“ฮ่าๆ เสี่ยวอ้าวชวาง” คามิลล์ยิ้มแล้วมองหูขนาดใหญ่บนหัวของชีอ้าวชวางอดไม่ได้ที่จะเอื้อมมือไปแตะมัน พอเห็นหน้าของชีอ้าวชวางเริ่มไม่พอใจ เขาก็เอามือออกแล้วพูดต่อ “เจ้าพูดถูก ผู้ชายคนนี้ไม่ได้ดูสงบอย่างที่เห็นหรอก”
“เขาคิดจะทำอะไร?” ชีอ้าวชวางขมวดคิ้ว
“เดาสิ” คามิลล์พูดอย่างสบายๆ แล้วหางตาเขาก็เหลือบไปเห็นห้องใต้หลังคาที่อยู่อีกฝั่งถนน ด้านหลังม่านหนาทึบของหน้าต่างชั้นบนนั้นมีคนยืนมองพวกเขาอยู่อย่างไม่ละสายตา
“ว่านเฟิงหลิวอยากจะเป็นราชาอสูรปีศาจผู้ยิ่งใหญ่หรือ?” ชีอ้าวชวางขมวดคิ้วแล้วสรุปสิ่งต่างๆ ที่รวบรวมได้ออกมาแบบนี้
“ก็อาจจะ เหอะๆ” คามิลล์ตอบอย่างลวกๆ
ชีอ้าวชวางพูดช้าๆ “เขารู้ดีว่าท่านแข็งแกร่งมากเลยอยากให้ท่านเข้าร่วมการประลองเพื่อดึงดูดความสนใจจากทุกคน นอกจากนี้เขายังมองออกด้วยว่าท่านสนใจตำแหน่งราชาอสูรปีศาจผู้ยิ่งใหญ่ ดังนั้นเขาจึงหวังจะยืมมือของท่านไปช่วยกำจัดคู่แข่งที่แข็งแกร่งเหล่านั้น สุดท้ายก็จะให้แพ้ให้กับเขา?” ชีอ้าวชวางรู้สึกขำเล็กน้อย ว่านเฟิงหลิวมีความคิดที่ดี ข้อมูลเชิงลึกก็ดีเช่นกัน เขามองออกว่าคามิลล์สนใจตำแหน่งราชาอสูรปีศาจผู้ยิ่งใหญ่นี้และพูดยืนยันว่าทุกคนมีมูลค่าในตัวเอง หากเรื่องนี้ไปอยู่ที่คนอื่น ว่านเฟิงหลิวก็อาจประสบความสำเร็จก็ได้ อย่างไรเสียการที่เขามีบทบาทอยู่ในโลกอสูรปีศาจได้ก็ต้องมีเหตุผล แต่เขาควรหาของแลกเปลี่ยนบางอย่างที่ทำให้น่าสนใจสักหน่อย น่าเสียดายที่เขามาถูกใจคามิลล์
คามิลล์…คนอย่างคามิลล์ไม่มีใครอ่านเขาได้ทะลุปรุโปร่งหรอก รวมทั้งตัวนางเองด้วย ชีอ้าวชวางหันไปมองคามิลล์ที่มีรอยยิ้มอ่อนโยนข้างๆ คนคนนี้แม้ในตอนที่เขายิ้มก็ไม่ได้หมายความว่าเขากำลังมีความสุขอยู่จริงๆ หรอก นี่อาจเป็นแค่นิสัยเคยชินของเขา หรืออาจเป็นการปกปิดก็ได้ คนอย่างเขาต้องการอะไรกันแน่นะ?
