เล่มที่ 8 บทที่ 216 ประสบปัญหากลางทาง

ข้ามเวลานางพญาแพทย์พิษ

สีหน้าของชิงหูเปี่ยมไปด้วยความสงสัย

นักฆ่ามีสัญชาตญาณในการระวังภัยเป็นดั่งพรสวรรค์ ทุกสถานที่ที่เงียบสงัดล้วนมีแผนร้ายแฝงอยู่

เขาแอบขี่ม้ารั้งท้าย ก่อนจะผลุบหายเข้าไปบริเวณต้นไม้ด้านข้างโดยไม่มีใครสงสัย

หากเป็นเพียงอันธพาลกลุ่มเล็กๆ เขาลอบจัดการด้วยตัวคนเดียวก็เพียงพอ

คนทั้งหมดยังคงมุ่งไปข้างหน้า ทว่าหัวใจของหลินเมิ้งหยากลับรู้สึกกระวนกระวาย

นางชำเลืองมองหลงเทียนอวี้ แต่ทำได้เพียงกลืนความสงสัยลงไป

เหตุใดหญ้าชิงหลิงจึงถูกนำไปใช้กับฮ่องเต้? สมุนไพรชนิดนี้ใช้ได้ผลกับอาการโดนวางยาเท่านั้น นางมิเคยได้ยินมาก่อนว่ามันได้ผลดีในการบำรุงร่างกาย

ยิ่งไปกว่านั้น ทุกครั้งที่อาจารย์พูดถึงยาสมุนไพรชนิดนี้ เขามักบอกเสมอว่ามันใช้ได้ดีกับการถอนพิษ

บางทีนางกับอาจารย์อาจเป็นเพียงกบในกะลา

ถึงอย่างไรฮ่องเต้ก็มีความสำคัญเป็นอันดับหนึ่งต่อบ้านเมือง เรื่องนี้ค่อนข้างใหญ่หลวง หากไม่มีหลักฐานก็ไม่ควรพูด

“จับให้แน่น”

สีหน้าของหลงเทียนอวี้ยิ่งเคร่งเครียดขึ้นเรื่อยๆ

ครู่ต่อมา หลินเมิ้งหยากอดคอม้าเอาไว้แน่น

เห็นเพียงม้าที่พวกเขาขี่อยู่ยกขาหน้าแล้วกระโดดขึ้นสูง

ม้าที่กระโดดตามหลังไม่เก่งเท่าม้าของหลงเทียนอวี้ จึงล้มลงบนพื้น

เหล่าทหารได้รับบาดเจ็บกันหลายคน

“รั้วหนาม! เหตุใดจึงมีสิ่งนี้?”

หลงเทียนอวี้บังคับม้าให้หยุดลง กวาดสายตาเย็นชาไปรอบๆ

เขาคาดเดาไว้อยู่แล้วว่าการมาเก็บยาในคราวนี้จะต้องไม่ราบรื่น แต่คิดไม่ถึงเลยว่าเพียงออกมาได้ไม่นานจะถูกโจมตีเช่นนี้

“มีการซุ่มโจมตี ทุกคนระวังตัว!”

หัวหน้าทหารรีบส่งสัญญาณ

พวกเขาล้วนเป็นทหารที่ออกรบมาเป็นร้อยครั้ง ดังนั้นจึงรู้จักกลอุบายเช่นนี้ดี

“ปกป้องคุณหนูใหญ่ให้ดี คนอื่นๆ แยกย้ายกันค้นหา”

ทิ้งคนจำนวนมากไว้ปกป้องดูแลหลินเมิ้งหยา เหล่าทหารยอดฝีมือรีบกระจายกำลังออกไป

“อย่าออกห่างจากข้าเป็นอันขาด”

หลงเทียนอวี้หยิบดาบขึ้นมา สีหน้าเคร่งขรึม

“อา…ระวัง!”

ทหารที่ออกไปตรวจค้นตะโกนร้องเตือนดังลั่น

แม้สีหน้าของหัวหน้าทหารจะเจ็บปวดอย่างสุดซึ้ง ทว่าพริบตาเดียวพลันเปลี่ยนเป็นโกรธแค้น

แม้พวกเขาพร้อมเผชิญความตายอยู่ทุกเมื่อ แต่ถึงกระนั้นพวกเขาก็ต้องล้างแค้นให้สหาย

“ทหารกล้าทั้งหลาย ต่อให้ตายก็ต้องปกป้องคุณหนูใหญ่ให้ได้!”

