บทที่ 227 เชิญจางจู่ถิงมาจิงโจว

ขาดทุนไม่อั้น ขอแค่ฉันได้เป็นเศรษฐี

พอได้ยินหลี่สือพูด เผยเชียนก็เข้าใจทันที

คนที่ติดสินบนพนักงานร้านอินเทอร์เน็ตโมหยูคือบอสหลี่

ข้อมูลปลอมของเผยเชียนทำให้หลี่สือติดกับ

ครั้งนี้หลี่สือไม่ได้มากดดันเพื่อขอร่วมลงทุนกับร้านอินเทอร์เน็ตโมหยู แต่กำลังวางเดิมพันว่าการลงทุนของเผยเชียนจะประสบความสำเร็จ แล้วเขาก็จะพลอยได้กำไรไปด้วย

หลังจากร้านอินเทอร์เน็ตโมหยูสาขาหลักโด่งดังขึ้นมาก็มีลูกค้าแวะเวียนไปละแวกนั้นเยอะขึ้น ถึงร้านต่างๆ ในบริเวณใกล้เคียงจะมีลูกค้าไม่เยอะเท่าร้านอินเทอร์เน็ตโมหยู แต่พวกเขาก็ยังได้กำไรจากเรื่องนี้อยู่ดี

แม้แต่บอสหลี่ก็ยังได้กำไรไปด้วย ถึงจะไม่มากนัก

หากคิดว่าบอสหลี่จะหาเงินได้มากกว่านี้ถ้าไปลงทุนในพื้นที่อื่น ก็เท่ากับว่าเขาขาดทุนที่เลือกทำแบบนี้

ถึงบอสหลี่จะลงทุนกับร้านต่างๆ ในละแวกด้วยการช่วยจัดโปรโมชัน แต่ก็ไม่ได้ทุ่มไปเยอะเท่าไหร่ ค่าจัดโปรโมชันไม่ได้สูงมาก บอสหลี่ที่ตั้งความหวังไว้สูงจึงไม่ได้พอใจนัก

ครั้งนี้ก็ไม่ได้ต่างกันมาก

แถวหมิงหยุนวิลล่ามีคนสัญจรผ่านไปมาน้อยมาก ทำให้ไม่มีใครอยากเช่าร้านในละแวกนี้ หมายความว่าบอสหลี่ก็ไม่ต้องเสียเงินลงทุนสูง

ถ้าหมิงหยุนวิลล่าเป็นที่นิยมขึ้นมาเหมือนที่บอสเผยบอก ร้านพวกนี้ก็จะกลายเป็นบ่อเงินบ่อทอง ใครมาจับก็ได้กำไรหมด ถึงจะขายต่อทันทีก็ยังได้กำไร

พอถึงตอนนั้นกำไรที่บอสหลี่ทำได้ก็ไม่น่าจะเรียกว่าน้อยอีก

แต่ทั้งหมดก็ขึ้นอยู่กับว่าหมิงหยุนวิลล่าจะเป็นที่นิยมหรือเปล่า

เผยเชียนอดรู้สึกทึ่งขึ้นมาไม่ได้

บอสหลี่ หลักการของคุณสมบูรณ์แบบมาก แผนการต่างๆ ก็ไร้ที่ติ แต่…คุณพลาดจุดสำคัญไปอย่างหนึ่ง…

แต่ผมก็โทษบอสหลี่ไม่ได้หรอก ใครจะไปคิดกันเล่าว่าในโลกนี้จะมีระบบที่เปลี่ยนยอดขาดทุนให้กลายเป็นกำไรได้

เผยเชียนรู้สึกสงสารขึ้นมาหน่อยๆ

ถ้าเป็นคนอื่น เผยเชียนคงจะไม่ใจดีด้วย

แต่บอสหลี่ผู้ไฟแรงเคยโดนเผยเชียนตลบหลังมาแล้วครั้งหนึ่ง

จะจับแกะมาฝืนไถขนได้ยังไง เกิดขนเกลี้ยงตัวก็แย่เลย

ดังนั้นเผยเชียนจึงตั้งใจจะบอกใบ้บอสหลี่ว่าไม่ควรลงทุนในละแวกนี้เยอะเกินไป

จนถึงตอนนี้บอสหลี่ลงทุนกับแบรนด์ร้านอินเทอร์เน็ต บาร์ คาเฟ่ และคาเฟ่บอร์ดเกม ซึ่งช่วยเผยเชียนได้มากทีเดียว

ถ้าบอสหลี่วางแผนจะทุ่มเงินลงทุนเพิ่มล่ะ

จริงๆ เผยเชียนก็เริ่มเป็นห่วง ถ้าเขาไถขนบอสหลี่จนเกลี้ยง ความสัมพันธ์ของพวกเขาก็อาจพัฒนาต่อไปไม่ได้ในอนาคต

