บทที่ 228 ถ้ายกมือถือขึ้นมาถ่ายรูป รสชาติจะเปลี่ยนไป

ขาดทุนไม่อั้น ขอแค่ฉันได้เป็นเศรษฐี

“แล้ว…จางจู่ถิงนี่เป็นใคร”

หลังจากได้อ่านข้อความของหลินหวาน เผยเชียนก็ได้แต่งุนงง

ไม่เห็นเคยได้ยินชื่อมาก่อน

พอเอาชื่อไปค้นดูในเว็บเชียนตู้ก็ได้รู้ว่าจางจู่ถิงเป็นดาราชาวฮ่องกงที่กระแสตกไปแล้ว

หลินหวานส่งข้อความมาอีก “บอสเผยคะ เราพิจารณาดาราฮ่องกงอยู่หลายคน บางคนเรียกราคาสูงมาก เกินห้าล้านหยวน หนูคิดว่าความคุ้มค่าต่อราคาไม่ได้ดีขนาดนั้น เลยเลือกเป็นจางจู่ถิง ถึงตอนนี้เขาจะไม่ได้ดังมากเหมือนเมื่อก่อน แต่ก็เรียกราคามาแค่ประมาณสองล้านเองค่ะ”

เผยเชียนไม่พอใจขึ้นมา

สอนไปแล้วหลายครั้งไม่ใช่เหรอ มาช่วยประหยัดทำไมแค่สองสามล้าน

ห้าล้านก็จ้างไปเลยเซ่!

แต่พอคิดดูอีกทีเขาก็เลือกที่จะปล่อยไป เพราะยิ่งราคาสูงดาราคนนั้นก็ยิ่งดัง น่าจะมีแฟนๆ ติดตามเยอะ ถ้าพวกนั้นเรียกผู้เล่นใหม่ให้เกมได้เยอะ เผยเชียนก็จะขาดทุนได้น้อยลง ถ้าเป็นแบบนั้นเขาก็จะเป็นฝ่ายเสียประโยชน์

สองล้านก็สองล้าน เดี๋ยวค่อยผลาญเงินเพิ่มด้วยวิธีอื่น

หลินหวานส่งข้อความมาถามต่อ “บอสเผยคะ จางจู่ถิงจะมาถึงจิงโจววันมะรืน บอสจะมาดูการถ่ายโฆษณาไหมคะ”

เผยเชียนตอบกลับทันที “เดี๋ยวผมไปดูด้วย เห็นว่าเขาเป็นนักแสดงมืออาชีพ เคยได้รับฉายาราชาภาพยนตร์ ผมอยากเห็นการแสดงของเขาใกล้ๆ

“เอ้อ แล้วเตรียมการต้อนรับไว้รึยัง”

หลินหวาน “ไม่ต้องห่วงค่ะบอสเผย ทุกอย่างเตรียมไว้พร้อมหมดแล้ว มีรถส่วนตัวไว้สำหรับจางจู่ถิงกับผู้จัดการ ที่พักจองเป็นโรงแรมห้าดาว เราดูแลเขาดีแน่นอนค่ะ”

“เรื่องอาหารล่ะ” เผยเชียนถาม

หลินหวาน “เอ่อ…ว่าจะให้กินที่โรงแรมค่ะ ตอนถ่ายทำมีเตรียมอาหารอย่างดีไว้ให้”

“น้อยไป แขกเดินทางมาตั้งไกล ถึงจะเป็นความสัมพันธ์ทางการงานธรรมดา พวกเราก็ต้องดูแลเขาให้ดีที่สุด เอางี้ เดี๋ยวผมให้เบอร์ติดต่อผู้จัดการหลินที่ดูแลครัวส่วนตัวหมิงหยุน โทรไปจองเลย พอจางจู่ถิงมาถึงก็พาไปกินเลี้ยงต้อนรับที่ครัวส่วนตัวหมิงหยุน แล้วค่อยคุยเรื่องการถ่ายทำ”

สำหรับเผยเชียนแล้ว การต้อนรับแขกคือเหตุผลที่ดีในการไปใช้บริการครัวส่วนตัวหมิงหยุน คงจะไม่เกินควรไปใช่ไหม

แน่นอนว่าถ้าเขาพาแขกทุกคนไปครัวส่วนตัวหมิงหยุนก็อาจทำให้เกิดความเสี่ยงได้ เช่น… คนอื่นอาจรู้ว่าภัตตาคารนี้ดีแค่ไหน

แต่เผยเชียนก็มีวิธีลดความเสี่ยงนี้เตรียมเอาไว้อยู่แล้ว

หลินหวาน “เอ่อ ได้ค่ะบอสเผย หนูไม่ได้คิดเรื่องนี้ไว้ให้ดี เดี๋ยวหนูจองร้านเลยค่ะ!”

