เรื่องของลั่วคายหยวนบังเอิญเกินไป ยังบังเอิญหายตัวไปสามวัน บังเอิญไม่มีภาพบันทึกจากหินบันทึกภาพ บังเอิญส่งลั่วคายหยวนไปผิดที่ บังเอิญคนที่เก็บวิญญาณไม่ใช่คนอื่น แต่เป็นถังเฉิน ผู้ชนะการประลองใหญ่ของเสวียนเหมินครั้งก่อน ซึ่งเป็นคนที่โลกมนุษย์ไม่ยอมเสียไปอย่างง่ายดาย
ความบังเอิญทั้งหมดเหล่านี้ราวกับเตรียมการไว้เพื่อก่อให้เกิดความขัดแย้งระหว่างโลกมนุษย์และยมโลก อีกฝ่ายใช้ประโยชน์จากมิติที่พังพินาศสำหรับเจ้าของ แต่เป็นสมบัติล้ำค่าสำหรับผู้อื่น หากไม่เกิดความสงสัยคงต้องรู้สึกผิดต่อสติปัญญาของตนเอง
อีกฝ่ายคงคาดไม่ถึงว่า ถังเฉินจะส่งมอบมิติที่คนทั่วยุทธภพต้องการให้อวิ๋นเจี่ยวอย่างไม่ลังเล ทำให้แผนการสมบูรณ์แบบนี้ปรากฏสิ่งผิดปกติตั้งแต่แรก
หากโลกมนุษย์ไม่รับรู้ถึงคงการมีอยู่ของมิตินี้หมด ถังเฉินเกิดความโลภเพียงเล็กน้อยต่อมิติ เช่นนั้นปมระหว่างสองโลกคงไม่อาจแก้ไขได้ไปตลอดกาล
“หากต้องหารพิสูจน์ว่าใช่หรือไม่นั้นง่ายมาก” อวิ๋นเจี่ยวยืนขึ้น แล้วเดินขึ้นหน้าสองก้าว ยื่นลูกแก้วในมือออกไปให้หลงฉาง “อาจารย์อาหลง ท่านช่วยดึงเส้นชีพจรเทพจากด้านในมิตินี้ออกมา ดูว่าด้านในสีลูกแก้วกำเนิดวิญญาณหรือไม่ เรื่องนี้ก็คงกระจ่างแล้ว!”
“เจ้าจะทำลายมิตินี้?!” หลงฉางตะลึง ถึงแม้ตัวเขาเองจะรู้สึกว่าโลกสวรรค์ไม่มีคนปกติ แต่มิติเช่นนี้พังทลายไป มันไม่น่าเสียดายไปหน่อยหรือ เพียงเพราะต้องการพิสูจน์ให้เขาเห็นว่าเรื่องนี้ไม่ใช่ฝีมือของเสวียนเหมิน?
“ใช่!” อวิ๋นเจี่ยวพยักหน้า
หลงฉางมองเธอด้วยสีหน้าฉงน “เจ้าไม่เสียดาย?”
ชายแก่ที่อยู่ด้านข้างมีความลังเล เขาดึงอวิ๋นเจี่ยวแล้วพูดขึ้น “เจ้าหนูหรือไม่คิดหาวิธีอื่น?” แบบที่ไม่ต้องพังมิติทิ้ง
“ไม่ต้อง” อวิ๋นเจี่ยวสีหน้าไม่เปลี่ยนแปลง เธออธิบายขึ้น “หากมีลูกแก้วกำเนิดวิญญาณอยู่จริง ด้านในต้องมีเศษเสี้ยววิญญาณอื่นอีกเป็นแน่ รีบดึงออกมาเร็วเท่าไรยิ่งดี”
“แต่มิติใหญ่เช่นนี้หาได้ยากมาก!” หลงฉางพูดเสริม
อวิ๋นเจี่ยวเงยหน้ามองเขาก้วยความประหลาดใจ ก่อนจะพูดขึ้น “มูลค่าเป็นเพียงคำจำกัดความที่มนุษย์ให้แก่สิ่งของเท่านั้น ไม่ว่าสิ่งของล้ำค่าแค่ไหนก็ล้วนมีมูลค่าสูงสุดของมัน แต่ว่า…ชีวิตกลับตีเป็นมูลค่าไม่ได้” อวิ๋นเจี่ยวมองตรงไปยังทั้งสองคน “สำหรับข้า มิตินี้ไร้ค่าอย่างสิ้นเชิงเมื่อเทียบกับชีวิตที่อาจยังอยู่ในลูกแก้วกำเนิดวิญญาณ!” ยกเว้นเงินและอาร์เอ็มบี!
