เซียวหมิงจูเคลื่อนไหวรวดเร็วเกินไป เร็วจนเซียวยวี่ตอบสนองไม่ทัน
เมื่อครู่เขาคอยหลบเซียวหมิงจูที่พุ่งเข้าใส่อยู่ตลอด ไม่คาดคิดเลยว่านางจะยื้อแย่งเสื้อไป เห็นเสื้อตัวนั้นถูกเซียวหมิงจูชิงไปต่อหน้า จากนั้นจึงโยนลงไปในแม่น้ำ
สายน้ำไหลเชี่ยว เสื้อของเซี่ยยวี่หลัวไหลไปตามกระแสน้ำ
เซียวหมิงจูมองพลางหัวเราะลั่น “ลอยไปแล้ว ลอยไปแล้ว”
เซียวยวี่เหลือบมองนางด้วยแววตาเย็นเยียบ รอยยิ้มของเซียวหมิงจูพลันแข็งทื่อ “อายวี่…”
เงาร่างหนึ่งเคลื่อนผ่านตรงหน้า เซียวยวี่ที่เมื่อครู่ยังยืนอยู่ตรงหน้านางหายไปแล้ว
“พี่ใหญ่ ท่านระวังหน่อยขอรับ! ” เซียวจื่อเซวียนตะโกนไปทางแม่น้ำ
เซียวหมิงจูมองน้ำที่สาดกระจายด้วยอาการนิ่งอึ้ง
เซียวยวี่ถึงกับกระโดดลงไปในแม่น้ำ เพื่อเก็บเสื้อให้เซี่ยยวี่หลัว!
“ทำไมกัน ทำไมกัน? ” เซียวหมิงจูน้ำตาไหลริน จ้องมองเงาร่างที่แหวกว่ายขึ้นลงอยู่กลางน้ำด้วยแววตาสิ้นหวัง พร้อมกล่าวเสียงเบา “ทำไมท่านถึงทำกับข้าเช่นนี้ เซียวยวี่ ทั้งที่ท่านรู้ว่าข้ารักท่าน เซี่ยยวี่หลัวมีอะไรดี นางคู่ควรกับท่านตรงไหนกัน นางไม่คู่ควร! ”
เซียวจื่อเซวียนได้ฟังดังนั้น ก็หันมองนางด้วยความเดือดดาล ไม่ไว้หน้าเซียวหมิงจูแม้แต่น้อย “พี่หมิงจู ข้ายังเรียกท่านว่าพี่สาว แต่หากท่านว่าร้ายพี่สะใภ้ใหญ่ของข้าอีก ข้าจะไม่ไว้หน้าท่านอีก ในใจของข้า พี่สะใภ้ใหญ่ของข้าเป็นสตรีที่ดีที่สุดในโลก ใครก็ไม่อาจเทียบนางได้! ”
สีหน้าของเซียวหมิงจูดูทุกข์ระทมและสิ้นหวัง “บ้าไปแล้ว บ้าไปแล้ว พวกเจ้าเสียสติกันหมดแล้ว! เพื่อเซี่ยยวี่หลัวนั่น พวกเจ้าเสียสติกันหมดแล้ว”
ซินแสสวี่กล่าวไว้ไม่ผิดจริงๆ เซี่ยยวี่หลัวรู้วิชาอาคม นางล่อลวงพี่อายวี่จนสำเร็จ หลอกลวงทุกคนที่อยู่รอบข้างนาง
เซียวยวี่พยายามว่ายน้ำอยู่ครู่หนึ่ง จึงเก็บเสื้อตัวนั้นได้ จากนั้นจึงใส่ไว้ในอกเสื้อ ปีนขึ้นฝั่งมา เสื้อผ้าบนกายเปียกชุ่ม
สีหน้าของเขาบึ้งตึง น้ำบนศีรษะหยดลงมาไม่หยุด กลบแววตาของเขาที่อึมครึมเสียยิ่งกว่าอะไรไว้
เซียวยวี่จ้องมองเซียวหมิงจูด้วยแววตาเย็นเยียบ แววตาไม่เหลือไมตรีแม้เพียงน้อยนิด เขาเหลือบมองเซียวหมิงจูอย่างเย็นเยียบแวบหนึ่ง จากนั้นจึงหันไป ไม่ยินยอมจะเสวนากับเซียวหมิงจูแม้แต่ประโยคเดียว
เซียวหมิงจูถูกสายตานั่นมองจนรู้สึกว้าวุ่นใจ “อายวี่…”
เซียวยวี่ไม่แยแสนาง ทั้งที่เปียกชุ่มไปทั้งตัว กลับยังย่อตัวลงซักเสื้อผ้าที่เหลือจนหมด เขาซักเสื้อของเซี่ยยวี่หลัวอย่างใจเย็น แม้แต่ตอนขยี้ยังไม่กล้าออกแรงมากเกินไป
