สีหน้าของชิงหูเปี่ยมไปด้วยความสงสัย
นักฆ่ามีสัญชาตญาณในการระวังภัยเป็นดั่งพรสวรรค์ ทุกสถานที่ที่เงียบสงัดล้วนมีแผนร้ายแฝงอยู่
เขาแอบขี่ม้ารั้งท้าย ก่อนจะผลุบหายเข้าไปบริเวณต้นไม้ด้านข้างโดยไม่มีใครสงสัย
หากเป็นเพียงอันธพาลกลุ่มเล็กๆ เขาลอบจัดการด้วยตัวคนเดียวก็เพียงพอ
คนทั้งหมดยังคงมุ่งไปข้างหน้า ทว่าหัวใจของหลินเมิ้งหยากลับรู้สึกกระวนกระวาย
นางชำเลืองมองหลงเทียนอวี้ แต่ทำได้เพียงกลืนความสงสัยลงไป
เหตุใดหญ้าชิงหลิงจึงถูกนำไปใช้กับฮ่องเต้? สมุนไพรชนิดนี้ใช้ได้ผลกับอาการโดนวางยาเท่านั้น นางมิเคยได้ยินมาก่อนว่ามันได้ผลดีในการบำรุงร่างกาย
ยิ่งไปกว่านั้น ทุกครั้งที่อาจารย์พูดถึงยาสมุนไพรชนิดนี้ เขามักบอกเสมอว่ามันใช้ได้ดีกับการถอนพิษ
บางทีนางกับอาจารย์อาจเป็นเพียงกบในกะลา
ถึงอย่างไรฮ่องเต้ก็มีความสำคัญเป็นอันดับหนึ่งต่อบ้านเมือง เรื่องนี้ค่อนข้างใหญ่หลวง หากไม่มีหลักฐานก็ไม่ควรพูด
“จับให้แน่น”
สีหน้าของหลงเทียนอวี้ยิ่งเคร่งเครียดขึ้นเรื่อยๆ
ครู่ต่อมา หลินเมิ้งหยากอดคอม้าเอาไว้แน่น
เห็นเพียงม้าที่พวกเขาขี่อยู่ยกขาหน้าแล้วกระโดดขึ้นสูง
ม้าที่กระโดดตามหลังไม่เก่งเท่าม้าของหลงเทียนอวี้ จึงล้มลงบนพื้น
เหล่าทหารได้รับบาดเจ็บกันหลายคน
“รั้วหนาม! เหตุใดจึงมีสิ่งนี้?”
หลงเทียนอวี้บังคับม้าให้หยุดลง กวาดสายตาเย็นชาไปรอบๆ
เขาคาดเดาไว้อยู่แล้วว่าการมาเก็บยาในคราวนี้จะต้องไม่ราบรื่น แต่คิดไม่ถึงเลยว่าเพียงออกมาได้ไม่นานจะถูกโจมตีเช่นนี้
“มีการซุ่มโจมตี ทุกคนระวังตัว!”
หัวหน้าทหารรีบส่งสัญญาณ
พวกเขาล้วนเป็นทหารที่ออกรบมาเป็นร้อยครั้ง ดังนั้นจึงรู้จักกลอุบายเช่นนี้ดี
“ปกป้องคุณหนูใหญ่ให้ดี คนอื่นๆ แยกย้ายกันค้นหา”
ทิ้งคนจำนวนมากไว้ปกป้องดูแลหลินเมิ้งหยา เหล่าทหารยอดฝีมือรีบกระจายกำลังออกไป
“อย่าออกห่างจากข้าเป็นอันขาด”
หลงเทียนอวี้หยิบดาบขึ้นมา สีหน้าเคร่งขรึม
“อา…ระวัง!”
ทหารที่ออกไปตรวจค้นตะโกนร้องเตือนดังลั่น
แม้สีหน้าของหัวหน้าทหารจะเจ็บปวดอย่างสุดซึ้ง ทว่าพริบตาเดียวพลันเปลี่ยนเป็นโกรธแค้น
แม้พวกเขาพร้อมเผชิญความตายอยู่ทุกเมื่อ แต่ถึงกระนั้นพวกเขาก็ต้องล้างแค้นให้สหาย
“ทหารกล้าทั้งหลาย ต่อให้ตายก็ต้องปกป้องคุณหนูใหญ่ให้ได้!”
