ตอนที่ 262 คงจะเป็นตะคริว

แม่สาวเข็มเงิน

คนที่อยู่ในเหตุการณ์ตกตะลึงกันแทบทุกคน

พ่อบ้านหวังเหมือนถูกใครบางคนยึดอยู่กับที่ทำให้ขยับตัวไม่ได้ เขาเบิกตากว้าง เหงื่อบนใบหน้าค่อย ๆ หยดลงมาในตอนที่เขาตะโกนออกไปด้วยความตระหนกตกใจ “เจ้าทำอะไรกับข้า ?!”

จังหวะที่เจ้าหน้าที่มามัดตัวพ่อบ้านหวัง เจียงป่าวชิงถึงจะเก็บเข็มเงินที่ฝังอยู่บนตัวพ่อบ้านหวังกลับมาด้วยสีหน้าราบเรียบ

แต่ถึงแม้ดึงเข็มเงินออกจากร่างกายแล้ว กว่าเลือดลมของเขาจะราบรื่นเป็นปกติก็ยังต้องใช้เวลาสักพัก

เจียงป่าวชิงหัวเราะเยาะ มองเจ้าหน้าที่คุมตัวพ่อบ้านหวังกับคนอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องไปจัดการ

ในแววตาของหัวหน้าสายตรวจมีความสงสัยเล็กน้อยเช่นกัน เขามองไปที่เจียงป่าวชิง “แม่นางเจียง นี่เจ้าทำอะไรไปรึ…?”

เจียงป่าวชิงพูดปดอย่างเป็นธรรมชาติ “ข้าไม่ได้ทำอะไร คาดว่าเขาคงเป็นตะคริวอย่างกะทันหันน่ะจ้ะ”

หัวหน้าสายตรวจเห็นว่าเจียงป่าวชิงไม่เต็มใจที่จะพูด เขาก็ครุ่นคิดอยู่สักครู่และตัดสินใจไม่ถามอะไรนางอีก เพราะในความคิดเขา แค่จับคนร้ายได้ก็พอแล้ว ส่วนจับได้ด้วยวิธีใดนั้น ตราบใดที่ไม่ผิดกฎบ้านเมือง มันก็ไม่ค่อยสำคัญเท่าไหร่นัก

อีกอย่าง เด็กผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้าคนนี้คือพระเอกของการจับกุมในครั้งนี้

หัวหน้าสายตรวจไม่ได้ซักไซ้อะไรอีก เขาทำความเคารพเจียงป่าวชิงด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม “อ่า… ครั้งนี้ต้องขอบคุณแม่นางเจียงมากที่สังเกตเห็นความผิดปกติและบอกให้ทางฝั่งที่ว่าการทราบ มิเช่นนั้น ถ้าความผิดใหญ่ ๆ แบบนี้เกิดขึ้นที่อำเภอฉือเจีย เกรงว่าฝ่ายดูแลความสงบของบ้านเมืองเกือบทุกฝ่ายคงจะยุ่งจนหัวร้างข้างแตกอย่างแน่นอน”

เจียงป่าวชิงเองก็เกรงใจอีกฝ่ายเช่นกัน นางเอ่ยขึ้นยิ้ม ๆ “พี่เจ้าหน้าที่เกรงใจข้าเกินไปแล้วจ้ะ ข้าก็แค่เสนอเบาะแสให้เท่านั้นเอง ส่วนคนที่ออกแรงจัดการเรื่องนี้จริง ๆ คือพวกพี่เจ้าหน้าที่ต่างหากล่ะ”

หัวหน้าสายตรวจพยักหน้าอย่างพึงพอใจ

เรื่องนี้ ถ้าหากพูดกันตามจริงก็ต้องขอบคุณการระมัดระวังตัวของเจียงป่าวชิงจริง ๆ นั่นแหละ

