เหตุเพราะเว่ยจางเห็นว่ามีเจ้าบ้านออกมาแล้วจึงขมวดคิ้วพลางเดินเข้าไปในเรือน ประจวบกับเหยาเหยียนอี้ที่กลับมาพอดี ด้วยเหตุที่เห็นเหยาเชวี่ยหวาร้องไห้จึงเอ่ยถามอย่างไม่สบอารมณ์ “เป็นอะไรไป”
เหยาเชวี่ยหวาไม่กล้าร้องไห้ออกเสียง กลับก้มหน้าทำเสียงสะอึกสะอื้น
หนิงฮูหยินเอ่ยถามสาวใช้สองคนอีกครั้งสาวใช้สองคนต่างก็ส่ายหัวอย่างไม่รู้ความ แค่บอกว่าตอนที่พวกนางมาถึงก็เห็นท่านแม่ทัพเว่ยและคุณหนูสามยืนอยู่ตรงนั้น แม่ทัพเว่ยไม่พูดไม่จา คุณหนูสามกำลังร้องไห้
“แม่ทัพเว่ยพูดอะไร” หนิงฮูหยินน้อยเอ่ยถามด้วยความค้างคาใจ
“พวกบ่าวก็ไม่ทราบเจ้าค่ะ” สาวใช้สองคนตอบกลับ
หนิงฮูหยินน้อยก็เอ่ยถามเหยาเชวี่ยหวา เหยาเชวี่ยหวาส่ายหัว ทว่าสภาพเช่นนั้นดูเสียใจเพราะไม่ได้รับความเป็นธรรม
เหยาเหยียนอี้ค่อนข้างไร้ความอดทนจึงสั่งการสาวใช้ที่อยู่ด้านข้าง “พวกเจ้าส่งคุณหนูสามกลับเรือนเถอะ”
สาวใช้สองคนค้อมตัวรับคำแล้วเดินหน้ามาพยุงเหยาเชวี่ยหวาออกไปข้างนอก เหยาเชวี่ยหวาเดินไปไม่กี่ก้าวก็หันกลับไปมอง เหยาเหยียนอี้กำลังขมวดคิ้วมองนางนางกลอกตามองด้านล่างแล้วหันหน้ากลับไปพลางเดินกลับอย่างเงียบๆ
หนิงฮูหยินน้อยเห็นเหยาเชวี่ยหวาออกไปแล้วจึงเอ่ยถามเหยาเหยียนอี้ด้วยเสียงต่ำ “คงไม่มีเรื่องอะไรใช่ไหม”
เหยาเหยียนอี้แค่นเสียงเบาพร้อมพูดขึ้น “ยัยหนูอายุยังน้อยคนนี้เรียนรู้เล่ห์เหลี่ยมเช่นนี้มาจากไหน เถียนอี๋เหนียงสอนนางมาไม่น้อยจริงๆ!”
หนิงฮูหยินน้อยส่ายหัวเล็กน้อยแล้วไม่พูดไม่จา สองสามีภรรยาจึงกลับเรือน
เหยาเยี่ยนอวี่ยืนอยู่ตรงหน้าต่างที่มีมุ้งหน้าต่างคั่นกลางไว้จึงเห็นทุกอย่างที่เกิดขึ้น ใบหน้ายังคงมีรอยยิ้มอ่อนๆ ตั้งแต่ต้นจนจบคิดจะเล่นกับใครไม่เล่น? กลับมาเล่นกับบุรุษของพี่สาว?