หลงฉาง: “…”
ชายแก่: “…”
ทั้งสองคนผงะไป พร้อมกับปรากฏความอับอายขึ้นมาในใจ
ใช่แล้ว พวกเขาคิดอะไรอยู่ หากด้านในมีลูกแก้วกำเนิดวิญญาณจริง แสดงว่ามีวิญญาณนับหมื่นติดอยู่ในนั่น วิญญาณจำนวนมากเช่นนี้ จะไม่สำคัญไปกว่าลูกแก้วลูกเดียวหรือ
“ข้าคิดผิดเอง” หลงฉางตั้งสติ ก่อนจะยื่นมือออกมา “เพียงแต่มิติใหญ่เช่นนี้ เส้นชีพจรถูกฝังไว้เป็นเวลานาน หากใช้พลังของข้าเพียงคนเดียวคงต้องใช้เวลาระยะหนึ่งในการดึงออกมา…”
เขาพูดยังไม่ทันจบ มือกำลังจะยื่นออกไปรับลูกแก้ว อวิ๋นเจี่ยวกลับส่งลูกแก้วให้คนด้านข้างแทน
“‘จี้เฉิน มาช่วยหน่อย”
หลงฉาง: “…”
เหตุใดมีความรู้สึกเหมือนโดนดูถูก เขาไม่ได้บอกว่าไม่ช่วยเสียหน่อย
ชายหนุ่มที่ไม่พูดไม่จา เพียงแค่นั่งดื่มน้ำชา กินขนมอย่างเงียบๆ บนเก้าอี้มองลูกแก้วที่ยื่นมาทีหนึ่ง ยื่นมือออกไปรับหลังจากที่ยัดขนมเข้าปากจนหมด
“ได้”
“เดี๋ยวก่อน!” หลงฉางครานี้คิดจะช่วยจริงๆ ลุกขึ้นเตือน “มิตินี้มีพลังแห่งกฎเหล็กเปลว หากทำลายอย่างกะทันหันอาจทำให้เกิดการทำลายของมิติ อีกทั้งยังอาจส่งผลกระทบต่อเมืองหมื่นเฟินอีก ให้ข้า…”
เปรี๊ยะ!
เขาพูดยังไมาทันจบ กลับเห็นชายหนุ่มกำมือเข้าหากัน ก่อนที่ลูกแก้วที่มีพลังแห่งกฎเกณฑ์แหลกละเอียดเป็นผุยผง จากนั้นได้ยินเพียงเสียงซ่าดังขึ้น ก่อนที่จะมีแสงห้าสีลอยออกมาจากในมือของเขา นั่นคือพลังห้าธาตุของมิติ
ส่วนเส้นชีพจรเทพนั้น ในเวลาถูกอีกฝ่ายจับเอาไว้ในมือ สีขาวสะอาดตา รูปลักษณ์ราวกับสายฟ้ากำลังส่งเสียงดังซ่า มันพยายามดิ้น ราวกับต้องการหลุดจากมือของอีกฝ่าย แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่อาจหลุดพ้นได้
หลงฉาง: “…”
( ̄△ ̄;)
อะไรกัน! ไหนมิติพังทลาย หรือว่าความรู้ที่เขาศึกษามานั่นผิด หรือว่าอาจารย์หลอกเขา ไม่! อาจารย์ไม่มีทางผิด ต้องเป็นชายหนุ่มที่ชื่อจี้เฉินคนนี้ใช้วิธีพิเศษบางอย่างควบคุมมิติเอาไว้
อืม ต้องใช่แน่!
