บทที่ 116 ทำลายกระบี่

เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此]

บทที่ 116 ทำลายกระบี่

วูบ!

กระบี่ล่าปีศาจปลิวไปปักลงที่หินก้อนหนึ่ง ด้ามจับของมันยังคงสั่นไหวไปมาด้วยแรงสะเทือน

“เฮื้อก…”

เสว่เหยียนกระอักเลือดออกมาจากปากคำใหญ่

ร่างกายอ่อนระโหยโรยแรง

กลุ่มคนดูถึงกับตกตะลึง

บรรดามือกระบี่ดาวรุ่งจ้องมองเสว่เหยียนกับหลินเป่ยเฉินด้วยความไม่อยากเชื่อสายตา ไม่อยากเชื่อในผลการแข่งขันที่ออกมา

เสว่เหยียนแทบเสียสติแล้ว

ริมฝีปากของเขาบิดเบี้ยว

เด็กหนุ่มหน้าเหลี่ยมก็ไม่ชอบใจเช่นกัน

ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของพละกำลังหรือพรสวรรค์ ไม่มีใครปฏิเสธความสามารถของเขาได้เด็ดขาด

ในกลุ่มมือกระบี่ดาวรุ่งค่ำคืนนี้ เสว่เหยียนคืออันดับต้นๆ ในรายชื่อผู้เข้าร่วมงาน

แต่ในที่สุด เขากลับต้องมาพ่ายแพ้ให้แก่หลินเป่ยเฉินในกระบวนท่าเดียว

จังหวะที่ ‘กริชเจิ้งอี้’ ตวัดตัดแนวขวาง ได้เกิดเสียงคลื่นน้ำจำนวนมหาศาลถาโถมใส่หูของทุกคน

เจ้าเศษขยะไร้ความสามารถที่นอนหลับคาโต๊ะอาหาร กลับสามารถใช้วิชา ‘กระบี่สายน้ำไหล’ ได้น่ากลัวถึงเพียงนี้เชียวหรือ?

กลุ่มมือกระบี่ดาวรุ่งทั้งหลายดูจะไม่เข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้นแม้แต่น้อย

ไป๋ชินหยุนอ้าปากเหวอด้วยความตกตะลึง

นางถึงกับเตรียมคำปลอบใจไว้พูดกับหลินเป่ยเฉินเรียบร้อยแล้ว แต่บัดนี้ เด็กสาวต้องเก็บคำเหล่านั้นกลับคืนไปขณะพึมพำออกมาโดยไม่รู้ตัวว่า “คนเสเพล ท่านโกงผู้อื่นใช่หรือไม่? ท่านหลับอยู่ตลอดเวลา เหตุไฉนถึงสามารถโจมตีได้รุนแรงขนาดนี้?”

“ที่ผ่านมา เขาตบตาพวกเรามาตลอดเลยสินะ?”

มือกระบี่อาวุโสหลายคนมีสีหน้าประหลาดใจ แม้แต่เฒ่าทะเลผู้เป็นกรรมการก็เช่นกัน

ทุกอย่างมันแปลกประหลาดมากเกินไป

ได้ยินเสียงพูดจากในเงามืดว่า

“อุ๊วะ น่าประทับใจไม่น้อยเลยนะเนี่ย ไม่เจอกันเพียงปีกว่า ถือว่าพัฒนาตัวเองได้น่ากลัวมาก”

หลิงอู๋เองก็ตกอยู่ภายใต้ความตกตะลึงเช่นกัน

เขารู้อยู่แล้วว่าการประลองครั้งนี้มีกฎระเบียบอย่างไร

หลินเป่ยเฉินใช้เวลา 2 ก้านธูปไปกับการนอนหลับ เรื่องนั้นหลิงอู๋ก็รับทราบเช่นกัน

แต่เจ้าแกะดำกลับเข้ารอบได้หน้าตาเฉย

ทำได้อย่างไรกันนะ?

หลิงอู๋เริ่มให้ความสนใจมากขึ้น

ดูเหมือนว่าเพียงเจ้าแกะดำโบกสะบัดแขนเสื้อเล็กน้อย ก็สามารถเอาชนะใจน้องสาวของเขาได้แล้วด้วยซ้ำ

แต่การโจมตีเมื่อสักครู่น่าเหลือเชื่อเกินไป

หลิงอู๋เคยเห็นมือกระบี่ยอดอัจฉริยะมานับไม่ถ้วน

ในกลุ่มอัจฉริยะเหล่านั้น การใช้วิชากระบี่ได้ยอดเยี่ยม ทั้งที่มีเวลาอ่านเพียง 2 ก้านธูป นับเป็นเรื่องที่สามารถเป็นไปได้ ไม่ใช่สิ่งผิดปกติ

แต่ไม่เคยมีใครสามารถใช้กระบวนท่าได้ยอดเยี่ยมขนาดนี้ ทั้งที่ใช้เวลา 2 ก้านธูปไปกับการนอนหลับมาก่อน

หลินเป่ยเฉินมีเคล็ดลับอะไร?