คืนนั้น หลังจากที่งานเลี้ยงเลิกรา ตอนเหยาเยี่ยนอวี่กลับเรือนก็ผ่านเรือนของเหยาเชวี่ยหวา จึงเดินด้วยฝีเท้าที่หนักหน่วง นางเปลี่ยนทิศเดินเข้าไปด้านใน ชุ่ยเวยนิ่งงันพลันเดินตามไปเคาะประตู
ประตูเรือนเปิดออก ผัวจื่อที่อยู่ด้านในเห็นว่าเป็นเหยาเยี่ยนอวี่พลันขยี้ตาและเอ่ยถาม “ดึกดื่นป่านนี้แล้ว คุณหนูรองยังจะมาเยี่ยมคุณหนูสามอีกหรือเจ้าคะ”
“วันรุ่งขึ้นข้าก็ไปแล้ว ข้ามีอะไรจะพูดกับน้องสาว” เหยาเยี่ยนอวี่พูดไปจึงหันไปมองชุ่ยเวยเพียงพริบตาเดียว
ชุ่ยเวยยื่นถุงบุหงาหนึ่งอันให้ผัวจื่อ “เศษเงินตำลึงพวกนี้ป้าเอาไปดื่มสุราเถอะ”
ผัวจื่อแย้มยิ้มพลางขอบคุณด้วยความดีใจแล้วเชิญเหยาเยี่ยนอวี่เข้าไปพร้อมกับปิดประตูลง
เหยาเยี่ยนอวี่สั่งการ “พวกเจ้าไปเฝ้าข้างนอกเถอะ ข้ามีะไรจะพูดกับน้องสาม”
“บ่าวรินน้ำชาให้คุณหนูเจ้าค่ะ”
“ไม่ต้องแล้ว” เหยาเยี่ยนอวี่พูดไปก็ก้าวเท้าเดินเข้าไปในตรงประตูเรือน
เหยาเชวี่ยหวาที่อยู่ข้างในก็ล้างหน้าแปรงฟันเปลี่ยนเสื้อผ้าพลางนอนอยู่บนเตียง เหตุเพราะด้านนอกมีการเคลื่อนไหวนางจึงคลุมเสื้อคลุมแล้วลุกนั่ง พอเห็นว่าเป็นเหยาเยี่ยนอวี่พลันลงจากเตียงแล้วสวมรองเท้าปักลายเดินหน้ามาขานเรียก “พี่รองเจ้าคะ”
เหยาเยี่ยนอวี่แสยะยิ้มน้อยๆ พร้อมเปรยขึ้น “สาวน้อยว่านอนสอนง่ายผู้น่าสงสาร ข้าเห็นยังรู้สึกสงสารจริงๆ”
“พี่รอง?” เหยาเชวี่ยหวาเงยหน้าขึ้นแล้วมองหยาเยี่ยนอวี่อย่างไร้เดียงสา “พี่รองไปเอาคำพูดนี้จากไหนมา”
“ก่อนหน้านี้เจ้าไม่ใช่ว่าสนใจในท่านเซียวโหวหรือ เหตุใดจู่ๆ ถึงเปลี่ยนความรู้สึกไปเล่า หรือว่าโปรดปรานท่านแม่ทัพขึ้นมา?” เหยาเยี่ยนอวี่เอ่ยถามอย่างตรงไปตรงมา
เหยาเชวี่ยหวารีบส่ายหัว “เปล่า เปล่านะ”
“ทางดีที่สุดก็ให้เป็นเช่นนี้” เหยาเยี่ยนอวี่ยิ้มอย่างเย็นชา “หากมี ข้าจะตักเตือนเจ้าให้รีบล้มเลิกความคิดนั้นเสีย ข้าก็ไม่กลัวที่จะบอกเจ้า บุรุษของข้า ชีวิตนี้ก็เป็นของข้าแต่เพียงผู้เดียว นอกจากข้าตายไปเขาถึงจะมีภรรยาคนใหม่แล้วรักใคร่ในภรรยาคนใหม่ แค่ข้ามีชีวิตอยู่หนึ่งวัน ก็อย่าคิดถึงเรื่องการแต่งตั้งอนุภรรยา หากให้ข้ารู้ว่าใครกล้าแตะต้องบุรุษของข้า ข้ามีวิธีที่จะทำให้นางตาย!”
