ยอดหมอหญิงมหัศจรรย์ บทที่ 9
ภายในใจของจื่ออันไม่สงบสุขและไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ นางทำได้เพียงคำนับและพูดว่า “เพคะ หม่อมฉันรับทราบ”
ฮองเฮาเงยหน้าขึ้น ดวงตาไม่อ่อนโยนเหมือนเมื่อครู่นี้ กลับกลายเป็นสีหน้าแสนดุดัน “ครั้งนี้เจ้าใช้ืท่านอ๋องเหลียงเป็นเครื่องมือ มิหนำซ้ำยังทำลายชื่อเสียงของพระองค์ ทางราชสำนักควรลงโทษเจ้าอย่างสาสม แต่พอมาคิดดูว่าที่เจ้าวางแผนทำลงไปก็เพื่อแม่ของเจ้า ข้าคิดว่าการลงโทษสถานเบานั้นก็เพียงพอ เข้ามา เตรียมสมุนไพรดอกคำฝอยหนึ่งชามให้นางดื่มเสีย”
อารมณ์โกรธของจื่ออันทะยานสูงขึ้นทันที ร่างกายของเธออ่อนแรงมากแล้ว อีกทั้งชีพจรยังเต้นผิดจังหวะ การตั้งครรภ์จึงถือว่าเป็นเรื่องยากมาก เมื่อกินสมุนไพรดอกคำฝอยลงไป เธอก็ต้องล้มเลิกความหวังไป
พระสนมของผู้สำเร็จราชการแทนองค์จักรพรรดิมู่หรงเจี๋ย คือคนที่ไม่อาจตั้งครรภ์ได้
เป็นหญิงอำมหิตอะไรเช่นนี้
แม้จื่ออันจะไม่ใส่ใจว่าเธอจะตั้งครรภ์ได้หรือไม่ เธอเพียงต้องการมีชีวิตรอด ทว่าก็ยังโกรธฮองเฮาแมนจูผู้นี้อยู่ดี
ทว่า ณ ตอนนี้เธอไม่สามารถทำอะไรได้ แต่ด้วยนิสัยของเธอ เธอจะฆ่าฮองเฮาโดยมิลังเลใจเป็นแน่
ทว่าตอนนี้เธอยังไม่สามารถดูแลตัวเองได้ มิหนำซ้ำยังต้องมาดูแลแม่อีก ไม่ได้ตัวคนเดียวอีกต่อไป
ความรู้สึกนี้ไม่ว่าจะกลั้นเอาไว้ยากแค่ไหน ก็ต้องกลั้นเอาไว้ให้ได้
กล้ำกลืนไปพร้อมกับสมุนไพรดอกคำฝอยให้หมดสิ้น
สายตาที่ดุร้ายของฮองเฮาเมื่อผ่านไปชั่วครู่ ก็มาปรากฏอยู่ข้างหน้าจื่ออัน ทำให้นางเหมือนลูกไก่ในกำมือ และรู้สึกไม่ปลอดภัยเป็นอย่างยิ่ง
ณ เวลานี้เธอรู้ดีว่าในยุคสมัยนี้ต้องใช้ชีวิตให้รอบคอบถึงจะไม่ถูกรังแก ซึ่งต้องทำให้ตนเองนั้นมีทั้งอำนาจ และรวบรวมพละกำลัง เส้นทางที่กำลังเดินไปทั้งยากลำบากและยาวไกล ทว่าหากออกไปจากวังแห่งนี้เมื่อใด เธอจะหาวิธีเอาคืนให้สาสม แม้จะต้องแลกด้วยการนองเลือดก็ตาม
กลิ่นอันหอมหวานของดอกคำฝอย ค่อย ๆ ไหลเข้าสู่ลำคอไปยังกระเพาะ
เธอเวียนหัวเป็นอย่างมาก จึงคุกเข่า และพูดว่า “ทูลฮองเฮา หม่อมฉันขอทูลลา เพคะ”
