พอฉินหร่านเห็นข้อความนี้แล้วก็ไม่ได้ลงจากรถทันที
เธอแค่ยื่นมือแตะริมฝีปาก หรี่ตาลงเล็กน้อย
ผ่านไปสักครู่ใหญ่ๆ เธอถึงจะยื่นมือกดตอบข้อความไป——
(เขาหาคุณเจอได้ยังไง?)
แมทธิวกับฉางหนิงต่างก็อยู่ในกองกำลังที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง ฉางหนิงอยู่สำนักงานใหญ่129ในเมืองหลวง ส่วนแมทธิวมีเครือข่ายข่าวกรองของเขาเอง ถ้าพูดกันตามเหตุและผล แมทธิวกับฉางหนิงไม่มีทางโคจรมาเจอกันได้เลย…
ทำไมจู่ๆ เขาถึงคิดไปตามหาฉางหนิงขึ้นมา? และยังขู่จะตามหาเธออีก?
ถ้าเป็นแบบนั้นจริง…มันจะสะดวกกว่าไหมที่จะตามหาเธอโดยตรง?
ติดต่อผ่านฉางหนิงดูจะยุ่งยากเกินไป
ฉินหร่านเงยหน้ามองออกไปนอกหน้าต่าง ด้านนอกหน้าต่างมีแสงไฟเป็นผืนใหญ่
ฉางหนิงไม่ตอบคำถามแต่ส่งข้อความกลับมา ——
(สะดวกคุยไหม?)
ฉินหร่านพลันคิดถึงเรื่องที่ซือลี่หมิงพูดไว้ก่อนหน้านี้ ไม่รู้ว่าแมทธิวตามหาฉางหนิงทำไม เธอตอบกลับไปแค่ ‘อือ’ จากนั้นก็หยิบเอาหูฟังในกระเป๋ากางเกงออกมายัดใส่หู
ขณะที่เอื้อมมือไปเปิดประตูรถ เสียงของฉางหนิงก็ลอยเข้ามา
ฉินหร่านกดรับสายโดยตรง
“เขาตามหานายทำไม?” ด้านนอกลมแรง ฉินหร่านจึงดึงหมวกขึ้น พอกวาดตามองก็เห็นเฉิงมู่เดินออกไปอยู่ไม่ไกล เธอจึงเดินตามไป เสียงลมพัดกดเสียงเธอให้เบาลงเล็กน้อย
ตอนนี้ทางด้านฉางหนิงที่อยู่ปลายสายยังอยู่ในช่วงเช้า เขาให้คนไปเอากาแฟมาหนึ่งแก้ว นั่งบนเก้าอี้แล้วเริ่มดูสมาชิกในการประชุมปีนี้คร่าวๆ “เขาแปลกมากที่ตามหาเราเพื่อไปรับภารกิจ129”
เมื่อพูดแบบนี้ ฉินหร่านก็มีปฏิกิริยาตอบกลับ เธอเอาโทรศัพท์ยัดใส่กระเป๋ากางเกง เหลือบมองคนที่อยู่รอบๆ ซือลี่หมิงกับเฉิงมู่กำลังคุยกันอยู่ไม่ไกลเช่นเดียวกันกับหัวหน้าโจว ส่วนคนอื่นๆ ต่างก็แยกย้ายไปทำหน้าที่ของตัวเอง ไม่มีใครสังเกตเห็นเธอ
เธอลดเสียงลง “ดังนั้นสิ่งที่แมทธิวกำลังมองหาก็คือหมาป่าเดียวดาย?”
“แน่นอน” ฉางหนิงที่อยู่อีกด้านนั่งไขว่ห้างพลางยื่นมือคลิกเมาส์ “ไม่ใช่หมาป่าเดียวดายแล้วจะเป็นใครได้อีก? สถานะปัจจุบันของเธอ มีแค่ฉันกับเหอเฉินเท่านั้นที่รู้”
“งั้นก็ดี” ฉินหร่านสงบลงโดยเอนตัวพิงเสาไฟข้างถนน น้ำเสียงของเธอกลับมาเอื่อยเฉื่อยเหมือนปกติ “ตามหาฉันให้ไปรับภารกิจอะไร?”
