ยอดหมอหญิงมหัศจรรย์ บทที่ 8

คำพูดของเซี่ยจื่ออันที่ว่า “ไม่ต้องการเห็นฝ่าบาทอาการกำเริบ หรือร่างกายบาดเจ็บอีก” ชวนให้รู้สึกสนใจว่า จริง ๆ วันนี้เซี่ยจื่ออันเป็นบุคคลที่น่ายกย่องทีเดียว ตอนที่อาการฝ่าบาทกำเริบ ก็ได้นางที่รีบเข้ามาช่วย ส่วนถ้อยคำที่นางแก้ตัว ก็ล้วนเป็นความจริง มีคนรายงานเหตุการณ์วันนี้ในจวนมหาเสนาบดีได้รับทราบแล้ว เซี่ยจื่ออันมิได้พูดโกหก เห็นได้ว่านางทั้งซื่อสัตย์และมีสัจจะ คำพูดเกี่ยวกับการฝังเข็มก็ไม่น่าเป็นเรื่องที่ถูกปั้นขึ้นมาเช่นกัน

ในความเป็นจริง นางจะไม่พูดก็ได้ เหตุใดจึงหาเรื่องใส่ตัว นางเองก็พลอยมีเรื่องร้าย ๆ กับตัวมากพออยู่แล้ว

หมอหลวงลังเลสองจิตสองใจขึ้นมา “ฮองเฮา วิธีการฝังเข็มที่หูได้ผลพ่ะย่ะค่ะ ทว่าประสิทธิผลจะเป็นอย่างไร ยังไม่สามารถตรวจดูได้อย่างละเอียด อีกทั้งต้องระวังให้มากเป็นพิเศษ เมื่อฝังเข็มที่หูหรือศีรษะ เพราะหากเลือกบริเวณฝังเข็มผิด หรือกลศาสตร์ของเข็มเอียงไม่ถูกต้อง อาจก่อให้เกิดผลที่ร้ายแรงตามมา”

จื่ออันได้ยินคำกล่าวนั้น ริมฝีปากก็ขยับ เธอก้าวถอยหลังไปเล็กน้อย ยังไม่กล้าเอ่ยคำพูดใด ๆ

ฮองเฮาจ้องมาที่นางอีกครั้ง พร้อมกับไตร่ตรองประเดี๋ยวเดียว แล้วจึงเอ่ยว่า “เจ้าเข้าไปดูพระอาการของฝ่าบาทเถอะ”

หมอหลวงคำนับและทูลลาออกไป ก่อนจากไป เขามองจื่ออันอย่างคับแค้นใจมากทีเดียว

จื่ออันหลับตาลง เธอไม่ได้เจตนาที่จะยั่วยุให้หมอหลวงโกรธ เธอเพียงต้องการปกป้องตนเองเท่านั้น

ฮองเฮามองไปยังมู่หรงเจี๋ย “ท่านอ๋อง ท่านมีความเห็นอย่างไร?”

ในมือของมู่หรงเจี๋ยหมุนแก้วกระเบื้องเคลือบในมือไปมาด้วยสีหน้าเย็นชา “หม่อมฉันไม่เข้าใจวิชาแพทย์ ไม่กล้าตัดสินใจอย่างสะเปะสะปะหรอก พ่ะย่ะค่ะ”

ฮองเฮามองเขา “ท่านอ๋องมีความรู้ตั้งมากมาย ต้องเข้าใจมากกว่าหญิงในวังแห่งนี้เป็นไหน ๆ อย่างแน่นอน”

จู่ ๆ ผู้สำเร็จราชการแทนองค์จักรพรรดิก็เงยหน้าขึ้น ริมฝีปากยิ้ม รอยยิ้มเหมือนดังเปลวเพลิงที่ลุกโชนในฤดูร้อน ดวงตาสว่างไสว ทำให้คนที่เห็นอึดอัดขึ้นมาทันที

อย่างน้อย นี่ก็เป็นสิ่งที่จื่ออันรู้สึกได้

เธอรับรู้ได้ทันทีว่า ผู้สำเร็จราชการแทนองค์จักรพรรดิและฮองเฮาไม่ลงรอยกัน ตั้งแต่เธอย่างก้าวไปในวังก็ยังไม่เห็นทั้งสองสบตากันเลย ผู้สำเร็จราชการแทนองค์จักรพรรดิมีความเย็นชา ราวกับว่ารู้สึกลำบากใจ และไม่เต็มใจที่ต้องมานั่งอยู่ตรงนี้