พวกเขาเป็นทหารของสกุลหลิน ดังนั้นจึงยอมสละชีพเพื่อหลินมู่จือและหลินหนานเซิง

ภายในป่ามีเงาดำมากมายโจนทะยานอยู่บนต้นไม้

บรรยากาศนิ่งเงียบ ทว่าฝีเท้าของเขากลับรวดเร็วอย่างน่าประหลาด

แม้หลินเมิ้งหยาจะไร้ซึ่งวิทยายุทธ์ แต่นางรู้ได้ว่าวันนี้พวกเขากำลังเผชิญกับอันตรายใหญ่หลวง

“ทหารของสกุลหลินล้วนมีความสามารถ การออกรบเพื่อฆ่าศัตรูคือสิ่งที่พวกเจ้าควรทำ วันนี้ข้าต้องการเพียงผู้หญิงคนนั้น คนอื่นๆ ข้าพร้อมที่จะไว้ชีวิต”

หัวหน้าของกลุ่มชายชุดดำส่งเสียงแหบแห้ง ทว่าความเย็นชากลับแผ่กระจาย

เป้าหมายของพวกเขาคือหลินเมิ้งหยา แต่ทหารทั้งหมดกลับไม่ยอมขยับ

จ้องมองกลุ่มชายชุดดำด้วยสายตาเย็นชาอย่างไม่กลัวเกรง

“ฆ่า!”

เมื่อเห็นว่าโน้มน้าวไม่ได้ผล เหล่าชายชุดดำจึงหมดความอดทน

หลังจากออกคำสั่ง ชายชุดดำมากมายเข้ามาล้อมพวกเขาเอาไว้

เหล่าทหารหาญมิเอ่ยสิ่งใด จับอาวุธของตัวเองให้มั่นแล้วพุ่งตัวออกไปปะทะ

ชั่วขณะนี้ เสียงฟาดฟันของดาบพลันดังขึ้น กลิ่นคาวเลือดคละคลุ้งไปทั่วทั้งผืนป่า

“ท่านอ๋องรีบไปเร็วเข้า”

หลงเทียนอวี้ยังคงขวางหน้าหลินเมิ้งหยาเอาไว้ ทว่าหลินเมิ้งหยาอยากให้หลงเทียนอวี้ไปก่อน

แม้แต่เหล่าทหารของสกุลหลินยังต้องเสียแรงอย่างมาก เกรงว่าคราวนี้นางจะประสบโชคร้ายมากกว่าโชคดี

“ไม่ต้องห่วง”

ออกแรงต้านชายชุดดำที่พุ่งเข้ามา ฝีมือการต่อสู้ของพวกเขาทำให้หลงเทียนอวี้รู้สึกยุ่งยาก

มองคนเหล่านั้นด้วยสายตาเย็นชา คิดอยากตรวจสอบตัวตนของชายชุดดำ แต่กลับพบว่าคนเหล่านี้ไม่เหมือนคนที่เขาเคยเจอมาก่อน

ครุ่นคิด บางทีคนเหล่านี้อาจจะเป็นพวกเดียวกันกับคนที่ลอบสังหารหลินหนานเซิง

แต่เพราะความกล้าหาญของเหล่าทหารสกุลหลิน ดังนั้นทหารเหล่านี้จึงเอาตัวรอดได้

“จับตัวหลินเมิ้งหยาเอาไว้ ต่อให้ตายก็ต้องเอาตัวนางมาให้ได้”

เป้าหมายของพวกเขาคือหลินเมิ้งหยา

ดังนั้นหลงเทียนอวี้และหลินจงอวี้ซึ่งกำลังปกป้องนางต้องออกแรงมากขึ้น

มือกุมมีดด้ามสั้นที่พี่ชายมอบให้เอาไว้แน่น

หากนางถูกจับตัวได้แล้วล่ะก็ นางยอมตายดีกว่าปล่อยให้คนเหล่านี้มีโอกาสเอาตัวนางมาข่มขู่

“เจ้าอยู่ที่นี่ จำเอาไว้ ตั้งสติให้มั่น”

ดันตัวหลินเมิ้งหยาเข้าไปหลบในพุ่มไม้ หลงเทียนอวี้หมุนตัวเข้าไปโจมตีศัตรู

เมื่อเห็นว่าเหล่าชายชุดดำยังคงพุ่งตัวเข้าหาไม่หยุดหย่อน หลงเทียนอวี้เตรียมตัดสินใจทำสิ่งที่เลวร้ายที่สุด

เห็นได้ชัดว่าคนเหล่านี้รู้จักฐานะของตนเองดี ดังนั้นพวกเขาจึงยั้งมือขณะที่โจมตีเข้ามา

