ตอนที่ 55 มากเกินไปจะเจ็บตัวเสียเอง

ทะลุมิติไปเป็นสาวน้อยชาวสวน

ตอนที่ 55 มากเกินไปจะเจ็บตัวเสียเอง

เมื่อได้รับคำชม หยุนเชวี่ยจึงก้มหน้าพลางเอามือเกาหลังใบหู

เมื่อเร็ว ๆ นี้นางเกิดอาการขี้เกียจจึงรู้สึกว่าเตาฟืนเป็นสิ่งที่ยุ่งยากมาก นางจึงสงสัยว่าเมื่อไรครอบครัวของตนจะสามารถย้ายออกจากบ้านเก่าของตระกูลหยุน เพราะนางจะได้หาวิธีทำก๊าซหมักชีวภาพได้เสียที

นางต้องสร้างมันอย่างเงียบ ๆ และเก็บเป็นความลับ ดังนั้นทุกคนจะได้ไม่ตกใจ!

คำโบราณกล่าวไว้ว่า ‘ของอันตรายยังมีประโยชน์ แต่ต้องใช้อย่างชาญฉลาด มากเกินไปจะเจ็บตัวเสียเอง’

เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ หยุนเชวี่ยจึงกะพริบตาถี่ ๆ เผยให้เห็นถึงความไร้เดียงสา

อยู่เฉย ๆ คงเป็นทางเลือกที่ดีกว่า…

“เจ้าสองคนไม่ไปขายลูกบ๊วยในเมืองหรือ? ธุรกิจเป็นอย่างไรบ้าง?” เหอเยี่ยเอ๋อถามด้วยน้ำเสียงขบขัน

“ข้ากำลังจะเล่าให้ฟังเลย!” เหอยาโถวกล่าวด้วยความกระตือรือร้นพร้อมยื่นมือออกไปทำท่าทาง “พี่สาว  ครึ่งเช้าเราขายได้เงินตั้งแปดสิบเหรียญ!”

“โอ้ พวกเจ้าเก่งมาก!”

“มันคือกำไรหลังจากหักเงินทุนแล้ว!” เหอยาโถวลุกขึ้นยืนพลางแสดงท่าทีดีใจ

หยุนเชวี่ยหยิบกระเป๋าเงินออกจากแขนเสื้อ และนับเงินสิบห้าเหรียญก่อนส่งให้เหอเยี่ยเอ๋อ

“พี่รอง นี่คือเงินสำหรับลูกพลัมห้าจินเจ้าค่ะ”

“เจ้าพูดจริงหรือ?” เหอเยี่ยเอ๋อจับจ้องทั้งสองคนด้วยสายตาขุ่นเคือง ทว่าไม่สามารถซ่อนรอยยิ้มบนใบหน้าได้

“ข้าเคยบอกท่านแล้วว่าจะละเว้นค่าลูกพลัมไม่ได้” หยุนเชวี่ยยืนกราน “หากพี่รองไม่ยอมรับเงินนี้ พวกข้าคงละอายเกินกว่าที่จะรบกวนท่านอีกครั้ง”

เหอเยี่ยเอ๋อและคุณชายกั๋วเหยียดยิ้มอย่างช่วยไม่ได้

“เห็นหรือไม่ว่าเด็กสาวคนนี้หัวแข็งนัก หากข้าไม่รับเงินนั่น นางจะไม่ขอข้องเกี่ยวกับข้า”

หลังจากนั้นเหอเยี่ยเอ๋อจึงสะบัดแขนเสื้อพลางกล่าว “ก็ได้ พี่ไม่รับไม่ได้หรือ?”

“นี่เจ้าค่ะ” หยุนเชวี่ยเทเงินทั้งหมดในกระเป๋าลงบนโต๊ะ “เงินสิบสี่เหรียญนี้เป็นค่าลูกพลัมสดห้าสิบจิน รบกวนพี่เขยแล้ว”

เหอเยี่ยเอ๋อและคุณชายกั๋วต่างตกตะลึง

“ห้าสิบจินรึ?” เหอเยี่ยเอ๋อถามย้ำ

“เจ้าค่ะ” หยุนเชวี่ยพยักหน้าเพื่อยืนยัน

“มันเยอะมากเลยนะ ช่วงนี้เป็นหน้าร้อน หากทิ้งไว้นานลูกพลัมจะเน่าเสียเอาได้…”

“พี่รองอย่ากังวลไปเลย ระหว่างทางมาที่นี่พวกเราได้หารือกันแล้ว” เหอยาโถวกล่าวด้วยความรู้สึกตื่นเต้น “เชวี่ยเอ๋ออธิบายความคิดของเจ้าให้พี่รองฟังสิ”

หยุนเชวี่ยค่อย ๆ อธิบายอย่างไม่รีบร้อน

“ครั้งนี้ข้ากับเหอยาโถวต้องการกำไรแปดสิบเหรียญ และเราจะใช้เงินแปดสิบเหรียญนี้ไปลงทุนเจ้าค่ะ”

