บทที่ 407 เซียวจื่อเซวียนผู้บ้าคลั่ง
เมื่อเซียวจื่อเซวียนได้ยินเสียงนั้น ก็มีท่าทีถมึงทึงในทันที
ก่อนหน้านี้ หลิงหลัวไม่เคยไปลานบ้านของอนุภรรยาเลยสักครั้ง และไม่เคยเรียกให้นางมาที่ลานบ้านของเขาแม้แต่ครั้งเดียว
เซียวจื่อเซวียนยืนตรงประตูขณะแอบฟังเสียงจากด้านใน
นางได้ยินหลิงหลัวพูดจาเกี้ยวพาราสีกับอนุภรรยาคนนั้น และนางยังนินทาเซียวจื่อเซวียนต่อหน้าเขาอีกด้วย
เซียวจื่อเซวียนได้ยินทุกถ้อยคำอย่างชัดเจน นางเพิ่งจะเข้าใจในตอนนั้นเอง ว่าจริงๆ แล้วหลิงหลัวไม่เคยรักนางเลย ตลอดเวลาที่ผ่านมา เขาเพียงหลอกใช้นางเท่านั้น
ในตอนที่หลิงหลัวต้องการป้ายนั่น เขาก็ยอมนางทุกอย่าง แต่เมื่อได้มันมาครองแล้ว เขาก็เขี่ยนางทิ้ง
‘หึ นั่นคือวิธีการที่หลิงหลัวใช้’
เซียวจื่อเซวียนหัวเราะเยาะตนเอง
“นายหญิง ท่านมาทำอะไรที่นี่ขอรับ” หมิงฟางเห็นนางยืนตรงประตู โดยมีสีหน้าว่างเปล่า เขาสงสัยว่าเหตุใดนางจึงไม่เข้าไปด้านใน
คำพูดของเขาทำให้หลิงหลัวที่อยู่ด้านในสะดุ้ง ก่อนจะเดินออกมาจากเรือน ทำให้เห็นเซียวจื่อเซวียนยืนอยู่ตรงประตูและนิ่งเงียบ เขาจึงเอ่ยขึ้นอย่างหมดความอดทน “เจ้ามาทำอะไรที่นี่”
‘นางมาทำอะไรที่นี่น่ะหรือ’ เซียวจื่อเซวียนมองหลิงหลัวด้วยแววตาว่างเปล่า ก่อนจะหัวเราะเยาะตนเองในทันที “หลิงหลัว ทุกอย่างในอดีตเป็นเพียงเรื่องโกหกใช่หรือไม่ ทั้งหมดเป็นเพราะว่าข้าเอาป้ายนั่นมาจากท่านพ่อ และยกมันให้ท่านใช่หรือไม่”
หลิงหลัวมองอีกฝ่ายด้วยแววตาหมดความอดทน “เจ้าพูดเรื่องอะไรกัน”
“ข้าพูดเรื่องอะไรน่ะหรือ หลิงหลัว จงจำสิ่งที่ท่านทำกับข้าไว้ให้ดี ข้าจะเอาคืนเป็นร้อยเท่า” เซียวจื่อเซวียนช่างโง่เขลานักที่เชื่อมั่นว่าชายผู้นี้รักนางอย่างจริงใจ ทั้งยังหลงเชื่อคำพูดของเขา แต่ทว่าตอนนี้ ดูเหมือนว่าทุกอย่างจะเป็นเพียงเรื่องตลก มันช่างเป็นตลกร้ายเสียจริงๆ
หลิงหลัวขมวดคิ้ว เขาต้องการจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ผู้เป็นภรรยาก็หมุนตัวจากไปแล้ว
หากยังอยู่ที่นั่นต่อ นางก็ไม่รู้ว่าตนเองจะลงมือทำอะไรไปบ้าง มันไม่ใช่เวลาที่เหมาะสม นางจึงรอคอยโอกาสที่ดีกว่านี้ เพื่อจะแก้แค้น
หลิงหลัวมองอีกฝ่ายเดินจากไป พร้อมกับรู้สึกไม่สบายใจอยู่ลึกๆ
“นายน้อยขอรับ…”
