อวิ๋นเจี่ยวไม่ได้คิดอะไรมาก ตอนนี้เมฆาปีศาจถูกกำจัดไปมากกว่าครึ่ง แต่เรื่องยังไม่จบ
ดังนั้นนางจึงหันไปทางด้านซ้ายอย่างไม่ลังเล ชายแก่ที่เดิมทีโจมตีพลังปีศาจดวงตาลุกวาวขึ้นในทันใด เขาวิ่งเข้ามาพร้อมท่าทางราวกับเด็กที่ถูกทอดทิ้ง “เจ้าหนู พวกเจ้ามาเสียที ข้าเหนื่อยมาก! พวกนี้…”
“ชายแก่มาช่วยข้าหน่อย” อวิ๋นเจี่ยวกวักมือเรียกเขามา ถึงแม้พลังในตัวของนางใช้หมดแล้ว แต่การกระตุ้นข่ายพลังไม่จำเป็นต้องใช้พลังของนาง ของชายแก่สามารถใช้ได้
“อ่อ ได้” ชายแก่เดินเข้ามาด้วยความเคยชิน
อวิ๋นเจี่ยวกำลังจะวางข่ายพลัง หลงฉางกลับขัดขึ้นอย่างกะทันหัน “เดี๋ยว!” เขามองซ้ายมองขวา ก่อนจะชี้ไปด้านหน้า “ตรงนี้ใกล้เกินไป ไปวางข่ายพลังบริเวณนอกสามฉื่อจากตรงนั้น”
อวิ๋นเจี่ยวผงะ ก่อนจะเงยหน้ามองเมฆาปีศาจตรงหน้า ตรงนี้เป็นตรงกลางของเมฆาปีศาจ น่าจะเป็นตาข่ายพลังที่ดีที่สุดถึงจะถูก แต่เมื่อนึกถึงว่าอาจารย์อาหลงเฝ้าอยู่ที่นี่เป็นเวลานาน คงจะคุ้นเคยกับเมฆาปีศาจที่สุด ดังนั้นนางจึงไม่ได้คัดค้าน
หลงฉางกลับพูดขึ้นอีกครั้ง “ข้างหน้าๆ เดินหน้าอีกหนึ่งก้าว…ใช่แล้ว ทางซ้ายอีกหน่อย หยุด! ตรงนั้น อย่าขยับ!” จนกระทั่งทั้งสองคนมายังจุดที่กำหนด หลงฉางถึงได้พยักหน้าอย่างจริงจัง “เริ่มเถอะ วางข่ายพลังตรงนั้น อย่าขยับเป็นอันขาด!”
อวิ๋นเจี่ยวมองเมฆาปีศาจที่ห่างออกไปไกลราวหลายสิบฉื่อ คิ้วของนางขมวดเล็กน้อย ถึงแม้จะไม่เข้าใจว่าทำไมต้องตำแหน่งนี้ แต่นางก็เริ่มลงมือวางข่ายพลังอย่างไร้เสียงคัดค้าน ส่วนหลงฉางเฝ้าอยู่อีกฝั่ง ท่าทางเหมือนกำลังช่วยคุ้มครองข่ายพลัง เพียงแต่สีหน้าของเขายังคงไว้ซึ่งความเคร่งเครียด
อาจเป็นเพราะเคยวางมาก่อนแล้ว ครานี้อวิ๋นเจี่ยววางได้รวดเร็วขึ้นไม่น้อย ในขณะที่ตาข่ายพลังกำลังจะเสร็จ นางถึงได้หันไปพูดกับไป๋อวี้ “ชายแก่ ส่งพลังบนตัวท่านลงไปในตาข่ายพลัง!”