หรือว่า…เขาไม่ต้องการอะไรเลย
“เสี่ยวอ้าวชวาง ในอีกไม่กี่วันก็จะเป็นงานประลองแล้ว เจ้าก็เตรียมพร้อมสิ เราจะไปเข้าร่วมการประลองนี้กัน” คามิลล์พูดด้วยรอยยิ้ม
“อื้ม” ชีอ้าวชวางตกลงอย่างเรียบง่าย จุดประสงค์ของการมาที่นี่ของนางตอนนี้ชัดเจนแล้วว่ามาเพื่อปกป้องโลกมนุษย์ ไม่ว่าจะใช้วิธีใดก็ตาม
ที่โลกมนุษย์มีคนที่นางรักและห่วงใยอยู่
หากต้องกลับก็จะต้องกลับ…
แผ่นหลังของชีอ้าวชวางและคามิลล์ค่อยๆ ไกลออกไป จนหายไปที่สุดถนน
ด้านหลังม่านหนาทึบนั้น มีดวงตาสีเข้มคู่หนึ่งเต็มไปด้วยความโหยหา ดวงตาของเขายังคงมองอยู่ที่ทิศทางที่ชีอ้าวชวางเดินหายไป
คนที่ยืนอยู่หลังม่านไม่ใช่ใครอื่น แต่เป็นเฟิงอี้เซวียนนั่นเอง
“คนไปตั้งนานแล้วยังจะมองทำบ้าอะไรอีก” เสียงที่ไม่พอใจดังมาจากด้านหลังของเฟิงอี้เซวียน ผู้พูดก็คือนายน้อยนั่นเอง นายน้อยกัดผลไม้เข้าไปแล้วคายเม็ดมันออกมา
เฟิงอี้เซวียนไม่ได้หันกลับไปแต่พูดอย่างแผ่วเบา “เป็นสาวเป็นนาง อย่าพูดหยาบคาย”
“ก็ข้าชอบพูดแบบนี้ จะทำไม?” นายน้อยกัดผลไม้ในมืออย่างแรงระบายความโกรธไปด้วย ดวงตาของนางก็มีประกายไฟอยู่ด้วย
เฟิงอี้เซวียนค่อยๆ หันกลับมามองนายน้อยอย่างเย็นชา แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร
นายน้อยสบตาเฟิงอี้เซวียนดวงตาของนางเหม่อลอย กัดผลไม้ช้าลงแล้วหันหน้าหนีอย่างไม่เป็นธรรมชาติ
เฟิงอี้เซวียนยังคงไม่พูดอะไร ยังคงมองนายน้อยอย่างเย็นชา
“เฮ้อ ข้าผิดเอง” นายน้อยบุ้ยปากและพึมพำอย่างอ่อนแรง
เฟิงอี้เซวียนกลอกตาและเดินไปที่ประตู ตอนที่เขาเดินผ่านนายน้อย คำพูดเย็นชาก็ลอยเข้ามาในหูของนายน้อย “จำไว้ว่าอย่าคิดทำร้ายนาง เจ้าน่าจะรู้นิสัยของข้าดีนะ”
หลังจากที่เฟิงอี้เซวียนพูดคำเหล่านี้เขาก็เดินไปโดยไม่หันกลับมามองอีก
“อะไร อะไรกัน ฮะ?” นายน้อยเด้งตัวขึ้นราวกับไฟเผาก้นอยู่ “ข้าทำอะไร ข้าไม่ได้ทำอะไรสักหน่อย ทำไมต้องมาดุใส่ข้าขนาดนี้ด้วย?”
“เจ้าควรจะดีใจที่คนยื่นมือไปหยุดเจ้าคืนนั้นเป็นเขา” เสียงเยือกเย็นของเฟิงอี้เซวียนดังขึ้นอย่างแผ่วเบา ตัวคนไม่อยู่แล้ว แต่ลมหายใจอันตรายที่ทำให้หัวใจสั่นไหวในน้ำเสียงนั้นชัดเจนมาก
นายน้อยยืนอึ้งอยู่คนเดียวในห้อง นางกัดริมฝีปากตัวเองอย่างแรง นางเข้าใจคำพูดของเฟิงอี้เซวียนเป็นอย่างดี และนางก็รู้จักนิสัยของเฟิงอี้เซวียนเป็นอย่างดีเช่นกัน ตอนนี้นายน้อยรู้สึกกลัวอยู่ในใจ เขาพูดเช่นนี้แสดงว่าในคืนนั้นแท้จริงแล้วเขาไม่ได้ไปไหนไกลเลย เขาเห็นทุกอย่าง เห็นว่าตนเองขู่นาง และเห็นว่าตนเองเกือบจะโจมตีนางด้วย