ถ้าช่วยลดยอดขาดทุนที่จะเกิดขึ้นกับบอสหลี่ได้สักนิดหน่อยก็ถือว่าเขาใจบุญมากแล้ว

คิดได้แบบนั้น เผยเชียนก็ตัดสินใจบอกใบ้บอสหลี่สักเล็กน้อย

เขายกค็อกเทลขึ้นจิบแล้วพูดด้วยน้ำเสียงจริงใจที่สุด “บอสหลี่ ผมจะบอกความจริงกับคุณ

“ที่ร้านอินเทอร์เน็ตโมหยูสาขาหลักดังขึ้นมาได้รอบที่แล้วเป็นเพราะโชคช่วยด้วยส่วนหนึ่ง แทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่จะทำให้สาขาหมิงหยุนวิลล่าประสบความสำเร็จได้เหมือนสาขาหลัก

“โอกาสที่ละแวกนี้จะเป็นที่นิยมได้มีไม่มาก ผมแค่อยากลองดูเฉยๆ…”

เผยเชียนบอกใบ้ไปมากที่สุดเท่าที่จะทำได้

หลี่สือยิ้มเหมือนจะสื่อว่า ‘ผมเข้าใจดี’ “บอสเผยถ่อมตัวเกินไปแล้วครับ

“คุณชอบพูดว่าสำเร็จได้เพราะโชคช่วย ซึ่งก็เป็นเรื่องปกติ คนธรรมดาจะเอาแต่รอให้โชคช่วย ส่วนคนเก่งจะสร้างโชคให้กับตัวเอง ผมมองว่าบอสเผยเป็นคนที่สร้างโชคให้ตัวเองได้จริงๆ

“เท่าที่ผมรู้มา บอสเผยลงทุนในละแวกนี้ไปเยอะทีเดียว

“นอกจากร้านอินเทอร์เน็ตแล้วก็ยังมีจุดบริการนี่เฟิง แถมก่อนหน้านี้บอสหม่าเองก็เคยสำรวจสภาพธุรกิจในละแวกนี้ไปรอบหนึ่ง

“ถ้าคิดว่าทำเลตรงนี้ไปไม่รอด คุณคงไม่ดั้นด้นทำมาขนาดนี้

“ผมเข้าใจว่าคุณหวังดี แต่คุณประเมินผมต่ำไป

“การลงทุนมีความเสี่ยง ผมอยู่ในแวดวงการลงทุนมานานและเข้าใจเรื่องนี้ดี”

โอเค ที่พูดไปไม่มีประโยชน์เลย

เผยเชียนได้แต่รู้สึกเศร้าอยู่ในใจ โอเค ถ้าบอสหลี่รู้ว่าตัวเองทำอะไรอยู่ ผมก็จะไม่พูดอะไรอีก ได้แต่ขอให้คุณโชคดีก็แล้วกัน

โชคดีที่บอสหลี่ไม่รู้ว่าเผยเชียนซื้อวิลล่าใกล้ๆ กันนี้มาเปิดเป็นภัตตาคารส่วนตัว ไม่อย่างนั้นเขาคงยึดมั่นในความคิดของตัวเองมากขึ้นกว่าเดิมแน่

เผยเชียนยกมือเรียกพนักงานใกล้ๆ “ถ้าบอสหลี่มาอีก ไม่ต้องเก็บเงินค่าเครื่องดื่มนะ”

บอสหลี่ช่วยผมมามาก แต่ผมไม่เคยได้ตอบแทนบุญคุณเลย ที่ทำได้ก็แค่เลี้ยงเครื่องดื่มคุณ

หลี่สือรู้สึกอบอุ่นหัวใจ

จริงๆ เขาก็ไม่ได้คิดมากเรื่องจ่ายเงินค่าเครื่องดื่ม แต่การที่เผยเชียนไม่เก็บเงินเขาก็แสดงให้เห็นถึงความจริงใจที่มีให้!

มิตรภาพนี้ประเมินค่าไม่ได้เลย

หลี่สือเอ่ยชมเผยเชียนในใจ ถึงบอสเผยจะยังเด็ก แต่หัวใสเรื่องการงานมาก

หลี่สือยกแก้วขึ้น “ขอบคุณครับบอสเผย หวังว่าในอนาคตเราจะได้กำไรงามกันทั้งคู่!”