“ทั้งหมด?” ชายแก่ตกตะลึง ข่ายพลังนี้ต้องใช้พลังลมปราณมากเช่นนี้หรือ เมื่อเห็นอีกฝ่ายพยักหน้า เขาก็ไม่ได้สงสัยอะไร เพียงแต่เดินขึ้นหน้าหนึ่งก้าวด้วยความเคยชิน ก่อนจะถ่ายพลังบนตัวทั้งหมดลงในตาข่ายพลัง
นาทีถัดมาข่ายพลังเหมือนอันก่อนปรากฏขึ้นบนท้องฟ้า เวลาไม่ถึงครึ่งชั่วยามเมฆาปีศาจที่หลงเหลืออยู่ถูกสายฟ้านับพันนับหมื่นผ่าจนแหลกละเอียด
จนกระทั่งพลังปีศาจสลายไปจนหมดสิ้น สีหน้าของหลงฉางถึงจะดีขึ้นมาเล็กน้อย เขาหันมาด้วยรอยยิ้มเมตตาอย่างที่คุ้นเคย พร้อมกับถอนหายใจอย่างโล่งอก ก่อนจะพยักหน้าให้ทั้งสองคนด้วยความพึงพอใจ “ไม่เลว อย่างนี้สบายตากว่ามาก ข่ายพลังของเจ้าไม่เลว สมกับที่เป็นศิษย์ชิงหยาง”
พูดจบ เขากวาดตามองอวิ๋นเจี่ยวขึ้นลง ทันใดนั้นหรี่ตาเล็กน้อย ก่อนจะเดินขึ้นหน้ามาด้วยรอยยิ้มเป็นมิตรมากกว่าเดิม “ศิษย์หลานอวิ๋น ข้าเห็นว่าเจ้าเชี่ยวชาญในด้านข่ายพลัง เพียงแต่พลังของเจ้าแย่ไปหน่อย หรือไม่เจ้าอยู่ฝึกฝนกับอาจารย์อาที่นี่ ข้ารับรองว่าพลังของเจ้าจะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว”
อวิ๋นเจี่ยวรู้สึกมีบางอย่างแปลกประหลาด ในขณะที่กำลังจะปฏิเสธ บริเวณด้านหน้ากลับมีเสียงดังปังเกิดขึ้นราวกับเป็นเสียงกระทบ ทำให้เมืองหมิ่นเฟินสั่นสะเทือนไปทั้งเมือง
“มีเผ่าพันธุ์ปีศาจบุกรุก!” มีคนตะโกนขึ้นมา
อวิ๋นเจี่ยวเงยหน้ามองขึ้นไป เมฆาปีศาจตรงหน้าสลายหายไปแล้ว แต่กลับมีลำแสงจำนวนมากพุ่งทะยานขึ้นฟ้าราวกับเป็นเสาห้องขัง
นี่คือผนึกของประตูปีศาจ? เดิมทีนางนึกว่าประตูปีศาจจะเป็นประตู ที่แท้ก็เป็นลำแสงเหล่านี้หรือ
อวิ๋นเจี่ยวตะลึง ยังไม่ทันได้มองดูอย่างละเอียด กลับพบว่าลำแสงด้านหน้ามีรอยร้าวปรากฏขึ้น มีวัตถุสีดำสนิทกำลังมุดออกมาจากด้านใน นางไม่รู้ว่าสิ่งนั้นคืออะไร แต่มันกำลังเปลี่ยนรูปร่างไปอย่างต่อเนื่อง ทั้งที่ห่างไกลเช่นนี้ แต่กลับสามารถสัมผัสได้ถึงพลังอาฆาตที่พุ่งตรงเข้าหน้า ทุกคนต่างมีความรู้สึกแปลกประหลาดผุดขึ้นมา ราวกับหากอีกฝ่ายดิ้นหลุดจากการควบคุมของผนึกก็จะทำลายล้างโลกนี้อย่างไม่สนใจอะไร
นี่คือ…ปีศาจ!
“ฮึ! ปีศาจที่น่าขยะแขยงเหล่านี้ ปีนี้มาหาที่ตายเร็วเสียจริง” สีหน้าของหลงฉางเปลี่ยนไป เขาส่งเสียงเย็นในลำคอ ราวกับล้มเลิกการปลอมตัวบางอย่าง เขาเปิดเผยสีหน้ารังเกียจออกมาอย่างชัดเจน บนมือของเขาปรากฏดาบคู่ขึ้นมา ก่อนจะลอยเข้าไปใกล้ปีศาจที่ใกล้จะมุดออกมา
เห็นเพียงแต่เขาฟาดดาบในมือทั้งสองข้างออกไปพร้อมกัน บนท้องฟ้าปรากฏข่ายพลังดาบสองชั้นออกมา แสงดาบทั่วฟ้าแยกออกเป็นซ้ายขวาสองฝั่งพุ่งโจมตีไปยังปีศาจในรอยร้าวนั้น
ปีศาจถูกโจมตี มันส่งเสียงร้องโหยหวนดังกึกก้อง เสียงนั้นราวกับสามารถสะเทือนวิญญาณได้
