“หากข้าเป็นเจ้า ข้าจะสั่งให้ลูกน้องหยุดอยู่กับที่และห้ามขยับเขยื้อน”
มีเพียงหลินเมิ้งหยาคนเดียวที่ยังคงสงบนิ่ง
คนอื่นๆ นอนดิ้นพราดอยู่บนพื้น เสียงร้องครวญครางอย่างน่าเวทนาดังระงมจนทำให้บรรยากาศทั้งป่าผิดปกติ
“นี่คืออะไร? เจ้าทำอะไรกันแน่?”
แม้จะเป็นคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่ง แต่เมื่อต้องเจอกับศัตรูที่ไม่รู้จัก เขาอดที่จะหวาดกลัวไม่ได้
“ข้าไม่ได้ทำอะไรเสียหน่อย พวกเจ้าต่างหากที่เข้ามายุ่งกับข้าก่อน ฉะนั้นนี่คือสิ่งตอบแทนที่ข้ามอบให้”
ร่องรอยของความสนุกสนานปรากฏขึ้นในแววตาของหลินเมิ้งหยา
รอยยิ้มมีเลศนัยปรากฏบนใบหน้า บรรยากาศยามรุ่งสางท่ามกลางหมู่มวลแมกไม้ทำให้นางดูเหมือนปีศาจแห่งพงไพรอย่างไรอย่างนั้น
“เจ้านั่นแหละที่ทำ!”
เห็นได้ชัดว่าชายชุดดำไม่เคยเจอเหตุการณ์เช่นนี้มาก่อน เขาไม่รู้กระทั่งวิธีการที่นางใช้
“เพียะ” เสียงดังขึ้น บนใบหน้าขาวนวลของหลินเมิ้งหยาปรากฏรอยนิ้วทั้งห้า
นางหันหน้ากลับมา ริมฝีปากนิ่มมีคราบเลือดสีแดงสดติดอยู่ที่มุมปาก ทว่าหลินเมิ้งหยายังคงมองชายตรงหน้าอย่างดูแคลน
“แม้แต่ผู้หญิงก็ยังทำร้ายได้ ไอ้คนชั่ว!”
ดวงตาสั่นไหว ดาบของชายชุดดำซึ่งถูกชโลมไปด้วยเลือดวาดตรงไปแนบลำคอของหลินเมิ้งหยา
เสียงร้องโหยหวนดังขึ้นเรื่อยๆ ชายชุดดำที่ถูกทรมานหมดความอดทน เขาส่งเสียงเย็นชา
“ข้าว่าเจ้าทำตัวดีๆ จะดีกว่า มิเช่นนั้นอย่าหาว่าข้าไม่เตือน”
เลือดที่ติดอยู่บนดาบส่งกลิ่นเหม็นคาว
หลินเมิ้งหยาจ้องหน้าของชายชุดดำนิ่ง ท่าทางไม่เหมือนคนที่กำลังถูกจับตัว
“หากเคียดแค้นก็จงฆ่าข้าเสียเถิด แต่ทั้งเจ้าและพวกเขาจะต้องตายอยู่ที่นี่เป็นเพื่อนข้า!”
สถานการณ์พลิกผัน ตอนนี้หลินเมิ้งหยาเปรียบเสมือนแมวส่วนคนเหล่านั้นมิต่างอะไรจากหนู
ไม่ว่าใครก็คิดไม่ถึง คำพูดนั้นของหลินเมิ้งหยาควรเป็นพวกเขาต่างหากที่ต้องพูด…มิใช่หรือ?
“เจ้าคิดหรือว่าเจ้าจะหนีรอดออกไปได้? แต่ถ้าหากฆ่าพวกพ้องของเจ้าจนหมด เช่นนั้นก็นับว่าข้ามิได้ขาดทุนอันใดเลย”
ก่อนออกมาปฏิบัติภารกิจ หัวหน้ากำชับแล้วว่าอย่าประมาทหลินเมิ้งหยา
คิดไม่ถึงเลยว่าสุดท้ายชีวิตของพวกเขาจะอยู่ในกำมือของนาง
แต่ถึงกระนั้น นางกลับมีเรื่องที่ยังห่วงอยู่
ผลปรากฏว่าดวงตาของหลินเมิ้งหยาสั่นไหว ท่าทางไม่ได้แข็งกร้าวเหมือนเมื่อครู่
“ได้ เช่นนั้นเจ้าจงหยุดมือ ข้าจะไว้ชีวิตพวกเขา”
ตอนนี้ทั้งสองฝ่ายตกอยู่ในภาวะตึงเครียด หลังจากที่ชายชุดดำครุ่นคิดดูแล้ว เขาจึงเก็บดาบ
“หากเจ้าไปกับข้า ข้าจะปล่อยพวกเขาไป”
ไร้ยางอาย! หลินเมิ้งหยาน่ะหรือจะเสียเปรียบ นางกลอกตาก่อนจะเอ่ยเยาะ
“ฝันไปเถอะ! คิดหรือว่าเจ้าจะฆ่าพวกเขาได้? ตอนนี้เจ้าไม่รู้สึกคันบ้างหรือ?”
