บทที่ 73.2 คู่ต่อสู้ที่ทรงพลังอย่างคาดไม่ถึง (2)

Heavenly Jewel Change : มณีสวรรค์ผันชะตา

“กลุ่มนักรบเฟยหลี่ อู่หยา”

“กลุ่มนักรบเฟยหลี่ โจวเหว่ยชิง”

“กลุ่มนักรบเหมี่ยว อู๋เจิ้งหยาง”

“กลุ่มนักรบเหมี่ยว เจี่ยงเฟย”

หลังจากทั้ง 4 คนแนะนำตัวเสร็จเรียบร้อย ผู้ตัดสินก็ให้สัญญาณเริ่มการประลองครั้งที่ 3 ทันที

เมื่อทั้งสองฝ่ายเรียกมณีสวรรค์ของพวกเขาออกมาพร้อมๆ กัน ผู้ชมรอบข้างต่างส่งเสียงร้องออกมาด้วยความประหลาดใจ นั่นไม่ใช่เพราะโจวเหว่ยชิงมีมณีเพียง 3 ชุดเท่านั้น แต่ยังเป็นเพราะหญิงสาวร่างเล็กที่ชื่อว่าเจี่ยงเฟยมีมณีถึง 5 ชุด! ด้วยอายุของเธอ อาจกล่าวได้ว่าเป็นหนึ่งในไม่กี่คนที่มีความสามารถเป็นอันดับต้นๆ ของโลกด้วยซ้ำ ดังนั้นเห็นได้ชัดว่าเธอต้องเป็นหัวหน้ากลุ่มนักรบเหมี่ยวอย่างไม่ต้องสงสัย

เมื่อได้ยินคำสั่งของผู้ตัดสิน การต่อสู้จึงเริ่มต้นขึ้นอย่างเป็นทางการทันที แม้ว่าสีหน้าของอู๋เจิ้งหยางจะยังไม่ดีขึ้นและเต็มไปด้วยความคับแค้นใจ แต่เขาก็ไม่ได้พุ่งตัวออกไปข้างหน้าแบบสุ่มสี่สุ่มห้าอีก อู๋เจิ้งหยางเพียงปลดปล่อยดาบหนักออกมา เห็นได้ชัดว่าปลายดาบพลันเปล่งแสงวาววับ เขางอแขนขวา จากนั้นก็เสือกดาบหนักออกไปข้างหน้า ปลดปล่อยดาบแสงเจิดจ้าพุ่งออกไปจากตัวดาบจริง เห็นได้ชัดว่าดาบแสงไร้ตัวตนนั้นทะยานเข้าหาโจวเหว่ยชิงและอู่หยาทันที

เนื่องจากทั้งสองฝ่ายอยู่ห่างกันมากกว่า 20 หลา ดังนั้นกว่าดาบแสงเล่มนั้นจะพุ่งถึงตัวโจวเหว่ยชิง พลังของมันก็ลดลงจนไม่อาจทำร้ายพวกเขาได้อยู่แล้ว ดังนั้นดาบแสงเล่มนั้นจึงมีเป้าหมายเพียงอย่างเดียวคือป้องกันไม่ให้โจวเหว่ยชิงและอู่หยาพุ่งเข้าหาพวกเขาในระยะประชิด แม้อู๋เจิ้งหยางจะไม่พอใจกับผลการประลองก่อนหน้านี้ แต่เขาก็ต้องยอมรับว่าในแง่ของความแข็งแกร่งทางร่างกาย เขาไม่อาจเทียบกับอู่หยาได้แม้แต่น้อย

อย่างไรก็ตาม ใครจะคาดคิดว่าทั้งอู่หยาและโจวเหว่ยชิงจะยืนอยู่ที่เดิมโดยไม่ขยับเขยื้อน ไม่มีแม้แต่ความคิดจะเคลื่อนไหวร่างกายด้วยซ้ำ พวกเขาทำเพียงแค่เฝ้าดูดาบแสงเล่มนั้นสลายหายไปต่อหน้าพวกเขาด้วยท่าทีเฉยเมย

อู่หยาหันไปหาโจวเหว่ยชิงและถามด้วยน้ำเสียงงวย “เขากำลังทำอะไรน่ะ? ฟันอากาศเล่นรึไง?”