“ลูกพลัมสดจากทางใต้หนึ่งจินมีราคาสามเหรียญ ลูกพลัมห้าสิบจินเป็นเงินหนึ่งร้อยห้าสิบเหรียญ หากหักค่าขนส่งจะเป็นเงินหนึ่งร้อยสิบเหรียญ”

“ส่วนเงินที่เหลือสี่สิบเหรียญ เราจะนำไปซื้อเกลือและน้ำตาลไว้ใช้ในภายหลังเจ้าค่ะ”

แม้หยุนเชวี่ยไม่ได้จ่ายค่าขนส่ง ทว่านางยังคงคำนวณมันและยกขึ้นมาพูดเสมอ อีกทั้งหากนางจ่ายไปเหอเยี่ยเอ๋อคงปฏิเสธที่จะรับอยู่ดี

นางหารือกับเหอยาโถวว่าหากได้กำไรจากการขายในครั้งนี้ นางจะเข้าไปในเมืองเพื่อเลือกซื้อของขวัญที่ดีที่สุดให้พี่รอง

“ข้อตกลงเป็นอันเสร็จสิ้น” เหอเยี่ยเอ๋อพยักหน้าพลางโบกมือให้หยุนเชวี่ยกล่าวต่อ

“มณฑลอันผิงของเราเป็นเทศมณฑลใหญ่ และอีกไม่กี่วันจะมีงานเทศกาล ดังนั้นข้าจึงอยากให้พี่รองและพี่เขยช่วยเสนอความคิดเห็นด้วยเจ้าค่ะ”

หยุนเชวี่ยยืดหลังตรง วางมือไว้บนหน้าขา ดวงตาสีเข้มเปล่งประกาย

“ข้ากับเหอยาโถววางแผนที่จะใช้เวลาในช่วงสองถึงสามวันนี้ให้เป็นประโยชน์โดยการจ้างคนช่างพูดในหมู่บ้านให้มาช่วยเราขายลูกพลัม โดยมีค่าจ้างคือขายได้หนึ่งห่อจะได้รับเงินหนึ่งเหรียญ”

“นั่น…” เหอเยี่ยเอ๋อเลิกคิ้วอย่างไม่คาดคิด

“แม้เราจะทำเงินได้น้อยลงหนึ่งเหรียญต่อหนึ่งห่อ แต่ตราบใดที่เราขายได้มากขึ้น เงินที่เราได้ก็จะมากขึ้นไปด้วย!” นัยน์ตาของเหอยาโถวเปล่งประกาย “เชวี่ยเอ๋อเรียกว่า… มันเรียกว่าอะไรนะ?”

“ข้าเพียงอยากใช้ประโยชน์จากงานเทศกาลเพื่อเพิ่มยอดขายเจ้าค่ะ” หยุนเชวี่ยเกาศีรษะ “อีกทั้งยังสร้างรายได้ให้คนในหมู่บ้านเดียวกันด้วย”

หลังจากพูดจบ นางก็หันไปส่งยิ้มให้เหอเยี่ยเอ๋อ “พี่รอง ท่าคิดเห็นว่าอย่างไร?”

“ข้าเคยได้ยินแต่จ้างคนมาทำงานและจ่ายค่าตอบแทนเป็นรายเดือน แม่สาวน้อยช่างฉลาดคิดจริง ๆ” เหอเยี่ยเอ๋อหันมองคุณชายกั๋วอีกครั้ง

คุณชายกั๋วเคาะนิ้วลงบนโต๊ะ “นี่เป็นยุทธศาสตร์การค้าที่ดีมาก”

“ในเมื่อพี่เขยบอกว่าเป็นวิธีที่ดี เรามาลงมือกันเถอะ!” เหอยาโถวกระโดดขึ้นไปยืนบนเก้าอี้ “พี่สาว สั่งลูกพลัมสดมาเลยห้าสิบจิน!”

“เฮ้ พวกเจ้าจะกลับหรือยัง?” เหอเยี่ยเอ๋อมองทั้งสองคนด้วยสายตาว่างเปล่า “ข้าอยากคุยกับเจ้าให้นานกว่านี้ พี่สาวน้อยใจแล้วนะ!”

“พี่เขยก็อยู่กับท่านนี่…” เหอยาโถวที่กำลังกระตือรือร้นในการทำเงินตอบกลับ “ข้าต้องกลับไปหาคนมาทำตามแผน…”

“ดูสิเจ้าไม่สนใจข้า!” เหอเยี่ยเอ๋อกล่าวเย้าแหย่ “ไปเถอะ ๆ พี่สาวรอดูความสำเร็จของเจ้าอยู่!”

“อืม!” เหอยาโถวพยักหน้าด้วยความมุ่งมั่นพลางชี้ไปที่หน้าท้องของพี่สาว “ถ้าข้ารวย ข้าจะซื้อกำไลทองให้หลานตัวน้อย!”