นายน้อยตัวสั่น ใช่ คืนนั้นโชคดีจริงๆ ที่อสูรปีศาจตนนั้นยื่นมือมาหยุดนางไว้ เพราะถ้าเฟิงอี้เซวียนยื่นมือมาเองก็คงจะไม่เป็นเพียงการเตือนแน่ๆ แล้วความสัมพันธ์ระหว่างนางกับเฟิงอี้เซวียนก็จะ…
อ๊าก…นายน้อยจิกผมตัวเองแล้วอยากจะตะโกนขึ้นฟ้าด้วยความกลุ้มใจ
เจ้าของเล่นที่สมควรตายนี่ ช่างน่ารำคาญจริงๆ! หากรู้ว่านางจะมีผลกระทบต่อเขาขนาดนี้ รู้อย่างนี้นึ่งนางตั้งแต่ตอนที่อยู่ที่นั่นก็ดี
แต่ตอนนี้มันสายเกินจะพูดอะไรแล้ว
ว๊ากกกกกก! เกลียด หงุดหงิด โมโหเว้ย…
นายน้อยกลอกตาอย่างไม่มีความสุข ในเมื่อนางได้เห็นการกระทำทั้งหมดของเขาในคืนนั้นแล้วก็ไม่มีทางอื่นแล้ว
คงทำแค่ได้แบบนี้…
นายน้อยถอนหายใจยาวแล้วออกไปอย่างหดหู่
อีกไม่กี่วันก็จะเข้าร่วมการประลองแล้ว และคามิลล์ก็จัดการลงชื่อเสร็จสิ้นแล้วด้วย การเข้าร่วมนั้นง่ายมาก เพียงแค่จ่ายเหรียญทองและรับป้ายมา พอเวลาจะเข้าสนามก็ฟังกติกาก็จบแล้ว
หนึ่งคืนก่อนเริ่มการประลอง ชีอ้าวชวางได้เจอคนคุ้นเคยที่ไม่ได้เจอกันมานาน
เขาก็คือซือคงหลิน ชายชราแปลกประหลาดคนนั้น บางทีอาจจะต้องบอกว่าเขาคือปรมาจารย์ที่มีชื่อเสียงอีกคนของนาง
ชายชราแปลกประหลาดคนนี้เพิ่งจะปรากฏตัวขึ้นที่หัวเตียงของชีอ้าวชวางและลอยค้างอยู่อย่างนั้นเงียบๆ ข้างๆ เขาก็คือสาวงามร่างสีทองผู้นั้น
เดิมทีชีอ้าวชวางกำลังหลับอยู่ แต่พอรู้สึกแปลกๆ ก็เลยลืมตาขึ้นและเห็นซือคงหลินลอยอยู่บนหัวของนางโดยไม่แสดงท่าทีใดๆ เขานั่งขัดสมาธิแล้วลอยอยู่แบบนั้น ช่างเป็นภาพที่แปลกจริงๆ
ชีอ้าวชวางมองชายชราที่ลอยอยู่เหนือหัวของนางและแอบด่าในใจ ไร้ยางอายมาก เข้ามาปรากฏตัวที่นี่ในตอนที่คนอื่นกำลังหลับอยู่อย่างไม่มีความเกรงใจ ถึงอย่างไรเพศของนางก็คือผู้หญิงนะ
“ดีมาก ข้ายอมรับเจ้าเป็นศิษย์ของข้า” ซือคงหลินฮึมฮัมประโยคนี้ออกมา
“เหอะ” ชีอ้าวชวางเหลือบมองชายชราที่ลอยอยู่บนหัวและส่งเสียงฮัดฮัด
“เจ้าควรจะร้องไห้อย่างซาบซึ้งแล้วเข้ามาทำความเคารพอาจารย์สิ” ซือคงหลินพูดอย่างเศร้าหมอง
“โอ้ ท่านอาจารย์ ฮือๆๆๆ” ชีอ้าวชวางคร่ำครวญอย่างให้ความร่วมมือ แต่ไม่ได้ลุกขึ้นมานั่งเพราะตอนนี้นางใส่ชุดนอนบางๆ ที่มีผ้าห่มคลุมอยู่ แน่นอนว่าคงลุกขึ้นไปร้องไห้กอดแข้งกอดขาซือคงหลินไม่ได้หรอก แต่ว่าความแข็งแกร่งของชายชราผู้นี้น่ากลัวมาก ไม่ควรที่จะไปยั่วยุเขา จึงต้องให้ความร่วมมือสักหน่อย
ใบหน้าของซือคงหลินดูไม่พอใจเลย เห็นได้ชัดว่าการกระทำที่ทำแบบลวกๆ ของชีอ้าวชวางทำให้เขาไม่พอใจมาก
“ท่านอาจารย์ ท่านตามมาถึงโลกอสูรปีศาจที่ไกลขนาดนี้มีเรื่องอะไรหรือ?” ชีอ้าวชวางเห็นสีหน้าของซือคงหลินไม่พอใจจึงรีบเปลี่ยนเรื่องอย่างรวดเร็ว