หรือว่าหลินเป่ยเฉินจะเคยศึกษาวิชากระบี่สายน้ำไหลมาก่อน?

ก็อาจเป็นไปได้

“แต่พอลองมองดูให้ดี เจ้าแกะดำคนนี้ก็เป็นยอดอัจฉริยะเหมือนกันแฮะ ถ้าให้คู่กับน้องสาวเรา ก็ไม่เห็นจะเสียหายตรงไหนเลย…”

หลิงอู๋คิดอยู่ในใจโดยไม่รู้ตัว

หลังจากนั้น เขาก็หันไปมองหน้าหลิงเฉิน

เด็กสาวนั่งท้าวคางจ้องมองหลินเป่ยเฉินด้วยสายตาเทิดทูนเลื่อมใส

ทำให้หลิงอู๋กลับมารู้สึกหงุดหงิดอีกครั้ง

ทำไมผู้หญิงในตระกูลของข้าถึงได้…เฮ้อ

ทันใดนั้นเอง…

“ข้าแพ้แล้ว”

เสว่เหยียนพูดออกมาเสียงดัง

เด็กหนุ่มหน้าเหลี่ยมพริ้วกายเหมือนนกบิน กระโดดไปดึงกระบี่ล่าปีศาจออกจากก้อนหินใหญ่ จากนั้นจึงทิ้งตัวกลับมายืนจ้องหน้าหลินเป่ยเฉินบนพื้นดิน และแยกเขี้ยวใส่ฝ่ายตรงข้ามด้วยความอาฆาตแค้น “แต่ข้าจะไม่ยอมรับความพ่ายแพ้แบบนี้เด็ดขาด เมื่องานประลองคืนนี้จบลง ข้าจะขอท้าดวลกับเจ้าอีกครั้ง”

หลินเป่ยเฉินหมุนตัวเดินกลับมานั่งที่โต๊ะอาหารเหมือนไม่ได้ยิน

ไป๋ชินหยุนรีบขยับเก้าอี้เข้ามาถามทันทีว่า “นี่ ท่านทำได้อย่างไรกัน?”

นับเป็นคำถามที่ทุกคนอยากรู้

หลินเป่ยเฉินตอบด้วยน้ำเสียงราบเรียบว่า “ฮ่าฮ่า นับเป็นวิชากระบี่ที่ง่ายดายยิ่ง กวาดตามองเพียงแวบเดียว ข้าก็สามารถจดจำทั้งหมดได้แล้ว ไม่เห็นจะยากเย็นตรงไหน ที่พวกเจ้าทำไม่ได้ ก็เพราะสติปัญญาของพวกเจ้ามันโง่เขลาเกินไปต่างหาก”

เมื่อได้ยินดังนั้น ไป๋ชินหยุนก็อยากจะหยิบขวดเครื่องดื่มบนโต๊ะเทราดลงไปบนศีรษะของเขาอีกครั้ง

ทุกคนที่ได้ยินคำตอบถึงกับหน้านิ่วคิ้วขมวดโดยไม่รู้ตัว

การประลองดำเนินต่อไป

เพียงไม่นาน คนที่ต้องตกรอบก็เพิ่มมากขึ้น

เมื่อจบการประลองรอบแรก ก็มีผู้ที่ผ่านเข้ารอบเพียง 10 คนเท่านั้น ประกอบไปด้วย หลินเป่ยเฉิน เฉาพั่วเถียน ฉยงหลิน ซ้งเชวอี้ ซ้งชิงเฟิง ปาต้าจุย หมิงลั่วเถียน ตงฟางจัน และหลินไห่ถัง

การประลองรอบที่ 2 ยังคงอยู่ภายใต้การดูแลของเฒ่าทะเล

ยิ่งการประลองดำเนินไป การต่อสู้ก็ยิ่งดุเดือดมากขึ้น

นั่นเป็นเพราะว่ายิ่งต่อสู้กันมากขึ้น บรรดามือกระบี่ดาวรุ่งก็สามารถใช้วิชากระบี่สายน้ำไหลได้คล่องแคล่วมากขึ้น