“ฮ่า ๆ ๆ”เหอเยี่ยเอ๋อระเบิดหัวเราะ

ก่อนกลับบ้าน ป้าหลิวได้ห่อขนมผลไม้อบแห้งให้ทั้งสองด้วย

เหอเยี่ยเอ๋อที่กำลังท้องแก่และคุณชายกั๋วเดินมาส่งทั้งสองที่ประตูหน้าบ้าน

“อ้อ พี่เขยเจ้าคะ” หยุนเชวี่ยถือลูกพลัมในมือ ขณะที่ดวงตาเปล่งประกาย

“เราสามารถแปรรูปกล้วยจากทางใต้เป็นผลไม้ตากแห้งเช่นลูกเกดและลูกพลัมตากแห้งได้หรือไม่เจ้าคะ?”

“เอ่อ…” คุณชายกั๋วขมวดคิ้ว “ข้าไม่เคยรู้เรื่องนี้มาก่อนเลย ข้ารู้เพียงว่าเนื้อสัมผัสของมันจะนุ่มและเหนียว และมันมักจะเน่าเสียไปก่อนที่จะแห้ง”

“หาก…”

หยุนเชวี่ยเม้มริมฝีปาก “จะเกิดอะไรขึ้นหากเราหั่นกล้วยเป็นชิ้นบาง ๆ แล้วนำไปตั้งบนไฟอ่อนเพื่อให้มันค่อย ๆ แห้ง?”

กล่าวเพียงประโยคเดียวนางก็เงียบไป

คุณชายกั๋วเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการเดินทางขึ้นเหนือล่องใต้ ดังนั้นเขาใช้เวลาครุ่นคิดเพียงครู่หนึ่งก็รู้แจ้งทันที เขาถอนหายใจพลางมองแผ่นหลังของเด็กทั้งสองคนจนลับตาไป “จิตใจที่กระตือรือร้น เด็กสาวคนนี้มีความคิดที่โตกว่าอายุประมาณสามถึงหน้าปี น่าเหลือเชื่อ! แต่น่าเสียดาย…”

“น่าเสียดายอะไรรึ?”

“น่าเสียดายที่ลูกของพี่ใหญ่ยังเด็กเกินไป ไม่อย่างนั้น…”

เหอเยี่ยเอ๋อเอ่ยตอบ “ท่านต้องการจับคู่นางหรือ!”

บนถนนในหมู่บ้านไป่ซี

สายลมพัดปะทะใบหน้าของเหอยาโถว “ครั้งนี้ข้าไม่รู้ว่าขบวนขนส่งสินค้าของพี่เขยจะใช้เวลาสองถึงสามวันหรือเปล่า ข้ารอไม่ไหวแล้ว!”

“หากจ้างเขาแล้ว เราต้องสอนเขาตะโกนเรียกลูกค้าก่อน” หยุนเชวี่ยคิดว่าเหอยาโถวมีพรสวรรค์ด้านนี้

“อืม!”

หยุนเชวี่ย “มาคิดกันเถอะว่าจะจ้างใครดี”

เหอยาโถว “ครอบครัวของอู๋ถูฮู่เป็นคนจริงใจ”

หยุนเชวี่ย “ต้าหวังติดตามพ่อของเขาเพื่อเรียนรู้วิธีการฆ่าหมู”

เหอยาโถว “พี่สาวของเจ้าล่ะ? เรือล่มในหนอง ทองจะไปไหน”

หยุนเชวี่ย “พี่สาวของข้าผอมแห้ง นางตะโกนเรียกลูกค้าไม่ไหวหรอก อย่าทำให้นางอับอายเลย”

เหอยาโถว “…”

ทั้งสองคนแยกย้ายกันกลับบ้านเมื่อถึงทางเข้าหมู่บ้าน พวกเขาตกลงกันว่าจะจ้างโฉ่วเหือกับโฉ่วช่วนแห่งตระกูลลเกื๋อ และชีจินลูกชายคนเล็กของแม่ม่ายเหลียว

เหอยาโถวมีหน้าที่ชักชวนคนเหล่านี้เข้าร่วมกลุ่มหารายได้ของหมู่บ้านไป่ซี ในขณะที่หยุนเชวี่ยขึ้นไปบนภูเขาหลังหมู่บ้าน

นางขึ้นเขาไปเพื่อดูอาการของสืออี อีกทั้งนำน้ำและอาหารขึ้นไปให้เขา

อาการของเขายังไม่ดีขึ้นมากนัก อีกทั้งยังคงมีไข้อ่อน ๆ ซึ่งเป็นสัญญาณอันตรายแน่นอน

หยุนเชวี่ยรู้สึกกังวลอย่างมาก และทันทีที่เดินเข้าไปในภายในบริเวณบ้านของตระกูลหยุน นางก็ตระหนักได้ว่ามีบางสิ่งที่ไม่ชอบมาพากล….