ตอนที่ 263 เจ้ายังไปไหนไม่ได้

แม่สาวเข็มเงิน

คนเยอะทำให้ใจกล้าขึ้น ประกอบกับหัวหน้าสายตรวจคนนั้นดูเป็นคนสุภาพอ่อนโยนและยับยั้งปัญหาทางวาจามาโดยตลอด ถึงแม้เขาดูเป็นคนเข้มงวดไปสักหน่อย แต่ก็ไม่มีการกระทำอะไรเพิ่มเติมที่ดูน่ากลัว

เมื่อสักครู่พวกหญิงสาวและเด็กสาวเหล่านั้นเพิ่งถูกพูดกระตุ้นให้นึกถึงเรื่องโศกเศร้าที่บ้าน ตอนนี้พวกนางจึงเดินเข้าไปล้อมหัวหน้าสายตรวจและพากันขอร้องให้หัวหน้าสายตรวจปล่อยตัวพ่อบ้านหวังคนนั้น

หัวหน้าสายตรวจมองดูพวกผู้หญิงที่อายุพอ ๆ กับลูกสาวของตัวเองกำลังล้อมเขาเป็นวงกลมและฉุดดึงเขา ปากก็ร้องขอให้ปล่อยตัวคนทำผิด เห็นแบบนี้ เขาก็ไม่รู้ว่าควรทำอย่างไรดี

“พวกเจ้าอยากให้ปล่อยพ่อบ้านหวังกลับมาจริง ๆ รึ ?” เจียงป่าวชิงที่ยืนเงียบอยู่ด้านข้างมาโดยตลอดพูดขึ้นยิ้ม ๆ

ผู้หญิงเหล่านั้นหันกลับมาถลึงตาใส่เจียงป่าวชิง “นี่ไม่ใช่คำพูดไร้สาระหรอกรึ ? พ่อบ้านหวังสามารถพาพวกข้าไปมีชีวิตใหม่ที่ดีได้ ขอเพียงแค่สมัครใจ เขาก็ไม่มีความผิดอะไรแล้วหนิ”

เป็นเช่นนั้นจริง ๆ ในยุคปัจจุบันมีคนค้ามนุษย์อยู่มากมาย ถ้าหากว่าสมัครใจก็ไม่ถือว่าเป็นความผิดอะไร อย่างมากมากฝ่ายรักษาความถูกต้องของบ้านเมืองก็จะตรวจสอบว่าพ่อบ้านหวังมีคุณสมบัติที่จะทำเรื่องเหล่านี้หรือไม่ และตรวจสอบว่าเคยลงบันทึกกับเจ้าหน้าหน้าที่ดูแลความถูกต้องของบ้านเมืองแล้วหรือยังก็เท่านั้น

ในยุคเก่านี้ การลักพาตัวเด็กเป็นสิ่งผิดกฎหมาย แต่พ่อค้ามนุษย์จำนวนมากที่นำพาหรือซื้อผู้หญิงมาโดยฝ่ายหญิงยินยอมกลับถูกกฎหมาย

เจียงป่าวชิงยิ้มหน้าบานพลางพูดขึ้นเสียงเบาหวิว “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ถ้าอย่างนั้นพี่เจ้าหน้าที่ปล่อยพ่อบ้านหวังกลับมาเถอะจ้ะ”

หัวหน้าสายตรวจขมวดคิ้วมุ่น ทำไมแม้แต่เจียงป่าวชิงเองก็ยังพูดอะไรเช่นนี้ออกมา ?

ผู้หญิงเหล่านั้นยิ่งมีแรงฮึดมากกว่าเดิม “พี่เจ้าหน้าที่ พี่รีบปล่อยพ่อบ้านหวังกลับมาเร็วสิ!”

