ตอนที่ 53 เจ้าจะตีข้ารึ
ก่อนกลับบ้าน หยุนเชวี่ยยอมทนให้หยุนซิ่วเอ๋อก่นด่าครอบครัวของตนไม่ได้อีกต่อไป เพราะหากนางไม่ยืนหยัดเพื่อครอบครัว แล้วใครเล่าจะทำ?
“นังเด็กก้าวร้าว!” หยุนซิ่วเอ๋อมองหยุนเชวี่ยด้วยสายตาโกรธเคืองพลางกล่าว “ใครจะสนว่าบ้านเจ้าจะกินอยู่อย่างไร เจ้าคิดหรือว่าแบ่งเนื้อไก่ให้แค่สองช้อนแล้วพวกเราจะซาบซึ้ง? หึ! น่าสมเพช!”
“เป็นอะไรกับเรื่องกตัญญูนักหนา…” หยุนเชวี่ยพึมพำด้วยความเบื่อหน่าย
“ท่านปู่ ข้าชิมได้หรือไม่ขอรับ?” หยุนอี้มองชามเนื้อไก่ฟ้าตุ๋นพลางเลียริมฝีปากก่อนเอ่ยถามด้วยรอยยิ้ม
ขณะนี้ผู้เฒ่าหยุนเจอเรื่องหนักใจมามากมายจนไม่มีความอยากอาหาร เขาจึงเอ่ยตอบพร้อมโบกมืออย่างไม่ใส่ใจ “พวกเจ้าเอาไปแบ่งกันเถอะ!”
“ขอรับ!” เมื่อได้ยินประโยคที่รอฟังมานาน หยุนอี้จึงหยิบตะเกียบขึ้นคีบเนื้อไก่ฟ้าเข้าปากอย่างมีความสุข
“ห้ามกิน!” หยุนซิ่วคำรามเสียงดังด้วยความโมโหก่อนเดินไปข้างผู้เฒ่าหยุนและปัดถ้วยไก่ฟ้าตุ๋นลงบนพื้น
“เพล้ง!”
ชามกระเบื้องขนาดใหญ่ตกลงบนพื้นแตกกระจายเป็นชิ้น ๆ ในขณะที่น้ำซุปสาดกระเซ็นทั่วพื้นห้อง
“ทำอะไรน่ะ!” หยุนอี้ตะโกนถามด้วยความหงุดหงิด “เจ้าทำอะไรลงไป เหตุใดถึงปัดชามทิ้ง เอามาแบ่งกันกินไม่ดีกว่ารึ?!”
หยุนซิ่วเอ๋อกลอกตาด้วยความเบื่อหน่าย “นิสัยเหมือนแม่ของเจ้าไม่มีผิด บ้านเจ้ายากจนถึงขนาดไม่เคยกินเนื้อไก่ฟ้าหรือ!”
หยุนอี้ยังเด็กและแข็งแรง อีกทั้งมีนิสัยมุทะลุเช่นเดียวกับหยุนลี่เซี่ยวผู้เป็นบิดา ดังนั้นเมื่อได้ยินคำพูดของหยุนซิ่วเอ๋อ เขาจึงพับแขนเสื้อขึ้นพร้อมจ้องเขม็งไปที่หยุนซิ่วเอ๋อ “เจ้าลองพูดอีกครั้งสิ!”
เมื่อนึกถึงเรื่องที่ถูกพี่ชายลอบทำร้าย นางพลันรู้สึกกลัวพี่สามและลูกชายของเขาจึงไม่กล้ามีปากเสียงกับทั้งสองคน
แม้ไม่กล้าอวดดี ทว่านางยังคงกระทืบเท้าพร้อมเชิดหน้าขึ้นพลางกล่าวยั่วยุ “อะไร? จะตีข้ารึไอ้หนู? เข้ามาสิ!”
“เจ้า!” ดวงตาของหยุนอี้แดงก่ำขณะกำมือแน่นด้วยความโกรธ เพราะเขาไม่กล้าทำร้ายร่างกายหยุนซิ่วเอ๋อต่อหน้าผู้เฒ่า
ปกติแล้วหยุนอี้มีนิสัยอันธพาลคล้ายบิดา ดังนั้นเขาจึงถนัดใช้กำลังมากกว่าใช้วาจาโต้เถียง
ยิ่งเห็นเช่นนั้นหยุนซิ่วเอ๋อก็ยิ่งได้ใจ นางจึงใช้เท้าเตะขาไก่พลางกล่าว “กินสิ! อยากกินนักไม่ใช่หรือ! หา!”
“ซิ่วเอ๋อ!” ผู้เฒ่าหยุนกระแทกตะเกียบลงกับโต๊ะอย่างเร็วแรงพร้อมกล่าวเสียงทุ้ม “นั่งลงแล้วกินข้าวซะ! เจ้าสองคนเห็นข้าเป็นหัวหลักหัวตอหรืออย่างไร! ให้ตายเถอะ!”