“ให้ใครสักคนจับตาดูนางไว้ อย่าให้เซียวจื่อเซวียนออกจากลานบ้านของนางแม้แต่ก้าวเดียว” หลิงหลัวครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง หากให้นางอยู่แต่ในบ้านคงจะดีกว่า ทุกอย่างจะได้ไม่มีปัญหา
ตอนนี้เซียวอี้หลินไม่สนใจนางอีกต่อไป และเขาเองก็ไม่ต้องกังวลเรื่องที่เซียวอี้หลินเข้าข้างนางอีกด้วย
หลังจากเซียวจื่อเซวียนกลับมายังลานบ้านของตน ดวงตาของนางก็ไร้ชีวิตชีวาและดูหมดอาลัยตายอยาก
“ท่านแม่ อย่าร้องไห้เลย” เสียงเด็กน้อยเรียกสตินางกลับคืนมา เซียวจื่อเซวียนมองลูกของตนก่อนยิ้มมุมปากบางๆ ไม่ว่าอย่างไร นางก็ยังมีลูกคนนี้ที่มีค่าต่อนาง
เซียวจื่อเซวียนเอื้อมมือไปคว้าเป่าเอ๋อร์มากอดแนบอก นางเอนศีรษะของตนซบไหล่เล็กๆ นั่น “แม่จะไม่ร้องแล้ว”
“ดีเลย ท่านแม่จะไม่ร้องไห้ ท่านแม่เป็นเด็กดีที่เชื่อฟัง” เซียวจื่อเซวียนเผลอหัวเราะออกมาเบาๆ ใบหน้าของนางเผยให้เห็นรอยยิ้มเล็กๆ
แม้ว่าเซียวจื่อเซวียนจะรู้ว่าลูกชายของตนมีปัญหาด้านพัฒนาการสมองอยู่บ้าง แต่เขาก็เป็นเด็กที่เฉลียวฉลาดมากทีเดียว ทำให้นางรู้สึกรักและเอ็นดูเขายิ่งนัก
หลังจากเซียวจื่อเซวียนออกมาจากลานบ้านของหลิงหลัว นางก็ไม่เคยถามถึงเขาอีกเลย เรื่องนี้ล้วนเป็นความอัปยศสำหรับนาง เตือนให้นางอับอายและละอายใจที่ทรยศผู้เป็นพ่อ
“เจ้าบอกว่าเซียวจื่อเซวียนมิได้สร้างปัญหาใดๆ และยังเล่นกับนายน้อยเล็กทุกวัน โดยมีสาวใช้อยู่ข้างกายเช่นนั้นหรือ” หลิงหลัวถามอย่างไม่เชื่อ
“ขอรับ”
หลิงหลัวขมวดคิ้ว เขาไม่เข้าใจว่าเซียวจื่อเซวียนคิดอะไรอยู่ เป็นไปได้หรือไม่ว่านางยอมปล่อยผ่านเรื่องนี้ไป ‘ไม่ นางไม่ใช่คนแบบนั้นแน่นอน’
“เราไปดูกันเถอะ”
เมื่อหลิงหลัวเข้ามา ก็เห็นว่าเซียวจื่อเซวียนกำลังเล่นอยู่กับลูกของนาง เขาจึงหรี่ตามองขณะเดินเข้าไป
“ท่านพ่อ…ท่านพ่อ…”
คำพูดของเด็กน้อยทำให้เซียวจื่อเซวียนขมวดคิ้ว ก่อนจะเห็นหลิงหลัวเดินเข้ามา และรู้สึกเย้ยหยันอยู่ในใจ “ท่านมาทำอะไรที่นี่”
“ข้ามาดูลูกชายของข้า เจ้ามีปัญหาอะไรหรือ” หลิงหลัวไม่รู้ว่าทำไมเขาจึงรู้สึกอึดอัดเช่นนี้ และยังรู้สึกไม่พอใจ เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายมองเขาอย่างขุ่นเคือง
เซียวจื่อเซวียนมองเขาโดยไม่พูดจา นางส่งลูกของตนให้กับข้ารับใช้ “พานายน้อยเข้าไปด้านในก่อน”
หลังจากข้ารับใช้สาวพาเด็กน้อยไป เซียวจื่อเซวียนก็มองหลิงหลัว “ท่านมาที่นี่ทำไม ตอบมาตรงๆ อย่าอ้อมค้อมเลย มันไม่มีประโยชน์”
