เมืองหมิ่นเฟินเงียบสงบลงในทันที หลงฉางยืนกอดอกอยู่ด้านหน้า รอคอยปีศาจตัวต่อไป
คนทั้งสองขบวนซ้ายขวาด้านล่างนั่งอยู่กับที่ จับกันเป็นคู่ บ้างนั่งสมาธิ บ้างฝึกฝน แต่ละคนล้วนทำหน้าที่เคยชิน
อวิ๋นเจี่ยวเพิ่งถึงขึ้นได้ ตอนที่ตามอาจารย์อาหลงมา ขบวนทางด้านขวาไม่ขยับเขยื้อนแม้แต่น้อย อีกทั้งยังไม่ทีท่าจะเข้ามาช่วยหลังจากกำจัดเมฆาปีศาจทางนั้นเสร็จแล้ว พวกเขารักษาสมดุลของจำนวนคนทั้งสองฝั่งไว้อย่างแปลกที่
“….” นี่เป็นโรคย้ำคิดย้ำทำขั้นหนักแล้ว!
“มาแล้ว!” มีคนตะโกนออกมา
รอยร้าวระหว่างลำแสงด้านหน้ามีการเคลื่อนไหวขึ้นมาอีกครั้ง มิติตรงกลางบิดเบี้ยวขึ้น ก่อนจะนูนออกมาก้อนหนึ่ง ราวกับมีบางอย่างจะทะลุออกมาจากมิติที่กำลังฉีกออกจากกัน
ทั้งที่เป็นเหตุการณ์น่าหวาดกลัว แต่เหล่าผู้คนกลับส่งเสียงดีใจออกมา
“ดีเสียจริง ครั้งนี้ปีศาจตัวที่สองมาเร็วถึงเพียงนี้”
“ใช่แล้ว คิดว่ายังต้องรออีกหลายเดือน”
“ปีศาจในครั้งนี้รู้จักมาเป็นคู่เสียที สามารถกลับไปหยิบยันต์รวมพลังวิญญาณได้แล้ว”
“ข้าว่าครั้งต่อไปพกที่รองนั่งมาด้วยดีกว่า ข้าใกล้จะมีร่างจริงแล้ว ตอนนั่งสมาธิมักรู้สึกเปียกก้น”
“ฮ่าๆ…เสี่ยวชุ่ยคนรักของข้าในเมืองผีทำที่รองนั่งให้ข้าหนึ่งอัน นุ่มมาก!”
“ไปไกลๆ!” คูณเอ็น
เมื่อเห็นท่าทางของเหล่าลูกศิษย์ที่เตรียมตัวกลับบ้าน บ้างเก็บยันต์ บ้างเก็บที่นั่ง สีหน้าของทักคนล้วนเต็มไปด้วยความดีใจ
อวิ๋นเจี่ยว: “…”
ชายแก่: “…”
สิ่งสำคัญคือปีศาจไม่เป็นคู่ ไม่ใช่ความปลอดภัยของหลงฉาง? ก่อนหน้านี้อาจารย์อาหลงทำอะไรกับพวกเขาเอาไว้!
อวิ๋นเจี่ยวพยายามไม่สนใจเหล่าคนที่ดีใจออกนอกหน้า เธอเงยหน้าขึ้นมองผนึกประตูปีศาจที่บิดเบี้ยวอยู่กลางอากาศอย่างตั้งใจ ผนึกนั้นเหมือนถูกอะไรบางอย่างกระแทกอย่างไม่หยุดหย่อน การเคลื่อนไหวบริเวณรอบข้างไม่หยุดลงแม้แต่วินาทีเดียว ก้อยแล้วที่ถูกปีศาจฉีกแยกออกจากกันนั้นขยายกว้างขึ้นเรื่อยๆ มีร่างสีดำโผล่ออกมาจากข้างใน เพียงแต่จุดที่นูนออกมานั้นกระจายออกไปอย่างต่อเนื่องราวกับ…
หลงฉางเริ่มจู่โจมขึ้นอีกครั้ง แสงดาบสว่างไสวขึ้นทั่วท้องฟ้า ดาบยักษ์สองด้ามปรากฏขึ้นกลางอากาศ
“เดี๋ยว!” อวิ๋นเจี่ยวใจหล่นวูบ เธอลอยเข้าไปด้วยยันต์ตัวเบาทันที “อาจารย์อาหลง อย่า!”