“อย่างไรเจ้าก็เป็นศิษย์เพียงคนเดียวของข้า ต่อไปเจ้าจะมีสิทธิ์แค่ฆ่าคนอื่นเท่านั้น จะถูกคนอื่นฆ่าไม่ได้เด็ดขาด” ซือคงหลินตะคอกอย่างเย็นชาและพูดอย่างมีอำนาจ
พอชีอ้าวชวางได้ยินก็รู้สึกมีความสุขขึ้นมา ความหมายในประโยคนี้ชัดเจนมากแล้วว่าซือคงหลิน ชายชราที่แปลกประหลาดผู้นี้จะคอยปกป้องนาง ความหมายก็คือไม่ว่านางจะถูกหรือผิด นางก็รังแกคนอื่นได้เท่านั้น จะต้องไม่ถูกคนอื่นรังแก
“ท่านอาจารย์ผู้ชาญฉลาด ท่านอาจารย์ผู้ทรงพลัง” คำเยินยอของชีอ้าวชวางค่อนข้างไม่มีอะไร อย่างไรเสียซือคงหลินก็ไม่ตอบสนองต่อการประจบสอพลอหรอก
“นี่สำหรับเจ้า มันเพิ่มพลังเวทของเจ้าได้” ซือคงหลินไม่สนใจคำเยินยอของชีอ้าวชวางแล้วสะบัดนิ้ว จากนั้นลูกบอลสีแดงขนาดเล็กก็ถูกยิงเข้าไปในร่างกายของชีอ้าวชวาง มันไม่รู้สึกอะไรเลย ชีอ้าวชวางกะพริบตา ลูกบอกที่เข้าสู่ร่างกายไปไม่มีอะไรผิดปกติเลย ซือคงหลินไม่รอให้ชีอ้าวชวางตอบสนองอะไร เขาโบกมืออีกครั้ง ส่งของบางอย่างที่คล้ายกับเศษเหล็กออกไปจนเกือบจะชนเข้ากับตัวของชีอ้าวชวาง
“นี่มันอะไรกัน?” ชีอ้าวชวางยื่นมือออกมาไปเศษเหล็กประหลาดนั้นแล้วถามอย่างสงสัย
“เจ้าคิดว่ามันเป็นอะไรมันก็เป็นสิ่งนั้นแหละ” ซือคงหลินตะคอกอย่างเย็นชาและพูดอย่างเหยียดหยาม “ดูเหมือนที่ตัวเจ้าจะมีดาบห่วยๆ อยู่นะ เอามันออกมา”
ชีอ้าวชวางสงสัยอยู่ในใจ แต่ก็ยังเอาดาบชังหลันออกมาจากแหวนมิติตามที่บอก ใครจะรู้ว่าทันทีที่เอาดาบชังหลันออกมา เศษเหล็กนั้นก็พุ่งไปเกาะดาบชังหลันไว้แน่น จากนั้นเศษเหล็กนั้นก็ค่อยๆ เปลี่ยนรูปร่างไปห่อหุ้มดาบชังหลันไว้แล้วดาบชังหลันก็กำลังหายไปอย่างช้าๆ!
เศษเหล็กนั้นกำลังกลืนกินดาบชังหลัน!
“นะ นี่มันคืออะไร?” ชีอ้าวชวางถามด้วยความประหลาดใจและพยายามขูดเศษเหล็กแปลกๆ นั้นออก แต่มันไม่ได้ผลเลย ชีอ้าวชวางรู้สึกร้อนใจ ล้อเล่นอะไรกัน ดาบชังหลันจะถูกทำลายด้วยวิธีนี้หรือ ถ้าลูกพี่ลูกน้องมารู้เข้านางต้องแย่แน่!
“เจ้าคิดว่ามันเป็นอะไรมันก็เป็นสิ่งนั้นแหละ” ซือคงหลินพูดอย่างอธิบายไม่ถูก จากนั้นก็เหลือบมองอย่างเย็นชา “เจ้าถึงขั้นที่สิบสองแล้ว สิ่งที่ข้าจะบอกเจ้าเพียงอย่างเดียวก็คือ จงใช้พลังของดวงอาทิตย์มาช่วยเจ้าในการฝึกขั้นต่อไป มันจะต้องเป็นพลังที่ร้อนแรงที่สุดด้วยนะ”
ซือคงหลินทิ้งประโยคนี้ไว้และหายตัวไปเลยอย่างเงียบๆ เหมือนกับตอนที่เขามา
ชีอ้าวชวางตะลึง นางมองเศษเหล็กที่ยังคงกลืนดาบชังหลันอย่างไร้ยางอายนั้น เจ้าเศษเหล็กนี้ ทำอย่างไรก็หยุดพฤติกรรมของมันไม่ได้เลย
นี่มันคืออะไรกันแน่?
ไม่ช้าเศษเหล็กชิ้นนั้นก็กลืนดาบชังหลันไปจนหมด จากนั้นมันก็กลายเป็นเหมือนเดิมแล้วอยู่ตรงนั้นอย่างเงียบๆ