บทที่ 408 โต้เถียง
หลิงหลัวมองเซียวจื่อเซวียนอย่างไม่พอใจ “เจ้าคิดจะทำอะไร”
“คิดจะทำอะไรหรือ หลิงหลัว ทำไมท่านถึงยังเสแสร้งอยู่ได้ ท่านรู้อยู่แล้วใช่หรือไม่ ว่าท่านพ่อตัดความสัมพันธ์กับข้าแล้ว ถ้าเช่นนั้น ท่านจะยังเสแสร้งต่อหน้าข้าไปเพื่ออะไรอีก” เซียวจื่อเซวียนรู้สึกสมเพชตนเอง เมื่อเห็นแววตาของเขาดูลุกลน ‘เขารู้อยู่แล้วจริงๆ ด้วย’
มันคือความจริง นางไม่มีประโยชน์ต่อหลิงหลัวอีกต่อไป แล้วจะมีสิทธิ์อะไรไปเรียกร้องให้เขาซื่อสัตย์ต่อนางเล่า
เมื่อหลิงหลัวเห็นว่าเซียวจื่อเซวียนดูเงียบงัน จึงรู้สึกว่าตนเองไม่อาจปรับตัวได้ทัน
เขาขมวดคิ้วก่อนพูดขึ้นว่า “เจ้าคือภรรยาของข้า”
“เป็นแค่ภรรยาที่ไร้ค่าแล้วน่ะสิ ท่านมีอนุภรรยาอีกมากมาย ไม่จำเป็นต้องมาเป็นห่วงข้าหรอก ข้าหวังเพียงว่าท่านจะไม่รบกวนชีวิตของเราสองแม่ลูกก็พอ” เซียวจื่อเซวียนมองอีกฝ่าย ก่อนเอ่ยอย่างตรงไปตรงมา
ท่าทีของหลิงหลัวเปลี่ยนไปในทันที เขานึกถึงน้ำเสียงที่ฟังดูอ่อนแรงของนางก่อนหน้านี้ “เป็นไปไม่ได้ เด็กคนนี้คือลูกชายของข้า”
เซียวจื่อเซวียนยิ้มเยาะให้กับตนเอง “ท่านสามารถมีลูกชายได้อีกหลายคน เด็กคนนี้เป็นเพียงเด็กที่มีสติปัญญาบกพร่อง เขาไม่มีประโยชน์อะไรกับท่านหรอก”
หลิงหลัวยังคงเงียบ แต่ท่าทีของเขาก็บอกให้เซียวจื่อเซวียนรับรู้แล้วว่าเขาเองก็คิดแบบนั้นเช่นกัน
เซียวจื่อเซวียนมองคนตรงหน้า ก่อนหัวเราะลั่น “หลิงหลัว จู่ๆ ข้าก็รู้สึกว่าตัวข้านั้นช่างโง่เขลานัก”
“ออกไปเสียเถอะ และอย่ากลับมาที่นี่อีก” เซียวจื่อเซวียนยืนขึ้น และหันหลังเข้าห้องไปโดยไม่มองหน้าอีกฝ่าย
หลิงหลัวมองแผ่นหลังของนางอย่างเย็นชา จิตใจของเขาเกิดความรู้สึกบางอย่างที่ยากจะอธิบาย
นี่คือสิ่งที่เขาต้องการมิใช่หรือ แล้วทำไมตอนนี้ เขาถึงรู้สึกลังเลใจ
‘ลังเลใจหรือ เขารู้สึกเช่นนี้ได้อย่างไร นี่มันบ้าไปแล้วจริงๆ’
หลิงหลัวหมุนตัวจากไป ในขณะเดียวกัน เซียวจื่อเซวียนที่อยู่ในบ้าน ก็ยืนมองแผ่นหลังของเขา และดูเหมือนว่าผู้เป็นสามีกำลังรู้สึกเสียใจ
ในอดีต เซียวจื่อเซวียนอยู่ในโลกของความฝัน แต่ในที่สุด นางก็กลับมาสู่โลกแห่งความเป็นจริง นางจะต้องเริ่มต้นนับหนึ่งใหม่อีกครั้ง ข้อผิดพลาดบางอย่างไม่อาจแก้ไขได้ แต่ทุกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับนาง ล้วนแล้วแต่เกี่ยวข้องกับหนิงเมิ่งเหยาทั้งสิ้น ดังนั้นนางจึงไม่มีวันปล่อยหญิงสาวผู้นั้นไปอย่างแน่นอน ไม่มีวัน