โจวเหว่ยชิงยักไหล่ด้วยท่าทางไม่สนใจ “ข้าจะรู้ได้อย่างไร? บางทีก่อนหน้านี้หัวของเขาอาจกระแทกพื้นจนทำให้สมองกระทบกระเทือนไปหน่อยล่ะมั้ง?”

อู่หยาเปิดเผยรูปลักษณ์ไร้เดียงสาของเธอออกมาเหมือนอย่างเคย เกือบจะดูคล้ายพวกคนทึ่มด้วยซ้ำ ส่วนโจวเหว่ยชิงก็มีรอยยิ้มใสซื่อประจำตัวประดับอยู่บนใบหน้าทันทีที่ก้าวขึ้นไปบนเวที แน่นอนว่าทั้ง 2 คนเป็นคู่นักแสดงที่มีฝีมือยอดเยี่ยมมาก เนื่องจากพวกเขาสามารถพูดคุยรับมุกซึ่งกันและกันได้เป็นอย่างดี ทำให้ผู้ชมหลายคนถึงกับหัวเราะออกมา

อู๋เจิ้งหยางโกรธมากจนใบหน้าของเขาเปลี่ยนเป็นสีแดงสลับขาว เขากำลังคิดจะโต้ตอบกลับไป แต่เจี่ยงเฟยกลับกล่าวขัดขึ้นมาอย่างเคร่งขรึมจากทางด้านหลัง “อย่าตกหลุมพรางของพวกเขา เตรียมตัวให้พร้อม ระวังตัวไว้ก่อน”

น่าแปลกที่ทันทีที่เจี่ยงเฟยพูดขึ้นมา อู๋เจิ้งหยางก็สงบลงได้ทันที เขาจ้องมองไปที่โจวเหว่ยชิงและอู่หยาอีกครั้ง มุ่งความสนใจไปที่การต่อสู้เท่านั้น

จ้าวมณีสวรรค์ธาตุแสงระดับ 4 ชุดผู้นี้ย่อมเป็นคู่หูที่ยอดเยี่ยมสำหรับทุกคน ในบรรดาทักษะธาตุที่ยิ่งใหญ่ทั้ง 4 ธาตุแสงนั้นค่อนข้างธรรมดา แต่ก็ยังถือว่าเป็นทักษะธาตุที่ยิ่งใหญ่มากอยู่ดี

ด้วยพลังของโจวเหว่ยชิง ไพฑูรย์ตาแมวสองสีและศาสตรามณียุทธ์ในตำนาน เขาย่อมไม่มีปัญหาในการต่อสู้และเอาชนะเหล่าจ้าวมณีที่มีมณี 4 ชุด แต่การเผชิญหน้ากับจ้าวมณีสวรรค์ระดับ 5 ชุดย่อมต้องก่อปัญหาให้เขาแน่ ถึงอย่างไรความแตกต่างของระดับพลังก็ยิ่งใหญ่มากเกินไป ในอดีตที่เขาได้เปรียบหมิงอู๋ระหว่างการต่อสู้นั้นก็เป็นเพราะว่าหมิงอู๋ประเมินเขาต่ำเกินไปอย่างแท้จริง ไม่ว่าจะทั้งก่อนและหลังการเดิมพัน หมิงอู๋ไม่ได้ปลดปล่อยพลังของตนเองออกมาอย่างเต็มที่ด้วยซ้ำ นั่นจึงทำให้โจวเหว่ยชิงสามารถฉวยโอกาสลอบโจมตีเขาได้สำเร็จ

แน่นอนว่าปัจจุบันโจวเหว่ยชิงก็แข็งแกร่งขึ้นมากกว่าแต่ก่อน อีกทั้งเขายังมีจำนวนทักษะมากกว่าจ้าวมณีสวรรค์ในระดับเดียวกันถึง 6 เท่า! ยิ่งไปกว่านั้น เขายังกักเก็บทักษะระดับสูงเอาไว้มากมายโดยเฉพาะทักษะควบคุม ดังนั้นตอนนี้ก็ขึ้นอยู่กับว่าเขาจะใช้วิธีการใดเอาชนะมากกว่า

