เมื่อเห็นภาพนี้ อวี้ฮ่าวหรานอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจด้วยความลำบากใจ ดูเหมือนว่าอีกฝ่ายตั้งใจนั่งรอเขากลับมา

“เอ๊ะ? พี่เขย พี่กลับมาแล้วงั้นเหรอ?”

เมื่อได้ยินเสียงประตูเปิด หลี่หรงรีบหันมาดูและทักขึ้นทันที

“อืม พี่เสร็จธุระแล้วน่ะ” อวี้ฮ่าวหรานตอบกลับพร้อมกับค่อย ๆ ปิดประตูเสียงเบา

“พี่เขย…พี่ไปไหนมา? ทำไมวันนี้พี่กลับดึกขนาดนี้?”

หลี่หรงเอ่ยถามด้วยสีหน้ากังวล

เธอรู้สึกว่ามันไม่ปกติเอาซะเลย ปกติแล้วอวี้ฮ่าวหรานไม่เคยกลับดึกขนาดนี้ ดังนั้นมันจะต้องมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นแน่นอน

“มันไม่มีอะไรมากหรอก พี่แค่ไปช่วยเฉิงกัวอันแก้ปัญหาอะไรนิดหน่อยก็แค่นั้นเอง”

“พี่ไม่ได้บาดเจ็บตรงไหนใช่ไหม?”

หลี่หรงเอ่ยถามขึ้นพร้อมกับเดินเข้ามาสำรวจร่างกายของอวี้ฮ่าวหราน ด้วยสีหน้าเป็นห่วง

“ไม่…พี่ไม่ได้เป็นอะไร จริงสิพี่ว่าจะถามเธอสักหน่อยเรื่องหลี่เม่ยตัวปลอม ตอนนี้เธอรู้สึกดีขึ้นจากเหตุการณ์นั้นแล้วหรือยัง?”

เขารู้สึกเป็นห่วงหลี่หรงอยู่เช่นกัน ถึงแม้ว่าช่วงแรกที่เขากลับมา อีกฝ่ายจะแสดงท่าทีไม่ดีกับเขาสักเท่าไหร่แต่ต่อมาเธอก็สนับสนุนเขาทุกทางอย่างเต็มที่

“ไม่แล้วล่ะ…” หลี่หรงที่ในตอนแรกรู้สึกกังวล แต่เมื่อเธอได้ยินประเด็นเรื่องหลี่เม่ยตัวปลอม สีหน้าของเธอกลับเปลี่ยนเป็นหดหู่แทน

ในตอนนั้นเธอรู้สึกไม่สบายใจเลย ถ้าหากเป็นพี่สาวตัวจริงของเธอกลับมาเธอจะทำยังไงดี?

หลังจากนั้นเธอจะไปอยู่ไหน?

เธอจะต้องย้ายออกไปแล้วได้เจอหน้าถวนถวนและพี่เขยของเธอน้อยลงงั้นเหรอ?

ถึงแม้ว่าเธอจะรู้อยู่แก่ว่าพี่เขยของเธอรักพี่สาวของเธอมาก แต่เธอก็ยังไม่สามารถหักห้ามใจตัวเองได้เลย…

ทำไมฉันต้องเป็นแบบนี้ด้วย?

เมื่อคิดได้เช่นนี้ หลี่หรงสูดหายใจเข้าลึก ๆ เพื่อรวบรวมความกล้าก่อนที่จะถามคำถามที่คาอยู่ในใจของเธอมานานแล้วว่า

“พี่เข…ไม่สิ! ฮ่าวหราน พี่ชอบฉันบ้างไหม?”

เธอไม่ต้องการจะใช้คำว่าพี่เขย เธอต้องการถามเขาในฐานะหญิงสาวและชายหนุ่ม!

อวี้ฮ่าวหรานอ้าปากค้างทันทีเมื่อได้ยินคำถามนี้

ห๊ะ?

ชอบ?

น้องภรรยา? หลี่หรง?

“เอ่อ…พี่ว่าดึกแล้วพี่ไปอาบน้ำก่อนจะดีกว่า!”

อวี้ฮ่าวหรานไม่ต้องการตอบคำถามนี้เพื่อทำให้ใครเจ็บช้ำดังนั้นเขาจึงเบี่ยงประเด็นและรีบเดินกลับเข้าห้องไปในทันที…

ไม่ว่ายังไง ตราบใดที่หลี่เม่ยยังคงมีชีวิตอยู่เขาไม่สามารถรับรักใครได้ทั้งนั้น!

