อวิ๋นเจี่ยวผงะ เธอมองไปยังอีกฝ่าย ก่อนจะนึกขึ้นได้ “ท่าคือ…อวี๋จื้อ?” เขาเป็นหนึ่งในคนที่ไปหาลั่วคายหยวนที่สำนักเทียนซือเมื่อวานไม่ใช่หรือ
“เจ้าตามมาถึงเมืองหมิ่นเฟินเชียวหรือ!” เขาพูดด้วยสีหน้าโกรธเคือง “เรื่องของสหายลั่วยังไม่ทันได้คิดบัญชีกับพวกเจ้า พวกเจ้ามีแผนการอะไรอีก”
“ข้ามาช่วย” อวิ๋นเจี่ยวที่ยังคงครุ่นคิดถึงวิธีการรังมือกับเมฆาปีศาจตอบกลับไป
“ฮึ! พวกเจ้าจะใจดีขนาดนี้?” เขาไม่เชื่อ เขายังคงโจมตีพลังปีศาจต่อ ไม่ได้พูดอะไรขึ้นมาอีก เพียงแค่หันหน้ากลับมาเป็นบางครั้งด้วยความระแวง
อวิ๋นเจี่ยวไม่ได้สนใจอีกฝ่าย เพียงแค่ยืนนิ่งอยู่ที่เดิม มองไปยังเมฆาปีศาจที่อยู่ตรงหน้า ภายในหัวมีแต่ความรู้เสวียนเหมิน
รูปแบบของข่ายพลังจำนวนมากแล่นผ่านไป เธอคิดนะหาทิศทางในการรับมือที่รวดเร็วและมีประสิทธิภาพ แต่น่าเสียดายที่คลังความรู้ของเธอไม่มีเรื่องเกี่ยวกับการรับมือพลังปีศาจแม้แต่น้อย
อวี๋จื้อที่เห็นเธอหลบอยู่ด้านหลัง ยืนนิ่งไม่ขยับ อีกทั้งยังเหม่อลอยขึ้นมา ความไม่พอใจในสายตายิ่งเพิ่มมากขึ้น เขาอดไม่ได้ที่จะส่งเสียงไม่พอใจออกมา “อย่างเจ้าเรียกว่าช่วยหรือ ข้ารู้อยู่แล้วว่าเสวียนเหมินไม่มีคนดี จะมาช่วยเหลือยมโลกโดยเฉพาะได้อย่างไรกัน เพียงแค่พลังปีศาจก็กลัวจนตัวสั่น หากให้เจ้าเห็นประตูปีศาจที่ผนึกเอาไว้ คงจะกลัวจน…”
“ผนึก!” อวิ๋นเจี่ยวตาลุกวาวขึ้นมาทันที เธอหันไปพูดกับอวี๋จื้ออย่างจริงยัง “ขอบคุณที่เตือน!”
“ฮะ?” อวี๋จื้อผงะ หน้าของเขาเต็มไปด้วยความฉงน ขอบคุณเขาทำไมกัน เมื่อกี้เขากำลังด่านางนะ!
อวิ๋นเจี่ยวนั่งยองลง ก่อนจะหยิบธงสำหรับวางข่ายพลังออกมา พลางวาวพลางคำนวณ ทำไมเธอถึงลืมผนึกในโลกมารกัน นั้นเป็นข่ายพลังที่ผนึกพลังปีศาจเอาไว้นับหมื่นปี พลังปีศาจยากต่อการรับมือเพราะว่ามันไร้รูปร่าง แต่หากแก้ไขผนึกไปเล็กน้อย ผนวกกับข่ายพลังโจมตีละ?
สมองของเธอมีข่ายพลังมากมายแล่นผ่าน พลางคำนวณพลางวางข่ายพลัง
“เฮ้ย เจ้ากำลังทำอะไร” เห็นมือของเธอมีแสงส่องสว่างขึ้นมากมาย เขาจึงจ้องมองเป็นเวลานาน นอกจากรู้ว่าเป็นแสงจากข่ายพลังแล้ว เขาก็ดูไม่ออกว่ามันคืออะไร อวี๋จื้อถาม “เจ้ามีแผนการอะไรอีก”
“ข้าวางข่ายพลังใช้ต้องเวลา” อวิ๋นเจี่ยวไม่ได้เงยหน้าขึ้นมามอง เธอพูดสั่งขึ้นอย่างไม่เกรงใจ “อวี๋จื้อ เจ้าควบคุมพลังปีศาจให้อยู่ห่างจากข้าสิบฉื่อ อย่าเข้าใกล้ตาของข่ายพลังทางนี้”
พูดจบก็เงยขึ้นมองเยี่ยยวนที่อยู่ด้านข้าง “อาจารย์ปู่ ช่วยข้าดูพลังปีศาจด้านหลัง อย่าให้พวกมันลอยเข้ามาผล
“อืม” เยี่ยยวนพยักหน้า มีข้าอยู่!