นอกจากอาศัยความเข้าใจด้วยการอ่านคัมภีร์ในระยะเวลา 2 ก้านธูปแล้ว เหล่ามือกระบี่อัจฉริยะก็ใช้วิธีพลิกแพลงจากการดูการประลองของผู้อื่นด้วยเช่นกัน

และเฉาพั่วเถียนก็ยังคงแข็งแกร่งไร้เทียมทาน

“กระบี่ของเจ้ามีนามว่ากระบี่พิฆาตสวรรค์เหมือนของข้า” เด็กหนุ่มถลึงตาจ้องมองคู่ประลอง ซึ่งก็คือเซี่ยหยุนหรง “เอาเป็นว่าการประลองครั้งนี้ ผู้ชนะจะได้ถือครองกระบี่พิฆาตสวรรค์ต่อไป ในขณะที่ผู้แพ้ต้องส่งมอบกระบี่ของตนเองออกมา เจ้าว่าเข้าท่าดีหรือไม่?”

เซี่ยหยุนหรงเป็นยอดอัจฉริยะจากเมืองหรง มีความมั่นใจในตัวเองเปี่ยมล้น แต่ตลอดเวลามักทำตัวเงียบขรึมไม่พูดไม่จา ครั้งนี้ก็ตอบเพียงสองคำว่า “ย่อมได้”

เคล้ง!

ทั้งสองฝ่ายชักกระบี่เข้าห้ำหั่นกัน

สามกระบวนท่าผ่านไป

เซี่ยหยุนหรงก็ต้องเซถอยหลังกระอักเลือดออกมาจากปาก

“ข้าแพ้แล้ว”

เด็กหนุ่มจำต้องยื่นส่งกระบี่ที่เพิ่งคัดเลือกมากับมือให้แก่เฉาพั่วเถียนด้วยความเจ็บใจยิ่ง “กระบี่เล่มนี้มีจิตวิญญาณของข้าอยู่ในนั้น พั่วเถียน ได้โปรดดูแลมันให้ดี”

เฉาพั่วเถียนตอบเสียงเรียบ “ข้าไม่อยากได้กระบี่เล่มนี้สักหน่อย”

เมื่อได้ยินดังนั้น หลายคนก็เข้าใจว่าเฉาพั่วเถียนใจดีมีเมตตา คิดจะคืนกระบี่พิฆาตสวรรค์ให้แก่เซี่ยหยุนหรง

เช้ง!

ประกายกระบี่สาดวูบ

เฉาพั่วเถียนตวัดกระบี่ในมือของตนเองตัดกระบี่ในมือเซี่ยหยุนหรงหักกระจาย

“โลกนี้มีกระบี่พิฆาตสวรรค์ได้เพียงเล่มเดียวเท่านั้น” เฉาพั่วเถียนพูดออกมาอย่างไร้ความรู้สึก

“เจ้า…”

เซี่ยหยุนหรงโกรธแค้นจนใบหน้ากระตุก

แค่ต้องส่งมอบกระบี่ให้ฝ่ายตรงข้ามก็เจ็บปวดมากพอแล้ว เขาเพิ่งได้ครอบครองกระบี่เล่มนี้เพียงระยะเวลาไม่นาน ซ้ำยังเป็นคนได้ตั้งชื่อมันด้วยตัวเอง ความผูกพันจึงกำลังเพิ่มพูน เสมือนเพื่อนใหม่ได้ทำความรู้จักกันมากขึ้นเรื่อยๆ แต่ท้ายที่สุด เซี่ยหยุนหรงกลับได้แต่มอง ‘เพื่อนใหม่’ ของเขาถูกทำลายไปต่อหน้าต่อตา…

“ท่านทำเกินไปแล้ว”

ไป๋ชินหยุนลุกขึ้นยืนส่งเสียงโวยวาย “เซี่ยหยุนหรงเป็นคนตั้งชื่อกระบี่พิฆาตสวรรค์ก่อนท่านเสียอีก เฉาพั่วเถียน ของแบบนี้ใครตั้งก่อนก็ได้ก่อนสิ แต่ท่านกลับทำลายกระบี่ของเขา นับว่าโหดร้ายนัก”

เมื่อได้ยินเสียงของเด็กสาว ทุกคนจึงกลับมาได้สติอีกครั้ง

จริงด้วยสินะ

ตอนที่เข้าแถวตั้งชื่อกระบี่ เซี่ยหยุนหรงเป็นคนที่ตั้งชื่อกระบี่พิฆาตสวรรค์ก่อนหน้าเฉาพั่วเถียน

