ตอนที่ 407 ตระกูลเกิ่งออกหน้า + ตอนที่ 408 ตะลึงความงามในยามค่ำคืน!

เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า

ตอนที่ 407 ตระกูลเกิ่งออกหน้า

ว่ากันว่าผู้เฒ่าเกิ่งกับผู้เฒ่าเฟิ่งเป็นสหายเก่าแก่ที่คบหากันมาหลายปี แต่พวกเขาคนรุ่นหลังไม่เห็นทั้งสองไปมาหาสู่ เพราะเวลาส่วนใหญ่ท่านผู้เฒ่าเก็บตัวฝึกบำเพ็ญ พวกเขาก็ไม่กล้านำเรื่องพวกนี้ไปรบกวน แต่ยามนี้ดูเหมือนเจตนาเขาคือต้องการออกหน้าแทนตระกูลเฟิ่ง?

ชายวัยกลางคนที่นั่งตรงตำแหน่งรองอาวุโสครุ่นคิดพักหนึ่ง มองยังผู้เฒ่าที่ตำแหน่งอาวุโส เอ่ยเสียงทุ้มว่า “ท่านพ่อ ตามที่ข้ารู้มา ช่วงนี้มู่หรงป๋อกำลังผลักดันให้บางตระกูลกดดันจวนตระกูลเฟิ่ง เหมือนคิดจะรวบองครักษ์ตระกูลเฟิ่งมาใช้เสียเอง แต่ว่ารัชทายาทแคว้นเหินเวหามาถึงพอดี เรื่องนี้จึงถูกพับไว้ยังไม่จัดการ หากพวกเราจะออกหน้าแทนตระกูลเฟิ่ง ลำพังอาศัยแค่ตระกูลเกิ่งเราเกรงว่ายังไม่พอ”

“งั้นเจ้าเห็นว่าอย่างไร?” ผู้เฒ่าเกิ่งมองลูกชายตัวเองพลางถามเสียงเนิบๆ

“ผู้นำตระกูลเฟิ่งล้มป่วย ประกอบกับการกดขี่จากมู่หรงป๋อ ยามนี้หลายตระกูลเลี่ยงตระกูลเฟิ่งได้ก็เลี่ยง แต่ยังมีตระกูลอื่นไม่เห็นด้วย โดยเฉพาะเมื่อผู้เฒ่าเฟิ่งกับเฟิ่งเซียวต่างเป็นนักรบผู้เที่ยงธรรม มีคนไม่น้อยได้รับความเมตตาจากพวกเขา หากให้พวกเขาออกหน้าเสียเอง คงต้องล่าถอยเพราะไม่มีกำลังจะต่อต้านราชวงศ์ ทว่าหากมีตระกูลเกิ่งเรานำหน้า ข้ากล้ายืนยันว่าพวกเขาจะก้าวออกมาโดยไม่อาจปฏิเสธได้แน่นอน”

ได้ยินเช่นนี้ ไม่เพียงผู้เฒ่าเกิ่งแอบพยักหน้า แม้แต่ทุกคนที่นั่งอยู่ด้านล่างดวงตาก็ยังเผยความชื่นชม

ถูกต้อง ไม่ต้องพูดถึงถิ่นอื่น เหล่ากลุ่มอำนาจตระกูลเล็กๆ ในเมืองอวิ๋นเยวี่ยก็มีคนไม่น้อยได้รับความกรุณาจากผู้เฒ่าเฟิ่งกับเฟิ่งเซียว หากพวกเขาต่อกรกับราชวงศ์ คงไม่มีกำลังถึงเพียงนั้นแน่นอน ด้วยเหตุนี้พวกเขาจึงไม่ออกหน้าและทำแค่แอบเฝ้ามอง

แต่หากมีตระกูลที่แข็งแกร่งนำหน้า พวกเขาจะก้าวออกมาช่วยอีกแรงอย่างไม่อาจปฏิเสธได้แน่! ตระกูลเกิ่งพวกเขาเป็นหนึ่งในตระกูลใหญ่ของเมืองอวิ๋นเยวี่ย แม้กำลังจะยังห่างชั้นจากตระกูลเฟิ่ง แต่หากร่วมมือกับตระกูลเล็กและกลุ่มอำนาจเล็กส่วนหนึ่ง ก็รวมตัวเป็นกลุ่มอำนาจใหญ่ได้เช่นกัน