เธอรู้สึกว่ามันเริ่มแปลก ๆ เหตุใดคนที่มีความสามารถเปี่ยมล้นเช่นนี้ กลับมานั่งอยู่ตรงนี้ราวกับเป็นตัวประกอบอย่างไรอย่างนั้น

ส่วนฮองเฮา ก็ไม่ค่อยพอใจเขานัก

ในเมื่อทั้งสองแคลงใจกัน เหตุใดจึงมาไต่สวนหล่อนพร้อมกัน

จื่ออันเริ่มอยู่ไม่สุข ความสัมพันธ์ของทั้งสองคนนี้จะส่งผลกับตัวเองหรือไม่

ผู้สำเร็จราชการแทนองค์จักรพรรดิค่อย ๆ ลุกขึ้น “ฮองเฮาทรงตัดสินเถิด หม่อมฉันเพียงแค่ได้รับความไว้วางใจจากท่านพี่ เพื่อมาคุมงานแต่งของอาซินเท่านั้น เรื่องอื่น ๆ หม่อมฉันไม่สามารถตัดสินใจเองได้ พ่ะย่ะค่ะ”

พูดจบจึงทูลลา

สีหน้าของฮองเฮาดูโกรธขึ้นมาทันที นางลุกยืน “ช้าก่อน ท่านอ๋อง”

ใจของจื่ออันตกไปยังตาตุ่ม หากฮองเฮาและผู้สำเร็จราชการแทนองค์จักรพรรดิเกิดการโต้เถียงกันที่นี่แล้วล่ะก็ เธอคงไม่รอดชีวิตเป็นแน่ เพราะการต่อสู้ภายในราชสำนัก คนนอกจะไปรับรู้ได้อย่างไร

ผู้สำเร็จราชการแทนองค์จักรพรรดิยืนนิ่ง ร่างกายที่สูงใหญ่ปรากฏความสง่างาม แสงที่ส่องผ่านเข้ามายังตำหนักกระทบกับใบหน้าที่ดูลังเลใจ สายตาก็บังเกิดความไม่พอใจ

ใบหน้าของฮองเฮาปรากฏความยโสโอหัง ทั้งยังแสดงความกลัดกลุ้มและความรังเกียจออกมา “พระสนมหลิงครั้งหนึ่งเคยเข้าวังมาพบพระราชชนนี ดังนั้นให้พระราชชนีเป็นผู้จัดการงานแต่งของเจ้าเถอะ พระราชชนนีกำชับให้ทางราชสำนักปฏิบัติหน้าที่ดูแลแทน ข้าจึงคิดว่า ณ ตอนนี้ มีหญิงนางหนึ่งที่เหมาะสมที่จะเป็นผู้สำเร็จราชการแทนองค์จักรพรรดิอย่างมาก”

“งานแต่งของข้า มิอาจรบกวนฮองเฮา” ดวงตาของมู่หรงเจี๋ยเย็นชา

ฮองเฮาหัวเราะ “ท่านอ๋องไม่อยากรู้หรอกรึว่า หญิงผู้นั้นคือใคร?”

สีหน้าของมู่หรงเจี๋ยเกิดความกลัดกลุ้ม “ฮองเฮา ท่านโปรดใช้เพลานี้กังวลเรื่องงานอภิเสกสมรสขององค์รัชทายาท และจักรพรรดิเหลียงเถิด พ่ะย่ะค่ะ เพราะเซี่ยจื่ออันคนนี้ ดูไปดูมา นางไม่มีความเหมาะสมกับจักรพรรดิเหลียงเลยสักนิด”

ฮองเฮายิ้มอย่างเย็นชา ค่อย ๆ ลงมาทีละก้าว ๆ “จะคู่ควรหรือไม่ ไม่สำคัญ คู่ควรกับท่านอ๋องได้ก็พอแล้ว ราชสำนักจะขอพระราชโองการ ขอเซี่ยจื่ออันลูกสาวคนโตของท่านมหาเสนาบดีมาเป็นพระสนม พระราชชนนีจะพอพระทัยมาก พระองค์ทรงโปรดหยวนซื่อ แม่ของเซี่ยจื่ออันมาก ลูกสาวของหยวนซื่อนั้นย่อมเป็นผู้ที่มีความสามารถเป็นเลิศ แถมยังรู้หนังสือ ซ้ำทั้งยังมีความเมตตา และประหยัดมัธยัสถ์อีก ในภายภาคหน้านางยังสามารถเป็นพระมารดาของผู้สำเร็จราชการแทนองค์จักรพรรดิได้อีก”