เจี่ยงเฟยที่ยืนอยู่ด้านหลังอู๋เจิ้งหยางยกมือขึ้นทั้งสองข้าง จากนั้นทุกคนก็สามารถมองเห็นมณีหยกแดงทั้ง 5 ดวงได้อย่างชัดเจน นั่นบ่งบอกว่ามณียุทธ์ของเธอเป็นประเภทการประสานงาน รอไม่นานรอบข้อมือขวาของเธอสว่างวาบขึ้นพร้อมกันทันที

หัวใจของโจวเหว่ยชิงเผลอบีบรัดโดยไม่รู้ตัว เขาอดไม่ได้ที่จะบ่นกับตัวเองในใจ ยังมีชุดศาสตรามณียุทธ์อยู่อีก ชุด! อาจารย์ฮูเหยียนไม่ได้เคยบอกหรือว่าชุดศาสตรามณียุทธ์นั้นหายากแค่ไหน ทำไมในงานประลองมณีสวรรค์ครั้งนี้ถึงดูเหมือนจะมีอยู่เกลื่อนกลาดราวกับกะหล่ำปลีที่หาได้ทุกที่! เห็นได้ชัดว่าในการต่อสู้ก่อนหน้านี้ก็มีผู้เข้าประลองอย่างน้อย 10 คนที่ปลดปล่อยชุดศาสตรามณียุทธ์ออกมาต่างประเภทกัน…

อย่างไรก็ตาม ไม่นานโจวเหว่ยชิงก็ตระหนักได้อย่างรวดเร็วว่าเขาคำนวณผิดพลาด มณียุทธ์ทั้ง 5 ที่เจี่ยงเฟยปลดปล่อยออกมาไม่ใช่ชุดศาสตรามณียุทธ์

ชุดศาสตรามณียุทธ์ทั้งหมดมักมีลักษณะที่คล้ายคลึงกัน อาจจะมีลวดลายสลักอยู่เหมือนๆ กัน รวมถึงความสามารถในการใช้ประสานงานซึ่งกันและกันได้ ทว่าศาสตรามณียุทธ์ 5 ชิ้นที่ปรากฏรอบๆ ร่างของเจี่ยงเฟยนั้นกลับดูแตกต่างกันออกไป

ถุงมือสีดำเคลือบโลหะ ไม้คฑายาวสีดำ ปลอกแขนสีดำข้างเดียวบนแขนขวา เกราะไหล่ขวาสีดำ และหมวกเกราะสีดำ น่าแปลกที่ศาสตรามณียุทธ์ทั้ง 5 ชิ้นดูเหมือนจะหลอมรวมกับร่างกายทางซีกขวาทั้งหมด อีกทั้งพวกมันยังบรรจุมณีไว้ในหลุมแล้วเรียบร้อย และมณีเหล่านั้นก็คือไข่มุกสีดำที่แสดงถึงทักษะธาตุมืด

โจวเหว่ยชิงไม่ใช่จ้าวมณีสวรรค์ธรรมดาเพราะเขายังเป็นอาจารย์ศาสตรามณียุทธ์ด้วย เมื่อได้เห็นศาสตรามณียุทธ์ของเจี่ยงเฟย ไอเย็นก็ไหลเข้าเกาะกุมกระดูกสันหลังของเขาเมื่อนึกเรื่องบางอย่างออก เขาตะโกนบอกอย่างรวดเร็ว “อู่หยา ระวังด้วย! ผู้หญิงคนนั้นเป็นจ้าวมณีสวรรค์ประเภทโจมตีขั้นสุดยอด นางน่าจะเชี่ยวชาญการโจมตีระยะไกล

