เล่มที่ 9 บทที่ 253 แตงสุกพร้อมกิน

ทะลุมิติไปเป็นภรรยาชาวสวนของท่านบัณฑิต

เซียวยวี่หาบน้ำกลับมา ย่อมพบว่าเซียวจื่อเซวียนพูดปดเช่นกัน แต่ก็คิดว่าเป็นเพียงการหยอกล้อของเด็ก ดังนั้นเขาจึงไม่ได้เก็บไปใส่ใจ และไม่ได้กล่าวอะไร

แต่เซี่ยยวี่หลัวกล่าวได้ไม่ผิด เด็กนั้นต้องสอนสั่งตั้งแต่วัยเยาว์ ว่าพูดปดไม่ได้

เรื่องที่แม้แต่เซียวยวี่ยังมองข้าม เซี่ยยวี่หลัวกลับทำได้ดีถึงเพียงนี้ เซียวยวี่รู้สึกว่าน้องชายน้องสาวของตนเองอยู่กับเซี่ยยวี่หลัว ต้องได้รับการบ่มเพาะสั่งสอนจากนางเป็นอย่างดีแน่

ไม่รู้จริงๆ ว่าสองพี่น้องที่เมื่อก่อนกลัวนางถึงเพียงนั้น เหตุใดตอนนี้ถึงชื่นชอบนางขนาดนี้! แต่ได้เห็นนางปฏิบัติต่อเด็กสองคนด้วยความจริงใจ จึงเข้าใจว่าที่เด็กสองคนชื่นชอบนาง ก็ถือเป็นปกติ!

อย่าว่าแต่เด็กสองคนเลย แม้แต่เขาเอง…

เซียวยวี่ก้มหน้าเล็กน้อย ตอนได้ยินเซี่ยยวี่หลัวกล่าวว่ามีเซียวจื่อเซวียนปกป้องนาง นางก็ไม่กลัวอะไรอีกแล้ว

นางกลัวอะไร?

ต่อให้นางต้องการคนปกป้อง คนที่จะปกป้องนางก็ไม่น่าจะเป็นเซียวจื่อเซวียนกระมัง? เขายังเด็กถึงเพียงนั้น จะปกป้องผู้อื่นยังต้องรอนานอีกหลายปี

“ข้าเห็นแตงโมในสวนหลังบ้านสุกได้ที่แล้ว ไปกัน พี่สะใภ้ใหญ่จะสอนเจ้าว่าควรคัดแตงโมอย่างไร! ”

เซี่ยยวี่หลัวมีวิธีเอาใจเด็กที่ดีเยี่ยม เมื่อครู่ยังสอนสั่งเซียวจื่อเซวียนอย่างใจเย็นด้วยวาจาหนักอึ้ง เสี้ยววินาทีต่อมา ก็จะสอนเขาคัดแตงโม ความเปลี่ยนแปลงเช่นนี้ ไม่ว่าเป็นใครก็ย่อมต้องยอมรับอย่างมีความสุข

เซียวจื่อเซวียนยิ้มออกมาทันที สภาพจิตใจเบิกบานขึ้นไม่น้อย กล่าวด้วยท่าทางดีอกดีใจ “ขอรับ! ”

เซียวยวี่ถอยออกด้านข้างเล็กน้อย เซี่ยยวี่หลัวจูงมือเซียวจื่อเซวียนไปยังสวนหลังบ้าน ไม่เห็นเซียวยวี่ที่หลบอยู่ในห้องครัว

เขาหรี่ตามองดูโอ่งน้ำ ในใจเกิดความรู้สึกที่ยากจะบรรยาย

เซี่ยยวี่หลัวปลูกแตงโมไว้ไม่น้อย ตอนนี้ออกผลลูกเล็กลูกใหญ่ยี่สิบกว่าลูก ขนาดต่างกันไป ลูกใหญ่ที่สุดตอนนี้มีขนาดใหญ่เท่าศีรษะของผู้ใหญ่แล้ว เซี่ยยวี่หลัวสอนวิธีดูแตงโมสุกให้เซียวจื่อเซวียน

นางใช้ฝ่ามือตบไปบนแตงโม แตงโมลูกใหญ่สุดส่งเสียง “ป๊อกป๊อกป๊อก” ดังขึ้น เซี่ยยวี่หลัวแสดงสีหน้ายินดี ก่อนกล่าวกับเซียวจื่อเซวียน “เจ้าลองมาตบดู”

เซียวจื่อเซวียนลองตบ

“ได้ยินเสียงอะไรหรือไม่? ”

“มีเสียงป๊อกป๊อกป๊อกขอรับ”

“เช่นนั้นเจ้าลองตบลูกนี้ดู! ” เซี่ยยวี่หลัวชี้ไปทางแตงโมข้างๆ ที่ลูกเล็กกว่าเล็กน้อย