วันเสาร์ที่ 14 สิงหาคม

จางจู่ถิงลงจากเครื่องบินแล้วเหยียบบนพื้นดินเมืองจิงโจวเป็นครั้งแรก

เมืองระดับสองอย่างจิงโจวไม่ได้มีชื่อเสียงมากมาย ยังมีอีกหลายเรื่องที่จางจู่ถิงไม่รู้เกี่ยวกับเมืองจิงโจว

แต่ในเมื่อเดินทางมาที่นี่จะทำเงินให้เขาได้สองล้านหยวน จางจู่ถิงจึงไม่ได้คิดมากอะไร

จางจู่ถิงอายุเกินสี่สิบแล้ว ถึงตอนหนุ่มจะเคยเป็นพรีเซ็นเตอร์รูปหล่อ แต่ก็ไม่สามารถต้านทานเวลาที่ไหลผ่านได้ ตอนนี้เขาให้ความสำคัญกับเรื่องทักษะการแสดง และพัฒนาตัวเองไปเป็นนักแสดงวัยกลางคนมืออาชีพ

เนื่องจากอุตสาหกรรมภาพยนตร์เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ นักแสดงหลายคนได้รับความนิยมน้อยลงเรื่อยๆ กลายเป็นดาราเคยดังไปอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

จางจู่ถิงจึงปฏิเสธโอกาสทำเงินนี้ได้ยาก

เทียบกับพวกดาราดังและไอดอลหน้าใหม่ที่มีคนตามเป็นพรวนหลังออกจากบ้านแล้ว จางจู่ถิงไม่ได้มีคนสนใจมากมายขนาดนั้น ครั้งนี้เขาพาผู้ช่วยมาแค่คนเดียว

เพราะอีกฝ่ายแจ้งมาว่าการถ่ายทำใช้เวลาแค่วันเดียว เขามาถึงจิงโจววันที่ 14 จากนั้นก็พักหนึ่งคืนแล้วค่อยถ่ายทำช่วงเช้าวันถัดไป เสร็จจากนั้นก็บินกลับช่วงบ่าย

จางจู่ถิงไม่ได้ตั้งความหวังอะไรกับการมาจิงโจวในครั้งนี้

บริษัทเกมในจิงโจวจะใหญ่โตแค่ไหนกันเชียว

โฆษณาครั้งนี้ไม่น่าจะมีอะไรมาก

“เชิญขึ้นรถเลยค่ะคุณจาง บอสเผยเตรียมมื้ออาหารต้อนรับคุณไว้แล้วค่ะ”

หลินหวานยืนยิ้มอยู่ข้างรถ

ครัวส่วนตัวหมิงหยุน

จางจู่ถิงงงมากหลังลงจากรถ

นี่มันอะไรกัน ที่นี่ที่ไหน

ตรงหน้าเขาคือวิลล่าธรรมดาหลังหนึ่ง ถึงจะใหญ่และตกแต่งอย่างหรูหรา แต่จางจู่ถิงก็เห็นว่าวิลล่าหลังอื่นๆ แถบนี้ก็เป็นแบบนี้ ไม่ได้น่าแปลกใจอะไรที่เจ้าของบริษัทเกมจะมีเงินซื้อวิลล่าหน้าตาประมาณนี้ได้

แต่คำถามคือ ทำไมบอสเผยถึงพาเขามาที่นี่

ทำไมต้องเชิญมาบ้านตัวเองแบบนี้ด้วย

จางจู่ถิงมีคำถามมากมายในหัวตอนที่หลินหวานเดินนำเขาไปห้องส่วนตัวที่วิวดีที่สุด

ห้องส่วนตัวที่ว่าอยู่บนชั้นสามของวิลล่า มีหน้าต่างบานใหญ่ที่มองออกไปเห็นดวงอาทิตย์ตก

ดวงอาทิตย์กำลังคล้อยจากฟ้า แสงอาทิตย์สีทองต้องกับสระน้ำไร้ขอบด้านข้างวิลล่าสะท้อนเป็นแสงสีทองจางๆ

ภูเขารอบๆ มีต้นไม้ปกคลุมหนาแน่น หมิงหยุนวิลล่าเร้นกายอยู่ใต้ร่มเงาต้นไม้ ทำให้รู้สึกเหมือนทุกอย่างดูเล็กลงจากความเป็นจริง

ตรงกลางห้องส่วนตัวมีโต๊ะยาวตัวหนึ่งตั้งอยู่ ไม่ใช่แบบที่นั่งได้สิบคน แต่รองรับได้แค่สี่คนเท่านั้น

ภายในห้องตกแต่งมาเป็นอย่างดี ทุกอย่างดูเข้ากันหมด ไม่ว่าจะเป็นโต๊ะ เก้าอี้ ของประดับ ผ้าเช็ดปาก ดอกไม้บนโต๊ะ

ทุกอย่างจัดแจงอย่างตั้งใจโดยพนักงานครัวส่วนตัวหมิงหยุนหลังจากได้รับยืนยันการจอง

จางจู่ถิงถึงบางอ้อ นี่ไม่ใช่วิลล่าธรรมดา แต่เป็นภัตตาคารระดับสูงที่มีเอกลักษณ์ไม่เหมือนใคร

