ตอนที่ 54 ต้องทำอย่างไรกับความคาดหวัง
แม่นางเหลียนรู้สึกกังวล…
ลูกสาวอายุสิบสองและอายุสิบสามต่างรู้จักเขินอายแล้ว เหตุใดพวกนางถึงโตเร็วเช่นนี้? แล้วหากในอนาคตพวกนางไม่อยากแต่งงานเล่า…
ช่างน่าเศร้า…
“พ่อแม่ไม่ต้องการคนร่ำรวยหรอก ขอเพียงมีคุณธรรมและดูแลลูกสาวของเราไม่ขาดตกบกพร่องก็พอแล้ว!” หยุนลี่เต๋อที่เงียบไปครู่ใหญ่กล่าวขึ้น
“พ่อของเจ้าพูดถูก” แม่นางเหลียนหัวเราะ “แม้พ่อของเจ้าจะซื่อบื้อไปบ้าง แต่มันก็เป็นความจริงใจของเขาเลยนะ…”
“ฮ่าฮ่าฮ่า!”
คนหนึ่งรูปลักษณ์งดงาม อีกคนหนึ่งเป็นคนแข็งกระด้าง… หยุนเชวี่ยมอง ‘เสียงหัวเราะของสาวงาม’ ของแม่นางเหลียนและดวงตาที่อ่อนโยนและแข็งกระด้างเป็นบางครั้งของหยุนลี่เต๋ออย่างเงียบ ๆ
ถึงเวลาแสดงความรักรายวันแล้วสินะ…
ในที่สุดทุกคนก็ผล็อยหลับไป
ขณะที่กำลังครึ่งหลับครึ่งตื่น หยุนเชวี่ยก็ฝันว่าตนเองกำลังนับเงินอยู่ และนอกจากนี้รอบตัวนางยังมีกระสอบบรรจุเหรียญทองแดงนับไม่ถ้วน…
แม้จะรู้ว่ามันคือความฝัน ทว่านางก็มีความสุขมาก
ฉับพลันเสียงของเหอยาโถวก็ดังเข้ามาในโสตประสาทของนาง “เชวี่ยเอ๋อ… เชวี่ยเอ๋อ”
ชาวบ้านในชนบทมักไม่ใส่กลอนประตูในช่วงระหว่างวัน เหอยาโถวยืนอยู่ใต้ร่มเงาหลังคาหน้าบ้านมองดูร่างเพรียวสะโอดสะองและผิวขาวเนียนนอนอยู่ในบ้าน…
หยุนเชวี่ยอ้าปากหาวขณะหันไปมองเหอยาโถว “ข้าฝันถึงกระสอบใบใหญ่ที่เต็มไปด้วยเหรียญทองแดงนับไปถ้วน แต่เจ้าดันปลุกข้าเสียก่อน”
“เจ้าโง่เอ๊ย” เส้นผมของเหอยาโถวพลิ้วไสว “ทำไมเจ้าไม่ฝันถึงแท่งเงินกับทองคำขาวแทนล่ะ?”
หยุนเชวี่ย…
ข้าหมดคำพูดกับเจ้าจริง ๆ!
“ไปบ้านพี่รองกันเถอะ” เหอยาโถวถูฝ่ามือเข้าด้วยกัน “นางบอกข้าว่าขบวนรถขนส่งสินค้าจะมาถึงอีกครั้งภายในสามถึงสี่วัน!”
หยุนเชวี่ยล้างใบหน้าด้วยน้ำเย็นก่อนเหยียดยิ้ม “ไปหาเงินกัน”
“ฮ่าฮ่าฮ่า! ข้าไปคิดมาแล้วว่าเมื่อขายของและได้เงินมากขึ้น ข้าจะมอบมันให้ท่านแม่และซื้อขี้ผึ้งสีชาดหรืออย่างอื่นให้พี่สาวทั้งสี่คน…” ดวงตาของเหอยาโถวเปล่งประกายด้วยความมุ่งมั่น
หยุนเชวี่ยเอียงศีรษะมองเหอยาโถวอย่างสงสัย “ข้าคิดว่าเจ้าจะเก็บไว้เองเสียอีก?”
“ข้าจะเอาไปใช้ซื้ออะไรล่ะ…”
หืม… ดอกไม้งามแห่งหมู่บ้านไป่ซีเพิ่งนึกได้หรือว่าตนเองเป็นผู้ชาย?
หยุนเชวี่ยเลิกคิ้วพลางมองเหอยาโถวด้วยความชื่นชม ใครจะรู้ว่าดวงตาของเขาชวนหลงใหลถึงเพียงนี้
“ความหล่อเหลาของข้าได้มาตั้งแต่อยู่ในท้องแม่แล้วล่ะ หรือว่าเจ้าจะเถียง…”
หยุนเชวี่ย…
“และหากจะให้ข้าเลิกหน้าตาดีน่ะ ทำไม่ได้หรอก”
“…หลงตัวเอง”
“อะไรนะ?”
