เล่ม 1 ตอนที่ 202 สถานการณ์อันตราย

สลับชะตา ชายามือสังหาร

ไป๋อวิ๋นฉีประคองอยู่ด้านหลังไป๋หยวนฉุน เมื่อเห็นว่าสีหน้าของซือหม่าโยวเย่ว์ย่ำแย่ลงเรื่อยๆ แต่ยังคงกัดฟันยืนกรานที่จะเชื่อมต่อเส้นลมปราณให้ท่านพ่อของตน ในใจก็ซาบซึ้งไม่น้อย

สามวันต่อมา ซือหม่าโยวเย่ว์ก็เก็บเข็มเงินในมือขึ้น แล้วหยิบยาวิเศษเม็ดหนึ่งออกมาให้เขากิน หลังจากนั้นจึงยิ้มให้ไป๋อวิ๋นฉีเล็กน้อย “เรียบร้อยแล้วล่ะ”

พอพูดจบ ตัวเธอก็หงายหลังล้มลงไปด้านหลัง

“โยวเย่ว์…”

“โยวเย่ว์…”

หลายเสียงดังขึ้นพร้อมกัน เพราะไป๋อวิ๋นฉีมีไป๋หยวนฉุนกั้นกลางอยู่ แม้จะยื่นมือออกไปแล้วแต่ก็คว้าตัวเธอเอาไว้มิได้

ในขณะที่ศีรษะของเธอกำลังจะจมลงไปในน้ำนั้นเอง เงาร่างสายหนึ่งก็พุ่งผ่านไปอย่างรวดเร็วแล้วดึงตัวเธอขึ้นมาจากน้ำ ก่อนจะทะยานไปที่ริมสระฝั่งตรงข้าม

เจ้าไก่ฟ้ากอดซือหม่าโยวเย่ว์เอาไว้ เมื่อเห็นว่าเธอหมดสติไปโดยสมบูรณ์แล้วจึงถามอย่างร้อนใจว่า “นางเป็นอะไรไปน่ะ”

“นางก็แค่หมดสติเพราะทำงานหนักเกินไปเท่านั้นเอง” เป่ยกงถังพูด

ถึงแม้ว่านางและโอวหยางเฟยจะมิได้เป็นลมล้มพับไป แต่ทั้งคู่ก็ลงไปนั่งกองกับพื้นเพราะพลังจิตอ่อนลง สิ้นไร้เรี่ยวแรงไปทั้งร่าง

ซุนหรานหร่านรีบเข้ามาพยุงทั้งสองคนไปนั่งบนเก้าอี้พลางมองพวกเขาอย่างซาบซึ้ง “ลำบากพวกเจ้าแล้ว”

“ข้าพานางกลับไปพักผ่อนก่อนดีกว่า” เจ้าไก่ฟ้าอุ้มซือหม่าโยวเย่ว์เดินออกไปข้างนอก แต่กลับถูกเป่ยกงถังเรียกเอาไว้ ให้เขาอุ้มเธอไปหา

เป่ยกงถังหยิบยาวิเศษออกมาสามเม็ด นางมอบให้โอวหยางเฟยเม็ดหนึ่งและกินเองเม็ดหนึ่ง หลังจากนั้นจึงมอบอีกเม็ดที่เหลือให้กับเจ้าไก่ฟ้า เจ้าไก่ฟ้าให้ซือหม่าโยวเย่ว์กินเรียบร้อยแล้วจึงค่อยอุ้มเธอจากไป

“อวิ๋นฉี ตอนนี้เจ้าปล่อยตัวท่านลุงได้แล้วล่ะ” เป่ยกงถังกินยาวิเศษแล้วพลังจิตดีขึ้นเล็กน้อย จึงเอ่ยเตือนขึ้น

“อ้อ” ไป๋อวิ๋นฉีปล่อยตัวไป๋หยวนฉุน เพราะเส้นลมปราณของไป๋หยวนฉุนเชื่อมติดกันหมดแล้ว จึงนั่งทรงตัวเองได้แล้ว

เขาขึ้นมาบนฝั่ง ทิ้งบิดาของตนเอาไว้ในสระน้ำเพียงคนเดียว กำลังคิดจะถามอยู่พอดีว่าเมื่อไหร่บิดาของตนจะฟื้นขึ้นมา ในสระน้ำก็มีลำแสงแห่งการเลื่อนระดับปรากฏขึ้น