ฉางหนิงมองไปที่ผู้สมัครบนคอมพิวเตอร์และยิ้มเมื่อได้ยินดังนั้น “เขาจะให้เธอสืบเรื่องQ”
Q แฮกเกอร์ที่อายุงานสั้นที่สุดในรัฐM
เป็นเรื่องที่น่าปวดหัวสำหรับตำรวจไซเบอร์ชั้นผู้ใหญ่ แต่พวกเขาก็ทำอะไรไม่ได้
“เธอคิดไหมว่าแมทธิวต้องการให้เธอแข่งกับQ?” ฉางหนิงเปิดไปยังหน้าของโอวหยางเวยที่อยู่ในคอมพิวเตอร์พลางหรี่ตา “สถานการณ์ของพวกเธอไม่ค่อยต่างกันมาก แทบจะไม่เคยเจอกันเลย”
หมาป่าเดียวดาย ชื่อนี้ก็ทิ้งความทรงจำให้แมทธิวเช่นกัน และยังแฮ็กเข้าระบบของแมทธิวอยู่หลายครั้ง
ดังนั้น ตอนที่แมทธิวมาหาฉางหนิง ฉางหนิงก็ยังเกิดข้อสงสัยไว้บ้าง
“ไม่ใช่แบบนั้นหรอก” ฉินหร่านเหลือบมองซือลี่หมิง เขากับเฉิงมู่กำลังเดินกลับมา “เขาก็แค่อยากรู้เรื่องQเฉยๆ นายอย่ารับภารกิจนี้ละ ฉันยังมีธุระ วางก่อนนะ”
ฉางหนิงที่อยู่ปลายสายยังอยากจะถามฉินหร่านว่าเธอรู้ได้ยังไง แต่ยังไม่ทันได้พูดออกมา ฉินหร่านก็วางสายไปแล้ว
**
“คุณหนูฉิน ทางนี้” ซือลี่หมิงเพิ่งจะไปรายงานตัวกับหัวหน้าโจวกลับมา เขายืนยันว่าจะพักกับฉินหร่าน จึงพาเธอเข้าไปก่อน
ในมือยังถือกระเป๋าเดินทางที่ให้ฉินหร่านใส่ของมาด้วย
เมื่อเห็นชุดลำลองนี้ ก็รู้สึกเหมือนได้มาเที่ยว
บอกว่าเป็นลานจอดเครื่องบิน แต่อันที่จริงกลับมีพื้นที่ไม่น้อยไปกว่าสนามบินอวิ๋นเฉิง
ตอนนี้ก็ใกล้จะสี่ทุ่มแล้ว แต่ดูเหมือนว่าจะมีคนสัญจรมากกว่าตอนกลางวันเสียอีก ซึ่งส่วนใหญ่เป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวที่แต่งตัวประหลาดๆ
“นี่เป็นหนึ่งในฐานที่มั่นของเรา” ซือลี่หมิงพาพวกเขาเข้าไปด้านในพร้อมกับแนะนำฉินหร่านกับเฉิงมู่ไปด้วย “เป็นศูนย์กลางการค้าแห่งหนึ่ง มีคนจากฝ่ายยุติธรรมสองทีมมาประจำการอยู่ที่นี่ตลอดทั้งปี นอกจากนี้ยังมีคนของหน่วยการค้าระหว่างประเทศอีกด้วย ผู้กองลั่วกำลังคุยกับพวกเขาอยู่”