ในวันนั้น หลังจากที่เจียงป่าวชิงได้ยินว่าพ่อบ้านหวังให้เงินสามตำลึงกับผู้หญิงที่ถูกเลือกแต่ละคน นางก็รู้สึกว่ามันออกจะผิดปกติไปสักเล็กน้อย ตอนหลังจึงไปที่ในอำเภอเสียเลย เพื่อไปหานายกาวที่ร้านขายเครื่องเงินของเขา

แรกเริ่มเจ้าของร้านขายเครื่องเงินยังคงเลือกปฏิบัติอยู่ เมื่อเขาเห็นเจียงป่าวชิงที่หน้าตาสะสวยแต่กลับแต่งตัวเหมือนคนขัดสนมาบอกว่าต้องการพบนายท่านของพวกเขาให้ได้ เขาจึงคิดว่านางมาจากซ่องโสเภณีและดูถูกนาง

เจียงป่าวชิงหัวเราะเยาะ “หึ ๆ นายท่านของเจ้าใกล้จะถูกคนอื่นสร้างปัญหาให้อยู่แล้ว นี่เจ้ายังมาทำน้ำเสียงใสที่นี่อยู่อีก”

เจ้าของร้านเห็นท่าทางของเจียงป่าวชิงเหมือนกำลังจะมีเรื่องอย่างที่นางว่าจริง ๆ เขาจึงขมวดคิ้ว ค่อย ๆ เดินไปรายงานให้นายท่านของตัวเองทราบ

บังเอิญว่าวันนี้นายกาวมาเจอแขกที่ร้านพอดี เขาได้ยินดังนั้นก็รีบหาเวลาเพื่อมาเจอกับเจียงป่าวชิง ทว่าเมื่อพูดคุยกันก็พบปัญหาทันที

นายกาวตั้งใจจะเลือกเมียน้อยจริง ๆ แต่ถึงแม้คนอย่างเขาจะเลือกเมียน้อย ก็ต้องเลือกคนที่มีภูมิหลังทางครอบครัวที่บริสุทธิ์และรู้กำพืดกันดีอะไรทำนองนั้น เป็นไปได้อย่างไรที่เขาจะให้พ่อบ้านไปที่ชนบทและทำการเลือกเมียน้อยให้อย่างยิ่งใหญ่ประหนึ่งเขาเป็นจักรพรรดิเช่นนั้น ?

นายกาวได้ฟังเจียงป่าวชิงพูดถึงเรื่องนี้ เหงื่อของเขาไหลลงมาทันที ใครกันที่โหดร้ายเช่นนี้ โหดร้ายถึงขนาดที่ว่ากล้าลงทุนเพื่อเล่นงานเขาแบบนั้น

หากว่าให้พวกคนที่อยากคว้าจุดอ่อนของตระกูลเขารู้เข้า พวกมันคงจุดประทัดอย่างดีใจและหยิบยกเรื่องนี้มาเขียนบทความยาวแน่แล้ว อีกอย่าง แม้ว่าบ้านเขาจะมีเงินมาก ก็เป็นไปไม่ได้ที่จะแจกเงินสามตำลึงทุกครั้งที่ดูตัว ผู้หญิงสิบกว่าคนก็ปาเข้าไปเป็นเงินสามสิบกว่าตำลึงแล้ว นั่นมันเกินไป

นายกาวนั่งไม่ติด เขากำลังคาดเดาว่าเป็นคู่ต่อสู้คนไหนที่กล้ามาทำเช่นนี้กับเขา แต่เจียงป่าวชิงกลับพูดขึ้น “เรื่องนี้คงไม่ง่ายขนาดนั้นหรอกจ้ะ” จากนั้นนางพยายามพูดชักชวนให้นายกาวไปยังที่ว่าการกับนาง

เมื่อทั้งคู่มาถึงที่ว่าการก็ต้องรายงานต่อเจ้าหน้าที่เป็นธรรมดา

ขุนนางอำเภอจู้ไม่ใช่คนที่เข้าดำรงตำแหน่งเพื่อเป็นหมาหวงก้าง พอเขาได้ฟังเรื่องนี้ เขาก็รับรู้ถึงความผิดปกติในนั้น