เวลาเพียงไม่นาน ศพมากมายนอนเกลื่อนกลาดรอบตัวหลงเทียนอวี้

ราวกับความโกรธของพวกชายชุดดำพลุ่งพล่านขึ้น พวกเขาโจมตีโดยไม่ปรานีอีกต่อไป

หลินเมิ้งหยาที่หลบอยู่ในพุ่มไม้มองเหตุการณ์ด้านนอกด้วยความตื่นตระหนก

ร่างกายของเสี่ยวอวี้ยังไม่โตเต็มที่ เมื่อสู้ไม่ได้เขาก็วิ่งหนี ทว่าหลงเทียนอวี้กลับยืนหยัดอยู่กับที่ เวลาเพียงไม่นาน เสื้อผ้าของเขาขาดวิ่นหลายส่วน

นางครุ่นคิด ร่างกายของเขาอาจได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย

ความสนใจของทุกคนมุ่งไปยังหลงเทียนอวี้และเหล่าทหารสกุลหลินยังไม่มีใครสังเกตเห็นนาง

แต่เมื่อเวลาผ่านไปนานเข้า ในที่สุดชายชุดดำก็สังเกตเห็นความผิดปกติ

ขณะที่หลินเมิ้งหยากำลังตื่นตระหนกและเป็นกังวลอยู่นั้น ภยันตรายคืบคลานใกล้ตัวนางมากขึ้นทุกที

ชายชุดดำที่เฝ้าสังเกตการณ์อยู่ภายนอกมองเห็นที่อำพรางตัวของนางแล้ว

เขาลอบเข้าไปใกล้โดยไม่มีใครสังเกตเห็น ในที่สุดก็ประชิดถึงตัวนาง

ร่องรอยของความย่ามใจปรากฏขึ้นในดวงตา

หากจับนางได้ รางวัลใหญ่จะต้องตกเป็นของเขา

ดาบในมือส่องประกาย

จู่ๆ เรดาร์ในสมองพลันร้องเตือน หลินเมิ้งหยารีบหมุนตัว แต่กลับได้เห็นปลายดาบวาววับ

โชคดีที่นางรู้ตัวจึงเอนกายหลบไปทางด้านหลังได้ทันเวลา ทว่าแขนของนางกลับถูกกรีดจนเลือดออก

ฝ่ายตรงข้ามคาดไม่ถึงว่านางจะมีไหวพริบเช่นนี้ แค่นหัวเราะเสียงเย็น ก่อนจะตวัดดาบอีกครั้ง

คราวนี้หลินเมิ้งหยาไม่ได้โชคดีเหมือนตอนแรก

นางที่ยังไม่ทันได้ตั้งตัวทำได้เพียงนอนนิ่ง สายตามองดูปลายดาบที่พุ่งเข้ามาหมายแทงหน้าอกของตนเอง

“แกร๊ง…”เสียงดังขึ้น ดาบอาบยาพิษถูกดาบอีกอันรับเอาไว้

แต่ถึงกระนั้นคมดาบกลับตวัดโดนเสื้อตัวนอกของนาง

จากนั้นชายหนุ่มในชุดสีขาวพุ่งตัวเข้ามาต่อสู้กับชายชุดดำ

หลินเมิ้งหยาที่ตั้งสติได้รีบสูดลมหายใจเข้าปอด นางเห็นว่าคนที่เพิ่งช่วยชีวิตนางเอาไว้คือคนที่หลงเทียนอวี้สะกดจุดอยู่ที่จวน…หลงชิงหาน

“เจ้านี่ช่างเป็นตัวปัญหาเสียจริงเชียว หากพวกเรารอดไปได้ เจ้าจะต้องตอบแทนข้า!”

หลินเมิ้งหยากุมหน้าอกของตนเองเอาไว้มั่น คิดไม่ถึงเลยว่าหลงชิงหานที่มักหัวเราะคิกคักไร้สาระตลอดเวลาจะมีฝีมือในการต่อสู้ถึงเพียงนี้

ลมหายใจกลับมาเป็นปกติ หลังจากเหลือบมองหลงชิงหานแล้ว ยังมีอีกหลายคนที่เข้ามาร่วมในการต่อสู้คราวนี้ด้วย

แม้คนจะน้อยกว่า แต่ถึงกระนั้นกลับมากความสามารถ เมื่อเทียบกับชายชุดดำแล้ว พวกเขาสามารถโจมตีเหล่าชายชุดดำได้อย่างสบาย

“ท่านอ๋อง ระวัง”

หลินขุยฟาดฟันศัตรูพร้อมทั้งร้องเตือนหลงเทียนอวี้

เหล่าชายชุดดำรู้แล้วว่าคนเหล่านี้คือคนของหลงเทียนอวี้ ดังนั้นพวกเขาจึงคิดจับตัวหลงเทียนอวี้ก่อน จากนั้นค่อยนำหลงเทียนอวี้มาข่มขู่คนอื่นๆ

