บทที่ 152
หลินรุ่ยและคนอื่นอึ้งไป ทันใดนั้นจึงส่งเสียงหัวเราะออกมา
“ฮ่าๆๆ คุยโวโอ้อวด ถึงนายคือเฉินไต้ซือจริงๆ แค่นายคนเดียว จะทำลายตระกูลหลินยังไง ฉันว่านายบ้าไปแล้ว!” สีหน้าหลินรุ่ยเต็มไปด้วยความเยาะเย้ย
คนตระกูลหลินที่เหลือ ก็มองเฉินโม่ด้วยสีหน้าเย้ยหยัน เหมือนมองเด็กน้อยคุยโวโอ้อวด
ไม่มีใครเชื่อคำพูดของเฉินโม่เลย!
เฉินโม่เช็ดพื้นรองเท้าบนตัวหลินหู่ พูดอย่างไม่สบอารมณ์ว่า “ในเมื่อนายรู้แล้วว่าฉันเป็นใคร แล้วจะถามอีกทำไม ไปเรียกหลินสุ่นออกมา ไม่งั้นฉันจะลงมือแล้ว”
“จัดการนาย ไม่ต้องให้ผู้นำตระกูลออกมาหรอก ฉันคนเดียวก็พอแล้ว ถึงไม่รู้ว่านายใช้วิธีไหนฆ่าน้องสาม แต่เด็กน้อยอย่างนาย แม้จะฝึกบู๊มาตั้งแต่เกิด จะแข็งแกร่งแค่ไหนกันเชียว” หลินรุ่ยมองเฉินโม่ ด้วยสีหน้าไม่สบอารมณ์
เฉินโม่ส่ายหน้าเงียบๆ ถอนหายใจออกมา “ความอดทนของฉัน คนธรรมดาอย่างนายจะจินตนาการได้เหรอ”
“ในเมื่อนายอยากตาย งั้นฉันจะสนองให้!”
พูดจบ เฉินโม่เอามือไพล่หลัง เดินไปทางหลินรุ่ย
หลินรุ่ยรวมไปถึงลูกน้อง 7-8 คนข้างๆ มองเฉินโม่ด้วยสีหน้าตลก วัยรุ่นที่ดูเหมือนเด็กม.ปลาย คุยโวว่าจะทำลายตระกูลหลินงั้นเหรอ
เป็นเรื่องตลกที่สุดบนโลกนี้จริงๆ!
แต่วินาทีต่อมา รอยยิ้มของพวกเขาชะงักอยู่บนใบหน้า
เฉินโม่ก้าวออกมาเพียงหนึ่งก้าว ตัวของเขามาอยู่ข้างในประตู
หลินรุ่ยกับลูกศิษย์ตระกูลหลิน 7-8 คน หัวกับตัวอยู่คนละที่ ขนาดตาย ยังมีความเย้ยหยันเมื่อครู่หลงเหลืออยู่ในแววตา
พลังทิพย์กลายเป็นกระบี่ กระบี่เดียวคร่าชีวิตทุกคน!
เฉินโม่ไม่หันกลับมา เดินไปข้างหน้าช้าๆ ราวกับตีแมลงวันอันน่ารังเกียจไม่กี่ตัวจนตาย
ในห้องโถง หลินสุ่นกำลังรอข่าว “หลินเสวี่ย ออกไปดูสิ”
ผู้หญิงหน้าตางดงามคนหนึ่ง เดินออกมา คำนับให้หลินสุ่น “ค่ะ”
“ไม่จำเป็นแล้ว!” ไม่รอให้หลินเสวี่ยหันหลังมา เสียงเฉยเมย ไร้ซึ่งความรู้สึกดังขึ้น
เฉินโม่ก้าวเข้ามาในห้องโถง
คนตระกูลหลินรีบลุกขึ้นยืน มองเฉินโม่ด้วยสีหน้าหวาดระแวง มีเพียงหลินเสวี่ย ที่ก้มหน้าอยู่ แววตาวูบไหว
ผู้อาวุโสสี่ตระกูลหลินพูดอย่างโมโหและตกใจ “นายเข้ามาได้ยังไง พี่รองฉันล่ะ”
ถามคำถามเหล่านี้ออกมา ผู้อาวุโสสี่ตระกูลหลิน รู้สึกว่าตัวเองโง่เขลา ในเมื่อเฉินโม่ยืนอยู่ตรงนี้ หลินรุ่ยต้องล้มลงไปกองอยู่บนพื้นแล้ว
เฉินโม่มองหลินสุ่นที่นั่งอยู่บนตำแหน่งผู้นำ แล้วพูดอย่างราบเรียบ “โดนฉันฆ่าตายไปแล้ว!”
“อะไรนะ!”
ทุกคนตกใจขึ้นมาทันที!
หลินสุ่นยืนขึ้นอย่างโมโห ชี้เฉินโม่แล้วด่าว่า “ไอ้เด็กน้อยเฉินโม่ นายฆ่าคนตระกูลหลินของฉันติดต่อกัน คิดว่าตระกูลหลินไร้ความสามารถเหรอ วันนี้นายต้องตายภายใต้คมกระบี่ เพื่อปลอบโยนวิญญาณของน้องรองกับน้องสามบนสวรรค์!”
เฉินโม่ส่ายหน้า “ปัญหาที่ถูกต้องคือ ฉันไม่ได้มาตระกูลหลินเพื่อฆ่าคน แต่มาเพื่อทำลายตระกูลหลิน!”
“อวดดี!” ทุกคนในตระกูลหลินพากันโมโห เฉินโม่แค่คนเดียว แต่กลับมองตระกูลหลินอย่างไม่สนใจ อวดดีขั้นสุดยอด!
หลินสุ่นโมโหจนหัวเราะออกมา “ฮ่าๆๆ ดีๆๆ! คิดไม่ถึง ตระกูลหลินของฉันไม่ได้ออกไปสู่โลกตั้งนาน มีคนกล้าอวดดี จะทำลายตระกูลหลินของฉัน!”
“เด็กน้อยอวดดี วันนี้ฉันต้องฆ่านาย!”
เฉินโม่มองหลินสุ่นที่นั่งอยู่บนตำแหน่งผู้นำ แล้วพูดอย่างราบเรียบ “โดนฉันฆ่าตายไปแล้ว!”
เฉินโม่สีหน้าเอือมระอา “ฉันได้ยินคำนี้มาสองรอบแล้ว รบกวนนายรีบหน่อยได้ไหม ทำลายตระกูลหลินแล้ว ฉันยังต้องกลับไปนอนอีกนะ”
“อวดดี!”
“ไอ้เด็กไม่รู้ความ!”
“อวดดีขั้นสุดยอด!”
คนในตระกูลหลินลืมคำอื่นไปหมดแล้ว พูดอยู่แค่ไม่กี่คำ ซ้ำไปซ้ำมา เพราะท่าทางของเฉินโม่ยโสโอหังเป็นอย่างมาก
ตระกูลหลินสืบทอดกันมาร้อยปี มีใครกล้าดูหมิ่นแบบนี้ซะที่ไหนกันล่ะ ถ้าไม่ใช่เพราะคำสอนของบรรพบุรุษตระกูลหลิน ทั้งฮ่านหยางเป็นของตระกูลหลินไปนานแล้ว
ตอนนี้มีคนพูดว่าจะทำลายตระกูลหลิน จากนั้นค่อยกลับไปนอน ถ้าไม่ได้ยินด้วยหูตัวเอง คนตระกูลหลินคงคิดว่านี่เป็นมุกฝืดที่สุด ตั้งแต่เคยได้ยินมา