“ตายจริง ถ้าหากผู้อื่นพบเห็นเข้า…” ซุนหรานหร่านอุทานอย่างตกใจ

“ท่านป้าไม่ต้องเป็นกังวลเลย โยวเย่ว์ได้ติดตั้งข่ายมนตร์เอาไว้ข้างนอกตั้งแต่แรกแล้ว ผู้คนด้านนอกไม่มีทางมองเห็นความเคลื่อนไหวที่นี่ได้หรอก” เป่ยกงถังพูด

ข่ายมนตร์หรือ

ซุนหรานหร่านสะดุ้ง “เจ้าเด็กผู้นั้นช่างคิดไตร่ตรองได้อย่างรอบคอบเสียจริง”

“ท่านพ่อข้าจะฟื้นขึ้นมาเมื่อไหร่หรือ” ไป๋อวิ๋นฉีถาม

“หลังจากเลื่อนระดับก็คงฟื้นขึ้นมาแล้วล่ะ” เป่ยกงถังพูด “นอกจากนี้หลังเลื่อนระดับแล้วเขายังต้องดูดซับปราณวิญญาณภายในสระน้ำแห่งนี้เข้าสู่ร่างกายด้วย คาดว่าคงต้องใช้เวลาอีกสักระยะหนึ่ง”

“ขอบใจพวกเจ้ามากนะ เป่ยกง โอวหยาง” ไป๋อวิ๋นฉีมองทั้งสองคน การได้พบเจอพวกเขาช่างเป็นวาสนาของตนโดยแท้

“ในเมื่อที่นี่มีข่ายมนตร์อยู่ เช่นนั้นพวกเราส่งพวกเจ้ากลับไปพักผ่อนก่อนดีกว่านะ” ซุนหรานหร่านพูด

เป่ยกงถังพยักหน้า ตอนนี้พวกเขาอยู่ที่นี่ไปก็ไม่มีประโยชน์ มิสู้กลับไปพักผ่อนฟื้นฟูพลังกายและพลังจิตดีกว่า

ซุนหรานหร่านเข้าไปพยุงเป่ยกงถัง ส่วนไป๋อวิ๋นฉีพยุงโอวหยางเฟย ทั้งสี่คนออกไปจากห้อง เหลือเอาไว้เพียงแค่ไป๋หยวนฉุนที่กำลังเลื่อนระดับ

เมื่อกลับไปถึงที่พักของพวกเขา เว่ยจือฉีและเจ้าอ้วนชวีกำลังรอคอยอย่างร้อนรนอยู่ในลานบ้าน เมื่อเห็นพวกซุนหรานหร่านพยุงเป่ยกงถังและโอวหยางเฟยมา จึงรีบเข้าไปหาแล้วถามว่า “พวกเจ้าเป็นอย่างไรกันบ้าง”

“พวกเราไม่เป็นไรหรอกน่า” เป่ยกงถังแย้มยิ้ม

“เมื่อครู่เจ้าไก่ฟ้าอุ้มโยวเย่ว์กลับมาแล้ว พวกเจ้าก็รีบกลับห้องไปพักผ่อนกันก่อนดีกว่า” เว่ยจือฉีก้าวเข้าไปพยุงเป่ยกงถัง ส่วนเจ้าอ้วนชวีก็เข้าไปพยุงโอวหยางเฟย

“ท่านป้า จือฉี พวกท่านไปดูท่านลุงเถิด” เป่ยกงถังพูดกับซุนหรานหร่าน

“อื้อ พวกเจ้าก็พักผ่อนกันให้ดีๆ ล่ะ พวกเราไปจัดการธุระสักครู่แล้วจะมาดูพวกเจ้าอีกที” ซุนหรานหร่านพูดจบก็พาไป๋อวิ๋นฉีจากไป

“พวกเจ้าสามคนนี่สุดยอดไปเลยนะ” เจ้าอ้วนชวีเอ่ยชม

“ท่านลุงได้รับบาดเจ็บเพราะพวกเรา พวกเราย่อมต้องทุ่มเทรักษาเขาอย่างสุดใจอยู่แล้ว” เป่ยกงถังพูด “เอาล่ะ รีบพยุงพวกเราเข้าไปดีกว่า”

