ตอนที่ 664 สวรรค์กำลังช่วยเสี่ยวเชี่ยนอยู่

แผนรักสยบใจบอสสาวตัวร้าย

“แกว่าอะไรนะ!” พ่อเย่โมโห

 

 

“คุณน่ะมองซ้ายเหมือนคนเลว มองขวาเหมือนคนโง่ ถ้าฉันใช้ดินสอสองบีมาบรรยายคุณ ยังเป็นการดูถูกดินสอด้วยซ้ำ” เสี่ยวเชี่ยนพูดออกมาอย่างคล่องปาก

 

 

“อีXXX!” หลุ่ยจือโมโหกับคำพูดของเสี่ยวเชี่ยน เลยหลุดคำหยาบคายออกมา

 

 

“อีนังXXX!” พ่อเย่ก็ด่าด้วย

 

 

ความโกรธของทั้งสองคนอยู่ในการคาดการณ์ของเสี่ยวเชี่ยน

 

 

ไม่มีใครเห็นว่าตอนที่สองคนนั้นด่าหยาบคายเสี่ยวเชี่ยนได้เอามือกดปุ่มในกระเป๋า

 

 

“ฉันก็แค่มาขอให้พวกคุณไปขอโทษเวยเวย เพราะคำขอโทษของคุณเป็นความหวังเดียวในการรักษาโรคซึมเศร้าของเขา แต่ทำไมพวกคุณต้องด่าฉันด้วย?”

 

 

“ฉันด่าพวกหน้าXอย่างพวกแกทุกคนนั่นแหละ!” หลุ่ยจือพออ้าปากก็พูดถึงอวัยวะ

 

 

“เขาน่าสงสารจริงๆนะคะ ทุกคืนต้องนอนฝันร้าย” เสี่ยวเชี่ยนยังคงพูดต่อไปอย่างไม่รีบร้อน

 

 

เธอบันทึกเสียงตอนสองคนนี้ด่าไว้ได้ แต่ไม่ได้บันทึกตอนตัวเองยั่วโมโห

 

 

“มันหาเรื่องใส่ตัวเอง! แกรีบไสหัวไปซะ พวกเราไม่มีวันขอโทษมัน สมน้ำหน้ามันแล้ว!” คนเราเวลาโกรธคำพูดมักไม่ผ่านการกลั่นกรองจากสมอง

 

 

“พวกคุณทำแบบนี้ไม่กลัวเจอกฎหมายลงโทษเหรอ?” เสี่ยวเชี่ยนถามต่อ

 

 

“ฮ่าๆ! กฎหมายเหรอ? กฎหมายคืออะไร? พวกแกมีหลักฐานเหรอ? ลำพังแค่คำพูดของพวกแกมันไม่มีน้ำหนักหรอกนะ ใครจะเชื่อ? มันเป็นโรคซึมเศร้าไม่ใช่เหรอไง ก็ปล่อยให้มันตายไปเลย!”

 

 

หลุ่ยจือพูดจาโหดร้าย

 

 

มือทั้งสองข้างของเสี่ยวเชี่ยนสอดอยู่ในกระเป๋ากางเกง มือข้างหนึ่งกำลังบันทึกเสียง ส่วนอีกข้างเปิดฝาขวดเล็กๆที่อยู่ในกระเป๋าแล้วเอามือแตะของเหลวที่อยู่ข้างใน ทันใดนั้นเธอก็เอามือไปป้ายชายเสื้อของสัตว์เดรัจฉาน ป้ายของเหลวที่ติดมือเธอกับชายเสื้อของอีกฝ่าย

 

 

สัตว์เดรัจฉานกำลังจะหลบเสี่ยวเชี่ยน แต่กลับเห็นเสี่ยวเชี่ยนถอยหลังไปสองก้าว

 

 

“ว้าย! พวกคุณจะด่าก็ด่าสิ ทำไมต้องลงไม้ลงมือด้วย!” เสี่ยวเชี่ยนถอยหลังออกไปกระแทกตัวลงกับพื้น เธอทำให้เกิดเสียงโครมคราม

 

 

หลุ่ยจือกับสัตว์เดรัจฉานมองหน้ากัน ใครแตะตัวมันที่ไหน? ทำไมมันถึงได้ถอยหลังล้มไปเอง?