อวี๋จื้อขุ่นเคืองเล็กน้อย เขาตอบกลับ “ใครจะช่วยเจ้า เจ้าไม่ใช่คนของหมิ่นเฟิน…”
เขายังไม่ทันพูดจบก็เห็นอวิ๋นเจี่ยวเงยหน้าขึ้นมามอง “รบกวนด้วย!”
อวี๋จื้อ: “…”
สักพัก…
ฮึ!
เขาส่งเสียงไม่พอใจในลำคอ ก่อนจะหันกลับไปรับมือกับพลังปีศาจอีกครั้ง เพียงแต่ผลักพลังปีศาจรอบด้านไปไกลกว่าสิบฉื่อ
“สหาย ระวังหน่อย ผลักพลังปีศาจถอนไปสิบฉื่อ”
“ได้เลย พี่อวี๋!”
อวี๋จื้อกำชับสหายที่อยู่ใกล้เคียง แต่เมื่อหันกลับมาก็แอบเสียใจ เฮ้ย! เขาทำอะไรอยู่ ทำไมต้องช่วยคนของเสวียนเหมิน! เรื่องของสหายลั่วยังไม่กระจ่างเลย!
เขามองไปยังคนที่กำลังวางข่ายพลังอยู่ด้านหลังอีกครั้ง ก่อนจะสูดลมหายใจอย่างโกรธเคือง ช่างเถอะ! ในฐานะที่นางเป็นหญิงสาว เขาจะช่วยครั้งหนึ่ง เพียงแค่ควบคุมพลังปีศาจเท่านั้น เขาจะคอยดูว่านางสามารถทำอะไรออกมาได้ ที่นี่มีพลังปีศาจมากเช่นนี้ อย่างมากพวกเขาก็คงทำได้เพียงช่วยนางต้านส่วนตรงหน้านี้เท่านั้น หากพลังปีศาจอ้อมไปด้านหลัง…
เอ๊ะ?
ในขณะที่เขากำลังครุ่นคิด เขาก็เห็นชายหนุ่มที่อยู่ด้านหลังของหญิงสาวหันหลังกลับไปโบกมือทีหนึ่ง จากนั่นราวกับมีบางอย่างกวาดไปทางด้านหลัง เห็นเพียงพลังปีศาจที่เคลื่อนตัวมายังด้านหลังของอีกฝ่ายสลายหายไปในพริบตา อย่าว่าแต่เข้าใกล้อวิ๋นเจี่ยวสิบฉื่อ แม้แต่พลังวิญญาณก็ล้วนถูกกวาดล้างจนหมดเกลี้ยง
อวี๋จื้อ: “…”
┏(゜ロ゜)┛
เมื่อกี้เขา…ตาฝาดใช่หรือไม่ ต้องใช่แน่นอน จะเป็นไปได้อย่างไรที่สลายพลังปีศาจได้ภายในครั้งเดียว!
หลังจากนั้นครึ่งเค่อ
“เสร็จแล้ว!” อวิ๋นเจี่ยวที่นั่งอยู่บนพื้นลุกขึ้นยืน ก่อนจะมองไปยังทิศทางของอวี๋จื้อ “สหายอวี๋ หลบออกไปหน่อย”
“อ้า! ฮะ?” อวี๋จื้อสีหน้าฉงน เขายังไม่ได้สติจากการตาฝาดเมื่อกี้ ทำได้เพียงหลงออกไปด้วยตัวแข็งทื่อ อีกทั้งยังลากสหายที่อยู่ด้ายข้างออกไปด้วย
“ขอบคุณ!” อวิ๋นเจี่ยวใช้มือทั้งสองข้างทำผนึก ชักนำพลังลมปราณภายในร่างกายกระตุ้นข่ายพลังบนพื้น พลังที่เธอกักตุนไว้ครึ่งปีไหลลงตาข่ายพลังราวกับน้ำหลาก
รอบตัวบองเธอส่องสว่างไปด้วยแสงสีขาว บนพื้นปรากฏข่ายพลังลายเส้นสีขาวในทันที อีกทั้งยังแผ่ขยายออกไปรอบข้างอย่างรวดเร็ว เต็มไปด้วยพลังที่น่าเกรงขาม
เขาเข้าใจแล้วว่าทำไมอวิ๋นเจี่ยวถึงให้เขาหลบออกไป เขารีบตะโกนบอกสหายที่อยู่ด้านหน้า
“เร็ว ถอยหลัง อย่าบังแสงของข่ายพลัง!”