เมื่อเห็นว่าผู้เฒ่าหยุนกำลังโกรธ หยุนลี่จงจึงรีบวางท่าขึงขังพลางกล่าวเสริมเพื่อเอาใจบิดา “หยุดทะเลาะกันเถิด ท่านพ่อแก่แล้ว อย่ากวนใจท่านเลย… ท่านพ่อ ใจเย็น ๆ นะขอรับ…”
หยุนลี่เซี่ยวเบ้ปากพลางแค่นเสียง
“ข้าไม่กินแล้ว!”
หยุนซิ่วเอ๋อเหลือบมองหยุนอี้ด้วยสายตายั่วยุก่อนเดินออกจากห้องไป ขณะเดินผ่านหยุนเชวี่ย นางก็ยกมือผลักหยุนเชวี่ยพร้อมกล่าว “หลีกไป!”
หยุนเชวี่ยเซถลาไปชนกับบานประตูพร้อมมองไปที่ชามกระเบื้องและชิ้นเนื้อไก่บนพื้น ทว่านางคร้านเกินกว่าที่จะโวยวาย
หลังจากเดินออกมา หยุนเชวี่ยได้ยินเสียงก่นด่าของแม่เฒ่าจูดังขึ้นอีกครั้ง “ดูทำหน้าเข้าสิ! ข้องใจอะไร? อยากให้ข้าจ่ายเงินให้หรือ? เจ้าเป็นลูกหลานของข้า ไม่ว่าข้าต้องการเงินหรือทอง เจ้าก็ต้องหามาให้!”
หยุนเชวี่ยก้มหน้าเดินไปทางทิศตกวันตกของบ้าน
“แล้วท่านย่ากับซิ่วเอ๋อเล่า…” แม่นางเหลียนเดินตามลูกสาวคนรองไปยังห้องโถงและอดไม่ได้ที่จะรู้สึกผิด
ขณะที่กำลังจะอ้าปากตอบ หยุนเชวี่ยพลันครุ่นคิดว่า ‘ข้าควรบอกท่านแม่ตามตรงดีหรือไม่’
“ท่านแม่…” หยุนเชวี่ยกล่าวก่อนเม้มริมฝีปากแน่นพลางโผเข้าไปกอดมารดา “อาซิ่วเอ๋อปัดชามทิ้ง…”
“เชวี่ยเอ๋อเจ็บตรงไหนหรือไม่?” แม่นางเหลียนดันตัวของลูกสาวออกจากอ้อมแขนก่อนมองสำรวจด้วยความเป็นห่วง
เมื่อเห็นว่าลูกสาวไม่ได้รับบาดเจ็บ แม่นางเหลียนจึงถอนหายใจพลางมองหยุนลี่เต๋อด้วยสายตาโกรธเคือง
“คราวหน้าถ้าแบ่งอาหารให้บ้านใหญ่ ท่านพี่ต้องเป็นคนไป! ท่านต้องทำเองทุกอย่าง อย่าใช้งานลูกสาวของข้า!”
หยุนลี่เต๋อแผ่รังสีโกรธเคืองออกมาพลางส่งเสียง ‘ฮึ่ม’ ในลำคอราวกับหมีตัวใหญ่ ก่อนก้มศีรษะและพยายามปลอบลูกสาว
“เอ่อ ท่านแม่เจ้าคะ ซิ่วเอ๋อนิสัยเสีย เพราะถูกเอาแต่ใจมาทั้งชีวิต ท่านแม่อย่าใส่ใจนางเลย…”
สายตาโกรธเคืองของแม่นางเหลียนพลันเลือนหายไปทันที
ทุกคนในครอบครัวนิ่งเงียบอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่เด็กทั้งสามคนจะหันมองบิดาด้วยสายตากระตือรือร้น
“ท่านพ่อไม่ต้องคิดมาก…” เมื่อเห็นลิ้นที่แข็งทื่อของสามี แม่นางเหลียนจึงอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา
“ฮ่า ๆ” หยุนลี่เต๋อเกาศีรษะพลางหัวเราะด้วยท่าทีงุ่มง่ามก่อนหันไปรินน้ำเปล่าและยื่นให้ภรรยา “ดื่มชาหน่อยเถอะ”
แม่นางเหลียน…
“รู้แล้วน่า แต่ว่ากานั้นคือน้ำเปล่า…”
หยุนเชวี่ยระเบิดหัวเราะจนหายใจไม่ทันก่อนปิดม่านและนอนลงบนแคร่ ฉับพลันนางก็รู้สึกแรงสะกิดตรงไหล่
“เจ้าหัวเราะเรื่องอะไรรึ?” หยุนเยี่ยนเอ่ยถามด้วยความรู้สึกแปลกใจ นางเพิ่งเจอเรื่องร้าย ๆ มาไม่ใช่หรือ?
“ท่านพ่อจะให้ท่านแม่กินน้ำ ฮ่าฮ่า!”
