“ใช่! เสียดายที่พบเพียงเศษเสี้ยวเดียวเท่านั้น” อวิ๋นเจี่ยวพยักหน้า ก่อนจะหยิบยันต์เก็บวิญญาณใบนั้นยื่นออกไป
หลงฉางผงะไปเล็กน้อย เขาก้มมองยันต์บนมือของนาง ไม่รู้ว่านางคิดไปเองหรือไม่ แต่เหมือนรู้สึกว่าสีหน้าของเขาเปลี่ยนไปเล็กน้อย ดวงตาของเขามีบางอย่างแวบผ่านไป สักพักเขายกมือขวาขึ้น ยื่นนิ้วออกมาสองนิ้วหนีบยันต์ในมือของนางไป
ในขณะรับไป เขาก็ปลดปล่อยเศษเสี้ยววิญญาณด้านในออกมา ภายในห้องโถงปรากฏร่างที่เลือนรางขึ้นมา เลือนรางจนแทบจะมองไม่เห็น ราวกับจะสลายไปได้ทุกเวลา
“นี่เป็นเศษเสี้ยววิญญาณของลั่วคายหยวนจริงๆ” หลงฉางเดินขึ้นหน้าสองก้าว คิ้วของเขาขมวดมากขึ้น “เพียงแต่วิญญาณของเขาสลายจนกระทั่ง แม้แต่รูปร่างวิญญาณยังไม่อาจรวมได้ เกรงว่าพลังวิญญาณมากแค่ไหนก็ไม่อาจซ่อมแซมวิญญาณของเขาได้”
“ไม่จำเป็นต้องใช้พลังวิญญาณซ่อมแซมวิญญาณของเขา” อวิ๋นเจี่ยวพูด
“ไม่ใช้พลังวิญญาณ?!” หลงฉางผงะ “เจ้ามีวิธีอื่น?”
“ปล่อยเขาลงในแม่น้ำหยิน” อวิ๋นเจี่ยวครุ่นคิด ก่อนจะเอ่ยเสริม “ราชายมโลกเป็นคนพูด เขาบอกว่าแม่น้ำหยินเป็นแม่น้ำวิญญาณของยมโลก ภายในมีพลังการเวียนว่ายตายเกิด สามารถซ่อมแซมวิญญาณที่ได้รับบาดเจ็บ”
หลงฉางกระชับมือข้างตัวแน่นด้วยความลังเล ก่อนจะเงยหน้ามองเศษเสี้ยววิญญาณตรงกลางโถง สักพักเขาพยักหน้าราวกับตัดสินใจได้ “ในเมื่อท่านราชายมโลกเป็นคนพูด คงจะไม่ใช่เรื่องหลอกลวง”
“เข้ามา!” เขาเรียกคนหนึ่งเข้ามาจากด้านนอก จากนั้นชี้ไปยังเศษเสี้ยววิญญาณที่เลือนรางกลางโถง “นำเศษเสี้ยววิญญาณนี้ ไปยังแม่น้ำหยินที่ใกล้ที่สุดโดยเร็ว”
“ขอรับ เจ้าเมือง!” คนผู้นั้นรีบท่องคาถาดึงวิญญาณ
อวิ๋นเจี่ยวนึกบางอย่างขึ้นได้ นางพูดขึ้น “จริงสิอาจารย์อาหลง ถึงแม้แม่น้ำหยินจะสามารถซ่อมแซมวิญญาณได้ แต่เมื่อลงแม่น้ำไปแล้ว จะชะล้างอดีตของเขาทั้งหมด อีกทั้งอาจกลับขึ้นมาไม่ได้ ทำได้เพียงเข้าสู่หนทางแห่งการไปเกิดใหม่”
“ไม่เป็นไร รีบไป!” หลงฉางไม่ลังเล ราวกับเร่งรีบในการช่วยเหลือเศษเสี้ยววิญญาณ เขาโบกมือให้คนผู้นั้นนำเศษเสี้ยววิญญาณออกไป จนกระทั่งทั้งสองคนหายลับไป จึงได้หันมาอธิบาย “เขาเป็นเศษเสี้ยววิญญาณแล้ว ถึงจะไม่ได้อ่อนแอเช่นนี้ ก็คงจำเรื่องอดีตไม่ได้ ไม่เกี่ยวกับลงหรือไม่ลงแม่น้ำหยิน”
อวิ๋นเจี่ยวครุ่นคิด ก็จริงอย่างที่อีกฝ่ายพูด เศษเสี้ยววิญญาณของหานซูในนั้นแข็งแกร่งกว่าคนนี้มาก แต่เขาก็ยังจำอะไรไม่ได้