ในที่สุดหลินเมิ้งหยาก็เผยสีหน้าประหนึ่งหมาป่าจอมเจ้าเล่ห์ เมื่อครู่เป็นเพียงการเจรจาหลอกล่อเท่านั้น นางไม่คิดจะปล่อยพวกเขาไปแม้แต่คนเดียว
นางเพียงแค่พยายามยื้อเวลาเพื่อให้ยาออกฤทธิ์ก็เท่านั้น
แม้แต่ชายชุดดำสองคนข้างๆ นางก็เริ่มแสดงอาการออกมาแล้ว
หากนางไม่พูด ชายคนนั้นคงไม่รู้สึก
อาการคันแล่นพล่านไปทั่วทั้งร่าง
แม้แต่จะทรงตัวอยู่ยังทำไม่ได้
คิดจะใช้กำลังภายในหยุดยั้ง แต่อาการคันหาใช่สิ่งที่กำลังภายในจะหยุดยั้งเอาไว้ได้
“อยู่นิ่งๆ เถิด เพื่อคนเจียงหูอย่างพวกเจ้าแล้ว ข้าศึกษายาเหล่านี้มาโดยเฉพาะ ยาเหล่านี้ล้วนมีประสิทธิภาพในการทำลายระบบในร่างกายของพวกเจ้า พูดได้ว่ากำลังภายในหรือแม้แต่วิชาการต่อสู้ต่างๆ ของพวกเจ้าก็ไม่อาจทำอะไรได้”
นางสะบัดตัวออกจากการเกาะกุมของชายชุดดำทั้งสองด้วยท่าทางสบายๆ
หลินเมิ้งหยาใช้ฟันกัดเชือกจนหลุด
เหตุเพราะยาชนิดนี้ยังอยู่ในขั้นตอนการทดลอง นางจึงไม่กล้านำออกมามาใช้สุ่มสี่สุ่มห้า
คิดไม่ถึงเลยว่าประสิทธิภาพจะดีขนาดนี้
“พระชายา…พระชายา….ท่านไม่เป็นอะไรใช่หรือไม่?”
หลินขุยที่มีสีหน้าเป็นกังวลวิ่งปรี่เข้ามาหานาง แต่กลับพบว่าชายชุดดำทั้งหมดต่างนอนเกลื่อนกลาดอยู่บนพื้น
บริเวณรอบๆ เหล่าชายชุดดำที่ล้มลงบนพื้นก่อนแล้ว ล้วนไร้ซึ่งลมหายใจ
หากมองให้ดีจะเห็นว่าบนร่างกายของคนเหล่านั้นเต็มไปด้วยรูเล็กๆ
ร่างกายของพวกเขาถูกแมลงบางอย่างกัดจนเป็นรูพรุน
อีกเพียงไม่ถึงสามชั่วโมง คนเหล่านี้จะกลายเป็นซากศพเน่าเหม็น
“อย่าเข้ามา!”
หลินเมิ้งหยาร้องห้ามหลินขุย แมลงมีพิษไม่เลือกว่ามิตรหรือศัตรู
ที่ตัวนางมียาป้องกันแมลงเหล่านี้อยู่ นางจึงไม่กลัวแมลงเหล่านี้
เดินอ้อมชายชุดดำเหล่านั้นอย่างระมัดระวัง หลินเมิ้งหยาเดินเข้าไปหยุดยืนตรงหน้าหลินขุย
มองดูร่างกายที่ถูกแมลงกัดแทะ หลินเมิ้งหยาอดที่จะรู้สึกตกตะลึงไม่ได้
ท่านอาจารย์เก่งกาจยิ่งนัก เพราะเหตุนี้ตอนที่มอบขวดบรรจุยาหมื่นพิษพันอสูรมาให้นาง เขากำชับว่านางจะต้องพกยากันแมลงปี้ฉงตานอยู่เสมอ
“พระชายา นี่คือ…”
อาศัยอยู่ในจวนมานาน ล้วนเห็นเหตุการณ์ฆ่าฟันกันมาอย่างมากมาย ทว่านี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้เห็นเหตุการณ์แปลกประหลาดเช่นนี้
ตกใจจนอกสั่นขวัญแขวน ลอบมองพระชายาที่อยู่ข้างกายนิ่ง
เพราะเหตุนี้คนในจวนต่างพากันเอ่ยว่าพวกเขายอมทำผิดต่อพระพุทธเจ้าดีกว่าทำให้พระชายาต้องขุ่นเคืองพระทัย
“ไม่มีอะไรหรอก ข้าเพียงแค่วางยาพิษเท่านั้น จริงสิ ทางฝั่งนั้นเป็นเช่นไร?”