 

 

เสี่ยวเชี่ยนบรรลุวัตถุประสงค์แล้ว เธอกดปุ่มหยุดการบันทึกเสียง

 

 

จากนั้นก็ยืนขึ้นแล้วมองสัตว์เดรัจฉานในคราบมนุษย์ทั้งสองอย่างเหยียดๆ “พวกคุณจะไม่กลัวกฎหมายก็ได้ แต่เชื่อฉันเถอะ พวกคุณกำลังจะถูกสวรรค์ลงโทษ”

 

 

“สวรรค์ลงโทษเหรอ? ฮ่าๆๆ สวรรค์ตายไปนานแล้ว” พ่อเย่มีสีหน้าได้ใจเต็มที่

 

 

ตอนนี้เขาไม่กลัวเลยแม้แต่น้อย เส้นสายเตรียมพร้อมไว้หมดแล้ว ไปพบคนระดับสูงมาเรียบร้อย เดิมเรื่องนี้ก็ไม่ได้ใหญ่เท่าไร

 

 

“พูดจาต้องรู้จักระวังบ้างนะ”เสี่ยวเชี่ยนมองอย่างเย็นชา

 

 

“พวกแกจะใส่ร้ายก็หาหลักฐานมาสิ ไม่ต้องเอาสวรรค์มาอ้าง ไม่มีประโยชน์! ศาลไม่เชื่อเรื่องพวกนี้ เชื่อแต่หลักฐานเท่านั้น! มีหลักฐานไหมล่ะ?”

 

 

เวลานี้พ่อเย่มีสีหน้าได้ใจคล้ายคนโรคจิต

 

 

เสี่ยวเชี่ยนยิ้มมุมปาก “หวังว่าจะจำคำพูดของตัวเองเอาไว้นะ ศาลเชื่อแต่หลักฐาน มันต้องได้มีคนร้องไห้กันบ้าง”

 

 

ตอนที่เสี่ยวเชี่ยนหันตัวไปเตรียมเดินออก เธอก็ได้หันหน้ากลับไปอีกครั้ง แล้วพูดเตือนพ่อเย่

 

 

“ฉันว่าหน้าคุณดูหมองๆนะ วันนี้ต้องเกิดเรื่องซวยแน่ๆ อย่าออกไปไหนล่ะ จริงๆนะ อยู่บ้านน่ะหลบสวรรค์ลงโทษได้ แต่ถ้าออกไปนอกบ้าน ไม่เกินสิบห้านาทีโดนแน่”

 

 

“ถุย! ทำเป็นปากดี!” หลุ่ยจือด่าเสี่ยวเชี่ยน

 

 

“อีหนู อย่าเอะอะก็สวรรค์ลงโทษ คิดว่าคำพูดตัวเองศักดิ์สิทธิ์งั้นสิ?” พ่อเย่พูดอย่างได้ใจ เขารู้ว่าต้องยั่วโมโหคนยังไง

 

 

แต่เสี่ยวเชี่ยนมีวุฒิภาวะมากพอ เธอไม่โกรธหรอก

 

 

“จำไว้นะ ถ้าวันหนึ่งถูกสวรรค์ลงโทษนั่นก็เป็นเพราะคุณรับกรรมในความเลวที่ตัวเองก่อ มีแค่การสำนึกผิดเท่านั้นที่จะทำให้ใช้ชีวิตที่เหลืออยู่ต่อได้ ไม่อย่างนั้นคุณจะตายอย่างน่าสมเพช”

 

 