“พี่สาว…” เหยาเชวี่ยหวาตกใจเพราะคำพูดของเหยาเยี่ยนอวี่ สีหน้าซีดเซียวไปทันที
“เวลาก็ดึกมากแล้ว พรุ่งนี้ข้ายังต้องออกเดินทางแต่เช้า ข้าขอตัวกลับก่อน” พูดจบเหยาเยี่ยนอวี่หันหลังจากไป เหลือแต่เพียงเหยาเชวี่ยหวาที่ยืนอยู่ที่เดิมอย่างเหม่อลอย ผ่านไปสักพักก็ยังไม่ได้สติกลับมา
วันที่สองฟ้ายังไม่ทันสว่าง ทุกคนก็ตื่นแล้ว เหยาเยี่ยนอวี่ล้างหน้าแต่งกายแล้วเดินไปกล่าวอำลาหวางฮูหยินที่โถงหน้า หวางฮูหยินจับมือนางไว้แล้วพูด “เมื่อคืนฮูหยินผู้เฒ่าเข้านอนดึก เวลานี้ยังไม่ตื่นนอน จึงอย่าไปรบกวนนางเลย”
เหยาเยี่ยนอวี่ เหยาเหยียนอี้ และหนิงฮูหยินน้อยพาบุตรีไปน้อมคำนับกล่าวอำลาสองสามีภรรยาเหยาหย่วนจือ จากนั้นขึ้นรถม้ามุ่งหน้าไปยังท่าเรือ เหยาเหยียนเอินพาคนในครอบครัวไปส่งถึงท่าเรือแล้วมองเรือขบวนหนึ่งค่อยๆ จากไป หลังจากเรือนแล่นไปไกลจนลับสายตาถึงจะเดินทางกลับจวน
การเก็บสมุนไพรและแปรรูปในเมืองเจียงหนิงยังคงดำเนินต่อ เหยาเหยียนอี้แน่นอนว่าต้องกลับมาที่นี่ ตอนนี้กิจธุระนั้นก็ได้ให้เหยาเหยียนเอิน และพี่ชายเหยาเหยียนซีที่เป็นลูกพี่ลูกน้องที่น่าเชื่อถือได้มาคอยควบคุมดูแล
ขบวนเรือออกจากท่าเรือเจียงหนิง เหยาเยี่ยนอวี่ก็กลับไปนอนในห้องโดยสารอีก
ครั้งนี้มีหนิงฮูหยินน้อยและเด็กน้อยเหยาชุ่ยฮั่นร่วมทาง มีสตรีสิบกว่าคน บนเรือจึงคึกคักขึ้นมามาก เรือใหญ่สองลำตามหน้าหลังกันไป บนเรือลำหน้าเป็นสินเดิมที่เพิ่มมาใหม่ของเหยาเยี่ยนอวี่ ทั้งยังมีข้าวของทั้งครอบครัวเหยาเหยียนอี้ อีกทั้งยังมีบ่าวไพร่และทหารรักษาการณ์ เรือลำหลังมีไว้ให้คนโดยสาร
จากนั้นเรือบรรทุกสินค้าสี่ลำที่ตามหลังอยู่เป็นเรือที่บรรจุวัตถุดิบของยาสมุนไพร ด้านหลังเรือบรรทุกยาสมุนไพรเป็นเรือทั่วไปสี่ลำ เป็นกองทัพเรือที่เว่ยจางไปคัดเลือกมาเป็นพิเศษในครั้งนี้
หลังจากขบวนเรือออกจากท่า เว่ยจางไปตรวจสอบเรือทุกลำหนึ่งรอบ จนถึงตอนเที่ยงเขาเพิ่งจะกลับมาถึงเรือลำใหญ่ที่สองพี่น้องตระกูลเหยาใช้