ลานจอดเครื่องบินมีพื้นที่ใหญ่มาก แม้จะกระจัดกระจายกันไป แต่การแบ่งสันปันส่วนค่อนข้างมีระบบระเบียบ ไม่ธรรมดาเหมือนสนามบินทั่วไป ที่นี่มีทั้งเฮลิคอปเตอร์ เครื่องบินเจ็ตส่วนตัว และเครื่องบินธุรกิจ
ซือลี่หมิงพาฉินหร่านและเฉิงมู่เดินไปตามเส้นทางที่มุ่งตรงไปยังอาคารแห่งหนึ่ง
ประตูอาคารก็เป็นเหล็กหลอมสีดำเช่นกัน
ตอนที่เฉิงมู่เห็นประตูใหญ่ เขาก็นึกถึงประตูไฮเทคที่ตรวจสอบด้วยรูม่านตาที่บ้านกู้ซีฉือได้ทันที
เขายังไม่ทันคิดจบ
ก็เห็นประตูสว่างขึ้น ซือลี่หมิงหยิบการ์ดออกมาหนึ่งใบ ก็มีเสียงเรียบๆ ลอยออกมา——
(ตรวจสอบสำเร็จ)
ประตูใหญ่เปิดออก ซือลี่หมิงหันไปเพื่ออยากจะอธิบายความเป็นมาของประตูนี้ แต่พอหันไปกลับพบว่าฉินหร่านกำลังปัดหน้าจอโทรศัพท์อย่างไม่ใส่ใจ เหมือนไม่ได้สังเกตเห็นความแปลก
แม้แต่เฉิงมู่ที่มักจะเอะอะอยู่เสมอก็ยังสงบเสงี่ยม
ถ้าซือลี่หมิงถามเฉิงมู่ขึ้นมาจริงๆ เฉิงมู่จะต้องบอกเขาด้วยน้ำเสียงสงบเสงี่ยมเป็นพิเศษว่าเขาเคยเห็นเทคโนโลยี “ตรวจสอบรูม่านตา”ที่ไฮเทคกว่านี้มาแล้ว
ซือลี่หมิงแตะจมูก “พวกเราขึ้นไปชั้นสามกันเถอะ นั่นเป็นห้องที่สงวนไว้สำหรับนายท่าน แต่เขาไม่ได้มาที่นี่นานแล้ว”
ทั้งอาคารมีคนที่กำลังยุ่งอยู่เพียงไม่กี่คน
ซือลี่หมิงพาพวกเขาเข้าไปในห้อง ด้านนอกมีคนมาส่งข้าว
ฉินหร่านมองไปรอบๆ ห้อง จากนั้นก็นั่งอยู่หน้าคอมพิวเตอร์
หลังจากเฉิงมู่กินข้าวเสร็จ โทรศัพท์ในกระเป๋าก็ดังขึ้น โอวหยางเวยเป็นคนส่งข้อความมาและถามว่าเขากับลู่จ้าวอิ่งจะเล่นเกมด้วยกันไหม
เฉิงมู่ก้มหน้าปฏิเสธ หันไปมองซือลี่หมิง “ที่นี่มีสนามฝึกซ้อมไหม?”
“มีอยู่แล้ว” ซือลี่หมิงให้คนมาเก็บพวกจานอาหาร เขาบอกฉินหร่านว่าถ้ามีอะไรก็เรียกเขาได้ จากนั้นก็พาเฉิงมู่ออกไป “ฉันก็อยากไปซ้อมอยู่พอดี ”
อีกด้านหนึ่ง เมืองหลวง
โอวหยางเวยโยนโทรศัพท์ด้วยความหงุดหงิด
ลู่จ้าวอิ่งก็ถือว่าแล้วไป แต่ทำไมช่วงนี้เฉิงมู่ไม่สนใจเธอเลย?