เสียงของฮองเฮาดังขึ้นอย่างช้า ๆ และไร้อารมณ์ “เจ้ามาทางไหน ก็กลับไปทางนั้นเสีย”
จื่ออันกัดฟันพูด “เพคะ”
เธอออกจากตำหนักไป ไปยืนอยู่ตรงระเบียงหิน เห็นราชบริพารหญิงกำลังตัดแต่งหญ้าที่ลานกว้าง ดอกไม้บานสะพรั่ง ตะกายขึ้นไปบนกำแพงวังอย่างเงียบ ๆ เผยสีสันของดอกโบตั้นที่ยังบานไม่เต็มที่
นางข้าหลวงนางหนึ่งปรากฏตัวข้าง ๆ หล่อน พูดอย่างใจเย็น “คุณหนูใหญ่ ปฏิบัติตามพระราชประสงค์ของฮองเฮาเถิด”
จื่ออันกราบสามครั้ง คำนับเก้าครั้งจากในตำหนักไปจนถึงประตูทางออกทิศตะวันตก ก็ค่ำแล้ว
ยามนี้ถนนหนทางไม่มีผู้ใดเดินไปมาแม้แต่คนเดียว ไม่มีใครเห็นความจนตรอกที่เธอกำลังเผชิญ เธอประคองตัวเองกับกำแพงที่อยู่ฝั่งซ้าย ค่อย ๆ ก้าวไป ราวกับกำลังเดินอยู่บนผ้าฝ้าย เธอใช้กำลังทั้งหมดในการทรงตัว
สุดทางโค้ง เธอเห็นผ้าม่านรถม้าค่อย ๆ เปิดออก เธอเพียงแค่จ้องมอง และจึงจำได้ว่าคือ เซี่ยฉวน คนที่มาจากจวน
ใบหน้าของจื่ออันเผยรอยยิ้มเล็กน้อย เขามาเพื่อฟังข่าวและดูว่าเธอจะรอดชีวิตกลับไปหรือไม่
รถม้าแล่นผ่านไปอย่างรวดเร็ว หายวับไปกับตาของเธอ รถม้าของจวน ทั้ง ๆ ที่รู้ว่าเธอปีนป่ายออกมาจากกำแพง ร่างกายก็บาดเจ็บ แต่กลับไม่ยอมให้เธอขึ้นรถไปด้วย
เธอคิดภายในใจ ข้าจะจำไว้!
ณ ตำหนักนายท่าน
“นายท่าน ฮูหยิน คุณหนูออกมาจากวังแล้ว” เซี่ยฉวนกล่าว
จากการที่จื่ออันถูกเรียกให้เข้าวัง มหาเสนาบดีเซี่ยจึงให้คนมาสืบข่าว หากจื่ออันไม่รอดกลับมา เขาจะเข้าไปรับโทษในวัง
หากจื่ออันรอด เขาจะได้จัดการพิธีแต่งงานใหม่ต่อไป
“ฮองเฮาเมตตาเพียงนั้นเชียวรึ” มหาเสนาบดีเซี่ยแสดงความไม่เชื่ออย่างเย็นชา การปฏิเสธการแต่งงานต่อหน้าสาธารณะชนเป็นเรื่องน่าอายเหลือเกิน ขุนนาง และฮองเฮาผู้สูงส่งสามารถทนการถูกตบหน้าเช่นนี้ได้อย่างไรกัน นี่ทำให้พวกเขาประหลาดใจกันยกใหญ่
มหาเสนาบดีเซี่ยยังคงสับสนงงงวย “เจ้าเห็นถูกคนแน่นะ นางออกจากวังมาแล้วจริง ๆ ใช่หรือไม่”