ลูกศิษย์ในเมืองหมิ่นเฟินราวกับคุ้นชินกับเหตุการณ์เช่นนี้ ทันทีที่เสียงนั้นดังขึ้น ขบวนซ้ายขวาต่างก่อเขตป้องกันขึ้นป้องกันทุกคนเอาไว้ด้านใน ปิดกั้นเสียงจากด้านนอกในทันที ส่วนการโจมตีของอาจารย์อาหลงดุเดือดขึ้นอย่างต่อเนื่อง
“พวกเรา…ไม่ต้องเข้าไปช่วยหรือ” ชายแก่มองไปยังลูกศิษย์ที่ไม่ขยับเขยื้อนรอบด้าน
“สหายท่านนี้ไม่รู้อะไร” อาจเป็นเพราะการวางข่ายพลังเมื่อครู่ ลูกศิษย์รอบด้านเกิดความเคารพคนทั้งสองขึ้นมา พวกเขาตอบขึ้นอย่างรวดเร็ว “เจ้าเมืองมีพลังแข็งแกร่ง ไม่เป็นอะไร อีกทั้งท่านไม่ชอบให้คนอื่นแทรกแซงการต่อสู้! พวกเรารออยู่ตรงนี้ก็พอ”
อย่างนั้นหรือ
เขาหันไปมอง ก่อนจะพบว่าปีศาจนั้นไม่อาจต้านทานการจู่โจมของอาจารย์อาหลงแม้แต่น้อย อีกทั้งยังมีท่าทีจะหดกลับเข้าไปในผนึก
เมื่อเห็นเช่นนี้เขาจึงโล่งใจ ก่อนจะยืนดูอย่างสบายใจตามคนอื่น
เพียงแต่ยิ่งดูยิ่งรู้สึกว่าการจู่โจมนั้นแปลกๆ แม้แต่อวิ๋นเจี่ยวก็ขมวดคิ้วขึ้นเล็กน้อย
เห็นเพียงอาจารย์อาหลงมือถือดาบทั้งสองข้าง เรียกมังกรไฟออกมาสองตัวจู่โจมไปยังสองทิศทาง ระหว่างทางยังรับกับการโจมตีของดาบทั้งสอง
อีกทั้งยังเรียกโซ่กักขังวิญญาณสองสายออกมาควบคุมการเคลื่อนไหวของอีกฝ่าย แม้แต่กระบวนท่ากระบี่ก็เป็นสองกระบวนท่า…
ตั้งแต่ตอนออกจากเมืองหมิ่นเฟินนางก็รู้สึกว่าความแปลกประหลาดเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ทำไมนางถึงรู้สึกว่าการโจมตีของอาจารย์อาหลงทั้งหมดล้วนเป็นเลขคู่ แม้แต่จำนวนครั้งในการฟาดดาบก็เหมือนจะเป็นเลขคู่ ถึงแม้การโจมตีจะมีประสิทธิภาพตั้งแต่ครั้งแรก แต่เขาก็เลือกที่จะโจมตีเป็นครั้งที่สอง
อาจารย์อาหลงคงจะไม่…
ในขณะที่กำลังครุ่นคิดอยู่นั้น ปีศาจถูกหลงฉางกำจัดไปแล้ว แม้แต่ร่างกายก็แหลกสลายกลายเป็นควันดำลอยหายไป
ทุกคนโล่งอกในทันใด อวิ๋นเจี่ยวและชายแก่คิดจะเดินเข้าไปหา แต่กลับถูกลูกศิษย์ที่ตอบคำถามเมื่อกี้ยื่นมือรั้งเอาไว้
“เดี๋ยว ตอนนี้ยังเข้าไปไม่ได้ ยังมีอีกตัว”
“ยังมี?” ชายแก่ผงะ เขามองไปรอบด้าน แต่กลับไม่พบร่องรอยของพลังปีศาจแม้แต่น้อย “อยู่ไหน ไม่เห็นมี”
“ประเดี๋ยวก็มา ต้องมาอีกหนึ่งตัวถึงจะสิ้นสุด” เขาพูดขึ้นอย่างจริงจัง
คนอื่นต่างพยักหน้า ก่อนจะช่วยกันอธิบาย
“ใช่ ทุกครั้งเจ้าเมืองต้องกำจัดปีศาจสองตัวถึงจะสิ้นสุด”
“ใช่ บางครั้งต้องรอหลายวัน!”
“หลายวันยังน้อย ตอนที่ข้ามา ข้าเคยรอเกือบครึ่งเดือน!”
“แต่ปีนี้เมฆาปีศาจปะทุเร็วไป แม้แต่ยันต์รวมพลังวิญญาณข้าก็ไม่ได้พกติดตัวมา ไม่อย่างนั้นคงจะรอไปฝึกฝนไปด้วยได้ ไม่ต้องสิ้นเปลืองเวลา”
“ฮ่าๆๆ …โชคดีที่ข้าพกมา สหายที่มาใหม่ทั้งสอง ข่ายพลังเมื่อครู่ไม่เลว ข้าให้พวกท่านคนละใบเอาหรือไม่”
อวิ๋นเจี่ยว “…”
ชายแก่ “…”
อาจารย์อาหลงเป็น…โรคย้ำคิดย้ำทำใช่หรือไม่! ต้องใช่แน่!
( ̄△ ̄;)