เธอมองโทรศัพท์อย่างไม่เข้าใจ
“คุณหนู” พ่อบ้านเคาะประตูจากทางด้านนอก “วันนี้ทาง129จะประกาศผลรอบแรก”
โอวหยางเวยปล่อยวางเรื่องเฉิงมู่ เธอเหลือบมองโทรศัพท์และตัดสินใจจะไม่ติดต่อกับพวกเขาอีกสักพัก
**
ชายแดนรัฐM
ผู้กองลั่วกับหัวหน้าโจวยังคงรออยู่ที่รถ
“ของจะมาถึงเมื่อไหร่?” หัวหน้าโจวเดินไปที่อัฒจันทร์แล้วมองไปทางสนามบิน โดยมีผู้กองลั่วเดินตามอยู่ข้างหลัง
ข้างๆ เขามีชายวัยกลางคนที่สวมเสื้อคลุมทหารสีเขียวและสวมหมวกผ้าสักหลาดไว้บนหัว เสื้อขนสัตว์ทำให้รอยแผลเป็นตรงสันคิ้วของเขาดูโหดเหี้ยม ดวงตาคมกริบ
ทำให้คนไม่กล้าสบตา
นี่คือนายพลฮอลล์ซึ่งเป็นลูกน้องของเฉิงเจวี้ยน เป็นคนแรกที่คอยเฝ้าระวังอยู่ที่ชายแดนรัฐ M และเป็นคนที่มีความสามารถน่ากลัวคนหนึ่ง
บุหรี่ห้อยอยู่ริมปาก น้ำเสียงหนักแน่น “ตีหนึ่ง ส่งมอบให้พรุ่งนี้เช้า”
หลังจากพูดเสร็จ เขาก็หยุดชะงัก พลางขมวดคิ้วมองไปทางพวกฉินหร่านที่เดินไป “สามคนนั้นเป็นใคร?”
“คุณหนูฉิน…” หัวหน้าโจวอธิบายสถานะฉินหร่านเพียงสามคำ “ผมว่าสถานการณ์มันแปลกๆ คุณฮอลล์ ตอนคุณไป ผมขอยืมกำลังคนสักทีมได้ไหม? ผมกลัวว่าจะเกิดอะไรกับคุณหนูฉิน”
“อย่างกับขี้ อย่างกับหมา วุ่นวายจริงๆ” ฮอลล์เดินไปข้างหน้าสองก้าว “ผมจะให้กำลังคนคุณไปหนึ่งทีม แต่จะใช้คนมากไม่ได้ ไม่อย่างงั้นจะปกป้องชายแดนทางด้านนี้ไม่ได้”
ขณะที่ทั้งสองกำลังหารือกันอยู่
ก็มีคนคนหนึ่งวิ่งมาจากที่ไม่ไกลมากนัก “คุณฮอลล์ เส้นทางขนส่งสินค้าทางด้านนั้นโดนสกัด! เบื้องต้นสงสัยว่าจะเป็นคนของตระกูลมาส”
“โดนสกัด? ช่างเทคนิคล่ะ?” ดวงตาเขียวมรกตหรี่ลง รอยแผลเป็นบนสันคิ้วโค้งขึ้นเหมือนตะขาบ
เมื่อหัวหน้าโจวได้ยินดังนั้นก็มีสีหน้าตึงเครียด
“ช่างเทคนิคจัดการเรียบร้อยแล้วครับ แต่คุณเฉิงหั่วไม่ได้อยู่ที่นั่น ตำแหน่งการเดินทางของเราจะรั่วไหลเอาได้ แบบนี้จะง่ายต่อการถูกโจรกรรมระหว่างเดินทางกลับรัฐM…”
ทุกคนในลานจอดเครื่องบินต่างตกอยู่ในอาการประหม่า
ชั้นบน ฉินหร่านกำลังนั่งบนโซฟาในล็อบบี้ เธอเพิ่งจะเล่นเกมกับลู่จ้าวอิ่งจบไปหนึ่งเกม
ขณะกำลังจะเล่นเกมต่อไป ฉินหร่านกลับไม่มีความเคลื่อนไหว