“ข้าแต่นายท่าน จริงอยู่ที่ทางราชสำนักไม่มีรถม้าออกมาส่งนาง แต่ข้าได้ยินผู้รักษาการหน้าประตูวังได้เล่าว่า ตอนเข้าไปในวังหล่อนได้กราบสามครั้ง คำนับเก้าครั้ง ตอนออกมาก็ทำเช่นนั้น ข้าราชบริพารเห็นนางออกจากวังด้วยตาของตัวเอง หน้าผากของนางบวม มือมีเลือดไหล ดเหมือนว่านางจะถูกทรมานอย่างหนัก”
เขาคิดว่านางไม่สามารถทำให้ฮองเฮาโกรธเป็นแน่ ด้วยความฉลาดเป็นกรดของนางเอง ด้วยตระกูลของฮองเฮามีบารมีราวกับพระอาทิตย์ที่สถิตกลางท้องฟ้า ไม่อาจจะล่วงเกินได้
“ได้ยินมาว่าผู้สำเร็จราชการแทนองค์จักรพรรดิมู่หรงเจี๋ยก็เข้าวังในวันนี้เช่นกันขอรับ แต่มิอาจทราบว่าเข้ามาพบคุณหนูหรือไม่” เซี่ยฉวนพูด
มหาเสนาบดีเซี่ยตกใจ “ผู้สำเร็จราชการแทนองค์จักรพรรดิ อย่างนั้นรึ”
ท่านผู้นี้รับมือด้วยยากทีเดียว เขาดูแลอ๋องเหลียงอย่างดี เขายังใช้คำพูดเกลี่ยกล่อมฮองเฮาได้อีกด้วย แถมเอาจื่ออันไประงับความโกรธของฮองเฮาได้อีก ผู้สำเร็จราชการแทนองค์จักรพรรดิผู้นี้ ไม่ง่ายเลยที่จะรับมือ
การปฏิเสธการแต่งงานวันนี้ คือ ความอับอายของราชสำนัก ผู้สำเร็จราชการแทนองค์จักรพรรดิ จะไม่แก้แค้นได้อย่างไรกัน
มิหนำซ้ำ นับตั้งแต่องค์จักรพรรดิประชวร หลังจากนั้นก็ได้ผู้สำเร็จราชการแทนองค์จักรพรรดิมาดูแลราชกิจบ้านเมืองแทน เขามุ่งเป้าเข้าหาตนเอง หากคิดว่าตัวเองไม่เป็นที่ถูกตาต้องใจ จะเป็นไปได้ไหมที่จะใช้โอกาสนี้ลงมือ
ในใจมหาเสนาบดีเซี่ยอยู่สภาวะคับขัน
“ท่านพี่ ผู้สำเร็จราชการแทนองค์จักรพรรดิ และอ๋องเหลียงมีความสัมพันธ์อันดีต่อกัน เขาจะแก้แค้นตระกูลของพวกเราหรือไม่ก็ตาม อย่างไรเสียคนผู้นี้ก็ไม่อาจรับมือได้ง่าย ๆ” ฮูหยินหลิงหลงพูด
มหาเสนาบดีเซี่ยครุ่นคิด “เพียงเฝ้าคอยว่าการตายของจื่ออัน จะสามารถทำให้ภายในใจของนางจะสงบลงหรือไม่ แต่ถ้าต้องการพาลใส่ผู้อื่น หรือต้องการความจริง ความจริงจะค่อย ๆ เปิดเผยออกมา จริงสิ เจ้าแน่ใจนะว่าองค์รัชทายาทจะอภิเษกกับหว่านเอ๋อ”
ฮูหยินหลิงหลงพูด “หว่านเอ๋อบอกข้าว่า องค์รัชทายาทได้ทรงให้คำสัญญาไว้”
ในใจมหาเสนาบดีรำพึงรำพัน “ดี ดี”
ฮูหยินหลิงหลงมองไปที่เขา แล้วถามอย่างไม่แน่ใจว่า “ถ้าอย่างนั้น หากเซี่ยจื่ออันกลับมาแล้ว ท่านพี่จะทำตามความต้องการของท่านแม่หรือไม่ จะลงมือเมื่อไหร่?”