เสียดายที่ไม่ทันเสียแล้ว ดาบของหลงฉางฟาดลงไปแล้วยังรอยโหว่ของผนึก เงาดำที่มุดออหมาถูกตีสลาย ข้างหูดังก้องไปด้วยเสียงเปราะ รอยโหว่นั้นถูกขยายใหญ่หลายเท่า ตามมาด้วยร่างสิบกว่าร่างพุ่งออกมา มีสี่ห้าร่างพุ่งไปยังหลงฉาง ส่วนร่างที่เหลือกำลังแทะรอบร้าว
“พวกมันจะทำลายผนึก!” อวิ๋นเจี่ยวตะโกนเตือน แต่หลงฉางที่อยู่ด้านหน้าสุดถูกปีศาจสี่ห้าตัวรั้งเอาไว้ ไม่อาจห้ามได้ทัน
เปรี๊ยะ!
เสียงดังขึ้น ก่อนที่จะพบว่าระหว่างลำแสงสองต้นนั้นมีรอยร้าวคล้ายใยแมงมุมปรากฏขึ้น ราวกับรอยร้าวของกระจกที่แตก เผยให้เห็นโลกสีแดงภายในที่แตกต่างจากยมโลกโดยสิ้นเชิง
ผนึก…แตกแล้ว!
นาทีถัดมา เหล่าปีศาจกรูกันออกมาจากด้านมน ความมืดมิดครอบคลุมไปทั่วยมโลก สัตว์ประหลาดที่แสนน่ากลัวอย่างที่ไม่เคยพบเห็นมาก่อนหลั่งไหลกันออกมาราวกับน้ำหลาก
พวกเขาล้วนคาดการณ์ผิด ไม่ได้มีเพียงตัวเดียว แต่มีเป็นฝูง พวกเขาเฝ้ารออยู่ข้างผนึกมายาวนาน จุดประสงค์ไม่ใช่การข้ามแดน แต่เป็นการทำลายผนึกประตูปีศาจ
อวิ๋นเจี่ยวอยากจะสบถออกมา
เฮ้ย! ใครใช้ให้สะสมเลขคู่ ครั้งนี้พัง!
เหล่าลูกศิษย์ที่กำลังเตรียมตัวเก็บของกลับบ้านเมื่อกี้ต่างตกตะลึงในฉากตรงหน้า ถึงแม้พวกเขาจะไม่เคยเห็นปีศาจจำนวนมากเช่นนี้ แต่พวกเขาต่างก็เรียกอาวุธออกมา ตาจับจ้องไปยังเหล่าปีศาจที่กำลังพุ่งตัวออกมา
“เสวียนเหมินฟ้าดิน ต้นกำเนิดสรรพสิ่ง ห้าธาตุรวมเป็นหนึ่ง ขับไล่ปีศาจ!” เสียงท่องคาถาของอาจารย์อาหลงดังขึ้นจากข้างหน้า รอบตัวเขาปรากฏแสงสีทองสว่างตา ขับไล่เหล่าปีศาจให้ถดถอยไป
เขารวบรวมพลังทั้งหมดก่อตัวเป็นที่กำบังสีทอง ผนึกปีศาจท่าถูกบังคับให้ถอยกลับไปไว้ด้านใน เหล่าลูกศิษย์ต่างกำลังต่อสู้กับปีศาจที่เหลือ
แต่เขาตัวคนเดียว ถึงที่กำบังนั้นจะสามารถยับยั้งปีศาจเอาไว้ได้ชั่วคราว แต่มันก็ไม่สามารถทดแทนผนึกได้ เขาพลางต้านปีศาจที่อยู่ทั่วท้งท้องฟ้า พลางควบคุมให้พวกมันกลับเขาผนึก อีกทั้งยมโลกยังส่งผลต่อพลังของเขา ปีศาจที่ถูกต้านไว้เริ่มโจมตีหลงฉางกลับ
หลงฉางอ้าปากอาเจียนเป็นเลือดออกมา ที่กำบังก็กะพริบติดบ้างดับบ้าง
“อาจารย์อาหลง!” ชายแก่อุทานออกมา ก่อนจะหันมามองอวิ๋นเจี่ยวด้วยความเคยชิน “เจ้าหนู ทำอย่างไร” ตอนนี้บนตัวของพวกเขาทั้งสองไม่มีพลัง ไม่อาจข่วยอะไรได้
“อาจารย์อาหลงประคองไว้ได้ไม่นาน ต้องรีบซ่อมผนึก” อวิ๋นเจี่ยวหันไปมองลำแสงที่ห่างออกไปไม่ไกลก่อนจะบินเข้าไปทางนั้นก้วยยันต์ตัวเบา