บนหัวเรือมีเด็กน้อยอายุสองขวบกว่าคนหนึ่งกำลังวิ่งเล่นบนดาดฟ้าเรืออันกว้างใหญ่ มีสาวใช้สองสามคนล้อมรอบเล่นกับนาง เด็กน้อยจับคลีหลากสีที่ยัดสำลีไว้ในมือ จู่ๆ ก็โยนคลีออกไปโดยไม่ครุ่นคิดอะไร แค่หัวเราะอย่างมีความสุขเท่านั้น
คลีสำลีจึงกลิ้งไปอยู่ตรงปลายเท้าของเว่ยจาง เจ้าหนูน้อยจึงรีบวิ่งมาฝั่งนี้ แต่นางมีขาที่สั้นเกินไปจึงเดินเซและเกือบจะหกล้มไปหลายครั้ง
เว่ยจางนั่งยองๆ พลางเก็บคลีสำลีหลากสีลูกนั้นแล้วยื่นไปด้านหน้าเด็กน้อยพลางดึงกลับมา เด็กน้อยนึกว่าคนๆ นี้อยากจะแย่งของเล่นกับนางจึงรู้สึกกระวนกระวายใจขึ้นทันที เลยยื่นแขนเล็กๆ ออกพลางดึงมือของแม่ทัพเว่ยมากัด
แม่ทัพเว่ยนิ่งงันไปทันที พอนึกถึงเขาที่เป็นบุรุษร่างสูงถึงเจ็ดฉื่อซ้ำยังสังหารผู้คนในสนามรบนับไม่ถ้วนและไม่รู้ได้รับบาดเจ็บไปมากเพียงใด ยังทิ้งรอยแผลเป็นบนเรือนร่างไปไม่น้อย ทว่ายังไม่เคยถูกเด็กน้อยลอบกัดเช่นนี้!
เหยาชุ่ยฮั่นเป็นเด็กน้อยอายุแค่สองขวบ ฟันน้ำนมทั้งปากจึงขึ้นครบแล้ว ยังดีที่มือของแม่ทัพเว่ยมีผิวหนังที่หยาบกร้านหนึ่งด้าน ไม่เช่นนั้นนางที่ใช้ฟันน้ำนมกัดแรงๆ ก็รู้สึกเจ็บอยู่เหมือนกัน
“ฮือ?” เหยาชุ่ยฮั่นใช้แรงกัดเสร็จจึงสังเกตเห็นว่าคนๆ นี้ไม่ร้องตะโกนเหมือนคนอื่น จึงอดฉงนสงสัยไม่ได้ ดวงหน้ากลมๆ แหงนมองเว่ยจางพลางกะพริบตากลมโตประดุจองุ่นดำเหมือนกำลังมองสิ่งของที่แปลกประหลาดอยู่
แม่นมเห็นเว่ยจางตั้งแต่เนิ่นๆ จึงวิ่งมาน้อมทำความเคารพพร้อมขานเรียก “แม่ทัพเว่ยเจ้าคะ” แล้วเอ่ยถามด้วยความตกตะลึง “อั๊ยโย เหตุใดเจี่ยเอ๋อร์ถึงกัดคนอีกแล้วเจ้าคะ!”
“ลูกคลี!” เหยาชุ่ยฮั่นยื่นเล็กๆ ออกไปจับคลีสำลีหลากสีในมือของเว่ยจาง
เว่ยจางรู้สึกสนุกสนาน ข้อมือออกแรงโยนลูกคลีสำลีไปยังมีอีกข้างหนึ่งแล้วชูเหนือศีรษะเด็กน้อยแล้วเลิกคิ้วพลางเอ่ยถามด้วยยิ้มจางๆ “กัดข้าแล้วยังอยากเอาลูกคลี?”
“ฮือ…” เหยาชุ่ยฮั่นถลึงตาโตแล้วกำลังสื่อให้เห็นว่า หากเจ้าไม่ให้ข้าข้าจะกัดเจ้าอีก