เซียวหมิงจูจ้องมองด้วยอาการนิ่งอึ้ง
เซียวยวี่ซักเสร็จก็กลับไปแล้ว ไม่ได้กล่าวอะไรกับเซียวหมิงจูอีกแม้แต่ประโยคเดียว และไม่ได้มองเซียวหมิงจูแม้แต่น้อย
ความรู้สึกที่ถูกหมางเมินไม่แยแสและรังเกียจ ช่างไม่ดีเอาเสียเลย เซียวหมิงจูแทบคลั่ง
เห็นบุรุษที่ตนเองรักสุดหัวใจปฏิบัติต่อตนเองอย่างเฉยชาเช่นนี้ เซียวหมิงจูตะคอกราวกับคนเสียสติ “เซียวยวี่ เซี่ยยวี่หลัวเป็นนางปีศาจ นางรู้วิชาอาคม นางหลอกลวงพวกเจ้าทั้งหมด นางเป็นปีศาจ! ”
คนตรงหน้าไม่หยุดด้วยซ้ำ เดินตรงไปข้างหน้า จนเลี้ยวตรงหัวมุม หายลับตาไป
เหลือเพียงหลุมเล็กบนพื้นดิน ที่เกิดจากหยดน้ำที่หยดลงมาเมื่อครู่ นั่นเป็นน้ำบนตัวเซียวยวี่
น้ำหยดลงบนพื้นดิน ก่อให้เกิดรูเล็กรูแล้วรูเล่า พอน้ำแห้ง ก็กลับคืนสู่สภาพเดิมอย่างรวดเร็ว แต่สิ่งที่ทิ่มแทงหัวใจของเซียวหมิงจู กลับทิ้งรอยแผลรอยแล้วรอยเล่าที่ไม่อาจกลับคืนสู่สภาพเดิมได้อีก
กลายเป็นรูพรุนนับร้อยนับพัน
เซียวหมิงจูร่ำไห้อย่างหนักด้วยความสิ้นหวัง “เซียวยวี่ นางเป็นปีศาจ นางเป็นปีศาจ! ”
ไม่รู้ว่าร่ำไห้นานเพียงใด เซียวหมิงจูเพิ่งนึกขึ้นได้ว่ายังไม่ได้ซักเสื้อผ้าของตัวเอง กลับไปริมแม่น้ำอีกครั้ง เริ่มซักเสื้อผ้า สีหน้าของนางเย็นเยียบราวกับก้อนน้ำแข็งก็มิปาน แววตาไร้ซึ่งชีวิตชีวา
“หมิงจู…” หญิงชาวบ้านที่ซักเสื้อผ้าต่างยังไม่ได้ไป เห็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นตั้งแต่ต้นจนจบ
เซียวยวี่แต่งงานแล้ว หมิงจูยังไม่ตัดใจอีก!
“เจ้าอย่าเสียใจไปเลย บนโลกนี้มีบุรุษดีๆ นับพันนับหมื่น ไม่จำเป็นต้องทรมานตัวเองจนมีสภาพเช่นนี้เพียงเพื่อเซียวยวี่คนเดียว” มีคนเกลี้ยกล่อม
“จริงด้วย อย่าเสียใจเลย เซียวยวี่แต่งงานแล้ว ในบ้านมีเซี่ยยวี่หลัว เซี่ยยวี่หลัวนั่นเจ้าก็รู้ ยโสโอหัง เจ้าไม่มีทางได้อยู่กับเซียวยวี่ ปล่อยวางเสียเถอะ! ”
เซียวหมิงจูก้มหน้าซักเสื้อผ้า จู่ๆ ก็เงยหน้าขึ้น กล่าววาจาประโยคหนึ่งด้วยใบหน้าดุร้าย
“เซี่ยยวี่หลัวเป็นปีศาจ นางไม่ใช่เซี่ยยวี่หลัวนานแล้ว”
ทุกคนหันมองกันไป มองกันมา ก่อนมองท่าทางของเซียวหมิงจูที่ดูดุร้ายจนน่าสะพรึงกลัว ทั้งที่ตอนนี้เป็นช่วงกลางวัน แต่ไม่รู้เพราะเหตุใด แต่ละคนรู้สึกหนาวสันหลังวาบ เหงื่อเย็นซึมชื้น
เหตุใดจู่ๆ เซียวหมิงจูถึงได้กลายเป็นคนน่ากลัวถึงเพียงนี้
ไม่มีใครกล้าอยู่ต่อ ซักเสื้อผ้าเสร็จก็รีบเก็บข้าวของเดินจากไป
