ตอนที่ 405 ลากออกไปทิ้ง! + ตอนที่ 406 กองทหารรักษาพระองค์เคลื่อนพล!

เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า

ตอนที่ 405 ลากออกไปทิ้ง!

“เหอะๆ…”

เฟิ่งจิ่วหัวเราะเบาๆ มองรัชทายาทเนี่ยเถิงที่จมูกช้ำหน้าบวมร่างสะบักสะบอม บอกด้วยอารมณ์อิ่มเอมว่า “แต่ช่วงนี้ข้าไม่ค่อยได้ลงมือแล้ว ดังนั้นเจ้ายังรอดพ้นไปได้”

เธอลุกยืนขึ้นปัดๆ กระโปรงบนตัว เอ่ยกับพวกฉีคังว่า “ส่งเจ้าบ้ากามที่แอบอ้างเป็นรัชทายาทแคว้นเหินเวหาผู้นี้ไปวังหลวงให้ผู้ครองแคว้นลงโทษเสีย!”

“ขอรับ!” พวกเขาขานรับ ลากเนี่ยเถิงขึ้นมาและคลุมถุงกระสอบที่ดึงออกลงบนศีรษะใหม่ ก่อนจะพาเขาไปส่งยังพระราชวัง

รอจนพวกเขาออกไปแล้ว กวนสีหลิ่นข้างๆ ถึงจะเอ่ยปากถาม “เสี่ยวจิ่ว เขาคือเนี่ยเถิงรัชทายาทแคว้นเหินเวหา? เจ้าเคยพบเขามาก่อนรึ”

ว่าแล้วทำไมรัชทายาทแคว้นเหินเวหาถึงรู้จักนาง ที่แท้พวกเขาเคยพบกันข้างนอก มิน่าถึงมาหาถึงที่

“เจอกันระหว่างทางกลับมาครั้งก่อน เคยมีวาสนาได้พบหน้า”

เธอยิ้มอย่างช่วยไม่ได้ “ตอนนั้นแค่รู้ว่าคนคนนี้ฐานะคงไม่ธรรมดา แต่ไม่นึกว่าจะเป็นรัชทายาทแคว้นเหินเวหา หากตอนนั้นเขาคิดร้ายต่อข้า เดาว่าคงโดนข้าจัดการอย่างไร้ร่องรอยไประหว่างทางแล้ว”

สีหน้าเธอเผยความแปลกใจอยู่บ้าง ไม่นึกว่ารัชทายาทแคว้นเหินเวหาจะเป็นคนที่ครั้งนั้นเคยพบกันระหว่างทาง แต่สมองเขามีปัญหาหรือไร ตอนนั้นโดนจัดการจนล้มยังกล้าตามสืบข่าวและคิดจะแต่งเธอเป็นชายารองอีก? ไม่กลัวจะโดนเธอตอนเข้าสักวันรึไง?

“ซ้อมเขาไปชุดหนึ่ง เกรงว่าเดี๋ยวยาหมดฤทธิ์ได้ลงมือกับจวนตระกูลเฟิ่งแน่” กวนสีหลิ่นขมวดคิ้ว กังวลอยู่บ้าง เดิมนึกว่าคนที่มาคงเป็นลูกน้ององค์รัชทายาท กลับไม่นึกว่าจะเป็นเขาเสียเอง ครั้งนี้เรื่องใหญ่แล้ว ซ้อมรัชทายาทแคว้นเหินเวหาเสียจนจมูกช้ำหน้าบวม จะไม่เกิดเรื่องได้หรือ?

เฟิ่งจิ่วส่งเสียงหัวเราะเบาๆ เห็นหน้าเขาเคร่งเครียดจึงตบๆ ไหล่ บอกว่า “พี่ชายข้า กังวลไปก็เปล่าประโยชน์ อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด ซัดก่อนค่อยว่ากัน พวกเราไม่เสียเปรียบหรอก เอาละ ท่านกลับไปก่อนเถอะ ที่นี่ไม่มีเรื่องอะไรแล้ว” เธอโบกๆ มือ ให้สัญญาณเขากลับไปในจวน

“อืม มีอะไรก็เรียกข้า” เขาพยักหน้า จากนั้นจึงออกไป ในใจกำลังคิดว่าพรุ่งนี้จะไม่ไปตลาดมืดแล้วเข้ามาดูก่อนเสียหน่อย

ส่วนภายในพระราชวัง เพราะการจากไปของเนี่ยเถิงงานเลี้ยงจึงเลิกราเสียก่อน ผู้คนกลับไปกันเกือบหมดแล้ว แม้แต่ผู้ครองแคว้นยังเตรียมตัวกลับตำหนัก ทว่าในเวลานี้เอง ทหารอารักขาคนหนึ่งวิ่งมาอย่างร้อนรน