“รู้สึกถึงความแตกต่างหรือไม่? ”

“รู้สึกได้ขอรับ ลูกหนึ่งเสียงป๊อกป๊อกป๊อก อีกลูกหนึ่งเสียงปึ้กปึ้กปึ้ก ไม่เหมือนกันขอรับ! ” เซียวจื่อเซวียนลองตบอีกครั้ง หลังจากมั่นใจแล้วจึงกล่าว

เซี่ยยวี่หลัวชูนิ้วโป้งด้วยท่าทางตื่นเต้น “ฉลาดจริงๆ สอนทีเดียวก็เข้าใจแล้ว ข้าจะบอกให้ แตงโมเสียงดังป๊อกป๊อกป๊อก แสดงว่าแตงโมสุกแล้ว เสียงปึ้กปึ้กปึ้กคือยังไม่สุก อีกสองวันถึงจะสุก”

เซียวจื่อเมิ่งได้ยินว่าแตงโมสุกแล้ว จึงกล่าวเสียงใสด้วยท่าทางราวกับน้ำลายจะไหลแล้ว “พี่สะใภ้ใหญ่ แตงโมนี่สุกแล้วจริงหรือเจ้าคะ? กินได้แล้วหรือเจ้าคะ? ”

“กินได้แล้ว จื่อเซวียน รีบเด็ดมา ข้าจะหั่นแตงโมให้พวกเจ้ากิน! ” เซี่ยยวี่หลัวก็กลืนน้ำลายอย่างอดไม่ได้ นางเองก็อยากกินเช่นกัน

เซียวจื่อเซวียนเด็ดแตงโม เซี่ยยวี่หลัวรีบนำไปล้าง เซียวจื่อเซวียนนำมีดมาแล้ว

ลวดลายสีเขียวบนเปลือกแตงโมดูสะดุดตายิ่งนัก เซี่ยยวี่หลัวจับมีดขึ้น ก่อนวางลง

เซียวจื่อเมิ่งจ้องตาเป็นมัน “พี่สะใภ้ใหญ่ เหตุใดถึงไม่หั่นเจ้าคะ? ”

“ไปตามพี่ใหญ่ของเจ้ามากินด้วยกัน! ” เซี่ยยวี่หลัวกล่าว

คนมากันครบแล้ว เหลือเซียวยวี่คนเดียวที่ยังไม่มา เด็กเหล่านี้ไม่เคยกินแตงโมมาก่อน เห็นพวกเขาจ้องแตงโมตาเป็นมัน อย่างไรก็ต้องมีส่วนของเซียวยวี่ด้วย

เซียวจื่อเซวียนพุ่งพรวดออกไป “ข้าจะไปตามพี่ใหญ่ขอรับ”

เซี่ยยวี่หลัววางมีดลง รอให้เซียวยวี่มาแล้วค่อยหั่น

ไม่นานเซียวยวี่ก็มา เซี่ยยวี่หลัวเห็นว่าเขามาแล้ว จึงจับมีดขึ้น หั่นแตงโมจากตรงกลาง แบ่งเป็นสองส่วน เนื้อแตงโมสีแดงส่งกลิ่นหอมเข้มข้น แตงโมที่เติบโตตามธรรมชาติ ไม่ฉีดสารให้ความหวานและสารเร่งโต ใช้เพียงปุ๋ยคอก ช่างหอมเสียจริง!

เซี่ยยวี่หลัวแทบน้ำลายไหล

เซียวจื่อเมิ่งดีอกดีใจจนกระโดดโลดเต้น “ได้กินแตงโมแล้ว ได้กินแตงโมแล้ว”

แตงโมไม่ใหญ่ เปลือกก็หนามาก เซี่ยยวี่หลัวหั่นแบ่งแตงโมครึ่งลูกออกเป็นสองส่วน จากนั้นจึงหั่นเป็นชิ้นให้มีความหนาใกล้เคียงกัน

หั่นเสร็จครึ่งลูก เซี่ยยวี่หลัวจึงหยิบสองชิ้นที่อยู่ตรงกลางยื่นส่งให้เซียวจื่อเซวียนและเซียวจื่อเมิ่ง “รีบชิมดูว่าหวานหรือไม่! ”

เดิมทีเด็กสองคนยังคิดจะรอ แต่พวกเขาไม่เคยกินเจ้าสิ่งนี้มาก่อน กลิ่นหอมของแตงโมทำให้พวกเขาอยากกินจนน้ำลายสอ เห็นพี่สะใภ้ใหญ่หยิบให้พี่ใหญ่หนึ่งชิ้น เด็กสองคนจึงไม่รออีก อ้าปากกัดกินทันที