“ทุกคนระวังด้วย ดาบของพวกเขาอาบยาพิษ”

หลินเมิ้งหยาร้องเตือนทุกคน ตำแหน่งของนางจึงถูกเปิดเผย

คิ้วของหลงชิงหานขมวดเข้าหากันแน่น นางไม่เพียงแค่มิได้ช่วยเหลือ แต่ยังทำให้วุ่นวายมากขึ้นกว่าเดิม

สุดท้ายนางก็เป็นตัวปัญหาจริงๆ

ชายชุดดำรีบพุ่งตัวเข้ามา หลินเมิ้งหยาเร้นกายเข้าไปในแนวต้นไม้ การเคลื่อนไหวคล่องแคล่วว่องไว ราวกับนางได้คำนวณเอาไว้ก่อนแล้ว

หลังจากวิ่งออกมาเพียงไม่กี่ก้าว หลินเมิ้งหยาหยุดฝีเท้าลง หมุนตัวกลับมาก่อนจะมองพวกเขาด้วยความหวาดกลัว

“หากอยากเอาชีวิตรอดก็ไปกับพวกข้าเสียดีๆ”

หัวหน้าชายชุดดำมั่นใจแล้วว่าจะสามารถจับตัวหญิงสาวที่ไร้ซึ่งวิทยายุทธ์คนนี้ได้ง่ายๆ

พวกหลงเทียนอวี้ถูกเหล่าชายชุดดำล้อมกรอบเอาไว้

ขณะที่หัวหน้าชายชุดดำคิดจะเข้ามาจับตัวหลินเมิ้งหยา เขากลับเห็นนางหยิบของบางอย่างออกมา

ผงสีขาวถูกซัดกระจายออกไป

หลินเมิ้งหยากระตุกยิ้มมีเลศนัย บนร่างกายของเหล่าชายชุดดำต่างมีผงสีขาวติดอยู่

“ระวัง! อาจมีพิษ”

หัวหน้าชายชุดดำรีบปิดจมูก ทว่าสายตาพลันเหลือบเห็นหลินเมิ้งหยาหยิบของบางอย่างออกมาจากวงแขน

“ใช่แล้ว มันมีพิษ อย่าได้ขยับเชียว พวกเจ้าคิดหรือว่าปิดจมูกแล้วจะไม่เป็นอะไร? ข้าจะบอกอะไรพวกเจ้าให้ก็ได้ หากมันร่วงหล่นบนร่างของพวกเจ้า นั่นเท่ากับว่าพวกเจ้าถูกพิษเข้าแล้ว!”

เวลาเพียงชั่วพริบตา หลินเมิ้งหยากลับกลายเป็นผู้กุมชะตาชีวิตของพวกเขาเอาไว้

ทว่าเหล่าชายชุดดำที่เห็นว่าร่างกายยังไม่เกิดความผิดปกติใดๆ จึงไม่เชื่อนาง

“จับนางเอาไว้! นางเพียงแค่หลอกเราเรื่องพิษเท่านั้น! บังอาจยิ่งนัก!”

หัวหน้าชายชุดดำกลับไม่สนใจคำพูดของหลินเมิ้งหยา โบกมือเพื่อสั่งให้ลูกน้องเข้าไปมัดนางเอาไว้

“แกรก แกรก แกรก…”

พุ่มหญ้าบริเวณรอบๆ เริ่มมีการเคลื่อนไหวผิดปกติ

หลินเมิ้งหยาปล่อยให้ชายชุดดำมัดนางเอาไว้โดยไม่ได้ขัดขืน

“เอาตัวไป!”

ขณะที่พวกเขาคิดจะแบกหลินเมิ้งหยาไป ทว่าเสียงร้องด้วยความหวาดกลัวพลันดังขึ้น

“มีบางอย่าง…มีบางอย่างเข้ามาในเสื้อผ้าของข้า”

“อ๊าก…มันกัด! ตัวอะไรไม่รู้กัดข้า”

เสียงร้องโหยหวนดังขึ้น เหล่าชายชุดดำจึงหยุดฝีเท้าลง

มุมปากของหลินเมิ้งหยายกขึ้นจนคนอื่นๆ พากันอกสั่นขวัญแขวน

ดีมาก ดูเหมือนของเล่นที่ท่านอาจารย์ให้มาจะมีประโยชน์เหลือเกิน

“มัวทำอะไรกันอยู่! อยู่เฉยๆ อย่าขยับ”

หัวหน้าออกคำสั่งเสียงดัง ทว่าเขากลับหันมาไม่เจอใคร