เธอวางนิ้วบนแป้นพิมพ์ โน้ตบุ๊กยังคงเป็นเครื่องสีดำที่เธอใช้เป็นประจำ เธอยื่นมือไปเคาะแป้นพิมพ์ไม่กี่ครั้ง หน้าจอก็ตัดภาพเปลี่ยนเป็นเครือข่ายเสมือนที่มีพื้นหลังสีฟ้าโล่งๆ
และยังมีจุดสีแดงหลายจุดไล่ตามกันมา
ฉินหร่านหรี่ตาและยิ้มเบาๆ “คึกคักน่าดู…”
“อะไรนะ?” ในหูฟังมีเสียงลู่จ้าวอิ่งกำลังเร่งเธอให้รีบคลิกเข้าเกม
ฉินหร่านจิบน้ำและตอบไปอย่างใจเย็น “คุณเล่นไปก่อน ฉันเจอเรื่องสนุกกว่านี้แล้ว…”
**
เฉิงมู่ถูกซือลี่หมิงต่อยอย่างอนาถไปหนึ่งยก เวลาเกือบตีหนึ่ง พวกเขาเพิ่งจะกลับมาจากสนามฝึกซ้อม
ดูเหมือนเฉิงมู่จะซึมยิ่งกว่าเดิม เนื่องจากเขาตระหนักได้ว่าซือลี่หมิงออมมือให้เขาอยู่หน่อยๆ
“เฉิงมู่ ไม่เป็นไรนะ” ซือลี่หมิงตบไหล่เฉิงมู่เป็นการปลอบใจ “ฉันถือว่าเป็นคนที่เก่งมากในหน่วยจัดซื้อ ที่จริงนายก็ไม่เลวเลย”
เฉิงมู่ฟังอย่างเงียบๆ เม้มริมฝีปากโดยไม่พูดอะไร
เขารู้ว่าซือลี่หมิงถูกฝ่ายยุติธรรมคัดออก เขาถึงได้เข้าหน่วยจัดซื้อ
ขนาดความสามารถของซือลี่หมิงยังเข้าฝ่ายยุติธรรมไม่ได้ งั้นคนอื่นในฝ่ายยุติธรรมล่ะ?
เฉิงสุ่ยยังเก่งกว่าหัวหน้าตู้แห่งฝ่ายยุติธรรมนี่นา? ตามที่พวกเขาพูดกัน เฉิงหั่วเองก็เป็นแฮกเกอร์ที่มีความสามารถน่ากลัวมากเหมือนกัน
พอเห็นสภาพเฉิงมู่ ซือลี่หมิงที่เดินตามหลังเขาก็อดลูบจมูกตัวเองไม่ได้
เขารู้ว่าเฉิงมู่เป็นคนดังที่ติดตามฉินหร่าน แต่เขาก็ออมมือให้ไปแล้วไง และยังคิดจะต่อยกับเฉิงมู่ให้ผลเสมอกันอีก ใครมันจะไปคิดว่า..
ไฟในห้องล็อบบี้ยังเปิดอยู่ ตอนที่ทั้งสองเข้าไป ฉินหร่านก็กำลังถือโน้ตบุ๊กนั่งเล่นอยู่บนโซฟา
หน้าจอเหมือนจะเป็นสีฟ้า
ฉินหร่านก้มหน้าด้วยหน้าตาเคร่งขรึมและดูขวางโลกเล็กน้อย
จนกระทั่งทั้งสองเดินมาใกล้ๆ หน้าจอก็กลายเป็นภาพเกมจิ่วโจว เสียงลู่จ้าวอิ่งลอยออกมาจากคอมพิวเตอร์
“ให้ตายเถอะ! อย่าทำร้ายฉัน! อย่า! นายมันลูกทีมไก่อ่อน! ฉินหร่านเธอจะมาเมื่อไหร่เนี่ย!”
ฉินหร่านกดปุ่ม “enter” บนแป้นพิมพ์แล้วกดปิดเสียงลู่จ้าวอิ่งอย่างไม่ใส่ใจ เธอหันมามองทั้งสองด้วยท่าทางสุขุมและชวนด้วยความจริงใจ “มาเล่นด้วยกันไหม?”