“เงินสามตำลึง” นี้ออกจะมากเกินไป

แม้ว่าการจับตัวคนร้ายที่หน้าวัดบนภูเขาจะเป็นวิธีหนึ่งเช่นกัน แต่ขุนนางอำเภอจู้สั่งให้ทำกันอย่างระมัดระวัง เขากลัวว่าข่าวคราวจะรั่วไหลเมื่อสั่งคนไปจับตัวคนร้าย และจะเป็นการแหวกหญ้าให้งูตื่นด้วย สู้ดักซุ่มกำลังคนไว้ตรงถนนสองสายที่ออกจากหมู่บ้านหลิวเจียเพื่อไปทุกหนทุกแห่ง และจับพวกมันให้หมดในคราวเดียวดีกว่า

ดังนั้น จึงมีเหตุการณ์จับตัวพ่อบ้านหวังอย่างที่เห็น

……

สถานการณ์ทางด้านรถม้าขนคน พวกผู้หญิงสิบกว่าคนบนรถม้าเริ่มก่อปัญหาแล้ว

“ทำอะไรน่ะ ?” ผู้หญิงเหล่านั้นผลักกันเพื่อแย่งกันลงจากรถม้าและพากันพูดขึ้นเสียงดังโวยวาย “ทำไมพวกเจ้าถึงจับตัวเขาไป ? พวกเจ้าจับเขาไปแล้วใครจะไปส่งพวกเราที่บ้านนายกาว ?”

เมื่อสักครู่พวกนางไม่กล้าลงจากรถ จึงได้ยินเพียงครึ่งเดียว

หัวหน้าสายตรวจเห็นพวกผู้หญิงอายุน้อยที่แต่งกายสีสันฉูดฉาดส่งเสียงดังโวยวาย เขาก็รู้สึกปวดศีรษะอยู่หน่อย ๆ จำต้องหยิบมีดยาวจากเอวและกระแทกลงบนพื้นอย่างข่มขู่ “พวกเจ้าจะเสียงดังโวยวายทำไมหา ?”

พวกผู้หญิงชนบทเหล่านี้เห็นคนที่ท่าทางเหมือนพวกเจ้าหน้าที่มีตำแหน่งกำลังดุพวกนาง พวกนางก็หวาดกลัวและอ้ำอึ้งพูดไม่ออกชั่วขณะ

หนึ่งในนั้นมีคนที่กล้าหาญเล็กน้อยพูดขึ้นมา “พี่เจ้าหน้าที่… นี่เรา… เรากำลังจะไปคัดเลือกเมียน้อย แต่พี่จับตัวเขาไป แล้วใครจะพาพวกเราไปส่งล่ะจ๊ะ ?”

ผู้หญิงคนอื่น ๆ ต่างพากันพูดคล้อยตาม

หัวหน้าสายตรวจได้ยินเสียงโวยวายของพวกนาง เขาก็รู้สึกปวดศีรษะมากกว่าเดิม สุดท้ายตะคอกใส่พวกนาง “ยังจะไปคัดเลือกเมียน้อยอยู่อีก เขาชี้ชัดแล้วว่านี่เป็นการค้ามนุษย์ พวกเจ้ายังทำเหมือนเป็นเรื่องที่ดีอยู่อีก!”

เงินสามตำลึงกับใบลงชื่อนั้นเป็นหลักฐานชี้ชัดแล้วว่านั่นก็คือเงินค่าตัวกับใบลงชื่อยินยอมขายตัวของพวกนางยังไงล่ะ

คนฉลาดสามารถมองเห็นถึงปัญหาได้ในพริบตาเดียว เด็กผู้หญิงเหล่านั้นช่างหน้ามืดตามัวจริง ๆ นี่ยังคิดจะไปคัดเลือกเมียน้อยกับคิดอยากมั่งคั่งอยู่อีก

แต่ผู้หญิงเหล่านี้โลภจนไม่ยอมเชื่อว่าเป็นการค้ามนุษย์ หญิงคนที่กล้าหาญคนนั้นกลืนน้ำลายก่อนจะเถียงคอเป็นเอ็น “จะเป็นไปได้ยังไง ข้าได้ยินจากในรถม้าแล้วว่าพ่อบ้านหวังบอกว่าจะพาพวกเราไปคัดเลือกเมียน้อย ไม่ใช่ว่าในใบลงชื่อพวกนั้นก็เขียนไว้อย่างชัดเจนแล้วรึ ?”