เสี่ยวเชี่ยนพูดเป็นนัยๆ แต่พ่อเย่ไม่คิดแบบนั้น ถ้ามีเรื่องแบบนั้นจริงเขาคงโดนไปนานแล้ว แต่ตอนนี้เขายังสุขสบายดี

 

 

ขณะที่กำลังรอเสี่ยวเชี่ยนออกไปก็มีคนเข้ามาอีกสองคน

 

 

คนที่เดินนำมาเป็นผู้หญิงวัยกลางคน อายุน่าจะประมาณสี่สิบ ใส่แว่นกรอบดำ ท่าทางดุ มีผู้หญิงเดินตามมาอีกคน

 

 

หลุ่ยจือพอเห็นสองคนนี้ก็ยิ้มหน้าบานทันที แล้วข้ามหน้าเสี่ยวเชี่ยนไปจับมือกับผู้หญิงใส่แว่นกรอบดำคนนั้น

 

 

“ไงเพื่อนมาได้ยังไง?”

 

 

“ได้ยินว่าเวยเวยเกิดเรื่อง เขาเป็นนักเรียนของโรงเรียนเรา ฉันในฐานะที่เป็นผู้อำนวยการเลยมาดูหน่อย ตอนนี้เด็กเป็นยังไงบ้าง?” ผู้หญิงใส่แว่นพูดจาอย่างเกรงอกเกรงใจ

 

 

“เห้อ อย่าให้พูดเลย เด็กคนนั้นมีอาการทางประสาท เอาแต่พูดว่าพวกเราทำไม่ดีกับเขา เธอก็รู้ว่าพวกเราเป็นคนยังไง พวกเราดูเป็นคนแบบนั้นเหรอ?”

 

 

“นั่นสิ ฉันเข้าใจพวกเธอนะ พวกเธอไม่ใช่คนแบบนั้น แต่ว่านะอาจือ ในฐานะที่ฉันทำงานด้านการศึกษาฉันขอพูดหน่อยแล้วกัน การที่เวยเวยมีอาการทางประสาทเป็นเรื่องที่น่าปวดใจจริงๆ แต่ปกติเขาก็ทำตัวมีปัญหาอยู่แล้ว ฉันพาครูประจำชั้นของเขามาด้วย เด็กคนนี้ชอบไม่ใส่ชุดนักเรียน แอบไว้ผมยาว แถมยังชอบร้องไห้ในห้องเรียน นี่แหละเป็นหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้เขามีปัญหากับคนต่างเพศ ชอบคิดไปเอง พวกเธอเป็นผู้ปกครองต้องเอาใจใส่นะ”

 

 

“ใช่ๆๆ ถึงตอนนั้นทางโรงเรียนต้องเป็นพยานให้พวกเราด้วยนะ เด็กคนนี้มีปัญหาเองชัดๆ— แต่กลับมีคนชอบแส่ไม่เข้าเรื่อง ทำตัวตั้งข้อสงสัยครอบครัวเราให้ได้” หลุ่ยจือมองเสี่ยวเชี่ยนอย่างได้ใจ

 

 

เสี่ยวเชี่ยนมองคนที่บอกว่าตัวเองเป็นผู้อำนวยการ “เขาให้เงินไปเท่าไร? เป็นถึงคนทำงานด้านการศึกษาแต่พูดตรรกะความคิดป่วยๆออกมา มันน่าเหลือเชื่อจริงๆ เงินซื้อคุณธรรมของคุณได้งั้นสิ?”