เผยเชียนยืนขึ้นจับมือต้อนรับจางจู่ถิง “อุตส่าห์เดินทางมาตั้งไกลเลยนะครับคุณจาง ยินดีต้อนรับครับ! จิงโจวเป็นเมืองเล็ก ไม่มีสถานที่พิเศษอะไร ผมเลยต้องเชิญคุณจางมากินอะไรง่ายๆ ที่นี่แทน เชิญนั่งก่อนครับ”

จางจู่ถิงตอบกลับอย่างเป็นกันเองก่อนจะนั่งลงพร้อมผู้ช่วย

เผยเชียน หลินหวาน จางจูถิง และผู้ช่วยนั่งลงที่โต๊ะ พนักงานเดินเข้าออกห้องเพื่อเสิร์ฟอาหารตามเวลาและเมนูที่วางเอาไว้

เผยเชียนอยากพาคนมามากกว่านี้จะได้ช่วยกันกินเยอะๆ แต่การพาคนมาเยอะจะวุ่นวายเกินไป อาจทำให้จางจู่ถิงรู้สึกอึดอัดได้

ดังนั้นหลังจากคิดอยู่พักหนึ่ง เผยเชียนก็ตัดสินใจลดจำนวนคนลง เพื่อให้จางจู่ถิงดื่มด่ำกับอาหารได้อย่างไม่กดดัน

พวกเขาคุยกันเรื่องนั้นเรื่องนี้ระหว่างรับประทานอาหาร

เผยเชียนไม่รู้อะไรเกี่ยวกับจางจู่ถิงเลย ไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่าอีกฝ่ายเคยเล่นหนังเรื่องอะไรบ้าง แต่ก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร จางจู่ถิงเองก็ไม่รู้ว่าเผยเชียนทำเกมอะไร ทั้งคู่ใช้โอกาสนี้เล่าความสำเร็จในสายงานของตัวเองโดยไม่อวดอ้างจนเกินควร

โชคดีที่หลินหวานทำการบ้านมา เธอยกความสำเร็จช่วงหนุ่มของจางจู่ถิงขึ้นมาพูด ทำให้อีกฝ่ายอารมณ์ดีขึ้นมากทีเดียว

หลังจากกินไปได้สองสามคำ จางจู่ถิงก็ตระหนักว่าอาหารที่เสิร์ฟนั้นพิเศษมาก

เขาถูกเชิญไปงานเลี้ยงและได้กินอาหารดีๆ มากมาย ไม่ว่าจะจากเพื่อนหรือคนร่วมงาน

แต่เขาได้กินอาหารเลิศรสแบบนี้ไม่บ่อย!

แน่นอนว่าที่อาหารรสชาติดีขนาดนี้ไม่ได้เกิดจากการปรุงรส แต่มาจากวัตถุดิบ มีแค่วัตถุดิบชั้นเลิศเท่านั้นที่จะให้ผลลัพธ์แบบนี้ได้

ยิ่งกินจางจู่ถิงก็ยิ่งทึ่ง เขาไม่คิดว่าจะมีภัตตาคารลึกลับแบบนี้อยู่ในเมืองอย่างจิงโจว

บอสเผยเลี้ยงอาหารหรูขนาดนี้ ช่างจิตใจงามจริงๆ!

จางจู่ถิงไม่ใช่พวกดาราหยิ่งยโส เขามีชื่อเสียงจากนิสัยที่เป็นมิตรและเข้าถึงง่าย เขากินอาหารพลางพูดคุยกับเผยเชียนอย่างสนุกสนาน

อาหารเรียกน้ำย่อยปริมาณน้อยแต่รสชาติไม่น้อยตาม พอกินเสร็จพนักงานเสิร์ฟก็รีบเก็บจานแล้วเสิร์ฟอาหารจานต่อไป

ถึงทุกอย่างจะอร่อยดี แต่เขาก็ยังไม่หนำใจ

ไม่นานมื้อหลักก็มาเสิร์ฟ!

หลังจากได้ลิ้มรสอาหารเรียกน้ำย่อยไป พนักงานก็ยกล็อปสเตอร์ตัวใหญ่มาเสิร์ฟ ดูจากขนาดหัวแล้ว จางจู่ถิงเดาว่าน่าจะหนักอย่างน้อยห้ากิโลกรัม แค่ค่าวัตถุดิบของจานนี้ก็ปาไปหกถึงเจ็ดพันหยวนแล้ว!

จางจู่ถิงไม่ได้แสดงอาการอะไร เขาเคยเห็นอะไรมามากมาย แต่เห็นได้ชัดว่าผู้ช่วยของเขาไม่เคยเจออะไรหรูหราขนาดนี้มาก่อน ดวงตาของผู้ช่วยจับจ้องไปที่อาหาร ดูท่าทางอยากหยิบมือถือออกมาถ่ายรูปใจจะขาด แต่คิดว่าคงจะไม่เหมาะ

เผยเชียนยิ้มบางพร้อมพูดขึ้น “ตั้งใจดื่มด่ำกับรสชาติอาหารเถอะครับ มันจะช่วยให้สัมผัสถึงรสชาติของวัตถุดิบทุกอย่างได้ ถ้ายกมือถือขึ้นมาถ่ายรูป รสชาติจะเปลี่ยนไป”