เผยเชียนยกแก้วขึ้นชน เขายิ้มรับคำสาปแช่งของบอสหลี่พร้อมพยายามข่มใจไม่ให้ด่ากลับ

วันที่ 11 สิงหาคม

ฉางหยางเกมส์

“ผู้อำนวยการหลินครับ เรา…จะเลือกคนนี้เหรอครับ” เยว่จือโจวถามด้วยความไม่แน่ใจ

“ใช่ค่ะ เอาคนนี้แหละ” หลินหวานตอบกลับอย่างลังเล แต่เธอก็ไม่มีตัวเลือกอื่นแล้ว

พอได้แผนโฆษณาจากบอสเผยมา ฉางหยางเกมส์ก็ดำเนินงานต่อตามแผนที่ได้ พวกเขาติดต่อดาราชาวฮ่องกงไปหลายคน ไม่ว่าจะดังหรือเคยดังก็ติดต่อไปหมด

แต่ก็เจรจาเรื่องราคาได้ยาก

ดาราฮ่องกงที่ดังหน่อยเรียกราคาอย่างต่ำห้าล้านหยวนต่อปี ที่ถูกลงมาจะอยู่ที่สองถึงสามล้านหยวน

ทุนสร้างเกมเพลงรบโลหิตเวอร์ชันอัปเกรดอยู่ที่ประมาณห้าล้านหยวนเอง

บอสเผยวางงบสำหรับทำการตลาดไว้ที่ประมาณสามล้านหยวน ตอนแรกเยว่จือโจวกับหวังเสี่ยวปินคิดว่าพวกเขาคงจะใช้เงินก้อนนี้ไม่หมดแน่ๆ ต่อให้ทุ่มกันสุดๆ แล้วก็ตาม แต่พอได้ติดต่อว่าจ้างดาราฮ่องกงมาเป็นพรีเซ็นเตอร์ พวกเขาก็ตระหนักว่าตัวเองยังขาดประสบการณ์อีกมาก…

พวกเขาเคยทำโฆษณาเกมเพลงรบโลหิตมาก่อน แต่ไม่ได้จ้างดารา ค่าโฆษณาเต็มที่อยู่ที่หลักแสน

พอเอาจำนวนมาเทียบกัน เยว่จือโจวก็รู้สึกว่าครั้งนี้พวกเขาใช้เงินเยอะเกินไป!

หลินหวานเองก็ไม่พอใจกับราคาที่ดาราเรียกมา

เธอคิดว่าความคุ้มค่าต่อราคานั้นอยู่ในระดับต่ำ

ถึงการโฆษณาเกมจะส่งผลต่อยอดขายเกม แต่ตอนยังทำงานที่เถิงต๋า เธอได้เห็นเกมที่ดังขึ้นมาโดยไม่เสียเงินค่าทำการตลาดเลยสักหยวนเดียว

ทุ่มเงินหลายล้านเพื่อจ้างดาราฮ่องกงมาเป็นพรีเซ็นเตอร์จะได้ผลดีขนาดนั้นเลยเหรอ

หลินหวานจึงคิดว่าการทำแบบนี้มันไม่คุ้มเอาเสียเลย

แต่แผนโฆษณาของบอสเผยมาอยู่ตรงหน้าแล้ว ยังไงก็ต้องจ้างดาราสักคน

ทั้งสามตัดตัวเลือกออกจนเหลือดาราคนหนึ่งที่มีความคุ้มค่าต่อราคาผ่านเกณฑ์

ปีนี้จางจู่ถิงอายุสี่สิบเอ็ดแล้ว ถึงตอนนี้จะไม่ค่อยดังและผลงานในช่วงหลังไม่ค่อยดีเท่าไหร่ แต่ตอนวัยรุ่นก็มีชื่อเสียงมาก เขาเล่นซีรีส์มาแล้วหลายเรื่อง ค่อนข้างมีอิทธิพลกับกลุ่มวัยกลางคน

เขาเรียกราคาค่าพรีเซ็นเตอร์ที่ประมาณสองล้านหยวน หลินหวานยังคิดว่าแพงเกินไป แต่ก็ถือว่าถูกกว่าที่ดาราคนอื่นๆ เรียกมา

ถ้าเลือกคนนี้ พวกเขาก็จะมีเงินเหลือสำหรับซื้อพื้นที่โฆษณาบนเว็บไซต์ต่างๆ

ทุกคนในฉางหยางเกมส์พิจารณาดูแล้วก็ลงความเห็นเลือกเขา!

สิ่งต่อไปที่ต้องทำคือเชิญจางจู่ถิงมาจิงโจวเพื่อเซ็นสัญญาและถ่ายโฆษณา

จริงๆ ก็ไม่จำเป็นต้องถ่ายที่จิงโจว แต่ทุกคนคิดว่าในเมื่อทุ่มเงินจ้างไปเยอะมากก็ควรใช้โอกาสนี้ดูการทำงานของเขา

ถึงจะเป็นดาราที่เคยดัง อย่างน้อยก็สามารถถ่ายรูปขอลายเซ็นไปอวดเพื่อนได้

“งั้นสรุปตามนี้ เราจะเชิญจางจู่ถิงมาจิงโจว!”