จ้าวมณีสวรรค์ประเภทโจมตีขั้นสุดยอดหมายถึงผู้ที่เน้นใช้พลังทั้งหมดไปที่การรุกโจมตีโดยไม่สนใจเกี่ยวกับพลังป้องกันหรือพลังควบคุมโดยสิ้นเชิง ไม่ว่าศาสตรามณียุทธ์หรือทักษะกักเก็บของพวกเขาจะเป็นอย่างไร พวกเขาก็จะมุ่งเน้นไปที่การรุกโจมตีเพียงอย่างเดียวเท่านั้น ศาสตรามณียุทธ์ของพวกเขามักจะมีทักษะบางอย่างที่ช่วยเพิ่มพลังโจมตีเช่นการเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับตนเองหรือเพิ่มความสามารถในการสร้างความเสียหายให้กับศัตรู นอกจากนี้ พวกเขายังใช้ประโยชน์จากหลุมบรรจุมณีบนศาสตรามณียุทธ์เพื่อเพิ่มพลังให้กับทักษะกักเก็บของตนเอง พิจารณาจากศาสตรามณียุทธ์และไม้คฑาในมือขวาของเธอแล้ว โจวเหว่ยชิงก็สรุปความสามารถของเจี่ยงเฟยได้อย่างรวดเร็ว

เมื่อพวกเขาสละการป้องกันทิ้งไปอย่างสิ้นเชิงเพื่อมุ่งเน้นไปที่การโจมตีเพียงอย่างเดียว จ้าวมณีสวรรค์ประเภทนี้มักจะลงมือทำสิ่งต่างๆอย่างสุดขั้วและนั่นก็เป็นอันตรายกับคู่ต่อสู้มาก หากศาสตรามณียุทธ์หรือทักษะกักเก็บของพวกเขาถูกเตรียมการเอาไว้อย่างเหมาะสมแล้ว คนเหล่านี้ก็จะน่าสะพรึงกลัวมากเลยทีเดียว

ท้ายที่สุดแล้ว ความจริงก็เป็นอย่างที่โจวเหว่ยชิงคาดเดาไว้ไม่มีผิด ศาสตรามณียุทธ์ทั้ง 5 ชิ้นของเจี่ยงเฟยล้วนส่งเสริมทักษะธาตุมืดของเธอทั้งสิ้น ทำให้ทักษะกักเก็บธาตุมืดทั้ง 5 ของเธอแข็งแกร่งขึ้นจนถึงระดับที่เรียกได้ว่าบ้าคลั่ง ภายใต้การเลือกสายแบบสุดโต่งเช่นนี้ ความสามารถในการโจมตีของเธอเพียงอย่างเดียวจึงเทียบได้กับจ้าวมณีสวรรค์ระดับ 6 ชุดที่ทรงพลังที่สุด โจวเหว่ยชิงเองไม่ได้คาดคิดว่าจะได้พบกับคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่งเช่นนี้ในงานประลองมณีสวรรค์รอบแรกด้วยซ้ำ

ในเวลาเดียวกับที่เขาตะโกนเตือนอู่หยา ธนูราชันย์ของเขาก็ปรากฏขึ้นในมือทันที เห็นได้ชัดว่าในกลุ่มฝ่ายตรงข้าม ขณะที่อู๋เจิ้งหยางมุ่งเน้นไปที่การสนับสนุนและการป้องกันอย่างเต็มที่ เจี่ยงเฟยที่อยู่ด้านหลังของเขาก็รุกพวกเขาด้วยพลังโจมตีที่น่าสะพรึงกลัว ดังนั้นโจวเหว่ยชิงจึงรู้ว่าเขาต้องกำราบฝ่ายตรงข้ามด้วยการโจมตีของตนเองเพื่อหาโอกาสเอาชนะพวกเขาให้ได้

แม้จะได้รับคำเตือนจากโจวเหว่ยชิง แต่อู่หยาก็ยังพุ่งไปข้างหน้าอย่างกล้าหาญ ในเวลาเดียวกันนั้นเอง การโจมตีครั้งแรกของเจี่ยงเฟยก็เริ่มต้นขึ้นเช่นกัน