“หาลูกแก้วกำเนิดวิญญาณเจอหรือไม่” อวิ๋นเจี่ยวมองเส้นชีพจรเทพในมือของอาจารย์ปู่ เพียงแต่แสงสีขาวสว่างเกินไป อีกทั้งอยู่ในยมโลก เส้นขีพจรเทพยิ่งทิ่มตามากขึ้น ทำให้ไม่อาจหาตำแหน่งของลูกแก้วกำเนิดวิญญาณได้
เยี่ยยวนได้ยินดังนั้น เขายัดขนมบนมืออีกข้างเข้าปากทันที จากนั้นมือหนึ่งจับเส้นชีพจรเทพ อีกมือจับที่เส้น ก่อนจะลูบไปจนสุดรางกับล้างไส้เป็ด
ทั้งสามคนได้ยินเพียงเสียงซ่าที่ส่งออกมาจากเส้นชีพจรเทพ…ราวกับกำลังกรีดร้องอย่างโหยหวน จากนั้นตามมาด้วยเสียงบางอย่างกระทบพื้น พวกเธอเห็นเพียงลูกแก้วสีขาวกลมล่วงหล่นลงมาจากเส้นชีพจรเทพ ก่อนจะกลิ้งไปบนพื้น
“ลูกแก้วกำเนิดวิญญาณ!” ชายแก่อุทานออกมา “เส้นชีพจรเทพนี้ใช้วิญญาณเพาะเลี้ยงจริงด้วย!”
เมื่อลูกแก้วกำเนิดวิญญาณหล่นออกมา เส้นชีพจรเทพบนมือของเยี่ยยวนก็ดับลงไปทันทีราวกับขาดสารอาหาร ไม่ถึงชั้วครู่ก็สลายหายไป
สีหน้าของหลงฉางเคร่งเครียดขึ้นมา เขาท่องคาถาให้แสงสีขาวห่อหุ้มลูกแก้วบนพื้นเอาไว้ จากนั้นลอยมาตรงหน้าเขา
หลงฉางอยู่ในยมโลกมานับหมื่อนปี เขามองออกว่าภายในลูกแก้วกำเนิดวิญญาณนี้เต็มไปด้วยกลิ่นอายของวิญญาณ รวมไปถึงความอาฆาตอย่างมหาศาล!
“ดูท่าทางเรื่องนี้เป็นฝีมือของโลกสวรรค์จริงๆ” หลงฉางรับลูกแก้วกำเนิดวิญญาณมา ก่อนจะพบว่าลายเส้นบนลูกแก้วที่กำลังไหลเวียนอยู่นั้นคือวิญญาณที่ถูกดูดเข้าไป นิ้วของเขาลูบไล้ลายเส้นเหล่านั้น สายตาเต็มไปด้วยความเคร่งเครียด
“อาจารย์อาหลง วิญญาณในลูกแก้วนี้ใกล้สลายแล้ว รีบปล่อยกลับคืนสู่แม่น้ำหยินเถอะ” ชายแก่พูด
“อืม” หลงฉางพยักหน้า นิ้วมือของเขายังคงลูบไล้ลายเส้นบนลูกแก้วอยู่ เขาเรียกคนหนึ่งเข้ามา พร้อมกำชับให้เขาโยนลูกแก้วกำเนิดวิญญาณลงในแม่น้ำหยิน
ก่อนจะหลับตาลง สักพักเขาหันมามองอวิ๋นเจี่ยวและชายแก่ ยิ่งมองยิ่งพอใจ
ดวงตาของเขาหรี่ลงเล็กน้อยราวกับตัดสินใจบางอย่างได้ มุมปากของเขายกขึ้น ก่อนจะยิ้มให้ทั้งสองคนด้วยความสดใสเกินเหตุ ทันใดนั้นคนทั้งคนราวกับมีบางอย่างเปลี่ยนไป เขาพลางยิ้มพลางพยักหน้า “ไม่เลว พวกเจ้าทั้งสอง…สมกับที่เป็นลูกศิษย์ชิงหยาง!”
อวิ๋นเจี่ยว: “…”
ชายแก่: “…”
ทั้งสองคนตัวสั่นเทา ทันใดนั้นรู้สึกเสียงสันหลังเล็กน้อย