“ดื่มน้ำแล้วตลกอย่างไร?”
“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า!”
หากเป็นวันนั้นของเดือนให้ดื่มน้ำอุ่น ส่วนเป็นไข้ให้ดื่มน้ำเย็น และหากต้องการพัฒนาสมองให้ดื่มน้ำร้อน…
ท่านพ่อเป็นผู้ชายนิสัยทื่อ ๆ ออกจะหัวโบราณ แต่เหตุใดถึงได้แต่งงานกับสาวสวยเช่นท่านแม่ได้นะ!
หยุนเยี่ยนนอนตะแคงโดยใช้มือข้างหนึ่งหนุนศีรษะพลางมองน้องสาวหัวเราะคึกคักด้วยสายตาว่างเปล่า
หลังจากหัวเราะจนพอใจแล้ว หยุนเชวี่ยจึงหันไปหาหยุนเยี่ยนพลางกระซิบว่า “พี่สาว เจ้ารู้หรือไม่ว่าท่านย่าเรียกสินสอดของหยุนซิ่วเอ๋อจากตระกูลหยูเป็นเงินสดห้าร้อยตำลึงและที่ดินหนึ่งร้อยไร่?”
“ข้ารู้แล้ว” หยุนเยี่ยนนอนหงายมองเพดานด้วยสายตาว่างเปล่า
“มันต้องเป็นความคิดของท่านย่าแน่เลย เพราะท่านย่าเป็นคนเห็นแก่เงิน” หยุนเชวี่ยเบ้ปาก “คนรวยไม่เรียกสินสอดมากเกินไปแบบนี้หรอก”
“อืม” หยุนเยี่ยนพยักหน้า
“ข้าว่าเงินสดห้าสิบตำลึง ที่ดินห้าไร่ อีกทั้งเกวียนวัวและล่อถือเป็นสินสอดที่มากที่สุดของหมู่บ้านเราแล้วนะ”
แม้หยุนซิ่วเอ๋อจะมีรูปลักษณ์งดงาม ทว่าใคร ๆ ก็อยากได้ลูกสะใภ้กตัญญูและมีคุณธรรมใช่หรือไม่?
ไม่ว่าจะไปที่ไหนหยุนซิ่วเอ๋อมักเชิดหน้าชูคอราวกับห่านตลอดเวลา และนางไม่เคยทำงานบ้านเลยสักครั้ง ซึ่งทุกคนในหมู่บ้านต่างรู้เรื่องนี้จึงไม่เคยมีใครส่งแม่สื่อไปทาบทามนางกับครอบครัวหยุนเลย
แน่นอนว่าแม้จะมาทาบทาม แม่เฒ่าจูก็ไม่ยกให้เช่นกัน
แม่นางเหลียนที่นอนอยู่อีกฝั่งของม่านถอนหายใจออกมา
“ไม่หรอก ท่านย่าผ่านร้อนผ่านหนาวมาเยอะ ก่อนหน้านี้นางอยากเอาชนะตระกูลเหอน่ะ จึงคิดหาวิธีให้ซิ่วเอ๋อแต่งเข้าตระกูลขุนนาง… ข้าสงสัยว่าการแต่งเข้าตระกูลขุนนางง่ายขนาดนั้นเลยรึ?”
“ท่านแม่อยากให้พี่สาวแต่งงานกับคนประเภทไหนหรือเจ้าคะ?” หยุนเชวี่ยถาม
หยุนเยี่ยนรู้สึกเขินอายจึงหยิกเข้าที่เอวของน้องสาว “เจ้าพูดอะไรน่ะ”
“ข้าพูดผิดตรงไหน ในวันข้างหน้าเราต้องแต่งงานอยู่แล้วนะ หรือพี่สาวจะเป็นคนบอกเองว่าอยากแต่งงานกับคนแบบไหน?” หยุนเชวี่ยเอ่ยถามด้วยความสนใจขณะนอนอยู่บนแคร่
“เจ้าไม่ละอายใจบ้างหรือ?” หยุนเยี่ยนมองน้องสาวด้วยสายตาขุ่นเคืองก่อนพลิกตัวนอนหันหลังให้นาง
แม้ดูเหมือนว่าไม่ได้รู้สึกอะไร แต่หูนางกลับร้อนผ่าวทุกทีที่พูดถึงเรื่องนี้
“ท่านแม่… พี่สาวเขินอายด้วยเจ้าค่ะ!” หยุนเชวี่ยหัวเราะคิกคักพลางเล่นปลายผมของพี่สาว
แม่นางเหลียนกล่าวออกด้วยความเอือมระอา “เจ้าเด็กคนนี้ เจ้ายังเด็กจะรู้อะไรเล่า อยู่ต่อหน้าคนอื่นอย่าพูดจาเช่นนี้ล่ะ เขาจะหัวเราะเอาได้…”
หยุนเชวี่ยแลบลิ้นออกมา