ซือหม่าโยวเย่ว์เอนกายอยู่บนเตียง สีหน้ายังคงซีดขาวเป็นอย่างยิ่ง ส่วนเจ้าไก่ฟ้านั้นไม่รู้วิ่งหายไปไหนเสียแล้ว เพราะความวุ่นวายใจนั่นเอง

ไอดำทะมึนสายหนึ่งพรั่งพรูออกมาจากสร้อยข้อมือม่านถัว หมัวซาปรากฏตัวขึ้นที่ข้างเตียง เมื่อเห็นสภาพของเธอในตอนนี้จึงเอ่ยด้วยสีหน้าคร่ำเคร่งว่า “ช่างเป็นเจ้าเด็กที่ไม่รักชีวิตเอาเสียเลย!”

ถึงแม้ว่าคำพูดจะดูเหมือนไม่พอใจ แต่เขากลับหลับตาโคจรพลัง และบริเวณแขนขวาที่เดิมทีว่างเปล่าของเขาก็ค่อยๆ แข็งตัวขึ้นมา

วิญญาณกลายเป็นของจริง!

เมื่อแขนก่อตัวขึ้นมาครบทั้งข้างแล้วหมัวซาจึงค่อยลืมตาขึ้น ก่อนจะขยับแขนขวาพลางเอ่ยว่า “รู้สึกดีถึงเพียงนี้เชียว! น่าเสียดายที่ตอนนี้ยังมิอาจก่อร่างได้อย่างครบสมบูรณ์ ระยะเวลาก็ไม่นานด้วย”

เขามายังเบื้องหน้าซือหม่าโยวเย่ว์แล้วเอื้อมมือมาลูบไล้ใบหน้าของเธอพลางเอ่ยพึมพำว่า “ที่แท้ความรู้สึกก็เป็นเช่นนี้นี่เอง…”

ซือหม่าโยวเย่ว์นอนนิ่งไม่ไหวติงไหวอยู่บนเตียง ไม่รู้เรื่องที่เกิดขึ้นตรงหน้าเลย

“ถึงกับใช้พลังจิตและพลังวิญญาณเกินตัวจนเกลี้ยงเกลา! เจ้าไม่อยากรักษาชีวิตเอาไว้แล้วหรืออย่างไร!” หมัวซาบีบจมูกเธออย่างแรงจนทำเอาจมูกเธอกลายเป็นสีแดงก่ำหลังจากที่คลายมือออกมา

“ไม่อยากสนใจเจ้าแล้วจริงๆ แต่เห็นเจ้านอนนิ่งอยู่อย่างนี้ ช่างชวนให้เจ็บปวดใจนัก”

พูดแล้วเขาก็หยิบขวดหยกใบหนึ่งออกมา ซึ่งภายในนั้นก็คือน้ำทิพย์วิญญาณที่ยามปกติซือหม่าโยวเย่ว์เตรียมเอาไว้ให้เขา เขาง้างปากเธอออกแล้วหยดน้ำทิพย์หยดหนึ่งลงไป พลังจิตที่พร่องไปของเธอจึงได้รับการเติมเต็ม ร่างกายจึงเริ่มดูดซับปราณวิญญาณจากภายนอก การบำเพ็ญที่หยุดชะงักไปจึงค่อยๆ เริ่มต้นดำเนินต่อไปใหม่อย่างช้าๆ

พลังจิตของเธอถูกใช้มากเกินไป ปราณวิญญาณก็หมดสิ้นไปอย่างสมบูรณ์ ร่างกายทั้งหมดหยุดการเคลื่อนไหวไปอย่างสิ้นเชิงราวกับเครื่องยนต์ที่ไร้น้ำมัน ถ้าหากมิใช่เพราะหมัวซาช่วยเหลือเธอ ก็ไม่รู้ว่าผลที่ตามมาจะกลายเป็นเช่นไร

หมัวซาเก็บขวดหยกลงไป ยังอยากจะขยี้ใบหน้าของซือหม่าโยวเย่ว์เพื่อระบายความไม่พอใจของตนอีกครั้ง แต่เพิ่งจะสัมผัสถูกใบหน้าของเธอ ยังมิทันได้ลงมือทำอะไร มือของเขาก็กลายสภาพกลับไปเป็นเช่นก่อนหน้านี้เสียแล้ว