เมื่อไม่มีวิญญาณนั้น ภายในห้องโถงสว่างไสวขึ้นมาอีกครั้ง หลงฉางนั่งกลับเข้าที่ ท่าทางของเขาเป็นมิตรเหมือนอย่างเคย เขายิ้มเล็กน้อยก่อนจะมองมายังทั้งสามคน “ศิษย์หลานทั้งสอง พวกเจ้าพาเศษเสี้ยววิญญาณมาที่นี่ได้ แสดงว่าพวกเจ้าต้องสืบเรื่องนี้ได้แล้ว ตกลงเรื่องเป็นอย่างไรกันแน่”
อวิ๋นเจี่ยวผงะ ก่อนจะส่ายหัว “เหตุการณ์ที่แน่ชัดพวกข้ายังไม่แน่ใจ แต่คงจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับสวรรค์”
“พวกเจ้ายังหาคนร้ายไม่พบ?” หลงฉางมองทั้งสองคนอย่างฉงน “แต่ข้าได้ยินว่า มีลูกศิษย์เสวียนเหมินคนหนึ่งทำร้ายเขา อีกทั้งยังขังเขาไว้ในบ่อน้ำโบราณ”
“ไม่ใช่!” ชายแก่ตอบกลับ “ถังเฉินเพียงไปกวาดล้างวิญญาณร้าย เขาไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เมื่อพวกข้าไปถึง ผนึกก็ถูกทำลายไปแล้ว อาจารย์อาหลง ท่านเชื่อพวกข้า ถังเฉินไม่มีทางทำเรื่องเช่นนี้”
หลงฉางเงียบไปสักพัก ก่อนจะรีดรอยยับบนชุดยาวให้เรียบ ก่อนจะมองทั้งสองคนด้วยรอยยิ้ม “พวกเจ้าเป็นศิษย์ชิงหยางเช่นเดียวกับข้า ตามหลักแล้วถือเป็นคนบ้านเดียวกัน ข้าควรจะเชื่อพวกเจ้า แต่ว่า…”
เขาเงยหน้ามองไปยังนอกโถง สีหน้าของเขาเริ่มเคร่งขรึมขึ้นมา สักพักจึงพูดขึ้น “เรื่องนี้เกี่ยวกับพี่น้องในเขตหมิ่นเฟินของข้า คนในของหมิ่นเฟินมีนับพัน พวกเราเฝ้าเขตแดนอยู่เป็นเวลานาน ล้วนใช้พี่น้องเรียกแทนกัน ระหว่างพวกเราสามารถมอบชีวิตให้ได้ พวกเขาเรียกข้าว่าเจ้าเมือง ตอนนี้พี่น้องเกิดเรื่อง ข้าต้องให้คำอธิบายที่สมเหตุสมผลกับพวกเขา” ไม่ใช่เพียงคำพูดปากเปล่า
“แต่ว่า ในมิตินั้นมีพลังเทพจริงๆ !” เมื่อเห็นว่าอาจารย์อาหลงไม่เชื่อคำพูดของพวกเขา ชายแก่ยิ่งรีบร้อน “อาจารย์อาหลง คนของโลกสวรรค์พวกนั้น…”
“ชายแก่!” อวิ๋นเจี่ยวมองไป๋อวี้ทีหนึ่ง ก่อนจะหยุดคำพูดที่กำลังจะออกจากปากของเขา
หลงฉางพูดไม่ผิด เรื่องออกจากสำนักเดียวกันคืออีกเรื่องหนึ่ง ลั่วคายหยวนวิญญาณเกือบสลายไป อีกทั้งยังอยู่ในพื้นที่ของพวกเขา ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องสืบให้กระจ่าง หากเพียงแค่คำพูดไม่กี่คำก็สามารถทำเรื่องใหญ่ให้กลายเป็นเรื่องเล็กได้ เจ้าเมืองอย่างเขาคงไม่อาจเผชิญหน้ากับคนด้านล่างได้
อวิ๋นเจี่ยวมองคนบนที่นั่งหลักอีกครั้ง ก่อนจะนึกถึงการคาดเดาของตนเองตลอดทาง พร้อมกับใช้สีหน้าเคร่งขรึมของตนเองพูดขึ้น “อาจารย์อาหลงเคยได้ยินลูกแก้วกำเนิดวิญญาณหรือไม่”
“ลูกแก้วกำเนิดวิญญาณ?” หลงฉางขมวดคิ้ว ราวกับไม่เข้าใจว่านางจะถามทำไม แต่เขาก็ยังตอบกลับ “เคยได้ยินมาบ้าง ได้ยินวิญญาณในเมืองผีบอกว่าช่วงก่อนโลกสวรรค์ก่อเรื่องเพราะสิ่งนี้?”