เป็นไปอย่างที่เธอคาดการณ์เอาไว้ ลำแสงหลายสิบต้นที่พุ่งทะยานขึ้นฟ้านั้น อันที่จริงแล้วเป็นการก่อตัวของผนึกและข่ายพลังทับซ้อนกันหลายชั้น ลำแสงหลายสิบต้นเรียงรายกันเป็นแนวเดียวกัน ระยะห่างระหว่างเสาเป็นไปอย่างมาระเบียบ เหล่าปีศาจทำลายเพียงแค่ผนึกระหว่างสองเสาด้านหน้าเท่านั้น แต่ถึงกระนั้น บริเวณที่แตกร้าวนั้นมีแนวโน้มขยายไปทั้งสองฝั่ง
“ข้าไปดูด้านหน้า” อวิ๋นเจี่ยวกำชับ ก่อนจะบินเข้าใกล้ ในขณะที่กำลังจะดูผนึกบนเสาเพื่อหาวิธีซ่อมแซมนั้น กลับพบว่าข่ายพลังบนเสาเป็นข่ายพลังที่เธอไม่เคยพบเจอมาก่อน
เพียงแค่แสบเดียว หัวของเธอกลับรู้สึกปวดขึ้นมาอย่างประหลาด ราวกับมีบางอย่างทะลุเข้าไปไปในส่วนลึกของจิตวิญญาณ จนทำให้ไม่อาจจ้องมองได้ เธอรู้สึกเพียงตัวอ่อนระทวยไม่อาจยืนได้
ทันใดนั้นเธอรู้สึกเย็นที่ดวงตา มือข้างหนึ่งปิดไว้บนตาของเธอ ปิดกั้นความเจ็บปวดที่ไร้สาเหตุนั้น
“อย่ามอง!” เยี่ยยวนที่ตามอยู่ด้านหลังรับเธอเอาไว้ ก่อนจะรั้งเธอเข้ามาไว้ในอ้อมกอด “นี่คือหนามสวรรค์”
“…” อวิ๋นเจี่ยวผงะ เธอรู้สึกเพียงความเย็นที่ส่งเข้ามาขับไล่ความเจ็บปวดในหัว “อาจารย์ปู่…”
สายตาเย็นชาของเยี่ยยวนอ่อนลงในทันที เขาก้มหน้าชนหน้าผากของอีกฝ่ายเบาๆ “นี่ไม่ใช่สิ่งที่เจ้ารับมือได้ ฟังข้า ข้าจัดการเอง”
พูดจบ เขาก็สะบัดมือไปยังกลางอากาศ
หลงฉางที่กำลังต่อต้านกับปีศาจอยู่นั้นรู้สึกเพียงมือขวาโล่งๆ ดาบที่จับอยู่ในมือแต่เดิมนั้นลอยออกไปอย่างไม่อาจควบคุมได้ ก่อนที่จะตกอยู่ในมือของเยี่ยยวน
ทั้งๆ ตัวของเยี่ยบวนปรากฏแสงสีทองสว่างขึ้น ดาบที่ถืออยู่ในมือสะบัดไปทางขวา
นาทีถัดมา พลังดาบที่สามารถทำลายล้างฟ้าดินพุ่งตรฝไปวังเหล่าปีศาจที่น่าหวาดกลัวด้วยอนุภาพที่พร้อมจะแยกฟ้าดอนออกจากกัน
เหล่าปีศาจยังไม่ทันได้ตั้งตัว เพียงชั่วพริบตาเดียวพวกมันก็หายไปภายใต้แสงดาบ แม้แต่เศษก็ไม่เหลือ
บริเวณรอบข้างส่งเสียงดังขึ้น พร้อมกับการสั่นสะเทือนที่รุนแรงกว่าครั้งก่อนหลายร้อนเท่า เริ่มต้นตั้งแต่บริเวณที่อวิ๋นเจี่ยวและเยี่ยยวนยืน พื้นดินนั้นราวกับถูกบางอย่างแยกออกจากกันเป็นสองฝั่ง ตรงกลางทิ้งรอยร้าวที่ลึกจนมองไม่เห็นเอาไว้
…เหล่าปีศาจดับยกขบวน
อวิ๋นเจี่ยว: “…”
ชายแก่: “…”
เหล่าลูกศิษย์: “…”
( ̄△ ̄;)
พวกเขาเป็นใคร พวกเขาอยู่ไหน เมื่อกี้เกิดอะไรขึ้น
เงียบสงัด…
จนกระทั้ง
เสียงหนึ่งที่กึ่งร้องไห้กึ่งหัวเราะ กึ่งตกใจกึ่งดีใจดังขึ้น
“อาจารย์”