เจียงป่าวชิงพูดคล้อยตามด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม “ใช่เลยจ้ะ พี่เจ้าหน้าที่ หลังจากที่พ่อบ้านหวังกลับมาแล้ว เขาก็จะพาสาวสวยเหล่านี้ที่ซื้อพวกนางมาในราคาต่ำสามตำลึงไปทรมานสักทีสองที จากนั้นก็เปลี่ยนมือขายต่อและขายเข้าไปที่ซ่องนางโลมเพื่อไปเป็นหญิงทาริมฝีปากสีแดงให้คนนับหมื่นได้ลิ้มรส สุดท้ายพออายุเยอะแล้ว ผิวหนังเหี่ยวย่นเนื้อหย่อนยาน ก็จะถูกขายต่อให้พวกพ่อค้าท้องโตเพื่อไปเป็นเมียน้อยราคาถูก จะได้ใช้ชีวิตเมียน้อยแบบที่พวกนางอยากใช้ เรียกได้ว่าได้มีชีวิตที่ดีด้วยยังไงล่ะ”

ชีวิตที่เจียงป่าวชิงอธิบายมาอย่างคร่าว ๆ ทำให้พวกผู้หญิงที่กำลังก่อเรื่องเหล่านั้นตกใจจนหน้าขาวซีด พวกนางอดไม่ได้ที่จะกลืนน้ำลายอย่างต่อเนื่อง

“เจ้า… เจ้าอย่ามาขู่ขวัญคนอื่นแบบนี้!” ผู้หญิงหนึ่งในนั้นพูดโต้แย้งด้วยใบหน้าแดงก่ำ “มันจะเป็นแบบนั้นไปได้ยังไง ?”

“ทำไมจะเป็นไปไม่ได้ล่ะ ?” เจียงป่าวชิงมองผู้หญิงคนนั้นนิ่ง ๆ และยิ้มน้อย ๆ “ถ้าอย่างนั้น หากว่าเขาต้องการพาพวกเจ้าไปส่งที่บ้านของพ่อค้าร่ำรวยจริง ๆ ทำไมเขาต้องอ้อมมาไกลขนาดนี้ด้วย แถมยังใช้เงินสามตำลึงเป็นเหยื่อล่อและคิดหาวิธีเพื่อให้ได้มีการลงชื่อยินยอมเป็นกระดาษหลักฐานที่ประทับลายนิ้วมือโดยพ่อแม่ผู้ปกครองของพวกเจ้าอีก พวกเจ้าคิดว่านั่นคืออะไร นั่นคือโฉนดขายตัวที่พวกเจ้าจะถูกควบคุมโดยเขายังไงล่ะ พวกเจ้าไม่ต้องเชื่อข้าก็ได้ แต่ข้าอยากบอกไว้ว่าเมื่อถึงเวลา พวกเจ้าหน้าที่จากที่ว่าการก็จะสืบหาห่วงโซ่การขายทั้งหมดแน่ ๆ แล้วมาดูกันว่ามันจะเชื่อมโยงกับซ่องนางโลมหรือเปล่า”

ผู้หญิงคนนั้นพูดไม่ออกเพราะคำพูดของเจียงป่าวชิงมีน้ำหนัก ส่วนหญิงคนอื่น ๆ ก็ต่างคนต่างมองหน้ากันพลางรีบเก็บมือที่กำลังดึงฉุดหัวหน้าสายตรวจกลับมาด้วยความเก้อเขิน

ซิ่วชุ่ยเองก็บ่นเช่นกัน “ข้าก็ไม่อยากกลับไปใช้ชีวิตที่ยากลำบากหรอกนะ แต่ข้าไม่อยากไปเป็นโสเภณี… พวกเราอดทนรอกันอีกหน่อยเถอะ ในอนาคตชีวิตเราอาจดีขึ้นก็ได้”

“งั้น… งั้นก็รออีกหน่อย รออีกหน่อยก็ได้”

ขณะนี้ผู้หญิงเหล่านั้นทำตัวว่านอนสอนง่ายแล้ว

หัวหน้าสายตรวจรู้สึกโล่งใจ “เอาล่ะ ถ้าอย่างนั้นพวกเจ้ากลับขึ้นไปบนรถม้าก่อนเถอะ ข้าจะให้เจ้าหน้าที่พาพวกเจ้าไปส่งก่อน ช่วงนี้ก็อยู่ที่บ้านไปแล้วกัน แต่ทางที่ว่าการอาจจะมาเรียกพวกเจ้าได้ทุกเมื่อ เพื่อให้ไปเป็นพยานที่แท่นตัดสินความยุติธรรม”