“ผู้ครองแคว้น คนตระกูลเฟิ่งส่งชายคนหนึ่งมา บอกว่าคนผู้นั้นบุกรุกจวนยามวิกาล ซ้ำยังแอบอ้างเป็นรัชทายาทแคว้นเหินเวหา ด้วยเหตุนี้จึงส่งคนมาให้ท่านลงโทษพ่ะย่ะค่ะ”

ผู้ครองแคว้นที่เดิมทีอารมณ์ไม่ดีนักได้ยินเช่นนี้ จึงตะโกนบอกโดยไม่พูดมากความ “ลากออกไปทิ้งเดี๋ยวนี้!” สิ้นเสียงก็สะบัดแขนเสื้อจะไปยังตำหนัก ทว่าเดินไปไม่กี่ก้าวก็หยุดฝีเท้าลงแล้วหันกลับมาทันใด

“เมื่อครู่เจ้าบอกว่าคนคนนั้นบุกรุกจวนตระกูลเฟิ่งยามวิกาล และแอบอ้างเป็นรัชทายาทแคว้นเหินเวหารึ”

“พะ พ่ะย่ะค่ะ” ทหารอารักขาที่เตรียมจะถอยออกไปคนนั้นตกใจกับการหันกลับมากะทันหันของเขา เสียงพูดจึงสั่นเทาน้อยๆ

“คนอยู่ไหน? นำทางไป!”

เขาแผดเสียง สื่อนำให้ทางไป ทหารอารักขาทำได้เพียงขานรับและพาเขาไปด้านนอก

ทว่าเมื่อมาถึงด้านนอก กลับเห็นว่ายามนี้คนที่เดิมถูกคลุมศีรษะด้วยถุงกระสอบและโดนกดอยู่บนพื้นลุกขึ้นยืนแล้ว กำลังปัดดินบนตัว ข้างกายมีทหารอารักขาสองสามคนที่ล้มหมดสติไปแล้ว

“ช่างกล้านัก เจ้า…” ทหารอารักขาตะโกน ดึงกระบี่คู่กายตรงข้างเอวออกมาจะลงมือ แต่ถูกผู้ครองแคว้นด้านหลังเรียกไว้

“บังอาจ! นั่น นั่นคือรัชทายาทแคว้นเหินเวหา!”

………………………………………………….

ตอนที่ 406 กองทหารรักษาพระองค์เคลื่อนพล!

เมื่อเอ่ยออกไป เห็นใบหน้าบวมช้ำนั้นเงยขึ้นมา ร่างกายเขาก็แข็งเกร็ง เบิกตาโตด้วยความตกตะลึง อ้าปากกว้างทั้งสีหน้ายากจะเชื่อ “ใคร ใครบังอาจทำร้ายองค์รัชทายาทจนเป็นเช่นนี้?”

นี่ นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ทำไมเขาถึงถูกทำร้ายเสียจนมีสภาพนี้ นะ ในแคว้นแสงสุริยันที่ใหญ่โตนี้ ใครกันจะกล้าทำร้ายเขา?

จู่ๆ ก็นึกถึงคนตระกูลเฟิ่งอย่างที่อธิบายไม่ได้ ผิวหนังเขาเกร็งแน่น ถามเสียงสั่นเครือว่า “ฝ่าบาท เป็นฝีมือคนจวนตระกูลเฟิ่งหรือ?”

เนี่ยเถิงชำเลืองมองเขา หมุนตัวออกไปโดยไม่พูดอะไรเลย เพียงทิ้งให้ผู้ครองแคว้นที่โกรธระคนตกใจยืนอยู่ที่เดิม

จนกระทั่งมองไม่เห็นร่างเนี่ยเถิง ผู้ครองแคว้นพลันได้สติกลับมา ตะโกนใส่ทหารอารักขาข้างๆ “เกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่ จงบอกข้าให้ชัดเจน!”

ทหารอารักขาคนนั้นคุกเข่าลงบนพื้นเสียงดังตุบ กล่าวเสียงสั่นว่า “ระ รัชทายาทแคว้นเหินเวหาบุกรุกจวนยามวิกาล คนจวนตระกูลเฟิ่งคิดว่าเป็นมือสังหารจึงจับตัวมาขอรับ”

“จวนตระกูลเฟิ่งนี่ช่างบังอาจนัก!”

เขาตะโกนลั่นอย่างโกรธเกรี้ยว “ทหาร! ไปจับคนที่ทำร้ายรัชทายาทแคว้นเหินเวหาจากจวนตระกูลเฟิ่งมา!”

ผู้ครองแคว้นโกรธจัด สั่งให้ทหารรักษาพระองค์ไปจวนตระกูลเฟิ่งแล้วจับคนมา หนึ่งคือเพื่อให้รัชทายาทแคว้นเหินเวหาเห็นท่าทีเขาและมอบหมายงานให้ สองคือให้คนของตระกูลเฟิ่งเห็นชัดเจนว่าเวลานี้พวกเขาไม่เหมือนเมื่อก่อนอีกแล้ว! หากยังกล้ากำเริบเสิบสานเช่นนี้อีก เขาจำต้องถอนรากถอนโคนตระกูลเฟิ่งเสีย!