พวกเขาเป็นทหารของสกุลหลิน ดังนั้นจึงยอมสละชีพเพื่อหลินมู่จือและหลินหนานเซิง
ภายในป่ามีเงาดำมากมายโจนทะยานอยู่บนต้นไม้
บรรยากาศนิ่งเงียบ ทว่าฝีเท้าของเขากลับรวดเร็วอย่างน่าประหลาด
แม้หลินเมิ้งหยาจะไร้ซึ่งวิทยายุทธ์ แต่นางรู้ได้ว่าวันนี้พวกเขากำลังเผชิญกับอันตรายใหญ่หลวง
“ทหารของสกุลหลินล้วนมีความสามารถ การออกรบเพื่อฆ่าศัตรูคือสิ่งที่พวกเจ้าควรทำ วันนี้ข้าต้องการเพียงผู้หญิงคนนั้น คนอื่นๆ ข้าพร้อมที่จะไว้ชีวิต”
หัวหน้าของกลุ่มชายชุดดำส่งเสียงแหบแห้ง ทว่าความเย็นชากลับแผ่กระจาย
เป้าหมายของพวกเขาคือหลินเมิ้งหยา แต่ทหารทั้งหมดกลับไม่ยอมขยับ
จ้องมองกลุ่มชายชุดดำด้วยสายตาเย็นชาอย่างไม่กลัวเกรง
“ฆ่า!”
เมื่อเห็นว่าโน้มน้าวไม่ได้ผล เหล่าชายชุดดำจึงหมดความอดทน
หลังจากออกคำสั่ง ชายชุดดำมากมายเข้ามาล้อมพวกเขาเอาไว้
เหล่าทหารหาญมิเอ่ยสิ่งใด จับอาวุธของตัวเองให้มั่นแล้วพุ่งตัวออกไปปะทะ
ชั่วขณะนี้ เสียงฟาดฟันของดาบพลันดังขึ้น กลิ่นคาวเลือดคละคลุ้งไปทั่วทั้งผืนป่า
“ท่านอ๋องรีบไปเร็วเข้า”
หลงเทียนอวี้ยังคงขวางหน้าหลินเมิ้งหยาเอาไว้ ทว่าหลินเมิ้งหยาอยากให้หลงเทียนอวี้ไปก่อน
แม้แต่เหล่าทหารของสกุลหลินยังต้องเสียแรงอย่างมาก เกรงว่าคราวนี้นางจะประสบโชคร้ายมากกว่าโชคดี
“ไม่ต้องห่วง”
ออกแรงต้านชายชุดดำที่พุ่งเข้ามา ฝีมือการต่อสู้ของพวกเขาทำให้หลงเทียนอวี้รู้สึกยุ่งยาก
มองคนเหล่านั้นด้วยสายตาเย็นชา คิดอยากตรวจสอบตัวตนของชายชุดดำ แต่กลับพบว่าคนเหล่านี้ไม่เหมือนคนที่เขาเคยเจอมาก่อน
ครุ่นคิด บางทีคนเหล่านี้อาจจะเป็นพวกเดียวกันกับคนที่ลอบสังหารหลินหนานเซิง
แต่เพราะความกล้าหาญของเหล่าทหารสกุลหลิน ดังนั้นทหารเหล่านี้จึงเอาตัวรอดได้
“จับตัวหลินเมิ้งหยาเอาไว้ ต่อให้ตายก็ต้องเอาตัวนางมาให้ได้”
เป้าหมายของพวกเขาคือหลินเมิ้งหยา
ดังนั้นหลงเทียนอวี้และหลินจงอวี้ซึ่งกำลังปกป้องนางต้องออกแรงมากขึ้น
มือกุมมีดด้ามสั้นที่พี่ชายมอบให้เอาไว้แน่น
หากนางถูกจับตัวได้แล้วล่ะก็ นางยอมตายดีกว่าปล่อยให้คนเหล่านี้มีโอกาสเอาตัวนางมาข่มขู่
“เจ้าอยู่ที่นี่ จำเอาไว้ ตั้งสติให้มั่น”
ดันตัวหลินเมิ้งหยาเข้าไปหลบในพุ่มไม้ หลงเทียนอวี้หมุนตัวเข้าไปโจมตีศัตรู