“อยู่ได้เพียงแค่ชั่วคราวแค่นี้เท่านั้นเอง”

หมัวซามิใคร่จะพอใจกับความสามารถของตัวเองในตอนนี้สักเท่าใดนัก ถึงแม้ว่าหลังจากทำพันธสัญญากับซือหม่าโยวเย่ว์แล้ววิญญาณของตนจะฟื้นฟูขึ้นมาไม่น้อย แต่ก็ยังคงทำให้เขารู้สึกไร้เรี่ยวแรงอยู่ตลอด

“คราวหน้าหากยังเป็นเช่นนี้อีก ข้าจะแขวนเจ้าขึ้นมาฟาดแล้วนะ!”

หมัวซาพูดจบแล้วก็กลับเข้าไปภายในสร้อยข้อมือ มิได้ตระหนักเลยว่ามีความตามใจแฝงอยู่ในน้ำเสียงของตนเล็กน้อย

ซือหม่าโยวเย่ว์คล้ายกับรู้สึกได้ถึงอะไรบางอย่าง ถึงขนาดที่ขมวดคิ้วแม้ในยามหมดสติ

ที่อีกด้านหนึ่ง ตอนที่พวกไป๋อวิ๋นฉีกลับไปนั้นเอง ไป๋หยวนฉุนได้ฟื้นขึ้นมาแล้ว กำลังดูดซับฤทธิ์ยาที่เหลืออยู่ในสระน้ำ

“ท่านพ่อ ท่านฟื้นแล้ว!” ไป๋อวิ๋นฉีมองไป๋หยวนฉุนอย่างตื่นเต้น

ไป๋หยวนฉุนที่อยู่ในน้ำเห็นภรรยาของตน จึงเอ่ยอย่างสงสัยว่า “ข้ามิได้ตายไปแล้วหรอกหรือ เหตุใดตอนนี้ไม่เพียงแต่หายดีแล้วเท่านั้น แต่ยังเลื่อนระดับอีกด้วยเล่า”

“พวกโยวเย่ว์ เป่ยกง และโอวหยางช่วยท่านเอาไว้น่ะสิ” ไป๋อวิ๋นฉีพูด

“พวกเขาช่วยข้าเอาไว้อย่างนั้นหรือ” ไป๋หยวนฉุนประหลาดใจ

“ถูกต้อง เพราะช่วยท่านเอาไว้ ตอนนี้พวกเขาสามคนจึงหมดสภาพกันไปแล้ว โยวเย่ว์ถึงกับหมดสติไปเลยทีเดียว” ไป๋อวิ๋นฉีพูด

“นี่มันเรื่องอันใดกัน”

ไป๋อวิ๋นฉีเล่าให้เขาฟังว่าพวกซือหม่าโยวเย่ว์ช่วยเขาเอาไว้ได้อย่างไร ในที่สุดก็เอ่ยสรุปว่า “พวกเขาร้ายกาจใช่หรือไม่เล่า แต่คาดว่าเครื่องยาที่กลั่นให้ท่านตลอดสามวันนี้คงมีราคาหลายแสนตำลึงทองเลยทีเดียว ท่านอยู่ในน้ำเช่นนี้ หากไม่เลื่อนระดับสิจึงจะเป็นเรื่องแปลก”

ไป๋หยวนฉุนก้มหน้าลงมองน้ำในสระที่ยังพอมีสีหลงเหลืออยู่บ้างแล้วเอ่ยว่า “คราวนี้คงต้องขอบคุณพวกเขาให้ดีจริงๆ เสียแล้ว!”

“เป่ยกงบอกว่าท่านเพิ่งจะเลื่อนระดับ การดูดซับฤทธิ์ยาในน้ำจะช่วยทำให้พลังยุทธ์ของท่านเสถียรได้”

ไป๋หยวนฉุนพยักหน้า ตอนที่เขาฟื้นขึ้นมาก็พบว่าตนดูดซับได้แล้ว

“เรื่องนี้เดี๋ยวค่อยว่ากันเถิด ตอนนี้พวกเจ้าเล่าสถานการณ์ปัจจุบันของกลุ่มทหารรับจ้างให้ข้าฟังก่อนดีกว่า”

………………………………………