เธอโบกไม้คฑาสีดำออกไป จากนั้นบอลแสงสีดำก็พุ่งเข้าหาอู่หยาทันที ในเวลาเดียวกัน เงาสีดำที่ยื่นออกมาจากเท้าของเธอค่อยๆ ยืดขยายไปทางโจวเหว่ยชิงช้าๆ

ด้านโจวเหว่ยชิงเองก็ลงมือในเวลาเดียวกันกับเจี่ยงเฟย ธนูราชันย์ในมือของเขากระพริบวูบไหวขณะที่ลูกศรพุ่งออกไปอย่างรวดเร็วราวกับสายฟ้า ทั้งสองฝ่ายอยู่ใกล้กันมาก และเกือบจะเหมือนกับว่าเขาเพิ่งยกธนูราชันย์ขึ้นมาขณะที่ลูกศรทะยานออกไปแล้ว

สำหรับอู๋เจิ้งหยาง เมื่อเขาเห็นโจวเหว่ยชิงเรียกธนูราชันย์ออกมา เขาก็ตอบสนองอย่างรวดเร็วด้วยการเรียกเกราะแสงออกมาป้องกัน แสงสีทองสุกใสค่อยๆ ก่อตัวขึ้นเบื้องหน้าเขา ทั้งยังปกคลุมเจี่ยงเฟยเอาไว้ด้วย แม้ว่ามันจะโปร่งใสและดูไม่มั่นคง แต่ก็อย่าได้ประเมินพลังของมันต่ำเกินไป เกราะประกายแสงนี้เป็นทักษะระดับ 6 ดาว และในบรรดาทักษะกักเก็บ มันเป็นถึงหนึ่งในทักษะป้องกันชั้นยอดเลยทีเดียว เนื่องจากเจี่ยงเฟยเป็นจ้าวมณีสวรรค์ประเภทโจมตีขั้นสุดยอด ดังนั้นเพื่อที่จะประสานงานกับเธอได้ดีขึ้น เพื่อนร่วมกลุ่มของเธอจึงต้องมีพลังป้องกันที่ยอดเยี่ยม

อย่างไรก็ตาม ลูกศรดอกแรกของโจวเหว่ยชิงกลับไม่ได้ยิงใส่คู่ต่อสู้ทั้ง 2 แต่พุ่งเข้าหาบอลแสงสีดำที่เจี่ยงเฟยยิงไปทางอู่หยาต่างหาก เกิดแรงระเบิดครั้งใหญ่ที่ทำให้อากาศสั่นสะเทือน จากนั้นทั้งบอลสีดำและลูกศรก็ระเหยหายไปพร้อมกัน

เจี่ยงเฟยชะงักไปเล็กน้อยในขณะที่คิ้วของโจวเหว่ยชิงก็โค้งขึ้นเช่นกัน แน่นอนว่าเจี่ยงเฟยกำลังรู้สึกประหลาดใจที่โจวเหว่ยชิงผู้มีมณี 3 ชุดสามารถทำลายการโจมตีที่ทรงพลังของเธอได้ด้วยลูกศรเพียงดอกเดียว

เห็นได้ชัดว่าลูกศรของโจวเหว่ยชิงไม่ใช่ลูกศรธรรมดาเพราะมันได้บรรจุทักษะสายฟ้าเขย่าสวรรค์ของเขาเอาไว้ด้วย ทักษะนี้มีความสามารถพิเศษในการขัดขวางหรือทำลายทักษะอื่นๆ ดังนั้นเมื่อรวมกับพลังระเบิดทำลายล้างของธนูราชันย์ มันจึงหักล้างการโจมตีของเธอมาได้อย่างฉิวเฉียด ทว่าโจวเหว่ยชิงก็ยังสัมผัสได้อย่างชัดเจนว่าลูกศรของเขาสลายไปทันทีที่สัมผัสกับบอลแสงสีดำ หากไม่ใช่เพราะความจริงที่ว่าทักษะในลูกศรดอกนั้นมีผลก่อนพลังของบอลแสงสีดำ บางทีมันอาจจะถูกบอลแสงสีดำนั้นกลืนกินเข้าไปแล้ว