เพราะมีบัญชานี้ลงมา ท่ามกลางค่ำคืน กองทหารรักษาพระองค์จำนวนมากจึงออกจากพระราชวังไปยังจวนตระกูลเฟิ่งอย่างรวดเร็ว เมื่อทหารหลายกองที่สวมชุดเครื่องแบบทหารรักษาพระองค์เหมือนๆ กันเร่งฝีเท้ามุ่งไปยังทิศทางจวนตระกูลเฟิ่ง แน่นอนว่ากลุ่มอำนาจแต่ละฝ่ายในเมืองย่อมตื่นตกใจ

แต่ละตระกูลได้ยินเรื่องนี้ต่างพากันประหลาดใจและรู้สึกตะลึง มีเรื่องอะไรถึงต้องรีบจัดการในคืนเดียว? ซ้ำยังสั่งให้ทหารมากมายไปจวนตระกูลเฟิ่งกลางค่ำกลางคืนอีก? จะทำอะไรกัน?

แม้บอกว่าตระกูลไม่น้อยในเมืองกำลังเฝ้าชมเรื่องสนุก รอที่จะเห็นตระกูลเฟิ่งล่มสลาย แต่ยังมีตระกูลที่เที่ยงธรรมอีกไม่น้อยรับไม่ได้กับวิธีการของราชวงศ์ คนตระกูลเฟิ่งเป็นเช่นไรพูดได้เลยว่าคนทั้งเมืองอวิ๋นเยวี่ยไปจนถึงทั่วแคว้นแสงสุริยันต่างรู้ดี นั่นคือวงศ์ตระกูลที่ปกปักแคว้นนี้ด้วยความจงรักภักดี ไม่ว่าผู้เฒ่าเฟิ่งหรือเฟิ่งเซียวล้วนเป็นนักรบที่ซื่อสัตย์ อาจหาญกล้าตาย!

พวกเขาพาองครักษ์ตระกูลเฟิ่งออกไปคุ้มกันแคว้นแสงสุริยันจากอันตรายมาเท่าไหร่ ในใจพวกเขารู้ดีอย่างยิ่ง หากไม่มีพวกเขาคอยพิทักษ์ แสงสุริยันแคว้นเล็กระดับเก้านี้คงโดนแคว้นอื่นยึดไปนานแล้ว ตอนนี้ไหนเลยจะยอมให้มู่หรงป๋อกลั่นแกล้งคุณหนูใหญ่ตระกูลเฟิ่งที่ยามนี้เหลือตัวคนเดียว?

ตระกูลเกิ่งหนึ่งในตระกูลใหญ่เมืองอวิ๋นเยวี่ยกำลังพูดคุยกันในห้องโถงใหญ่ แม้เป็นกลางดึก ยามนี้กลับมีคนนั่งเต็มไปหมด

วันนี้ผู้เฒ่าเกิ่งเพิ่งออกจากการเก็บตัวฝึกบำเพ็ญ แต่หลังจากได้ยินเรื่องราวช่วงนี้ก็เรียกทุกคนในตระกูลมาคุยกันที่นี่ ตอนนี้ได้ยินเรื่องคืนนี้แล้ว มือใหญ่ตบลงบนโต๊ะอย่างรุนแรง เกิดเสียงดังสนั่น ผู้คนในห้องโถงสะดุ้งเสียจนใจหล่นวูบ ต่างมองไปยังคนตรงตำแหน่งผู้อาวุโส

เห็นแต่ใบหน้าชราที่เต็มไปด้วยริ้วรอยของผู้เฒ่าเกิ่งยามนี้มีแต่ไฟโทสะ แม้เสียงจะแหบแห้งกลับมีอารมณ์อยู่เต็มเปี่ยม ไม่เข้ากับอายุเขาเลยสักนิด “มู่หรงป๋อคนนี้จะรังแกกันเกินไปแล้ว! ยามนี้ยังไม่รู้เบาะแสผู้เฒ่าเฟิ่ง เฟิ่งเซียวหมดสติไม่ฟื้น เหลือเพียงแม่หนูตระกูลเฟิ่งคนเดียว แต่มู่หรงป๋อตัวเป็นผู้ครองแคว้น ไม่ปกป้องกลับเหยียบซ้ำ นี่เป็นการกระทำเยี่ยงคนพาลชัดๆ!”

ทุกคนเบื้องล่างไม่กล้าปริปาก เพราะในเวลานี้ตระกูลเกิ่งพวกเขาก็เฝ้ามองโดยรักษาท่าทีของผู้ชมมาโดยตลอด ยามนี้ได้ยินคำพูดท่านผู้เฒ่า เหมือนว่า…อยากจะเข้าไปยุ่งเรื่องวุ่นวายของตระกูลเฟิ่งกับราชวงศ์ด้วย?