คิ้วของหลินขุยขมวดเข้าหากัน ก่อนจะเอ่ยตอบ
“มือลอบสังหารถูกพวกเราจัดการเรียบร้อยแล้วพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมจะตามท่านอ๋องมาเดี๋ยวนี้ พระชายาได้โปรดรอสักครู่”
ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดนางจึงรู้สึกว่าหลินขุยที่เคยทำตัวสนิทสนมกับนางจึงพยายามรักษาระยะห่างเอาไว้
บางทีอาจเพราะเหตุการณ์เมื่อครู่กระมัง
คิดไปคิดมาสุดท้ายหลินเมิ้งหยาเลือกไว้ชีวิตชายชุดดำคนนั้นเอาไว้
แต่เพราะพวกเขาถูกวางยาที่มีประสิทธิภาพรุนแรง ดังนั้นอาการคันจึงเกาะกินที่หัวใจ หลินเมิ้งหยาไม่มีทางเลือก นางจึงป้อนยาเหมิงฮั่นที่มีฤทธิ์รุนแรงเช่นกันเพื่อถอนพิษ
“พี่สาว”
“เจ้าเด็กน้อย”
คนแรกที่มาถึงคือสองหนุ่มที่สนิทสนมกับนางที่สุด…หลินจงอวี้และชิงหู
แม้ร่างกายของพวกเขาจะได้รับบาดเจ็บ แต่สติสัมปชัญญะยังคงครบถ้วน
กวาดสายตาสำรวจนางขึ้นลง เหตุเพราะกลัวนางจะได้รับบาดเจ็บ
“ไอ้….! ใครมันกล้าตบหน้าเจ้าเด็กน้อยของข้า! เหยียจะไปเอาชีวิตมัน!”
หลังจากได้เห็นรอยนิ้วมือบนใบหน้าของหลินเมิ้งหยา ชิงหูอดไม่ได้ที่จะระเบิดอารมณ์พร้อมทั้งสบถหยาบคาย
ทุกคนล้วนพูดว่าไม่ควรตบตีหน้าผู้อื่น ยิ่งไปกว่านั้นใบหน้าของเจ้าเด็กน้อยงดงามดั่งหยก นางมีความน่ารักและฉลาดเฉลียว
แต่กลับมีผู้ชายลงมือตบหน้านาง สารเลวจริงๆ!
“พอแล้ว วางใจเถิด ข้าสั่งสอนเขาไปแล้ว รับรองว่าเขาไม่กล้าทำอีกแน่นอน”
นางไว้ชีวิตชายคนนี้เอาไว้เพราะเชื่อว่าเขาไม่มีทางที่จะมีโอกาสทำร้ายนางได้อีกอย่างแน่นอน
ด้านนอกชายป่า หลงเทียนอวี้ได้รับรายงานจากหลินขุยแล้ว
คิดไม่ถึงเลยว่าหลินเมิ้งหยาจะพกยาพิษติดตัวเอาไว้
“วิธีการแยบยลยิ่งนัก! เท่าที่ฟังเจ้าพูด แสดงว่าคุณหนูสกุลหลินน่าจะมียาพิษที่ป๋ายหลี่รุ่ยสร้างขึ้นพกติดตัว พี่สาม ข้าเคยได้ยินอาจารย์พูดว่าป๋ายหลี่รุ่ยเป็นผู้คิดค้นยาหมื่นพิษพันอสูร แต่ไหนแต่ไรมาเขาไม่เคยมอบให้ใคร แม้แต่ป๋ายหลี่อู๋เฉินที่เป็นหลานเองก็ไม่เคยได้รับ พระชายาของท่านโชคดีจริงๆ แต่ถ้าหากมีของเช่นนี้อยู่ติดตัว เหตุใดต้องปล่อยให้พวกเราต้องเหนื่อยกับการต่อสู้ด้วยเล่า”
หลงชิงหานเอ่ยปากตำหนิหลินเมิ้งหยา
นางมียาพิษ ย่อมต้องมียาถอนพิษ
หากนางนำมันมาใช้เร็วกว่านี้ พวกเขาคงไม่ต้องเสียกำลังคนไปมากมาย
“ของของนาง นางย่อมรู้ดีว่าควรนำมาใช้เมื่อไหร่ เอาล่ะ เลิกพูดได้แล้ว”
หลงเทียนอวี้ย่อมรู้ความหมายที่หลงชิงหานต้องการจะสื่อดี ส่วนหลินเมิ้งหยา เขาเชื่อว่านางต้องมีเหตุผล
“พี่สาม ในเมื่อนางเป็นชายาของท่าน เช่นนั้นทุกสิ่งทุกอย่างของนางก็ย่อมเป็นของท่าน!”