ริมแม่น้ำเหลือเซียวหมิงจูเพียงคนเดียว นางทุบเสื้อผ้าด้วยท่าทางเหม่อลอย แสงแดดสาดส่อง บนผิวน้ำเกิดแสงระยิบระยับ สะท้อนแสงจนเคืองตา จู่ๆ แววตาไร้ซึ่งชีวิตชีวาของเซียวหมิงจูก็ฉายประกายโหดเหี้ยมชั่วร้าย
เซี่ยยวี่หลัว ข้าจะไม่ให้เจ้าทำลายพี่อายวี่
เซียวยวี่กลับบ้านด้วยสภาพเสื้อผ้าเปียกชุ่ม ถึงแม้ตอนนี้จะเป็นช่วงเดือนห้า แต่กระโดดลงไปในแม่น้ำตั้งแต่เช้าตรู่ ทั้งยังซักเสื้อผ้าด้วยสภาพตัวเปียกชุ่มครู่หนึ่ง เซียวยวี่หนาวจนริมฝีปากซีด
“พี่ใหญ่ ท่านรีบไปเปลี่ยนเสื้อสะอาดเถอะขอรับ” เซียวจื่อเซวียนกล่าวด้วยความเห็นใจทันทีที่เข้าประตู
เซียวยวี่พยักหน้า กลับเข้าห้องไป
ตอนประตูเปิดเซี่ยยวี่หลัวก็ตื่นแล้ว
เมื่อเสียงปิดประตูดังขึ้นจากห้องข้างๆ เซี่ยยวี่หลัวจึงลืมตาตื่น เซียวจื่อเมิ่งยังหลับสนิทอยู่ เซี่ยยวี่หลัวลงจากเตียงเงียบๆ
เซียวจื่อเซวียนกำลังตากเสื้อผ้าอยู่ด้านนอก เซียวยวี่กลับห้องไปแล้ว เพียงแต่ คราบน้ำจากประตูถึงหน้าห้องเซียวยวี่คืออะไร?
ถังไม้ในบ้านไม่มีรูรั่ว ยิ่งไปกว่านั้น ตรงที่เซียวจื่อเซวียนตากผ้าก็ไม่มีน้ำ ทางเซียวยวี่… เหตุใดถึงมีน้ำหยดชุ่มตลอดทาง?
“จื่อเซวียน” เซี่ยยวี่หลัวเอ่ยเรียก เซียวจื่อเซวียนมีเรื่องครุ่นคิดอยู่ในใจ ไม่ทันสังเกตเห็นว่าเซี่ยยวี่หลัวออกมาแล้ว รีบเอ่ยเรียกพี่สะใภ้ใหญ่
“พี่ใหญ่ของเจ้าเล่า? ” เซี่ยยวี่หลัวเอ่ยถาม
เซียวจื่อเซวียนเบ้ปาก กล่าวอย่างไม่พอใจ “พี่ใหญ่กลับห้องแล้วขอรับ”
“กลับห้องแล้ว? เกิดอะไรขึ้น? ” เซี่ยยวี่หลัวเอ่ยถามด้วยความวิตก
“เสื้อของพี่ใหญ่เปียกขอรับ”
“เสื้อเปียก? ” เซี่ยยวี่หลัวเอ่ยถามด้วยความสงสัย “เสื้อของพี่ใหญ่เจ้าเปียกได้อย่างไร? ” นางไม่คิดว่าท่านราชบัณฑิตน้อยจะซักเสื้อผ้าจนตัวเองตัวเปียกชุ่ม
“เป็นเพราะเซียวหมิงจู! ” เซียวจื่อเซวียนเอ่ยถึงเซียวหมิงจู ก็กล่าวด้วยอารมณ์คุกรุ่น “นางโยนเสื้อของท่านทิ้งไปราวกับคนเสียสติ จากนั้นพี่ใหญ่จึงกระโดดลงน้ำไปเพื่อเก็บเสื้อของท่านขอรับ”
เซี่ยยวี่หลัวผงะไป “เขา…” กระโดดลงน้ำ?
เพื่อเก็บเสื้อของนาง เขาถึงกับลงน้ำ!
เซียวจื่อเซวียนมองดูเซี่ยยวี่หลัว ก่อนกล่าวอย่างระมัดระวัง “พี่สะใภ้ใหญ่ พี่ใหญ่ไม่ได้ตั้งใจปล่อยให้เซียวหมิงจูแย่งเสื้อของท่านไปนะขอรับ เขาเกรงว่าเซียวหมิงจูจะดึงจนขาด จึงปล่อยมือขอรับ! ”
เซี่ยยวี่หลัวหันไปมองประตูห้องที่ปิดสนิท ภายในใจรู้สึกสั่นสะท้านเป็นอย่างยิ่ง
ริมฝีปากสีแดงชุ่มฉ่ำถูกนางกัดจนกลายเป็นสีขาวซีด หันขวับไปยังห้องครัวทันที