 

 

เป็นหลุ่ยจือนี่ก็ลำบากนะ เพื่อช่วยสัตว์เดรัจฉานให้พ้นข้อกล่าวหาถึงกับไปหาพยานมายืนยันว่าเวยเวยมีปัญหา

 

 

“เธอทำงานอะไรน่ะ?” ผู้อำนวยการที่ถูกพูดแทงใจดำเริ่มไม่พอใจ

 

 

“ฉันเป็นจิตแพทย์ ฉันสงสัยจังว่าใครเอาความคิดพวกนี้ป้อนพวกคุณ ฟังจากสิ่งที่คุณพูดมา เด็กผู้หญิงพอถูกรังแกควรจะคิดทบทวนตัวเองงั้นสิ? ดูจากพฤติกรรมของคุณก็รู้แล้วว่าคุณรับเงินจากครอบครัวนี้มา”

 

 

“ใส่ร้ายป้ายสี!”

 

 

เสี่ยวเชี่ยนส่ายหน้า ขี้เกียจจะเสวนากับคนพวกนี้

 

 

เธอบรรลุวัตถุประสงค์แล้วไปดีกว่า

 

 

จากการวิเคราะห์นิสัยของพ่อเย่ เวลานี้เขาคงกำลังได้ใจอย่างสุดๆ อีกทั้งยังมั่นใจมากว่าตัวเองหนีความผิดได้อย่างแน่นอน เขาคงเกิดความพึงพอใจเป็นอย่างมาก ถ้าเสี่ยวเชี่ยนไม่พูดว่าวันนี้เขาจะซวย ไม่แน่เขาอาจอยู่บ้านไม่ออกไปไหน

 

 

เสี่ยวเชี่ยนตั้งใจพูดจายั่วยุพ่อเย่ ซึ่งพ่อเย่ก็น่าจะเก็บไปคิดแน่นอน เสี่ยวเชี่ยนมั่นใจมากว่าเขาจะต้องออกไปข้างนอก จากนั้นพอกลับมาก็จะยิ่งได้ใจ ประมาณว่า ‘ดูสิ ไม่เห็นมีใครจะทำอะไรเขาได้เลย’

 

 

วันนี้เธอบรรลุเป้าหมายแล้ว เสี่ยวเชี่ยนจึงถอยออกมา

 

 

จากนั้นเสี่ยวเชี่ยนไปยังแถวๆตึกพักอาศัยที่อยู่ไม่ไกลจากหมู่บ้านที่ครอบครัวเย่อาศัยอยู่ เธอเงยหน้ามองสิ่งปลูกสร้างริมถนนพลางยิ้ม

 

 

นี่ก็คือจุดที่เธอทำสัญลักษณ์ไว้ในกระบะทราย แต่เสี่ยวเฉียงย้ายตำแหน่งให้เธอ

 

 

ดังนั้นเสี่ยวเชี่ยนจึงย้ายสายตาไปที่สิ่งปลูกสร้างอีกด้านหนึ่ง ซึ่งเป็นจุดที่เสี่ยวเฉียงเลือก น่าจะเป็นมุมอับของกล้องวงจรปิด

 

 

ถนนเส้นนี้เป็นเส้นทางเดียวของหมู่บ้านที่ครอบครัวเย่อาศัยอยู่ใช้เดินทางไปตลาด ตามความเข้าใจของเสี่ยวเชี่ยน ทุกสองวันพ่อเย่จะต้องไปซื้อหมั่นโถวของสักร้านที่อยู่ในตลาดแห่งนี้ อีกทั้งวันนี้ครอบครัวเย่มีแขก แถมยังเลือกมาตอนใกล้เวลาอาหาร เมื่อกี้หลังจากที่สองคนนั้นเปิดประตูเธอไม่ได้กลิ่นข้าวสวย ดังนั้นไม่ว่าครอบครัวเย่จะเลี้ยงข้าวแขกที่บ้านหรือพาออกไปกินข้างนอก สัตว์เดรัจฉานตัวนั้นถ้าไม่ออกมาซื้อหมั่นโถวก็ต้องพาแขกออกไปหาอะไรกิน ยังไงก็ต้องผ่านเส้นทางแห่งสวรรค์ลงโทษนี้อย่างแน่นอน

 

 

สวรรค์กำลังช่วยเสี่ยวเชี่ยนอยู่