สิ่งที่หลินเมิ้งหยามีล้วนเป็นของที่อยู่นอกเหนือความคาดหมายจากทุกคน
หากมองข้ามเรื่องที่นางเป็นบุตรสาวของเจิ้นหนานโหวไป นางมีความสามารถด้านยาพิษอย่างเหลือเชื่อ
ทว่าไม่รู้ว่าพี่สามกำลังคิดอะไรอยู่ เขาไม่ยอมใช้ประโยชน์จากนาง
สำหรับเขาแล้ว มันสูญเปล่าสิ้นดี
“ข้าบอกแล้วไงว่าอย่าไปยุ่งกับนาง”
หลงเทียนอวี้ปรายสายตาเย็นชามายังหลงชิงหานเพื่อเป็นการเตือน
“หากมีหมากแต่ไม่ยอมเดิน เช่นนั้นมันก็เป็นเพียงหมากไร้ประโยชน์ พี่สาม ท่านตามใจนางเกินไปแล้ว หรือว่าท่านจะ…”
ตั้งแต่เด็กจนโต หลงชิงหานไม่เคยเห็นหลงเทียนอวี้ปฏิบัติอย่างอ่อนโยนกับหญิงใดมาก่อน
แม้แต่กับพระสนมเต๋อเฟยยังแสดงออกเพียงความเคารพ
ตอนแรกเขาคิดว่าพี่สามคงมองว่าหลินเมิ้งหยาเป็นหมากตัวหนึ่งแต่เพียงเท่านั้น
แต่จนกระทั่งตอนนี้เขากลับมองไม่เห็นว่าหลินเมิ้งหยามีประโยชน์อย่างไร
ยิ่งไปกว่านั้น พี่สามมักจะตกอยู่ในอันตรายเพราะนางเสมอ
คนในราชวงศ์ไม่ควรมีความจริงใจต่อกัน หากเป็นเช่นนั้นจริง เขาจำเป็นต้องกำจัดหลินเมิ้งหยาก่อนที่พี่สามจะหลงนางจนหัวปักหัวปำ
“เจ้าอย่าได้พยายามคาดเดาเรื่องของข้า อีกอย่าง…หากเจ้ากล้าทำอะไรนางแล้วล่ะก็ ข้าจะถือว่าเจ้าเป็นคนทรยศ”
หลงเทียนอวี้เดินผ่านหน้าเขาไป ทว่าน้ำเสียงเย็นชากลับทำให้หลงชิงหานชะงักอยู่กับที่
มองตามหลงเทียนอวี้ที่เดินลับหายไป หลงชิงหานกำดาบในมือแน่น
ผู้ชายคนนี้คือพี่สามจริงหรือ?
ภายในป่าสิ้นเสียงการต่อสู้แล้ว
หลินเมิ้งหยาถูกชิงหูและหลินจงอวี้ประกบไว้ตรงกลาง หางตาพลันเหลือบเห็นหลงเทียนอวี้
รีบวิ่งออกไป นิ้วมือเรียวยาวชี้ไปทางกลุ่มชายชุดดำ
“คนพวกนั้นถูกหม่อมฉันวางยา อาจจะมีชีวิตอยู่ได้อีกไม่นาน หม่อมฉันเก็บพวกเขาเอาไว้คนหนึ่ง พระองค์สามารถคุมขังเพื่อไต่สวนได้เพคะ”
ตอนแรกนางคิดว่าจะได้รับความเห็นชอบจากหลงเทียนอวี้
แต่คิดไม่ถึงเลยว่าเมื่อเขาหันมามองนางแล้วเขาจะทำเพียงพยักหน้า
“หลินขุย เจ้าจงจับตัวเขาไปคุมขัง”
หลงเทียนอวี้เดินผ่านหลินเมิ้งหยา ก่อนจะหยุดยืนตรงหน้ากลุ่มชายชุดดำ
แม้เวลาจะผ่านไปเพียงไม่นาน แต่พวกเขากลับตายไปแล้วเกินครึ่ง
คนจำนวนมากพยายามเกลือกกลิ้งไปมา
แมลงมีพิษจำนวนมากบินขึ้นบินลง มุดตัวเข้าหาร่างกายของพวกชายชุดดำแล้วกัดกิน
“ช้าก่อน พวกเจ้ากินยาถอนพิษนี่ก่อน มิเช่นนั้นจะถูกพวกแมลงมีพิษโจมตีเอาได้”
บนร่างกายของคนเหล่านั้นเต็มไปด้วยยาพิษ
หากเผลอไปสัมผัสเข้าจะต้องถูกพิษเล่นงานเป็นแน่