“แค่เหม็นขี้หน้าเจ้าน่ะ”
“…”
เหอยาโถวนิ่งอึ้ง
เด็กทั้งสองเดินพูดคุยกันอย่างสนุกสนานก่อนพบกับหวังหลี่เจิ้งในระหว่างทาง
“เชวี่ยเอ๋อและยาโถว พ่อของเจ้าอยู่ที่บ้านหรือไม่?”
“อยู่เจ้าค่ะ” หยุนเชวี่ยหยักหน้า “มีเรื่องอะไรหรือเจ้าคะ?”
“อ้อ ไม่มีอะไรหรอก” หวังหลี่เจิ้งโบกมืออย่างไม่ใส่ใจพร้อมยกยิ้ม “ข้าได้ยินมาว่าเสี่ยวอู่จะติดตามเฟิงซิ่วไฉ่เพื่อเรียนตำราหรือ?”
“เจ้าค่ะ!”
“ดี ๆ ๆ เวลาเรียนให้เรียน เวลาเล่นให้เล่น แล้วอย่าลืมตั้งใจอ่านหนังสือล่ะ” หวังลี่เจิ้งยกนิ้วโป้งให้หยุนเชวี่ย “บัณฑิตน้อยแห่งตระกูลเฟิงคือคนที่เทพบุ่นเข็กส่งมาเกิด และในอนาคตเขาจะเป็นผู้ที่มีความสามารถมากจนไม่มีใครเทียบได้…”
หยุนเชวี่ย…
หวังหลี่เจิ้งสามารถพูดจาโอ้อวดความสามารถของเฟิงสือยวินผู้เป็นหลานชายได้ทุกที่และทุกเวลา
ลองคิดในทางกลับกันดูสิ เฟิงซิ่วไฉ่คงต้องเผชิญความกดดันอย่างมาก หากเขาสอบไม่ผ่านขุนนางโดยได้รับอันดับต้น ๆ อีกทั้งยังต้องแบกความหวังของหวังหลี่เจิ้งด้วย…
เหอยาโถวมีความสุขมากเมื่อได้ยินผู้คนกล่าวชมความสามารถของเฟิงซิ่วไฉ่มากกว่าหน้าตาอันหล่อเหลาของเขา
“พี่สือยวินมีความสามารถมากจนไม่มีใครในมณฑลอันผิงเทียบได้”
“เจ้าพูดว่าอะไรนะ?”
เหอยาโถวเรียกเขาว่า ‘เฟิงซิ่วไฉ่’ มาตลอด แต่เหตุใดตอนนี้ถึงเรียก ‘พี่สือยวิน’ ด้วยน้ำเสียงชื่นชมเล่า
เหอยาโถวอมยิ้มอย่างไม่มีความละอาย “ข้าทำเพื่อเสี่ยวอู่ทั้งนั้น…”
หยุนเชวี่ยมองเหอยาโถวด้วยสายตาจับผิด
“เจ้าคิดว่าหวังหลี่เจิ้งถามถึงพ่อข้าเพราะเหตุใดหรือ?”
“เจ้าจะกังวลไปเพื่ออะไร พวกเจ้าแยกครอบครัวออกมาแล้วนี่”
“ไม่เห็นจะต่างกัน…” หยุนเชวี่ยก้มหน้าลงก่อนพึมพำออกมา “ข้าคิดว่ามันคงไม่ใช่เรื่องดี…”
ณ ลานบ้านของตระกูลกั๋ว หมู่บ้านไป่ซี
ยังไม่ทันก้าวเข้าไปในบ้าน เสียงหัวเราะของเหอเยี่ยเอ๋อก็ดังขึ้น
“พี่รอง…” เหอยาโถวตะโกนเรียก
“น้องเล็กมาถึงแล้วหรือ!”
“พี่รอง ข้ามีบางอย่าง…”
เหอยาโถวจูงมือหยุนเชวี่ยเข้าไปในห้องโถง เมื่อเหลือบไปเห็นชายที่นั่งอยู่ข้างเหอเยี่ยเอ๋อ เขาจึงอุทานออกมาพร้อมเกาศีรษะ “พี่เขย”
“พี่ของเจ้าทำไมหรือ? เหตุใดถึงรีบร้อนเช่นนี้” ชายหนุ่มผู้มีอารมณ์ขันกล่าวทักทายเด็กทั้งสองคน “มานั่งนี่สิ จิบชาก่อน แล้วค่อยคุยกัน”
“พี่เขย” หยุนเชวี่ยเดินตามเหอยาโถวพร้อมกล่าวพึมพำ
“นางคือ?”