นี่พวกนางคงผ่านชีวิตที่ยากลำบากมามากจึงถูกปิดตาโดยขนมปังแห่งความมั่งคั่งที่พ่อบ้านหวังเป็นคนวาด พวกนางดูเหมือนไม่สนใจอะไรอีกแล้ว

ซิ่วชุ่ยที่ร้องไห้น้ำหูน้ำตาไหลเมื่อสักครู่ ตอนนี้นางเช็ดหน้าตัวเองแล้วพูดขึ้นเสียงดังด้วยความโกรธเคือง “นี่พวกเจ้าโง่เรอะ ? คิดจะเป็นเมียน้อยของคนร่ำรวยก็ต้องมีดวงนั้นด้วย เมื่อสักครู่พวกเจ้าไม่เห็นหรือไงว่าไอ้คนแซ่หวังคนนั้นจ่อมีดมาที่ลำคอข้า! ถ้าหากว่าเขาเป็นคนดีไม่ได้ทำอะไรผิดจริง ๆ เขาจะเตรียมมีดและต้องการจะเอาชีวิตคนอื่นแบบนี้รึ ?!”

ผู้หญิงเหล่านั้นมองหน้ากันเป็นพัลวัน เมื่อสักครู่พวกนางได้ยินเสียงเคลื่อนไหวอยู่ข้างนอกอย่างคลุมเครือจริง ๆ พวกนางเริ่มหดตัวเล็กลง

“จริงหรือนี่…”

ซิ่วชุ่ยจึงดึงคอเสื้อเล็กน้อยเพื่อเผยให้เห็นลำคอของตน บนลำคอของนางยังคงมีรอยแดง เป็นพ่อบ้านหวังที่ทำรอยนี้ไว้เมื่อตอนจ่อมีดมาที่ลำคอของนาง แต่นั่นไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร มันก็แค่เป็นรอยถลอกนิดหน่อยและมีเลือดซึมออกมา เพียงแต่ในตอนนี้มันดูน่ากลัวก็เท่านั้น

ขณะนี้ ผู้หญิงเหล่านั้นไม่ได้พูดอะไรแล้ว แต่ยังไม่วายมีคนไม่ยอม

“อันที่จริงพ่อค้ามนุษย์ก็พ่อค้ามนุษย์สิ ขายพวกเราไปเป็นเมียน้อยของคนรวยก็ไม่เห็นจะเป็นอะไรหนิ ดีกว่าอดมื้อกินมื้ออยู่ที่บ้านและต้องทำงานทันทีที่ลืมตา แถมทำไม่ดีก็ถูกตีอีก”

พูดมาเช่นนี้ ซิ่วชุ่ยเองก็หมดคำจะพูดแล้ว

อย่างไรก็ตาม ความหวาดกลัวและความงุนงงปรากฏขึ้นในแววตาของผู้หญิงหลายคนเหล่านั้น

หญิงคนที่กล้าหาญคนนั้นเห็นทุกคนที่เหลือไม่พูดอะไร นางอดไม่ได้ที่จะพูดขึ้นเสียงดัง “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ก็เป็นเช่นนี้นี่แหละ แต่พ่อบ้านหวังมีความผิดอะไรล่ะ พี่เจ้าหน้าที่ปล่อยตัวเขาเถอะ พวกข้าไม่ยอมกลับไปใช้ชีวิตที่ยากลำบากแบบนั้นอีกแล้ว!”