สีหน้าจื่ออันซีดเผือด ทันใดนั้นอุณหภูมิในห้องโถงลดลง บาดแผลเริ่มชาไปทั่วทั้งร่างกายของจื่ออัน ในเวลานี้มีอาการปวดเพิ่มมากขึ้น

หญิงที่ไม่คู่ควรกับท่านอ๋องเหลียง แต่กลับคู่ควรกับผู้สำเร็จราชการแทนองค์จักรพรรดิคนปัจจุบัน แถมยังเคยถูกหมอหลวงตรวจว่าเป็นหญิงที่เป็นหมัน จะสามารถเป็นหญิงผู้สำเร็จราชการแทนองค์จักรพรรดิได้อย่างไร

จื่ออันคิดว่าความลำบาก และอันตรายของการเข้ามาในวังวันนี้ไม่ค่อยง่ายเท่าใดนัก เสนาบดีท่านนี้คือหมาป่าดุร้าย และวังแห่งนี้ก็คือสถานที่ที่เต็มไปด้วยอันตราย

เธอก้มศีรษะลง ไม่กล้าที่จะมองใครหน้าไหน ด้วยเกรงว่าหากมองจะเผยให้เห็นความตื่นตระหนก และความสิ้นหวังในก้นบึ้งหัวใจ

เธอรู้ว่ามู่หรงเจี๋ยและฮองเฮากำลังลองเชิงกัน แม้ว่าเธอจะอยู่ห่างออกไปสามจ้าง เธอก็ยังสามารถรับรู้ถึงรังศีแห่งความอำมหิตที่แผ่ออกมา

ในตำหนักเงียบจนน่ากลัว จื่ออันพยายามระงับลมหายใจของตนเอง แม้กระพริบตาก็กลัวว่าจะได้ยินเสียง เหงื่อบนหน้าผากไหลอย่างต่อเนื่อง เหงื่อที่หลังเปียกชุ่มจนเย็นไปทั้วแผ่นหลัง

เวลาผ่านไปนานราวกับชั่วชีวิตของคน ๆ หนึ่ง จื่ออันได้ยินเสียงฝีเท้าของใครบางคน มีเงาดำประชิดเข้ามา

นิ้วมือนิ้วหนึ่ง ค่อย ๆ รองที่คางของนางไว้ นางจำใจเงยหน้าขึ้น ความตื่นตระหนกไปกองรวมกันอยู่ที่ดวงตา ขณะที่เงยหน้าขึ้นมานั้น จิตใจก็เริ่มที่จะสงบลงแล้ว

ตอนแรกเธอสัมผัสได้ถึงดวงตาที่เย็นชาไปถึงกระดูกด้านใน ทว่าใบหน้าของเขากลับมีร้อยยิ้มเล็กน้อย “เซี่ยจื่ออัน ดีเลย ข้าเห็นว่าหากเจ้าเป็นสนมของข้าคงเหมาะสมทีเดียว”

จื่ออันหนาวจนตัวสั่นไปทั้งตัว จนแถมควบคุมไม่อยู่

หากท่านอ๋องเหลียงเป็นสุนัขที่ดุร้าย ผู้สำเร็จราชการแทนองค์จักรพรรดิก็เปรียบได้กับราชาพยัคฆ์ ที่สามารถกลืนหล่อนจนไม่เหลือแม้แต่กระดูก

เธอรู้จุดประสงค์ของผู้สำเร็จราชการแทนองค์จักรพรรดิดีว่า เขาดูถูกและไม่อยากแต่งงานกับเธอ ทว่าพระราชชนนีและฮองเฮานั้นเป็นผู้มีสิทธิ์ตัดสินใจเรื่องการแต่งงาน ภายใต้ความโกรธของฮองเฮาที่ประทานเธอให้กับชายผู้นี้ ก็เพียงเพื่อต้องการดูท่าที่ว่าเขาจะโกรธมากเพียงใด เขาจะสามารถทำให้ฮองเฮาพอใจได้อย่างไร ดังนั้นเขาจึงหัวเราะกับตัวเอง แต่สายตากลับไม่ได้อยู่เฉย กลับเต็มไปด้วยความเกลียดชัง