ผู้เฒ่าเกิ่งพยักหน้า บอกว่า “ได้ เรื่องนี้เจ้าไปจัดการเสีย ตาเฒ่าเฟิ่งกับข้าเป็นเพื่อนร่วมเป็นร่วมตายกันมา ยามนี้เขาหายตัวไปไม่รู้เบาะแส ซ้ำเฟิ่งเซียวยังหมดสติไม่ฟื้น เหลือเพียงแม่หนูตระกูลเฟิ่งคนเดียวคอยรับมือ ตระกูลเกิ่งเราไม่ใช่คนไร้น้ำใจไร้คุณธรรมพวกนั้น เวลานี้ไม่อาจนิ่งดูดายได้ มิเช่นนั้นต่อให้คนอื่นไม่พูด มโนธรรมของพวกเราก็คงละอายใจยิ่ง”

“ขอรับ ท่านพ่อวางใจเถอะ ข้ารู้ว่าต้องทำเช่นไร”

ผู้นำตระกูลเกิ่งขานรับเสียงเข้ม สั่งการให้คนเบื้องล่างส่วนหนึ่งไปติดต่อตระกูลอื่นๆ อีกส่วนเตรียมไปดูที่ตระกูลเฟิ่งเสียหน่อย ดึกดื่นมืดค่ำเช่นนี้มู่หรงป๋อคิดจะทำอะไรกันแน่?

องครักษ์ตระกูลเฟิ่งที่กระจายตัวอยู่แต่ละจุดในเมืองอวิ๋นเยวี่ยเห็นกองทหารรักษาพระองค์จำนวนมากเคลื่อนพลไปยังจวนตระกูลเฟิ่งกลางดึก ทุกคนต่างลอบตามไป แอบซ่อนในมุมมืด รอสถานการณ์ผิดปกติเมื่อใดก็จะสั่งลงมือ!

ภายในจวนตระกูลเฟิ่ง เฟิ่งจิ่วอาบน้ำเสร็จสวมเพียงชุดซับในนั่งอยู่ข้างโต๊ะหินในลานบ้าน ปล่อยให้เหลิ่งซวงช่วยบิดผมให้แห้ง ในมือกำลังถือหนังสืออ่าน รอผมแห้งแล้วจะไปพักผ่อน

“นายท่าน ได้แล้วเจ้าค่ะ” เหลิ่งซวงก้าวถอยออกไป ช่วยเธอรวบผมสีหมึกนุ่มสลวยขึ้นมา

“อืม” เธอขานรับ เก็บหนังสือในมือกลับเข้าห้วงมิติ หาวพลางเตรียมตัวจะกลับเรือนไปพักผ่อน ก็เห็นร่างหนึ่งลนลานเข้ามา

“นายท่าน กองทหารรักษาพระองค์มากมายล้อมจวนเราไว้แล้วขอรับ!”

………………………………………………….

ตอนที่ 408 ตะลึงความงามในยามค่ำคืน!

“หือ?”

ฝีเท้าที่เดินไปด้านในชะงักเล็กน้อย เฟิ่งจิ่วหันตัวกลับไปเลิกคิ้วมองยังผู้มาใหม่ ภายในดวงตามีประกายวาววับโลดแล่น ริมฝีปากแดงเผยอออกเบาๆ “กองทหารรักษาพระองค์ล้อมจวนเรา? คิดจะทำอะไรกัน”

“บอกให้พวกเราส่งตัวคนที่ทำร้ายรัชทายาทแคว้นเหินเวหาไปขอรับ” เห็นนางสวมเพียงชุดซับใน ฉีคังจึงรีบร้อนก้มหน้าลง

เหลิ่งซวงตอนนี้หยิบเสื้อคลุมจากด้านในออกมาสวมให้แล้ว เฟิ่งจิ่วรับช่วงผูกผ้าคาดเอวต่อเอง ส่วนเหลิ่งซวงใช้ผ้าผูกผมยกเส้นผมสีหมึกขึ้นรวบไว้หลวมๆ ให้ จัดระเบียบอย่างง่ายๆ เรียบร้อยก็ยืนเงียบอยู่ข้างๆ

“ไปเถอะ! ไปดูกันหน่อย” เธอจัดแจงเสื้อผ้าบนตัว เคลื่อนฝีก้าวเดินไปด้านนอก

“ขอรับ” ฉีคังขานรับและเร่งรีบตามไป

ด้านนอกจวนตระกูลเฟิ่งยามนี้ เหล่าทหารรักษาพระองค์ถือคบเพลิงล้อมทั้งจวนไว้ แสงไฟที่แผ่ออกมาจากคบเพลิงนั้นสว่างไสวไปทั่วบริเวณโดยรอบ สว่างราวกลางวัน นอกจากทหารรักษาพระองค์ประมาณสองกองที่ล้อมรอบจวน ยังมีอีกสองกองราวห้าสิบกว่าคนแยกกันยืนอยู่ซ้ายขวาของทางเข้าหลัก แต่ละคนเชิดหน้ายืดอกท่าทางขึงขัง