หลี่หรงไม่ได้รั้งอวี้ฮ่าวหรานเอาไว้เลยเนื่องจากเธอได้ใช้เรี่ยวแรงทั้งหมดไปกับการเอ่ยถามคำถามนี้จนหมดแล้ว ดังนั้นเธอจึงไม่กล้าถามอะไรต่อไปอีก

เช้าวันต่อมา

“วันนี้เธอช่วยพาถวนถวนไปส่งโรงเรียนแทนพี่ที วันนี้พี่มีธุระต้องออกไปจัดการตั้งแต่เช้า” อวี้ฮ่าวหรานเอ่ยขึ้นก่อนที่จะเตรียมตัวออกจากห้อง

“พี่เขย นี่เป็นเรื่องเกี่ยวกับเฉิงกัวอันอีกแล้วใช่ไหม? พี่ระวังตัวด้วยล่ะฉันไม่อยากให้พี่เจ็บตัว”

หลี่หรงเอ่ยขึ้นด้วยสีหน้ากังวล

เธอเข้าใจดีว่าบริษัทใหญ่ ๆ เวลาเผชิญกับปัญหาใด ๆ ทางแก้ปัญหาส่วนใหญ่ล้วนอันตรายทั้งนั้น

อวี้ฮ่าวหรานพยักหน้ารับคำ จากนั้นเมื่อเขาขึ้นรถ เขาขับไปที่บริษัทฉีถงทันที

ที่ด้านในตึกสำนักงานบริษัทฉีถง

“หืม? ทำไมวันนี้นายถึงมาเช้าขนาดนี้?”

ฉีถงเมื่อเห็นว่าอวี้ฮ่าวหรานมาหาเขาตั้งแต่เช้าตรู่ เขาจึงเอ่ยถามขึ้นด้วยสีหน้าประหลาดใจ

ไม่ใช่ว่าอีกฝ่ายบอกว่าจะไปเอาหลักฐานคืนมาให้เขาไม่ใช่เหรอ?

หรือว่าอีกฝ่ายถอดใจซะแล้ว?

“นี่นายถอดใจแล้วงั้นเหรอ? เฮ้อ…แต่ก็ช่างเถอะ ฉันพอเข้าใจอยู่ว่ามันเป็นเรื่องยากจริง ๆ ฉันเองก็ไม่ได้คาดหวังอะไรมากนักเช่นกัน”

“หึหึ…นี่คุณคิดว่าผมอ่อนแอขนาดนั้นเลยงั้นเหรอ?” อวี้ฮ่าวหราน หัวเราะเบาๆ

“อย่าเข้าใจผิดไป ไม่ใช่ว่าฉันดูถูกนาย แต่มันเป็นเพราะฉันรู้ดีว่าไอ้จิ้งจอกเฒ่าหวังเจามันเป็นคนยังไง ฉันมั่นใจว่ามันคงจะสั่งให้คนของมันเฝ้าสถานที่เก็บหลักฐานเอาไว้อย่างแน่นหนา ซึ่งนายคงไม่มีทางเข้าไปได้แน่นอน”

ถึงแม้ว่าฉีถงจะรู้สึกว่าอวี้ฮ่าวหรานไม่ธรรมดา แต่งานนี้มันก็ยากเกินไปจริงๆ

“ผมได้มันมาแล้วต่างหาก!” อวี้ฮ่าวหรานเอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าเย้ยหยัน

“มันไม่เป็นไรหรอกหากนายจะยอม…ห๊ะ? อะไรนะ?!”

ในขณะที่ฉีถงกำลังจะปลอบชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้า แต่แล้วเขากลับตกตะลึงกับคำพูดของอีกฝ่ายแทน

“น…นี่นายเมื่อกี้นายพูดว่าได้มาแล้วงั้นเหรอ?!”

อวี้ฮ่าวหรานไม่ตอบกลับอะไร เขาทำเพียงแค่โยนกระเป๋าที่เขาสะพายมาด้วยลงบนโต๊ะทำงานของฉีถง

เมื่อเห็นเช่นนี้ ฉีถงรีบเปิดกระเป๋าดูทันทีและนั่นทำให้เขาได้เห็นเอกสารและรูปถ่ายมากมายด้านใน

“จริงด้วย! นี่นายทำมันได้ยังไงภายในคืนเดียว??”

ฉีถงลุกขึ้นและถามกลับอย่างไม่รู้ตัว เขารู้สึกดีใจเป็นอย่างมากที่ในที่สุดปัญหาของเขาก็ถูกคลี่คลายลงแล้ว!

“ไอ้หวังเจามันจะต้องไม่คาดคิดแน่ว่าหลักฐานพวกนี้ได้ถูกขโมยมาภายในคืนเดียว ฮ่าฮ่า! น้องชาย นายนี่สุดยอดจริงๆ!”