จื่ออันรู้สึกทันทีว่ากำลังเอาตนเองไปอยู่ในวังวนของความขัดแย้งระหว่างฮองเฮากับผู้สำเร็จราชการแทนองค์จักรพรรดิ

เธอรู้สถานการณ์ทางการเมืองในปัจจุบันไม่มากนัก แต่กลับรู้ว่าองค์จักรพรรดิกำลังประชวรอยู่บนเตียง และมีมู่หรงเจี๋ยเป็นผู้สำเร็จราชการแทนองค์จักรพรรดิ ปฏิบัติหน้าที่แทนองค์จักรพรรดิแทนชั่วคราว

จริง ๆ แล้ว มีการคาดการณ์ว่า องค์จักรพรรดิทรงได้แต่งตั้งองค์รัชทายาทไว้นานแล้ว แต่พระองค์ทรงไม่ให้องค์รัชทายาทดูแลราชกิจแทน กลับไปให้น้องชายของพระองค์ มู่หรงเจี๋ยทำหน้าที่นี้ แถมยังพระราชทานตำแหน่งผู้สำเร็จราชการแทนองค์จักรพรรดิให้อีก จึงเป็นเหมือนหนามยอกอกภายในใจฮองเฮาเป็นแน่

เมื่อทั้งสองมาเผชิญหน้ากัน เธอจึงถูกจับเป็นเหยื่อสังเวย

จื่ออันได้ยินเสียงหัวเราะของฮองเฮา “เช่นนั้นแล้ว ท่านอ๋องเห็นด้วยแล้วใช่หรือไม่ ทางราชสำนักจะได้ไปกราบทูลรายงานพระราชชนนี”

มู่หรงเจี๋ยยิ้มอย่างเย่อหยิ่ง “ไปเถิด ข้าถึงเวลาที่ควรแต่งงานแล้วเช่นกัน นางไม่แต่งกับองค์จักพรรดิเหลียง แต่กลับเต็มใจแต่งกับข้า ช่างเป็นเรื่องที่น่าอัศจรรย์ยิ่งนัก”

พูดจบก็จ้องไปที่นางอย่างเย็นชา และจึงออกไป

ขาทั้งสองของจื่ออันเริ่มอ่อนแรง สายตาของเขาเต็มไปด้วยอำนาจคุกคามที่ไม่อาจคาดเดาได้ ถ้าเขาจะไม่แต่งงานกับนาง ผลลัพธ์อันแสนจะเลวร้ายที่สุดนั้นก็คือ ถ้าฮองเฮาไม่ฆ่าเขา เขาคงจะต้องลงมือเอง

ฮองเฮาค่อย ๆ นั่งบนตั่ง ในตำหนักมีลมพัดโชยเข้ามา จนทำให้ทั้งร่างของจื่ออันหนาวสั่นสะท้านไปทั่ว เหงื่อที่ไหลออกมาก็แห้งระเหย บาดแผลที่โดนเหงื่อนั้นเริ่มรู้สึกเจ็บปวด

ทุกสิ่งตรงหน้าเริ่มเป็นภาพซ้อนเลือนลาง เธอไม่รู้ว่าเธอจะรอดหรือไม่

ความดุร้ายจากแววตาของฮองเฮาก็จางหายไป เปลื่ยนเป็นสีหน้ายิ้มแย้ม “วันนี้ข้าเหนื่อยล้าทั้งวันเลยเชียว เจ้าออกไปเถอะ ส่วนงานแต่งของเจ้าและอ๋องเหลียง ทางราชสำนักได้ยกเลิกแล้ว และหลังจากได้รายงานให้พระราชชนนีให้ทรงทราบ ทางราชสำนักจะมีรับสั่งให้ราชบริพารออกพระราชกฤษฎีกา การแต่งงานระหว่างเจ้ากับผู้สำเร็จราชการแทนองค์จักรพรรดิ ก่อนที่คำสั่งนี้จะประกาศ เจ้าห้ามแม้แต่จะปริปากพูดสิ่งใด แม้แต่พ่อแม่ของเจ้าก็ห้ามบอกเป็นอันขาด เข้าใจหรือไม่?”