“อืม เรื่องไม่เล็ก” อวิ๋นเจี่ยวเล่าเหตุการณ์ที่ทักษิณสวรรค์โจมตีสำนักเทียนซือให้อีกฝ่ายฟังอย่างละเอียด
หลงฉางนั่งฟังอย่างเงียบๆ ราวกับผู้อาวุโสที่สมบูรณ์แบบ สักพักเขาจึงพูดขึ้น “เจ้าบอกว่าลูกแก้วกำเนิดวิญญาณใช้เพื่อเลี้ยงเส้นชีพจรเทพ”
“ใช่ อีกทั้งยังต้องใช้วิญญาณนับหมื่นพันมาเลี้ยง” อวิ๋นเจี่ยวพูด
สายตาของหลงฉางเย็นลงในทันที “เรื่องนี้โลกสวรรค์ทำได้ไม่ดีอย่างแน่แท้ การตัดสินใจเช่นนี้ของราชายมโลกก็เป็นเรื่องปกติ” เขาถอนหายใจออกมาทีหนึ่ง ก่อนจะเงยหน้ามองอวิ๋นเจี่ยว พร้อมกับยิ้มอย่างเป็นมิตรเหมือนเคย “เพียงแต่ข้าไม่เข้าใจ ลูกแก้วกำเนิดวิญญาณนี้มีส่วนเกี่ยวข้องกับวิญญาณของลั่วคายหยวนหรือ”
“มี!” สีหน้าของอวิ๋นเจี่ยวเคร่งขรึมมากขึ้น ก่อนจะพูดออกมา “หากข้าเดาไม่ผิด ลูกแก้วกำเนิดวิญญาณที่พวกข้าหาเจอในตอนนี้คือเส้นชีพจรเทพที่ยังไม่สำเร็จ ถือเป็นวัตถุกึ่งสำเร็จ ส่วนเส้นชีพจรเทพในมิติเม็ดทรายนี้…” นางหยิบลูกแก้วนั้นออกมา “เป็นวัตถุที่สำเร็จแล้ว!”
ทันทีที่นางพูดจบ ไม่เพียงแต่หลงฉาง แม้แต่ชายแก่ก็ตกตะลึง!
“เจ้า…เจ้า…เจ้าหนู เจ้าหมายความว่า ในมิตินี้มีเส้นชีพจรเทพ อีกทั้ง…ยังใช้วิญญาณมนุษย์หลอมสำเร็จ!”
“ใช่!” อวิ๋นเจี่ยวพยักหน้า
นางเพิ่งคิดได้หลังจากที่ราชายมโลกบอกว่ามิตินี้ไม่อาจกลายเป็นดินแดนลับได้อีกแล้ว เห็นได้ชัดว่าเจ้าของมิตินี้ต้องการพัฒนามิติให้กลายเป็นดินแดนลับ แต่ในมิตินี้กลับมีวิญญาณมนุษย์เข้ามาอย่างบังเอิญ และถูกยอมรับจากหนทางแห่งสวรรค์แล้ว หากไม่รักษาลักษณะในตอนนี้เอาไว้ ก็ต้องกลายเป็นส่วนหนึ่งของสามโลก
เดิมทีนางคิดว่า วิญญาณมนุษย์ที่หลงเข้าไปคือลั่วคายหยวน ดังนั้นการพัฒนาของมิติจึงถูกหยุดยั้งลง แต่เมื่อคิดดูแล้ว มิติเม็ดทรายนี้ล้ำค่าอย่างยิ่ง
ถึงแม้จะมีวิญญาณมนุษย์หลงเข้าไป เจ้าของมิติก็คงต้องทำทุกวิถีทางนำมันออกมาถึงจะถูก เหตุใดจึงต้องละทิ้งมิตินี้
อันที่จริงมีความเป็นไปได้เพียงสองอย่าง อย่างแรก อีกฝ่ายทำหล่นเอาไว้อย่างไม่ตั้งใจ แต่มิตินี้ใกล้จะกลายเป็นมิติลับแล้ว แสดงว่าเจ้าของมิติใส่ใจอย่างมาก สมบัติที่ใส่ใจในการสร้างเช่นนี้ จะหายง่ายๆ ได้อย่างไร
อย่างที่สอง มิติไร้ความหวังในการเติบโตก่อนที่วิญญาณลั่วคายหยวนจะเข้าไปแล้ว เจ้าของมิติรู้ว่ามิตินี้พังทลาย ดังนั้นจึงทำหล่นหาย!
เพียงแต่มิติดีๆ เหตุใดจึงหยุดการเติบโต นอกจาก…ด้านในมีวิญญาณที่มีสัมปชัญญะแล้ว อีกทั้งวิญญาณเหล่านี้ยังไม่อาจกำจัดได้
ซึ่งหมายความว่า เส้นชีพจรของมิติ…ใช้วิญญาณในการเพาะเลี้ยงออกมา!