ในเวลาเดียวกัน
ทางด้านหัวหน้าโจว
เมื่อช่างเทคนิคเห็นการเชื่อมต่อพังลงไปในพริบตา ก็ถึงกับจับแว่นตานั่งอึ้งอยู่บนเก้าอี้
“มีอะไร?” เมื่อหัวหน้าโจวที่คอยสังเกตท่าทีของพวกเขามาตลอดเห็นดังนั้นก็รีบเดินเข้ามา
ช่างเทคนิคผละมือออกแล้วพูดคลุมเครือ “หัวหน้าโจว ทางฝั่งพวกเขาเหมือนจะพังไปเองแล้ว…”
“นั่นเป็นเรื่องดี สกัดข้อมูลที่เป็นประโยชน์หรือยัง?” หัวหน้าโจวล้มเลิกการติดต่อกับเฉิงหั่วพลางถอนหายใจ “อีกนิดเดียว สินค้ากำลังจะมาถึงแล้ว พวกเราเดินไปด้วยคุยไปด้วย”
ช่างเทคนิครีบลุกขึ้นทันทีและเดินตามหัวหน้าโจวลงไปส่งมอบสินค้า “ฉันได้รับข้อความมาว่าพรุ่งนี้พวกเขาเตรียมจะไปถนนใหญ่26 ตอนที่พวกนายกลับคฤหาสน์ในวันพรุ่งนี้ ทางที่ดีควรแยกกันไปเป็นสองสาย…”
กำลังคนของทั้งสองฝ่ายไม่รู้อะไรเลย
เมื่อกี้ตอนที่พวกเขาประมือกันบนอินเทอร์เน็ตเพื่อทำสงครามไซเบอร์ได้มีสิ่งแปลกปลอมปะปนเข้ามาด้วย…
**
วันต่อมา
ฉินหร่านตื่นเช้ามาก หลังจากเธอลุกจากเตียง เฉิงมู่ก็ได้สะพายกระเป๋าเดินเข้ามาเพื่อช่วยเธอดูแลดอกไม้ที่พกมาด้วย จากนั้นก็เก็บของ
พอยืนสังเกตกระถางดอกไม้อย่างละเอียดถี่ถ้วนแล้วก็พบว่าใบไม้วันนี้เหมือนจะเหี่ยวไปเล็กน้อย
เขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแล้วเปิดภาพโปรไฟล์ของเพื่อนร่วมชั้นหลินเพื่อทำการสอบถาม
และยังถ่ายรูปดอกไม้ส่งไปให้อีกหนึ่งรูป
ขณะนี้เป็นเวลาเจ็ดโมงเช้าในรัฐนี้ เฉิงมู่คิดว่าหลินซือหรานน่าจะกำลังมีเรียนตอนเย็น เขาก็เลยส่งเรื่องนี้ไปให้พ่อบ้านเฉิงเพื่อคุยกับคนสวนเก่งๆ โดยเฉพาะ
หลินซือหรานกับคนสวนตอบกลับมาแทบจะในเวลาเดียวกัน——
(ปกติ)
ตัวอักษร เครื่องหมายวรรคตอนไม่ต่างกัน
เฉิงมู่เหลือบมองด้วยความแปลกใจ เมื่อเห็นว่าทั้งสองบอกว่าไม่เป็นไร เขาจึงวางกระถางลง
จากนั้นก็ตามหลังฉินหร่านกับซือลี่หมิงออกไปเที่ยว
ฉินหร่านยังคงสวมเสื้อแจ็กเกตขนเป็ดสีดำ ยาวถึงเข่า เธอดูผอมบางมาก มีดอกไม้สีแดงอยู่ที่แขนเสื้อแจ็กเกตขนเป็ดหนึ่งช่อ เห็นได้อย่างชัดเจนว่าเป็นดอกฮิกังบานะที่ดูสะดุดตา
นี่คือเสื้อผ้าที่เฉิงสุ่ยเตรียมไว้ให้เธอก่อนที่เธอจะมาถึงรัฐ M
เสื้อผ้าในกล่องล้วนเป็นสีนี้
ทั้งสามเดินออกจากอาคารไปข้างนอกเป็นกลุ่ม