ทันใดนั้น หนิงเมิ่งเหยาก็จามออกมา
หญิงสาวถูจมูก ก่อนจะรู้สึกงุนงง และคิดว่าตนเองไม่สบาย แต่ทว่าร่างกายของนางก็ปกติดี มิได้เจ็บป่วยตรงไหน นางจึงไม่สนใจอาการดังกล่าว
หลังจากปีเก่าผ่านไป เทศกาลฤดูใบไม้ผลิก็กำลังจะมาถึง
“ทำไมพวกเราต้องไปร่วมงานเลี้ยงในวังหลวงด้วยเล่า ฉลองวันปีใหม่ที่บ้านยังไม่เพียงพออีกหรือ” หนิงเมิ่งเหยาพึมพำอย่างไม่พอใจนัก พลางซุกตัวเข้าไปในอ้อมกอดของเฉียวเทียนช่าง
ชายหนุ่มเอื้อมมือไปลูบศีรษะของนาง “เจ้าไม่ต้องเข้าร่วมก็ได้”
“จริงหรือ”
“จริงสิ งานเลี้ยงในวังหลวงประจำปีนี้คงจะวุ่นวายยิ่งนัก และเจ้าก็กำลังตั้งครรภ์ ข้าไม่อยากให้เจ้าต้องมาเสี่ยง เพราะฉะนั้นเจ้าพักอยู่ที่บ้านเถิด ข้าจะไปที่นั่นเอง” เฉียวเทียนช่างเอ่ย
พวกเขาได้ยินข่าวว่าหลิงอ๋องอาจจะลงมือกระทำการบางอย่างในงานเลี้ยงที่วังหลวง เขาจึงต้องไปช่วยเหลือเซียวชวี่เฟิง และไม่ยอมให้พวกเขาต้องเจอเรื่องวุ่นวายตามลำพัง
หนิงเมิ่งเหยาพยักหน้า แม้ว่านางจะยังรู้สึกไม่พอใจอยู่เล็กน้อย
ทางด้านเซียวจื่อเซวียนเองก็เจอเหตุการณ์คล้ายคลึงกัน แต่การกระทำของเซียวจื่อเซวียนนั้นทำให้เส้นเลือดบนหน้าผากของหลิงหลัวแทบระเบิด
“เซียวจื่อเซวียน เจ้าต้องการอะไร” วันนี้เขาเรียกนางมาเพื่อให้ไปร่วมงานเลี้ยงในวังหลวง แต่ดูเหมือนว่าอีกฝ่ายจะไม่รู้สึกรู้สาและไม่สนใจต่อสิ่งต่างๆ เลยแม้แต่น้อย แม้แต่สายตาที่นางกำลังมองดูเขายังเย็นชา ราวกับกำลังเห็นคนแปลกหน้าก็ไม่ปาน
หลิงหลัวรู้สึกหงุดหงิดที่เห็นว่านางมีนิสัยหยาบกระด้างและเอาแต่ใจ
“หลิงหลัว ก่อนหน้านี้ ข้าเคยบอกท่านไปแล้วว่าท่านยังมีอนุภรรยาอีกมากมาย ท่านไม่จำเป็นต้องเรียกให้ข้าไปด้วย” เซียวจื่อเซวียนมองหลิงหลัวอย่างสงบ ราวกับว่าไม่สนใจไยดีชายตรงหน้าเลยแม้แต่น้อย
ใบหน้าของหลิงหลัวดูเคร่งขรึมและน่ากลัว เขากำลังจะอ้าปากพูด แต่ทันใดนั้นก็มีร่างๆ หนึ่งเดินเซมาตรงที่พวกเขายืนอยู่
“ท่านพ่อ…ท่านแม่…” ลูกชายของพวกเขาเดินเข้ามาหา ก่อนจะมองเซียวจื่อเซวียนและอ้าแขนกว้างเพื่อจะขอกอด ดวงตาของเขาดำสนิทราวกับเม็ดองุ่น ดูช่างน่ารักน่าเอ็นดู
ผู้เป็นแม่ยิ้มบางๆ ก่อนเอื้อมมือไปอุ้มลูกชาย “เป่าเอ๋อร์เด็กดี เก่งมาก”
เด็กน้อยกะพริบตาขณะมองใบหน้าอึมครึมของหลิงหลัว “ท่านพ่อ กอด”