เมื่อเห็นว่าเหล่าชายชุดดำยังคงพุ่งตัวเข้าหาไม่หยุดหย่อน หลงเทียนอวี้เตรียมตัดสินใจทำสิ่งที่เลวร้ายที่สุด
เห็นได้ชัดว่าคนเหล่านี้รู้จักฐานะของตนเองดี ดังนั้นพวกเขาจึงยั้งมือขณะที่โจมตีเข้ามา
เวลาเพียงไม่นาน ศพมากมายนอนเกลื่อนกลาดรอบตัวหลงเทียนอวี้
ราวกับความโกรธของพวกชายชุดดำพลุ่งพล่านขึ้น พวกเขาโจมตีโดยไม่ปรานีอีกต่อไป
หลินเมิ้งหยาที่หลบอยู่ในพุ่มไม้มองเหตุการณ์ด้านนอกด้วยความตื่นตระหนก
ร่างกายของเสี่ยวอวี้ยังไม่โตเต็มที่ เมื่อสู้ไม่ได้เขาก็วิ่งหนี ทว่าหลงเทียนอวี้กลับยืนหยัดอยู่กับที่ เวลาเพียงไม่นาน เสื้อผ้าของเขาขาดวิ่นหลายส่วน
นางครุ่นคิด ร่างกายของเขาอาจได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย
ความสนใจของทุกคนมุ่งไปยังหลงเทียนอวี้และเหล่าทหารสกุลหลินยังไม่มีใครสังเกตเห็นนาง
แต่เมื่อเวลาผ่านไปนานเข้า ในที่สุดชายชุดดำก็สังเกตเห็นความผิดปกติ
ขณะที่หลินเมิ้งหยากำลังตื่นตระหนกและเป็นกังวลอยู่นั้น ภยันตรายคืบคลานใกล้ตัวนางมากขึ้นทุกที
ชายชุดดำที่เฝ้าสังเกตการณ์อยู่ภายนอกมองเห็นที่อำพรางตัวของนางแล้ว
เขาลอบเข้าไปใกล้โดยไม่มีใครสังเกตเห็น ในที่สุดก็ประชิดถึงตัวนาง
ร่องรอยของความย่ามใจปรากฏขึ้นในดวงตา
หากจับนางได้ รางวัลใหญ่จะต้องตกเป็นของเขา
ดาบในมือส่องประกาย
จู่ๆ เรดาร์ในสมองพลันร้องเตือน หลินเมิ้งหยารีบหมุนตัว แต่กลับได้เห็นปลายดาบวาววับ
โชคดีที่นางรู้ตัวจึงเอนกายหลบไปทางด้านหลังได้ทันเวลา ทว่าแขนของนางกลับถูกกรีดจนเลือดออก
ฝ่ายตรงข้ามคาดไม่ถึงว่านางจะมีไหวพริบเช่นนี้ แค่นหัวเราะเสียงเย็น ก่อนจะตวัดดาบอีกครั้ง
คราวนี้หลินเมิ้งหยาไม่ได้โชคดีเหมือนตอนแรก
นางที่ยังไม่ทันได้ตั้งตัวทำได้เพียงนอนนิ่ง สายตามองดูปลายดาบที่พุ่งเข้ามาหมายแทงหน้าอกของตนเอง
“แกร๊ง…”เสียงดังขึ้น ดาบอาบยาพิษถูกดาบอีกอันรับเอาไว้
แต่ถึงกระนั้นคมดาบกลับตวัดโดนเสื้อตัวนอกของนาง
จากนั้นชายหนุ่มในชุดสีขาวพุ่งตัวเข้ามาต่อสู้กับชายชุดดำ
หลินเมิ้งหยาที่ตั้งสติได้รีบสูดลมหายใจเข้าปอด นางเห็นว่าคนที่เพิ่งช่วยชีวิตนางเอาไว้คือคนที่หลงเทียนอวี้สะกดจุดอยู่ที่จวน…หลงชิงหาน
“เจ้านี่ช่างเป็นตัวปัญหาเสียจริงเชียว หากพวกเรารอดไปได้ เจ้าจะต้องตอบแทนข้า!”