มหาเสนาบดีเซี่ยครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง “ข้าจะไปถามท่านแม่ จะจัดการกับเรื่องนี้เช่นไร”
ฮูหยินหลิงหลงหัวเราะ “จริง ๆ แล้ว ท่านพี่ไม่จำเป็นต้องไปรบกวนท่านแม่หรอก ช่วงนี้ท่านแม่ไม่ค่อยสบาย เรื่องนี้เราจัดการเองเถอะ”
นางไม่ชอบที่มหาเสนาบดีเซี่ยต้องไปถามฮูหยินผู้เฒ่าแบบนั้น ยิ่งเขาพึ่งพาฮูหยินผู้เฒ่ามากเท่าไหร่ ตำแหน่งของนางในจวนแห่งนี้ก็ยิ่งไม่อาจสั่นคลอน นางทนกับความเจ้าเล่ห์ของฮูหยินผู้เฒ่ามามากพอแล้ว
มหาเสนาบดีเซี่ยไม่เข้าใจความหมายที่นางจะสื่อ รู้แค่ว่านางคงห่วงใยนาง จึงกล่าวว่า “อย่าไปถามท่านแม่เรื่องอื่น ๆ ทว่าเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับนาง ดังนั้นควรถามอย่างรอบคอบ”
พูดจบก็หันหลังจากไป
ฮูหยินผู้เฒ่าไม่แปลกใจที่ได้ยินว่าทรงอนุญาตให้จื่ออันออกจากวังแล้ว หล่อนสูบยาและพูดอย่างแผ่ว ๆ “ข้าคาดการณ์ไว้แล้ว หากฮองเฮาประหารนางในวัง ก็จะดูเหมือนเป็นคนจิตใจคับแคบ ฮองเฮาคงไม่อยากให้ผู้ใดเอ่ยถึงเรื่องนี้เป็นแน่ สิ่งเลวร้ายเหล่านี้ นางจะให้พวกเราลงมือเอง”
“ถ้าเป็นเช่นนั้น ท่านแม่คิดว่าจะลงมือตอนไหนถึงจะดีที่สุด” มหาเสนาบดีเซี่ยถามต่อ ดูเหมือนว่าเขากำลังปรึกษาหารือเรื่องสำคัญ มากกว่าการพูดถึงเรื่องกำจัดลูกสาวของตนเองที่เลวร้ายนี้
“รอสักสองวันเถอะ หากนางตายทันที่เมื่อถึงบ้าน คนอื่นจะเดาว่าฮองเฮาวางยาหล่อน กลับบ้านแล้วยาถึงจะออกฤทธิ์ สิ่งนี้ไม่เป็นผลดีต่อฮองเฮาและหว่านเอ๋อในภายภาคหน้า ไม่ต้องรีบ เพียงแค่รอ” ฮูหยินผู้เฒ่าวางยาสูบไว้บนโต๊ะ จากนั้นก็เข้ามาล้างปากด้วยน้ำชา นางค่อย ๆ จิบชา แล้วเงยศีรษะบ่วนน้ำใส่โถ
“ลูกรับทราบแล้ว” มหาเสนาบดีเซี่ยพูดอย่างเคารพ
จากนั้นเขาถามอย่างกังวลใจว่า “ฮองเฮาจะพระราชทานอภัยโทษให้แก่นางไหม หากพวกเราฆ่านาง เกรงว่าฮองเฮา…”
ฮูหยินผู้เฒ่าเงยหน้าจ้องมองเขา “เจ้ามีสมองบ้างไหม หากฮองเฮาอภัยโทษให้แก่นาง จะให้นางกราบสามครั้ง คำนับเก้าครั้ง ก่อนออกมาจากวังทำไม”
ความชัดเจนนี้ทำให้กลายเป็นเครื่องเตือนใจพวกเรา
มหาเสนาบดีเซี่ยครุ่นคิด และยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ “ใช่แล้ว เพราะความรอบคอบของท่านแม่แท้ ๆ เชียว”