พวกผู้หญิงที่ก่อเรื่องต่างพากันเดินคอตกไปที่รถม้า

“เดี๋ยว” เจียงป่าวชิงดึงแขนผู้หญิงหนึ่งในนั้น “คนอื่นไปได้ แต่เจ้ายังไปไหนไม่ได้”

ทุกคนงุนงงสักครู่

ผู้หญิงคนที่ถูกเจียงป่าวชิงดึงแขนก็รู้สึกงุนงงด้วยเช่นกัน นางสะบัดแขนออกจากการจับกุมของเจียงป่าวชิงด้วยใบหน้าแดงก่ำ “เจ้าทำอะไรของเจ้า ?! แม้ก่อนหน้านี้ข้าจะเคยต่อว่าเจ้าเล็กน้อย แต่เจ้าจะมาทำแบบนี้ไม่ได้ อาศัยการหนุนหลังจากเจ้าหน้าที่แล้วคิดว่าตัวเองเจ๋งมากเลยงั้นรึ ?”

เดิมทีเจียงป่าวชิงไม่ชอบให้คนอื่นแตะต้องตัวอยู่แล้ว นางอาศัยแรงที่ผู้หญิงคนนั้นสะบัดมาและถือโอกาสปล่อยมือเพื่อไปยืนอยู่ด้านข้างแทน

แต่ในขณะนี้ ด้วยความไว้วางใจในตัวเจียงป่าวชิง พวกเจ้าหน้าที่ทำการล้อมเจียงป่าวชิงกับผู้หญิงคนนั้นไว้แล้ว ภายใต้การส่งสัญญาณของหัวหน้าสายตรวจ

อารมณ์ของผู้หญิงคนนี้ผิดปกติอย่างเห็นได้ชัด ดวงตาของนางแดงก่ำเล็กน้อย “นางเด็กแซ่เจียง นี่เจ้าหมายความว่าอะไร ?! ถ้าข้าขอโทษเจ้าก็น่าจะได้แล้วหนิ ใช่ไหม ?”

ซิ่วชุ่ยจุ๊ปากแล้วพูดแทนเจียงป่าวชิง “ก่อนหน้านี้ข้าก็เคยต่อว่านางแซ่เจียงคนนี้ในทางที่ไม่ดีเช่นกัน แต่นางไม่เห็นจะจับข้าและไม่ได้บอกไม่ให้ข้าไป อ้อ แล้วนางก็ไม่ต้องการคำขอโทษจากข้า แถมยังช่วยชีวิตข้าไว้อีกต่างหากนะ”

เจียงป่าวชิงพูดกับผู้หญิงคนนั้นด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม “อันที่จริงข้าไม่สนใจหรอกว่าพวกเจ้าจะพูดอะไร แต่เจ้าคิดว่าคนอื่นมองไม่เห็นร่องรอยของสิ่งที่เจ้าทำไว้อย่างนั้นรึ ?”

ผู้หญิงคนนั้นคือคนที่กล้าหาญและออกหน้าแทนคนอื่นมาตลอดเมื่อสักครู่ นางมองเจ้าหน้าที่ที่ล้อมนางกับเจียงป่าวชิงซ้ายขวา ความลุกลี้ลุกลนปรากฏขึ้นบนใบหน้าของนางอย่างเห็นได้ชัด “ทำไม เจ้าหมายความว่ายังไงกันแน่ มีสิทธิ์อะไรถึงไม่ให้ข้าไป ?”

เจียงป่าวชิงถอนหายใจเบา ๆ “ถ้างั้นข้าจะพูดอย่างตรงไปตรงมาแล้วนะ คือข้าสงสัยมานานแล้วว่าพ่อบ้านหวังจะต้องมีคนที่คอยผสมโรงช่วยเขาอยู่ในหมู่บ้าน มิเช่นนั้นเขาคงไม่สามารถหาผู้หญิงที่อายุเหมาะสมจำนวนมากจากในหมู่บ้านที่กระจัดกระจายได้ในช่วงเวลาสั้น ๆ เช่นนี้ และจะต้องมีใครบางคนจงใจกระจายข่าวช่วยเขาแน่ ๆ เดิมทีข้าแค่สงสัยเฉย ๆ และอันที่จริงก็ยังไม่ค่อยแน่ใจหรอก แต่เมื่อสักครู่ พอข้าเห็นว่าเจ้าคอยยั่วยุปลุกปั่นให้ผู้หญิงเหล่านี้ก่อเรื่องด้วยวาจา ข้าก็แน่ใจแล้วว่าเจ้าคงมีความเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้”

