บทที่ 153
หลินสุ่นโกรธจนหน้ากลายเป็นสีม่วง ตวาดอย่างโมโหว่า “เด็กน้อยเฉินโม่ ฉันจะหั่นนายเป็นหมื่นชิ้น!”
เฉินโม่เอามือแคะหู สีหน้าราบเรียบ “รอบที่สาม!”
“อ๊าก!”
หลินสุ่นทนไม่ไหวแล้วเหมือนกัน เอามือตบที่วางแขนเก้าอี้ กระบี่หยกเด้งออกมาจากด้านหลัง
หลินสุ่นคว้ากระบี่หยกไว้กลางอากาศ เสียงดังชิ้ง กระบี่ยาวออกจากฝัก แสงกระบี่สาดส่องไปทั่ว ความแหลมคมไม่มีอะไรเปรียบได้
“สิบสามกระบี่เมฆลอย!”
เมื่อลงมือ หลินสุ่นใช้กระบวนท่าที่แข็งแกร่งที่สุด เขาโดนเฉินโม่ทำให้โกรธจนบ้าไปแล้ว
ตัวหลินสุ่นเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว วิชากระบี่ ดูแปลกประหลาด ไม่ปกติ แทงมายังตำแหน่งที่คาดไม่ถึงทุกครั้ง คนที่ไม่รู้อะไร เห็นเหมือนเฉินโม่ถูกบีบจนอยู่ในสถานการณ์อันตราย
อันที่จริง มีเพียงตัวเฉินโม่ที่รู้ วิชากระบี่ของหลินสุ่น ไม่สามารถทำอะไรเขาได้ ส่วนที่เขาไม่สู้กลับ เพราะอยากดูวิชากระบี่ของหลินสุ่นให้จบ
สิบสามกระบี่เมฆลอย เป็นทักษะที่หลินสุ่นถนัดเป็นพิเศษ พลานุภาพแข็งแกร่งกว่าคลื่นสามชั้นสู่ประตูฟ้าเป็นอย่างมาก หลินสุ่นอาศัยวิชากระบี่นี้ ทำให้อยู่ในลำดับ 28 ในรายชื่ออันดับแดนใน
วิชากระบี่นี้ ใช้ความเจ้าเล่ห์เหี้ยมโหดเป็นหลัก ทำให้คนป้องกันไม่ไหว ถ้านักบู๊ทั่วไปเจอเข้า ไม่มีทางอื่น นอกจากใช้พละกำลังทะลุทะลวง
แต่ในสายตาเฉินโม่ วิชากระบี่นี้ กลับเป็นเหมือนเด็กเล่นขายของ นอกจากทิศทางที่กระบี่ออกมา ทำให้คนป้องกันไม่ไหว ก็ไม่มีอะไรดีอีกเลย!
สิบสามกระบี่ กระบี่แต่ละอัน เร็วขึ้นทุกครั้ง แต่ไม่โดนแม้แต่ปลายเสื้อเฉินโม่
เมื่อใช้สิบสามกระบี่จบแล้ว เฉินโม่พูดอย่างราบเรียบ “ถึงตาฉันแล้ว!”
“ท่าที่หนึ่งหมัดเทพเทียนเสวียน สยบภูเขา!”
แผดเสียงเย็นชาออกมา เฉินโม่ฟาดฝ่ามือไปทางหลินสุ่น พลังอันแข็งแกร่งมาพร้อมกับสายลมบ้าคลั่ง สั่นสะเทือนไปทั่ว!
คนตระกูลหลินบริเวณรอบๆ หน้าเปลี่ยนสีทันที “นี่มันทักษะบู๊อะไรกัน พลานุภาพน่ากลัวถึงเพียงนี้!”
พลั่ก!
หลินสุ่นโดนกระแทกจนกระเด็นออกไป กระแทกกับโต๊ะบูชากลางห้องโถง จนแตกกระจาย ป้ายวิญญาณบรรพบุรุษตระกูลหลินที่บูชาเอาไว้ หล่นลงมาบนพื้น
“แค่ก!”
เลือดกระจายออกมาตรงมุมปากหลินสุ่น เขามองเฉินโม่อย่างเคร่งขรึม หมัดนี้ เป็นหมัดที่แข็งแกร่งที่สุด ตั้งแต่เขาเคยเจอมาในชีวิต
นี่มันทักษะบู๊ประเภทไหนกันแน่ แววตาหลินสุ่นเต็มไปด้วยความตกใจ
“ผู้นำตระกูล!”
คนตระกูลหลินด้านล่างตะโกนอย่างตกใจ พวกเขารู้พละกำลังของหลินสุ่นเป็นอย่างดี แม้มองไปทั่วโลกบู๊หัวเซี่ย ยังมีน้อยมาก ขนาดหมัดเดียวของเด็กคนนี้ ยังต้านทานไม่ได้!
เฉินโม่มองหลินสุ่นแล้วพยักหน้า พูดอย่างราบเรียบ “ไม่เลว รับหมัดฉัน แต่ยังไม่ตาย นายแข็งแกร่งกว่าหลินเจี้ยนเฟิงอยู่หน่อยนึง!”
หลินสุ่นทั้งตกใจและโมโหปะปนกัน แววตาอึมครึม มองเฉินโม่ แล้วพูดด้วยเสียงอ่อนลง “เด็กน้อย เรื่องวันนี้ จบกันแค่นี้เป็นไง ตั้งแต่นี้เป็นต้นไป นายกับตระกูลหลิน ไม่ติดค้างกันอีกต่อไป!”
“ผู้นำตระกูล!”
คนตระกูลหลินตกใจอีกครั้ง คำพูดของหลินสุ่น เท่ากับการขอประนีประนอมกับเฉินโม่ หน้าตาของตระกูลหลินอับอายถึงที่สุด
แต่ขนาดหลินสุ่น ยังต้านทานหมัดของเฉินไต้ซือไม่ได้ ไม่ขอประนีประนอมจะขอตายหรือไง หน้าตาเทียบกับชีวิต ไม่คุ้มค่าให้พูดถึงเลย
เฉินโม่ส่ายหน้า “ดูเหมือนพวกนายจะฟังที่ฉันพูดไม่ชัดเจน ฉันมาทำลายตระกูลหลิน!”
เสียงของเฉินโม่นิ่งเหมือนสายลมเบาๆ ไม่มีอำนาจอะไร เหมือนพูดเล่นอย่างไรอย่างนั้น แต่ตอนนี้ไม่มีใครกล้าสงสัยความน่าเชื่อถือของคำพูดเขา
หลินสุ่นพูดอย่างโมโห “เฉินไต้ซือ นายฆ่าคนตระกูลหลินต่อเนื่องกันหลายคน ตระกูลหลินของฉันไม่เคยแตะต้องนายสักนิด ทำไมนายเอาแต่บีบบังคับคนอื่น เอาแต่จะฆ่าแกงกัน”
เฉินโม่มองหลินสุ่น สีหน้าไม่ยินดียินร้าย “ไม่เคยแตะต้องฉันสักนิดงั้นเหรอ นั่นเพราะพวกนายอ่อนแอเกินไป ถ้านายถามว่าทำไมฉันเอาแต่จะฆ่าแกงตระกูลหลิน ฉันว่านายมีคำตอบในใจแล้ว!”
หลินสุ่นตกใจ พูดอย่างดื้อรั้น “ฉันไม่เข้าใจ!”