็น

ตั้งแต่เขากลับมา จะเห็นเซี่ยยวี่หลัวทุกเช้า เหตุใดเช้านี้ถึงไม่มา?

เซียวยวี่รู้สึกกังวลใจเล็กน้อย วางตำราลง ผลักเปิดประตูออกไปโดยไม่คิดด้วยซ้ำ

นอกห้องเงียบสงบ

เซียวยวี่เดินผ่านห้องของเซี่ยยวี่หลัว ประตูปิดสนิท

เดิมทีหน้าต่างเป็นหน้าต่างเปิดโล่ง แต่ในภายหลังเซี่ยยวี่หลัวกลัวว่าจะไม่ปลอดภัย จึงให้คนตอกแท่งไม้ทรงกลมแท่งเล็กจำนวนหนึ่งไว้ตรงหน้าต่าง ด้านในใช้ผ้าโปร่งสีขาวผืนหนึ่งเย็บปิดไว้ ใช้กันยุงและแมลง มองผ่านผ้าม่านโปร่งสีขาว สามารถมองเห็นภาพด้านในอย่างเลือนลาง

เซี่ยยวี่หลัวยังนอนอยู่บนเตียง จมดิ่งอยู่ในห้วงนิทรา

เซียวยวี่เพ่งมองภาพภายในห้องที่ไม่สามารถเห็นอย่างชัดเจน ไม่รู้เพราะเหตุใด จิตใจที่ว้าวุ่นไม่สงบตั้งแต่เช้า กลับผ่อนคลายลง เขาตวัดริมฝีปากแย้มรอยยิ้ม สาวเท้าเดินไปยังห้องครัว

ขัดหม้อเสร็จ ตักข้าวใส่ เซียวยวี่จุดไฟเริ่มหุงต้มโจ๊ก ทั้งยังหยิบไข่ไก่สี่ฟองออกมาจากตู้ ชะล้างเปลือกไข่จนสะอาดแล้วจึงใส่ลงไปในหม้อต้มพร้อมกัน

หลังจากต้มด้วยไฟแรงจนเดือด ห้องข้างๆ ยังไม่มีเสียงใดๆ ดังขึ้น เซียวยวี่เองก็ไม่รีบ ไม่ได้เรียก เขาลดไฟให้อ่อนลง นำฟืนส่วนเกินที่จุดติดไฟแล้วใส่ไว้ในเตาไฟด้านนอก เติมน้ำลงไปในกระทะเล็กน้อย จากนั้นจึงหิ้วตะกร้า ไปยังสวนหลังบ้านเงียบๆ

พืชผักต่างๆ ในสวนหลังบ้านเจริญเติบโตอย่างอุดมสมบูรณ์ ทั้งพริก มะเขือยาว ถั่วฝักยาว แตงกวา ต่างก็เจริญเติบโตเป็นอย่างดี เซียวยวี่เด็ดแตงกวามาสองผล ก่อนเด็ดพริกและมะเขือยาวมาจำนวนหนึ่ง แล้วจึงกลับเข้าไปในห้องครัว

ล้างผักจนสะอาด เซียวยวี่หั่นแตงกวาเป็นแผ่น หั่นพริกและมะเขือยาวเสร็จแล้ว ตักน้ำร้อนในกระทะด้านนอกออก เริ่มผัดอาหาร

หลังจากบิดามารดาล้มป่วย เรื่องการทำอาหารในบ้านจึงเป็นหน้าที่ของเซียวยวี่ ถือว่าทำได้อย่างช่ำชอง ผ่านไปเพียงครู่เดียว ก็ทำผัดแตงกวา และมะเขือยาวผัดพริกเสร็จ

ผัดอาหารเสร็จแล้ว โจ๊กในหม้อด้านในก็ต้มเสร็จแล้ว น้ำข้าวเข้มข้น แค่สูดดมก็รู้สึกหอมกรุ่น เซียวยวี่ยกอาหารไปวางบนโต๊ะ เตรียมชามกับตะเกียบเสร็จ เห็นบนโต๊ะมีไข่ไก่สี่ฟอง ผัดแตงกวาหนึ่งจาน มะเขือยาวผัดพริกหนึ่งจาน และโจ๊กอีกหนึ่งหม้อใหญ่ เซียวยวี่แย้มรอยยิ้มทีหนึ่ง จากนั้นจึงไปตามคนมา

เดินไปถึงหน้าประตูห้องเซี่ยยวี่หลัว ยกมือขึ้นกำลังจะเคาะประตู เซียวยวี่คิดแล้วคิดอีก ก่อนจะชักมือกลับ ครุ่นคิดครู่หนึ่ง จากนั้นจึงเดินไปหน้าห้องเซียวจื่อเซวียน เคาะประตูโดยไม่มีความลังเลแม้แต่น้อย

เซียวจื่อเซวียนลุกจากเตียง ลืมตาด้วยอาการงัวเงีย หาวพลางถามด้วยความสงสัย “พี่ใหญ่ ท่านจะทำอะไรขอรับ? ”

————————-

เชิงอรรถ

*ฮุยกูเหนียง หรือ สาวน้อยมอมแมม คือชื่อภาษาจีนของ ซินเดอเรลล่า