มันคือความแตกต่างระหว่างระดับพลังของทั้งคู่นั่นเอง

ไม่ว่าโจวเหว่ยชิงจะอัจฉริยะเพียงใด ไม่ว่าเขาจะมีทักษะที่ทรงพลังหรือระดับดาวสูงแค่ไหน ตอนนี้เขาก็ยังมีมณีเพียง 3 ชุดเท่านั้น ทว่าคู่ต่อสู้ของเขาไม่เพียงแต่เป็นจ้าวมณีสวรรค์ระดับ 5 ชุด แต่ยังเป็นถึงจ้าวมณีสวรรค์ธาตุมืดประเภทโจมตีขั้นสุดยอด! ดังนั้นภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ หากเขาพยายามโจมตีเธอต่อไป แม้จะใช้ค้อนในตำนานของเขา โจว เหว่ยชิงก็ยังไม่อาจเอาชนะพวกเขาได้

ความประหลาดใจของเจียงเฟยเกิดขึ้นเพียงเสี้ยววินาทีก่อนที่เธอจะฟื้นคืนสติขึ้นมาอีกครั้ง สายตาของเธอยังคงเย็นชาขณะที่โบกไม้คฑาขึ้นมา คราวนี้บอลแสงสีดำจำนวน 5 ลูกทะยานออกไปที่อู่หยาเหมือนเคย ทว่าเคลื่อนที่ด้วยความเร็วมากกว่าครั้งก่อนหน้ามาก ในเวลาเดียวกัน ดูเหมือนว่าจะมีเส้นบางๆ เชื่อมบอลทั้ง 5 ลูกเอาไว้ ทำให้พวกมันถูกยึดเข้าหากันด้วยจุดมุ่งหมายบางอย่าง

ในเวลาเดียวกัน เงาดำที่ยื่นออกมาจากขาของเจี่ยงเฟยก็มาถึงตัวของโจวเหว่ยชิงแล้ว

ในการต่อสู้แบบคู่เช่นนี้ อาจกล่าวได้ว่าทั้งเจี่ยงเฟยและอู๋เจิ้งหยางกำลังแสดงทักษะการทำงานเป็นกลุ่มและการประสานงานที่น่าทึ่งให้ทุกคนได้ประจักษ์ หนึ่งธาตุแสง หนึ่งธาตุมืด หนึ่งโจมตี หนึ่งป้องกัน นั่นแสดงให้เห็นถึงความร่วมมือและความเข้าใจซึ่งกันและกันเป็นอย่างดี

โจวเหว่ยชิงไม่รู้ว่าเงาสีดำที่เข้ามาใกล้เท้าของเขาคืออะไร แต่เขารู้แน่ชัดว่าเขาไม่ควรประมาท ถึงอย่างไรก็ไม่ควรถูกมันพันธนาการเอาไว้ นั่นอาจเป็นทักษะควบคุมที่ทรงพลังหรือทักษะโจมตีก็ได้

เมื่อตกอยู่ในสถานการณ์เช่นนี้ โจวเหว่ยชิงก็แสดงฝีมือการยิงธนูอันน่าทึ่งที่ได้เรียนรู้และฝึกฝนมากจากหน่วยเกาทัณฑ์สวรรค์ จู่ๆ ลูกศร 5 ดอกก็ปรากฏขึ้นที่นิ้วของเขาและพวกมันก็ถูกยิงออกไปพร้อมกันด้วยเสียงดังวืด เกือบจะในเวลาเดียวกัน เสียงระเบิด 5 ครั้งก็ดังขึ้นที่อีกด้านหนึ่ง โจวเหว่ยชิงเลือกที่จะทำลายการโจมตีที่เจี่ยงเฟยปล่อยใส่อู่หยาพร้อมๆกับกระโดดขึ้นจากพื้น เพื่อช่วยอีกาแล้ว เขาแทบไม่มีโอกาสจัดการกับปัญหาของตัวเองด้วยซ้ำ

เงาดำที่ไล่ตามมาถึงเท้าของโจวเหว่ยชิงกระโจนตามเขาขึ้นไปทันทีราวกับเงาตามตัว จากนั้นก็พุ่งทะยานเข้าใส่เขาทันที