ชายแดนรัฐ M กำลังอยู่ในสถานการณ์วุ่นวาย ไม่ได้อยู่ในเขตกองกำลังของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง คนในกลุ่มนักท่องเที่ยวจะพักแต่ในโรงแรมเท่านั้น ไม่กล้าออกมาเล่นเดิน
ฐานที่มั่นทางนี้ค่อนข้างสงบและใกล้กับลานจอดเครื่องบิน นอกจากนี้ยังเป็นแหล่งรวมสถานที่ค้าขายตลาดมืด เวทีมวย รวมไปถึงสถานประมูล
เนื่องจากหมวกปิดบังการมองเห็นไปหน่อย ฉินหร่านจึงดึงหมวกขึ้น
รูปร่างหน้าตาของเธอดูโดดเด่นมากเมื่ออยู่ท่ามกลางคนต่างสีผิว กลิ่นอายความพยศที่ทั้งเฉื่อยชาและดุร้ายดึงดูดความสนใจได้เป็นอย่างมาก อย่างไรก็ตาม คนส่วนใหญ่ต่างก็หลีกเลี่ยงให้เมื่อพบลวดลายที่ขอบแขนเสื้อของเธอ
ข้างนอกอากาศหนาว น้อยมากที่มีคนเหนือธรรมชาติตั้งแผงขายของ ซือลี่หมิงพาพวกเขาสองคนเข้าไปในสถานประมูลชั้นใต้ดิน
เนื่องจากไม่ได้ทำการจองไว้ล่วงหน้า ทั้งสามคนจึงเข้าไปในห้องส่วนตัวไม่ได้ ต้องนั่งรวมกับกลุ่มคนเพื่อดูการประมูล
ผู้ประมูลบนเวทีเป็นชายแก่ที่มีผมหยิกเป็นลอนยาว
“รายการต่อไปคือหุ่นยนต์อัตโนมัติซีรีส์EA3ที่พัฒนาโดยบริษัทกิจการค้าอวิ๋นกวง ซึ่งEA1อยู่กับราชินีในประเทศY ราคาเริ่มต้นอยู่ที่เจ็ดล้านหยวน”
อวิ๋นกวงกรุ๊ปควบคุมอยู่สองทางนั่นคืออินเทอร์เน็ตกับ “อาหาร” เป็นผู้นำทั้งสองด้านนี้โดยไม่ต้องสงสัย
ผู้ประมูลเคาะค้อน
กลุ่มคนที่กำลังเจี๊ยวจ๊าวกันอยู่ก็เริ่มเพิ่มราคาทีละแสนสองแสนหยวน
แต่อย่างไรก็ตาม เวลานี้เหล่าบอสใหญ่ที่อยู่ในห้องส่วนตัวชั้นบนก็ยังไม่มีใครออกตัว
“หุ่นยนต์ตัวนี้มีคนอยากได้เยอะขนาดนี้เลยเหรอ?” เฉิงมู่มองไปที่หุ่นยนต์ตัวนี้ เขารู้สึกว่ามันเหมือนกับหุ่นยนต์ตัวนั้นที่อยู่ในบ้านกู้ซีฉือมากยกเว้นสีของมัน
ไม่สิ หุ่นยนต์ที่บ้านกู้ซีฉือนั้นใช้ประโยชน์ได้ดีมาก เจียงตงเยี่ยลองถามดูตั้งหลายครั้งก็ยังไม่รู้ที่มาที่ไป
ซือลี่หมิงควักโทรศัพท์ออกมาอย่างรวดเร็วแล้วต่อสายหาเฉิงสุ่ย เขารายงานสถานการณ์ในสถานประมูลให้เฉิงสุ่ยทราบ ยังไม่มีเวลาอธิบายให้เฉิงมู่ฟัง
ในเวลาเดียวกัน หุ่นยนต์ก็ถูกขยายไปบนหน้าจอขนาดใหญ่ของสถานประมูล
ซึ่งจะเห็นได้ว่ามีสัญลักษณ์ดอกป๊อปปี้สีแดงอยู่ตรงข้อมือของหุ่นยนต์ตัวนั้นอย่างชัดเจน