สีหน้าของผู้หญิงคนนั้นเปลี่ยนกลายเป็นขาวซีดทันที “ไม่ ไม่ใช่นะ ไม่! ข้าไม่ได้ทำ ไม่ใช่ข้า… ทุกคน ข้าถูกนางนี่ปรักปรำ!”

หัวหน้าสายตรวจโบกมือเป็นพัลวัน “ถูกปรักปรำหรือไม่ถูกปรักปรำ ยังไงก็กลับไปที่ศาลาว่าการกับพวกข้าก่อนเถอะ ท่านขุนนางอำเภอของเราจะให้ความยุติธรรมกับเจ้าเอง”

ผู้หญิงคนนั้นตะโกนว่าถูกปรักปรำอย่างต่อเนื่อง แต่ยังคงถูกควบคุมตัวไปยังที่ว่าการ

ณ ตอนนี้หัวหน้าสายตรวจเองก็อดรู้สึกเลื่อมใสในตัวเจียงป่าวชิงไม่ได้ นางอายุยังน้อยแต่ฉลาดและช่างสังเกตมาก

“แม่นางเจียง แม้แต่เรื่องนี้เจ้าก็ยังจับสังเกตได้ ยอดเยี่ยมจริง ๆ”

เจียงป่าวชิงส่ายหน้า “ไม่มีอะไรยอดเยี่ยมหรอกจ้ะ ข้าเห็นนางส่งสายตากับพ่อบ้านหวังหลายครั้งแล้ว นางคงระมัดระวังมานานแล้ว เรื่องทั้งหมดต่างชี้ไปว่านางน่าสงสัยที่สุดแบบนี้ จึงควรพานางไปไต่สวนก่อน จะได้ปลอดภัยมากยิ่งขึ้น แต่พอเห็นปฏิกิริยาของนางเมื่อสักครู่ ยังไงข้าว่าเรื่องนี้ก็คงไม่พ้นมีความเกี่ยวข้องกับนางแล้วล่ะจ้ะ”

เจียงป่าวชิงกลับไปนั่งบนรถม้า ซึ่งเกือบทุกคนในรถม้าต่างถอยห่างนางอย่างหวาดกลัว มีเพียงซิ่วชุ่ยคนเดียวที่ขยับเข้ามาใกล้นาง

เจียงป่าวชิงเหลือบมองซิ่วชุ่ย ทำเอาซิ่วชุ่ยกลืนน้ำลาย นางกระแอมไอแล้วถึงจะพูดขึ้นเสียงเบา “เจียงป่าวชิง เจ้าเก่งมากเลยนะ”

เจียงป่าวชิงพยักหน้าอย่างถ่อมตัว “ไม่ขนาดนั้น”

ซิ่วชุ่ยเห็นว่าเจียงป่าวชิงเหมือนจะอารมณ์ดี นางก็มีความกล้ามากยิ่งขึ้นและค่อย ๆ ขยับเข้าไปใกล้เจียงป่าวชิง “แล้วเมื่อสักครู่เจ้าทำ… ทำอะไรกับพ่อบ้านหวังเหรอ ?”

เจียงป่าวชิงยิ้มยิงฟันเผยฟันขาวให้ซิ่วชุ่ยอย่างน่ากลัว “อ้อ ข้าเชี่ยวชาญในด้านเวทมนตร์ผีน่ะ”

ซิ่วชุ่ยตกใจผงะไป นางรีบเขยิบย้ายไปนั่งทางผู้หญิงเหล่านั้นแทบจะในทันที ส่วนพวกผู้หญิงเหล่านั้นน่ะเหรอ ตอนนี้พวกนางไม่กล้าหายใจแรงด้วยซ้ำ

‘โลกนี้เงียบสงบแล้วล่ะนะ’ เจียงป่าวชิงคิดอย่างเงียบ ๆ