หลินเมิ้งหยากุมหน้าอกของตนเองเอาไว้มั่น คิดไม่ถึงเลยว่าหลงชิงหานที่มักหัวเราะคิกคักไร้สาระตลอดเวลาจะมีฝีมือในการต่อสู้ถึงเพียงนี้
ลมหายใจกลับมาเป็นปกติ หลังจากเหลือบมองหลงชิงหานแล้ว ยังมีอีกหลายคนที่เข้ามาร่วมในการต่อสู้คราวนี้ด้วย
แม้คนจะน้อยกว่า แต่ถึงกระนั้นกลับมากความสามารถ เมื่อเทียบกับชายชุดดำแล้ว พวกเขาสามารถโจมตีเหล่าชายชุดดำได้อย่างสบาย
“ท่านอ๋อง ระวัง”
หลินขุยฟาดฟันศัตรูพร้อมทั้งร้องเตือนหลงเทียนอวี้
เหล่าชายชุดดำรู้แล้วว่าคนเหล่านี้คือคนของหลงเทียนอวี้ ดังนั้นพวกเขาจึงคิดจับตัวหลงเทียนอวี้ก่อน จากนั้นค่อยนำหลงเทียนอวี้มาข่มขู่คนอื่นๆ
“ทุกคนระวังด้วย ดาบของพวกเขาอาบยาพิษ”
หลินเมิ้งหยาร้องเตือนทุกคน ตำแหน่งของนางจึงถูกเปิดเผย
คิ้วของหลงชิงหานขมวดเข้าหากันแน่น นางไม่เพียงแค่มิได้ช่วยเหลือ แต่ยังทำให้วุ่นวายมากขึ้นกว่าเดิม
สุดท้ายนางก็เป็นตัวปัญหาจริงๆ
ชายชุดดำรีบพุ่งตัวเข้ามา หลินเมิ้งหยาเร้นกายเข้าไปในแนวต้นไม้ การเคลื่อนไหวคล่องแคล่วว่องไว ราวกับนางได้คำนวณเอาไว้ก่อนแล้ว
หลังจากวิ่งออกมาเพียงไม่กี่ก้าว หลินเมิ้งหยาหยุดฝีเท้าลง หมุนตัวกลับมาก่อนจะมองพวกเขาด้วยความหวาดกลัว
“หากอยากเอาชีวิตรอดก็ไปกับพวกข้าเสียดีๆ”
หัวหน้าชายชุดดำมั่นใจแล้วว่าจะสามารถจับตัวหญิงสาวที่ไร้ซึ่งวิทยายุทธ์คนนี้ได้ง่ายๆ
พวกหลงเทียนอวี้ถูกเหล่าชายชุดดำล้อมกรอบเอาไว้
ขณะที่หัวหน้าชายชุดดำคิดจะเข้ามาจับตัวหลินเมิ้งหยา เขากลับเห็นนางหยิบของบางอย่างออกมา
ผงสีขาวถูกซัดกระจายออกไป
หลินเมิ้งหยากระตุกยิ้มมีเลศนัย บนร่างกายของเหล่าชายชุดดำต่างมีผงสีขาวติดอยู่
“ระวัง! อาจมีพิษ”
หัวหน้าชายชุดดำรีบปิดจมูก ทว่าสายตาพลันเหลือบเห็นหลินเมิ้งหยาหยิบของบางอย่างออกมาจากวงแขน
“ใช่แล้ว มันมีพิษ อย่าได้ขยับเชียว พวกเจ้าคิดหรือว่าปิดจมูกแล้วจะไม่เป็นอะไร? ข้าจะบอกอะไรพวกเจ้าให้ก็ได้ หากมันร่วงหล่นบนร่างของพวกเจ้า นั่นเท่ากับว่าพวกเจ้าถูกพิษเข้าแล้ว!”
เวลาเพียงชั่วพริบตา หลินเมิ้งหยากลับกลายเป็นผู้กุมชะตาชีวิตของพวกเขาเอาไว้
ทว่าเหล่าชายชุดดำที่เห็นว่าร่างกายยังไม่เกิดความผิดปกติใดๆ จึงไม่เชื่อนาง
“จับนางเอาไว้! นางเพียงแค่หลอกเราเรื่องพิษเท่านั้น! บังอาจยิ่งนัก!”
หัวหน้าชายชุดดำกลับไม่สนใจคำพูดของหลินเมิ้งหยา โบกมือเพื่อสั่งให้ลูกน้องเข้าไปมัดนางเอาไว้
“แกรก แกรก แกรก…”
พุ่มหญ้าบริเวณรอบๆ เริ่มมีการเคลื่อนไหวผิดปกติ
หลินเมิ้งหยาปล่อยให้ชายชุดดำมัดนางเอาไว้โดยไม่ได้ขัดขืน
“เอาตัวไป!”
ขณะที่พวกเขาคิดจะแบกหลินเมิ้งหยาไป ทว่าเสียงร้องด้วยความหวาดกลัวพลันดังขึ้น
“มีบางอย่าง…มีบางอย่างเข้ามาในเสื้อผ้าของข้า”
“อ๊าก…มันกัด! ตัวอะไรไม่รู้กัดข้า”
เสียงร้องโหยหวนดังขึ้น เหล่าชายชุดดำจึงหยุดฝีเท้าลง
มุมปากของหลินเมิ้งหยายกขึ้นจนคนอื่นๆ พากันอกสั่นขวัญแขวน
ดีมาก ดูเหมือนของเล่นที่ท่านอาจารย์ให้มาจะมีประโยชน์เหลือเกิน
“มัวทำอะไรกันอยู่! อยู่เฉยๆ อย่าขยับ”
หัวหน้าออกคำสั่งเสียงดัง ทว่าเขากลับหันมาไม่เจอใคร