เด็กหนุ่มผมทองรู้ทั้งรู้ว่ากระบี่ชื่อนี้มีคนตั้งไปแล้ว แต่เขาก็เจตนาตั้งซ้ำเดิม แถมตอนนี้ยังมาทำลายกระบี่ของคู่ต่อสู้เสียอีก…

นับเป็นพฤติกรรมที่หยาบคายและโหดร้ายต่อจิตใจที่สุด

ทว่า เฉาพั่วเถียนไม่ได้หันกลับมามองไป๋ชินหยุนเลยสักนิดเดียว

“หากเจ้าอยากโทษใครสักคน ก็จงโทษตัวเองเสียเถอะที่อ่อนแอมากเกินไป” เฉาพั่วเถียนขึงตาใส่เซี่ยหยุนหรง กล่าวว่า “คนอ่อนแอก็ต้องพ่ายแพ้ ไม่สมควรอยู่ในการประลองอีกต่อไป”

เซี่ยหยุนหรงจ้องมองฝ่ายตรงข้ามด้วยความโกรธแค้นอยู่นานสองนาน ก่อนที่จะเดินกลับลงมาจากเวทีด้วยความเงียบงัน

เด็กหนุ่มอัจฉริยะจากเมืองหรงผู้เงียบขรึม ตั้งปณิธานแน่วแน่ว่าจะต้องฝึกฝนฝีมือกระบี่ของตนเองให้แข็งแกร่งมากกว่านี้ แล้วเขาจะต้องท้าดวลเฉาพั่วเถียนอีกครั้ง แม้คู่ต่อสู้จะมีสถานะเป็นถึงลูกศิษย์ของเมืองไป๋หยุนก็ตาม แต่เซี่ยหยุนหรงจะพิสูจน์ว่าตนเองควรค่าต่อการประลองกับเฉาพั่วเถียนให้ได้

หลังจากนั้น การประลองก็ดำเนินต่อไป

ผู้ชนะและผู้แพ้ปรากฏให้เห็นในสายตา

กระบี่กลืนกินของเด็กหนุ่มร่างอ้วนปาต้าจุยสามารถเอาชนะฉยงหลินได้อย่างง่ายดาย

คู่ต่อสู้ในการประลองรอบที่ 2 ของหลินเป่ยเฉินคือหลินไห่ถัง เด็กหนุ่มจอมร้ายกาจผู้หลงตัวเอง

ฝีมือของเจ้าแกะดำยังคงน่าทึ่งเช่นเคย

‘กริชเจิ้งอี้’ โจมตีเพียงกระบวนท่าเดียวเท่านั้น

หลินไห่ถังก็ต้องเซถอยหลังไปทันที

กลุ่มคนดูส่งเสียงอุทานด้วยความตกตะลึง

เฒ่าทะเลมีดวงตาเป็นประกายแวววาวด้วยความประหลาดใจ

“วิชากระบี่สายน้ำไหลเป็นวิชาที่ข้าเพิ่งคิดค้นขึ้นมา นี่คือการนำมาเผยแพร่เป็นครั้งแรก ไม่มีทางที่เด็กหนุ่มพวกนี้จะเคยศึกษามาก่อน แต่เจ้าหลินเป่ยเฉินกลับสามารถใช้งานได้คล่องแคล่วถึงเพียงนี้ ทั้งที่ก่อนหน้านี้นอนหลับอยู่ตลอดเวลา…ดูท่าแล้ว ตอนนั้นเขาคงแกล้งหลับ และใช้สมาธิศึกษาคัมภีร์กระบี่อยู่เป็นแน่แท้ แต่ถึงจะมีความยอดเยี่ยมระดับนี้ เกรงว่าเขาก็ยังมีฝีมือเป็นรองเฉาพั่วเถียนเล็กน้อยอยู่ดี”

เฒ่าทะเลคิดกับตัวเอง

หลังจากนั้นไม่นาน การประลองรอบที่ 2 ก็จบลง

ผู้ที่ผ่านเข้ารอบได้แก่หลินเป่ยเฉิน เฉาพั่วเถียน ซ้งเชวอี้ หมิงลั่วเถียนและปาต้าจุย

ปาต้าจุยหยิบได้แผ่นไม้ไร้หมายเลข จึงผ่านเข้ารอบต่อไปโดยอัตโนมัติ

หลินเป่ยเฉินจับได้คู่ประลองเป็นซ้งเชวอี้

เฉาพั่วเถียนมีคู่ประลองเป็นหมิงลั่วเถียน

ณ บัดนี้ การประลองของบททดสอบที่สองดำเนินมาถึงช่วงสำคัญแล้ว