“เด็กสาวในหมู่บ้านของเราน่ะ” เหอเยี่ยเอ๋อมีความสุขมากที่เห็นหยุนเชวี่ยจึงกวักมือเรียก “มานั่งข้างข้าสิ ป้าหลิว เอาเต้าฮวยใส่ผลซิ่งที่ทั้งสองคนชอบมาสองชาม…”
“พี่รองกำลังหัวเราะอะไรอยู่หรือ? ข้าได้ยินตั้งแต่เดินเข้าประตูแล้ว” เหอยาโถวหยิบลูกเกดขึ้นมาหนึ่งกำมือก่อนแบ่งให้หยุนเชวี่ย
“พี่เขยของเจ้าเพิ่งเล่าเรื่องขบขันให้ข้าฟังน่ะสิ” เหอเยี่ยเอ๋อตบหน้าอกเบา ๆ พลางสูดหายใจเข้าลึก
“ในขบวนขนส่งสินค้ามีคนงานที่เพิ่งลงไปทางใต้ครั้งแรกไม่เคยเห็นกล้วย เมื่อได้ยินชาวบ้านบอกว่ากินได้ เขาก็กัดเข้าไปทั้งเปลือกเลย… น่าขันหรือไม่? ชาวบ้านแถวนั้นต่างหัวเราะกันจนท้องแข็ง”
กล้วย? ทางใต้?
หยุนเชวี่ยครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ดูเหมือนนางเคยเห็นในรายการประวัติศาสตร์ว่าคนโบราณออกเสียงคำว่า ‘กล้วย’ แตกต่างกับปัจจุบัน
“ขบวนขนส่งสินค้าของพี่เขยออกเดินทางไปทางใต้แล้วหรือ?” เหอยาโถวเอ่ยถามด้วยความประหลาดใจ
เมื่อพูดถึงการปลูกกล้วยคงไม่มีพื้นที่ใดเหมาะสมไปกว่ามณฑลหนานไห่และมณฑลฉงซาน ซึ่งกลายเป็นมณฑลกลางและมณฑลไหหลำในภายหลัง
เหอยาโถวเผยท่าทีสงสัยพร้อมเอ่ยถาม “อะไรคือกล้วยรึ?”
“มันคือผลไม้ที่ขึ้นบนต้นไม้ ผลของมันมีรูปร่างยาว กินได้เฉพาะเนื้อ และรสฝาดของมันจะทำให้มีอาการแสบลิ้น” เหอเยี่ยเอ๋ออธิบาย
“แล้วมันมีกลิ่นอย่างไร?”
“มันนุ่มละมุนคล้ายขี้ผึ้ง และมีกลิ่นหอมเป็นพิเศษ”
เหอยาโถวตักเต้าฮวยใส่ผลซิ่งเข้าปากก่อนเลียริมฝีปาก “พี่รองโชคดียิ่งนักที่ได้กินแต่ของอร่อย ๆ”
“น่าเสียดายที่พี่ไม่ได้เหลือไว้ให้เจ้า” เหอเยี่ยเอ๋อถอนหายใจ “ไม่เช่นนั้นข้าจะเอามาให้เจ้าชิม”
“รถบรรทุกที่ขนส่งสินค้าจะไปยังทะเลจีนใต้ปีละสองครั้ง การเดินทางนี้ยังอีกยาวไกล” คุณชายกั๋วมองไปที่หยุนเชวี่ย “สาวน้อยคนนี้รู้จักกล้วยหรือไม่?”
“เอ่อ ข้าเคยได้ยินคนในเมืองพูดกันเจ้าค่ะ” หยุนคุณเชวี่ยตอบเสียงแผ่วพลางถอนหายใจ “พี่เขยช่างมีความรู้เรื่องการเดินทางไปทั้งเหนือและใต้มากจริง ๆ”
“เชวี่ยเอ๋ออย่าน้อยใจไป หากถึงวัยหนุ่มสาว เจ้าจะได้เรียนรู้อะไรมากมายเลยล่ะ อีกทั้งเจ้ายังฉลาดเป็นกรด” เหอเยี่ยเอ๋อขยับพัดเบา ๆ “ข้ายังไม่ได้บอกท่านเลยว่าคนที่สร้างกังหันน้ำในหมู่บ้านของเราคือเด็กผู้หญิงคนนี้…”
คุณชายกั๋วเลิกคิ้วขึ้นทันที “เด็กคนนี้รึ?!”
“เจ้าค่ะ ท่านพี่ลองคิดดูสิว่านางต้องฉลาดแค่ไหน!”
“เยี่ยเอ๋อ แม้แต่น้องสาวของเจ้าก็เป็นหญิงฉลาดรึ ใช่แล้ว! สตรีผู้ไม่ยอมเป็นรองบุรุษ!” คุณชายกั๋วเดินวนเป็นวงกลมฟังภรรยากล่าวถึงความฉลาดของหยุนเชวี่ย และหลังจากฟังจบ คุณชายกั๋วก็เอ่ยชื่นชมนางไม่ขาดปาก