ฉีถงหัวเราะเสียงดังพลางเก็บเอกสารทั้งหมดใส่ลิ้นชักของโต๊ะอย่างระมัดระวัง จากจำนวนเอกสารทั้งหมดที่มีมากมายเขาค่อนข้างมั่นใจว่า อวี้ฮ่าวหรานขโมยมาได้ทั้งหมดไม่มีเหลือ

อวี้ฮ่าวหรานมองดูฉีถง ที่กำลังแสดงสีหน้าดีใจอย่างออกนอกหน้า ก่อนที่จะพูดกลับด้วยแววตาจริงจัง “เอาล่ะ ตอนนี้ผมเอาหลักฐานมาให้คุณแล้วดังนั้นมันถึงตาคุณบ้างที่จะทำทุกอย่างเพื่อแก้ไขสถานการณ์ของบริษัทชิวเฮิงและยิ่งไปกว่านั้นคุณต้องช่วยผมจัดการกับหวังเจา!”

“แน่นอน ได้แน่นอน! ฉันเองก็แค้นใจไอ้หวังเจานั่นอยู่เหมือนกัน ฉันยินดีที่จะร่วมมือกับนาย ในเมื่อตอนนี้ไอ้เฒ่านั่นมันไม่มีหลักฐานมาขู่ฉันแล้ว ตอนนี้มันถึงตาฉันบ้างที่จะเล่นงานมันคืนให้สาสม!”

ฉีถงตอบกลับด้วยสีหน้าตื่นเต้น หลังจากหดหู่มาหลายวัน ในที่สุดวันนี้เขาก็ได้เอาคืน!

“เดี๋ยวฉันจะออกคำสั่งคนของฉันเกี่ยวกับการส่งวัตถุดิบให้บริษัทชิวเฮิงเดี๋ยวนี้!”

หลังจากพูดจบ ฉีถงยกหูโทรศัพขึ้นแล้วโทรออกไปที่โรงงานทันที

“ผู้จัดการหยู! ผมขอเปลี่ยนคำสั่งของผมใหม่ นับจากนี้ให้ส่งวัตถุดิบคุณภาพดีให้กับบริษัทชิวเฮิงเหมือนเดิม และเอาวัตถุดิบคุณภาพแย่ทิ้งไปให้หมด!”

“หา? ท่านประธานนี่คุณ…” เสียงจากปลายสายเต็มไปด้วยความสับสน

“ทำตามที่ผมบอกเดี๋ยวนี้! อ้อและอีกอย่าง…ยกเลิกวัตถุดิบที่กำลังจะส่งไปบริษัทไป๋เชาให้หมด นับจากนี้เราจะไม่ส่งสินค้าให้บริษัทไป๋เชาอีกต่อไป!”

หลังจากวางสายกับคนของตัวเอง ฉีถงหันไปหาอวี้ฮ่าวหรานและเอ่ยถามขึ้นด้วยรอยยิ้ม “เป็นไงน้องชาย แบบนี้นายพอใจแล้วหรือยัง?”

“บริษัทไป๋เชา มีบริษัทของคุณแค่บริษัทเดียวที่ส่งวัตถุดิบให้งั้นเหรอไง?” อวี้ฮ่าวหรานเอ่ยถามกลับด้วยสีหน้าสงสัย

“ถูกต้องแล้ว! น้องชายอาจจะไม่รู้ สินค้าของบริษัทฉันมีคุณภาพดีที่สุดในตลาดดังนั้นบริษัทผลิตยาที่ใหญ่ที่สุดของเมืองฮ่วยอันทั้งสองแห่ง ไม่ว่าจะเป็นบริษัทไป๋เชาหรือบริษัทชิวเฮิงต่างก็ซื้อวัตถุดิบจากบริษัทของฉันทั้งนั้น และนี่ยังไม่รวมไปถึงบริษัทผลิตยาเล็ก ๆ อีกหลายสิบบริษัท สรุปแล้วบริษัทของฉันแทบจะผูกขาดการค้าวัตถุดิบผลิตยาทั้งหมดในเมืองฮ่วยอัน”

ฉีถงเอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าภาคภูมิใจ “แต่แน่นอนว่าพวกเขาสามารถหาบริษัทขายวัตถุดิบอื่นได้เหมือนกันแต่มันคงไม่ง่ายและไม่เร็วนักหรอก ฮ่าฮ่า”

อวี้ฮ่าวหรานเงียบลงแต่ภายนอก แต่ในใจของเขารู้สึกกังวลแทนพวกบริษัทผลิตยาทั้งหลายจริง ๆ บริษัทฉีถงมีอำนาจมากเกินไป การผูกขาดการค้าแบบนี้ไม่ดีต่อพวกบริษัทผลิตยาเลยจริงๆ