เนื้อแตงโมสีแดง พอกัดลงไปน้ำแตงโมก็ไหลเต็มปาก ทั้งหอมทั้งหวาน

เด็กสองคนกัดกินอย่างมีความสุข กัดคำแล้วคำเล่า ไม่มีแก่ใจจะกล่าวอะไรอีก

เซียวยวี่หยิบขึ้นมาหนึ่งชิ้น ไม่ได้กิน รอเซี่ยยวี่หลัววางมีดลง และหยิบขึ้นมาหนึ่งชิ้น ก่อนกัดหนึ่งคำ เซียวยวี่จึงกิน

เมื่อก่อนเขาเคยกินแตงโม ในช่วงฤดูร้อน ท่านพ่อท่านแม่จะซื้อแตงโมมาหนึ่งถึงสองลูก หั่นให้เขากิน เพียงแต่ เวลาผ่านไปเนิ่นนาน นานจนเขาแทบจะลืมไปแล้วว่าแตงโมมีรสชาติอย่างไร

จำได้เพียงแค่ว่าเหมือนจะหวานมาก!

แต่แตงโมในมือตอนนี้หวานยิ่งกว่า หวานเหมือนได้กินน้ำผึ้งก็มิปาน

เซี่ยยวี่หลัวกัดแตงโมหนึ่งคำ ความจริงแตงโมนี่ไม่อร่อยมากนัก ไม่อาจเทียบกับแตงฉีหลิน*ในยุคปัจจุบัน ทั้งความหวานและรสสัมผัสถือว่าทั่วไป แต่เซี่ยยวี่หลัวมาที่นี่นานถึงเพียงนี้ ยังไม่เคยกินผลไม้จริงๆ ตอนนี้ได้กินแตงโม จึงรู้สึกเหมือนได้กินอาหารโอชารส

ถึงอย่างไรก็หวานมาก

เซียวจื่อเซวียนและเซียวจื่อเมิ่งกัดกินจนถึงเปลือกแตงโม เซี่ยยวี่หลัวเห็นเข้า จึงยิ้มพร้อมกล่าว “แตงโมมีแต่เนื้อสีแดงที่กินได้ เปลือกแตงโมสีขาวด้านล่างกินไม่ได้”

“มิน่าล่ะส่วนด้านล่างถึงไม่หวาน! ” เซียวจื่อเซวียนกล่าวด้วยความรู้สึกเสียดาย “แต่ยังเหลือมากขนาดนี้ กลับกินไม่ได้ น่าเสียดายเหลือเกิน! ”

เปลือกแตงโมหนามาก ทิ้งไปทั้งอย่างนี้ ช่างน่าเสียดายนัก

เซี่ยยวี่หลัวยิ้ม “เสียดายทำไม อย่าทิ้งเปลือก พรุ่งนี้พี่สะใภ้ใหญ่จะทำอาหารอร่อยให้พวกเจ้ากิน! ”

เซียวจื่อเซวียนได้ยินว่าจะมีของอร่อย ก็ยิ้มอย่างเบิกบานใจ วางเปลือกแตงโมไว้ในตะกร้า หยิบแตงโมขึ้นมาอีกหนึ่งชิ้น กินคำโตทันที

แตงโมลูกใหญ่ ทั้งสี่คนแบ่งกันกินจนหมดเกลี้ยง

เด็กสองคนลูบท้องกลมโต พร้อมเรอด้วยความอิ่ม ยังรู้สึกไม่หนำใจ “พี่สะใภ้ใหญ่ เมื่อไรพวกเราถึงจะได้กินแตงโมอีก? ”

“เจ้าลองไปตบดูทุกวัน สุกเมื่อไรพวกเราก็กิน! ” เซี่ยยวี่หลัวเก็บเปลือกแตงโมทั้งหมดไว้ในตะกร้า บนโต๊ะยังมีคราบน้ำแตงโมอยู่ไม่น้อย กำลังคิดจะไปหยิบผ้าเช็ดโต๊ะมาจากห้องครัว เซียวยวี่ก็หยิบมาให้แล้ว

วางไว้บนโต๊ะ เซี่ยยวี่หลัวกำลังจะเอื้อมมือไปรับ เซียวยวี่กลับก้มตัว เช็ดโต๊ะจนสะอาดอย่างคล่องแคล่ว จากนั้นจึงนำผ้าเช็ดโต๊ะกลับเข้าห้องครัว

เซี่ยยวี่หลัวตามอยู่ด้านหลัง หิ้วเปลือกแตงโมครึ่งตะกร้ามาด้วย

————————-

เชิงอรรถ

*แตงฉีหลิน เป็นพันธุ์แตงโมชนิดหนึ่งที่นิยมปลูกในแถบไห่หนานและเวินโจว มีรสหวานและรสสัมผัสดีเป็นพิเศษ