หัวหน้าคือสองผู้นำกองทหารรักษาพระองค์ สวมชุดเกราะสีเงิน ข้างเอวมีกระบี่ยาวประดับไว้ ทั่วร่างแผ่กลิ่นอายดุดัน หากมองโดยละเอียดยังเห็นความตื่นเต้นและดุร้ายเล็กน้อยจากท่าทีของพวกเขา

สำหรับการทำตามคำสั่งให้มาจับคนที่จวนตระกูลเฟิ่ง พวกเขาตื่นเต้นจากก้นบึ้งหัวใจ ตระกูลเฟิ่งเป็นเช่นไรพวกเขาต่างรู้ดี ทหารอารักขาเหล่านั้นที่ถูกเรียกว่าองครักษ์ประจำตระกูลเฟิ่ง แต่ละคนล้วนถูกยกย่องว่าเป็นทหารและผู้อารักขาที่โดดเด่นที่สุด พวกเขาอยากประลองฝีมือด้วยมานานแล้ว ก่อนหน้านี้ไม่มีโอกาส ตอนนี้มีโอกาสแล้วย่อมไม่ปล่อยไป

“คุณหนูใหญ่เฟิ่ง! ข้ารับคำสั่งจากผู้ครองแคว้น มาจับตัวคนที่ทำร้ายรัชทายาทแคว้นเหินเวหา! ขอคุณหนูใหญ่เฟิ่งโปรดส่งตัวมาด้วย!”

หนึ่งในสองผู้นำทหารเปล่งเสียงหนักแน่นที่แฝงกลิ่นอายพลังเร้นลับออกมา ดังชัดเจนเป็นพิเศษกลางค่ำคืน ครั้นเสียงนี้ดังขึ้น ผู้คนในจวนล้วนได้ยิน และทำให้ชาวบ้านที่ล้อมวงเข้ามาชมตกตะลึงยิ่ง

ทำร้ายรัชทายาทแคว้นเหินเวหา? ไม่ใช่กระมัง จริงหรือเท็จกันแน่

“บุก ทุบประตู!”

ผู้นำทหารคนนั้นให้สัญญาณ สั่งทหารสองคนเข้าไปทุบประตู ทว่าพวกเขาเพิ่งเดินหน้า มือที่ง้างขึ้นยังไม่ทันตบลง ก็เห็นประตูใหญ่จวนเปิดออกอย่างช้าๆ คุณหนูใหญ่ตระกูลเฟิ่งในชุดสีแดงปรากฏตัวภายในประตูบานนั้น ใบหน้างามล้ำ กลิ่นอายชั่วร้ายทรงเสน่ห์ ทำให้ทหารสองคนที่ยืนอยู่หน้าประตูมองตาค้างโดยฉับพลัน

เหลิ่งซวงที่ตามอยู่ข้างกายเฟิ่งจิ่วเห็นทหารสองคนนั้นจ้องมองนายท่านอย่างใหลหลง แววตาทั้งละโมบและตะลึงในความงาม จึงถีบทั้งสองกระเด็นไปทันที

“ไสหัวไป!”

เสียงเย็นชาที่หนาวเหน็บดั่งน้ำค้างแข็งเปล่งออกมาพร้อมความดุร้าย ทหารรักษาพระองค์ทั้งสองไม่อาจหลบได้เพราะมึนงง จึงรับลูกเตะนั้นไปอย่างจัง ก่อนจะโซเซทรุดนั่งลงบนพื้น

“เจ้า!”

สองคนที่ตั้งสติได้ลุกขึ้นอย่างโกรธเกรี้ยว ชักกระบี่ข้างเอวออกมาจะต่อสู้ แต่ได้ยินคุณหนูใหญ่เฟิ่งผู้งามเลิศทรงเสน่ห์เอ่ยปากจึงนิ่งชะงักลง

“เป็นอะไร คิดจะลงมือหน้าประตูจวนข้ารึ?”

เฟิ่งจิ่วที่สวมชุดแดงทั้งอวดดีและชั่วร้าย ดวงตางดงามหรี่ลงและมองผ่านคนพวกนั้นไป ใบหน้าพริ้มเพรามีความร้ายกาจสามส่วนกับความเกียจคร้านอีกเจ็ดส่วน กลางหว่างคิ้วมีรัศมีมั่นใจและเย็นเยียบกระจายออกมา ทำให้นายทหารสองคนนั้นก้มหน้าลงพลางก้าวถอยไปโดยไม่รู้ตัว ไม่กล้ามองตรงๆ

เมื่อเห็นร่างสีแดงแพรวพราวนั้น นัยน์ตาของเหล่าคนซึ่งมุงดูอยู่ไม่ไกลต่างเผยความตะลึงและหลงใหลที่ไม่อาจปิดบัง…