คนอื่นต่างผงะ พวกเขาหันหลังกลับมาตามสัญชาตญาณ แต่แสงสีขาวกลับแผ่ขยายไปด้านหน้าอย่างรวดเร็ว สิ่ง ที่น่าแปลกคือ แสงสีขาวไม่ถูกตัวคนแม้แต่คนเดียว ราวกับคำนวณองศาไว้ก่อนแล้ว แสงนั้นแผ่ขยายไปทางทิศขวาที่พลังปีศาจรวมตัวเอาไว้ มันทะลุคาถาต้านทานของเจ้าเมืองเข้าไปยังส่วนลึกของพลังปีศาจ จนกระทั่งครอบคลุมพลังปีศาจทางด้านขวาเอาไว้ทั้งหมด
ข่ายพลังก่อตัวสำเร็จ
แสงสีขาวพุ่งทะยานขึ้นหา ก่อนจะครอบคลุมเมฆาปีศาจไว้กว่าครึ่ง เห็นเพียงแต่เมฆาปีศาจที่หลั่งไหลเข้ามาอย่างบ้าคลั่งนั้นหยุดชะงักลงราวกับถูกสะกดเอาไว้
“ผนึก!” มีคนอุทานออกมา “พลังปีศาจถูกสะกดเอาไว้แล้ว พวกเราสามารถโจม…”
อีกฝ่ายยังพูดไม่ทันจบ ข่ายพลังบนพื้นกลับเปลี่ยนสีสันไป มันกลายเป็นสีทองสว่างตา ข่ายพลังสีทองขนาดใหญ่ลอยขึ้นมาจากข่ายพลังสีขาว ยันต์อักขระในข่ายพลังประกายซ้อมทับกันหลายชั้น ซับซ้อนจนมองไม่ออกรูปร่างที่แท้จริงของข่ายพลัง
เห็นเพียงแต่ข่ายพลังสีทองนั้นทะลุเข้าไปในพลังปีศาจที่ถูกสะกดเอาไว้ อีกทั้งสูงขึ้นเรื่อยๆ ยิ่งสูงยิ่งสว่าง จนกระทั่งทะลุกับของเมฆสายฟ้า
นาทีถัดมา เสียงฟ้าผ่าลงมาดังก้องไปทั่วเมืองหมิ่นเฟิน เห็นเพียงแต่ภายใต้ข่ายพลังสีทองนั้น มีสายฟ้านับหมื่นผ่าลงมาพร้อมกันรางกับตาข่ายไฟฟ้าขนาดใหญ่
ทันใดนั้นพลังปีศาจถูกแยกออกเป็นขิ้นเล็กนับพันขิ้น นอกจากนี้ เมื่อสายฟ้าหล่นลงมาไม่ได้หล่นลงสู่พื้นโดยตรง แต่กลับถูกข่ายพลังสีขาวบนพื้นดูดซับเข้าไป จากนั้นเสียงฟ้าร้องดังขึ้นอีกครั้ง ครานี้ข่ายพลังสีขาวบนพื้นก็ส่งสายฟ้าออกมานับพันหมื่นเช่นเดียวกัน เพียงแต่ครั้งนี้พุ่งทะยานขึ้นไปด้านบน
ข่ายพลังสีทองบนฟ้าและข่ายพลังสีขาวบนดินราวกับกำลังตีปิงปอง อีกทางส่งสายฟ้าลงมา อีกทางส่งสายฟ้ากลับไป เป็นเช่นนี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า ทำลายเมฆาปีศาจบนท่องฟ้าวนอยู่อย่างนั้น บั่นทอนพลังปีศาจให้อ่อนแอลงเรื่อยๆ…
อวี๋จื้อ: “…”
ลูกศิษย์คนอื่น: “…”
ทำไมรู้สึกว่า…ไม่มีเรื่องให้พวกเขาทำแล้ว?
o(╯□╰)o
ครึ่งนาทีกลัวจากนั้น…
เมฆาปีศาจด้านขวาถูกกวาดล้างจนหมดเกลี้ยง แม้แต่เศษเสี้ยวก็ไม่เหลือ จากนั้นอวิ๋นเจี่ยวจึงย้ายตาข่ายพลัง หยุดสายฟ้าที่ราวกับทีมชาติปิงปองลง จากนั้นข่ายพลังก็ดับมืดไป
“ศิษย์หลานข่ายพลังนี้เจ้าเป็นคนวาง?” หลงฉางลอยตัวลงตาตั้งแต่เมื่อไรไม่รู้ เขาจ้องมองอวิ๋นเจี่ยวด้วยสีหน้าจริงจัง
“ใช่!” อวิ๋นเจี่ยวตอบ
“อืม ไม่เลว” หลงฉางพยักหน้า ก่อนจะชี้ไปยังเมฆาปีศาจที่อบอวลอยู่ทางด้านซ้าย “เช่นนั้นไปวางอีกอันทางซ้ายเถอะ เช่นนี้ค่อยสมดุลกันหน่อย”
“…”