บทที่ 405 ตัดขาดความสัมพันธ์ทั้งหมด + บทที่ 406 วันสิ้นปี

ภรรยาแม่ทัพเป็นสาวชาวบ้าน

บทที่ 405 ตัดขาดความสัมพันธ์ทั้งหมด

เซียวชวี่เฟิงไม่พอใจอย่างมากกับการจัดการเรื่องนี้ เพราะมีบางคนในราชสำนักเข้ามาขัดขวางเขาจึงพลาดโอกาสนี้ไป ด้วยเหตุนี้เซียวชวี่เฟิงจึงไม่ไว้ใจพวกเขาเช่นกัน

เมื่อคลื่นลูกใหญ่กวาดล้างตระกูลหลี่ หลิงอ๋องที่ก่อนหน้านี้พยายามทำตัวไม่ให้โดดเด่น จึงหัวเราะออกมาขณะที่อยู่ในห้องหนังสือ “ฮ่าๆ ข้าพบแล้ว ในที่สุดข้าก็พบมันแล้ว” ในที่สุด คนที่เขาส่งตัวออกไปก็พบกองทัพนั้นจนได้ และในไม่ช้า เมืองเซียวก็จะต้องตกเป็นของตระกูลหลิง

เมื่อหลิงอ๋องคิดว่าจะได้ครอบครองบัลลังก์ในอนาคตอันใกล้นี้ ดวงตาของเขาก็เปล่งประกายอย่างยินดียิ่ง

หลิงหลัวขมวดคิ้วเมื่อเห็นหลิงอ๋องมีท่าทีเช่นนั้น และรู้สึกว่าเรื่องนี้ดู…ง่ายดายเกินไป

“ท่านพ่อ ข้าคิดว่าเรื่องนี้ดูง่ายดายเกินไป มีบางอย่างน่าสงสัย” หลิงหลัวเอ่ยด้วยความกังวล

แม้ว่าพวกเขาดำเนินแผนการต่างๆ อย่างระมัดระวัง แต่ก็มีร่องรอยบางอย่างที่พอสังเกตได้ แล้วเซียวชวี่เฟิงผู้เป็นถึงฮ่องเต้ปกครองเมืองจะไม่รู้เรื่องนี้ได้อย่างไร

เรื่องนี้ไม่สอดคล้องกับความสามารถของเซียวชวี่เฟิงมากเกินไป เขาเป็นคนเฉลียวฉลาดอย่างยิ่ง ดังนั้นจึงเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะไม่สังเกตเห็นอะไรเลย

“ไม่จำเป็นต้องระมัดระวังมากนักหรอก ต่อให้เซียวชวี่เฟิงจะมีวิธีการที่หลากหลาย แต่เขาเพิ่งขึ้นครองบัลลังก์มาไม่นาน แล้วจะมีอำนาจมากแค่ไหนกันเชียว” หลิงอ๋องมั่นใจมากว่า นอกจากคนของฝั่งของเฉียวเทียนช่างแล้ว ก็มีคนในราชสำนักไม่กี่คนเท่านั้นที่จงรักภักดีกับเซียวชวี่เฟิง

หลิงหลัวต้องการจะเอ่ยบางอย่าง แต่เมื่อเห็นว่าหลิงอ๋องไม่ต้องการจะพูดต่อ เขาจึงต้องระงับความกังวลเอาไว้

หลิงหลัวแอบส่งคนไปจับตาดูเฉียวเทียนช่างและคนอื่นๆ เพราะเกรงว่าจะเกิดปัญหาขึ้น

ในขณะเดียวกัน คนที่หลิงหลัวส่งไปสืบเรื่องของเซียวจื่อเซวียนก็กลับมาพอดี

“เป็นเช่นไรบ้าง หลายวันมานี้ เจ้าสืบพบอะไรบ้าง”

“ความสัมพันธ์ทั้งหมดระหว่างนายหญิงกับเซียวอ๋องขาดสะบั้นแล้วขอรับ”

คำพูดของผู้ใต้บังคับบัญชาทำให้หลิงหลัวหรี่ตาลง แววตาของเขาเกิดประกายความคิดบางอย่าง แต่ไม่มีผู้ใดรู้ว่าเขากำลังคิดอะไร

“มันเกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อไหร่”

“มันคือวันที่เซียวอ๋องเรียกนายหญิงให้กลับไปที่จวนตระกูลเซียวขอรับ”

“เจ้ารู้สาเหตุหรือไม่” หลิงหลัวหรี่ตามองคนตรงหน้า

เพราะเหตุนี้เอง จึงไม่น่าแปลกใจเลยว่าทำไมวันนั้น เซียวจื่อเซวียนจึงมีท่าทางเช่นนั้น

เขายิ้มมุมปากอย่างเย้ยหยัน ท่าทีของเขาดูน่ากลัว

“เพราะนายหญิงขโมยราชโองการลับไป เซียวอ๋องจึงโกรธมากจนตัดความสัมพันธ์ทุกอย่างกับนายหญิงขอรับ”

หลิงหลัวผงกศีรษะอย่างเข้าใจ ก่อนจะโบกมือให้อีกฝ่ายออกไป

ในเวลานี้ เซียวจื่อเซวียนไม่เกี่ยวข้องกับจวนตระกูลเซียวอีก และพวกเขาก็พบกองทัพลึกลับแล้ว ดังนั้นเขาจึงไม่จำเป็นต้องเสแสร้งว่ารักเซียวจื่อเซวียนอีกต่อไป

เมื่อคิดได้เช่นนั้น หลิงหลัวจึงยิ้มอย่างพอใจ

โลกภายนอกช่างวุ่นวายและน่ากลัว แต่หนิงเมิ่งเหยาที่อยู่ในจวนแม่ทัพนั้น ดูเหมือนว่าจะแยกตัวออกจากโลกใบนี้อย่างสิ้นเชิง ในทุกๆ วัน หญิงสาวจะกินและนอนวนไปเรื่อยๆ หลังจากตั้งครรภ์ได้สามเดือน นางก็รู้สึกง่วงนอนบ่อยขึ้น นางใช้เวลาสองในสามของวันหมดไปกับการนอนหลับพักผ่อน

หากชิงซวงและผู้เฒ่าเฮยไม่บอกว่ามันเป็นเรื่องปกติ เฉียวเทียนช่างต้องรู้สึกกังวลใจเป็นแน่

วันนี้ หนิงเมิ่งเหยาตื่นขึ้นมา และมองชิงเซวียน ก่อนถามว่า “สร้างโรงงานไปถึงไหนแล้ว” เวลาผ่านมาเกือบสองเดือน ดังนั้นมันควรจะใกล้เสร็จสมบูรณ์แล้ว จริงไหม

“เสร็จไปครึ่งหนึ่งแล้วขอรับ มันค่อนข้างใหญ่ จึงต้องใช้เวลานานอีกหน่อยขอรับ แต่ไม่เกินหนึ่งเดือน ก็น่าจะเสร็จสมบูรณ์แล้วขอรับ” ชิงเซวียนมองหญิงสาว พลางครุ่นคิด ก่อนตอบคำถามอย่างเคร่งขรึม

“ดี ไม่ต้องรีบเร่งนัก แต่ต้องแน่ใจว่าอาคารจะแข็งแรงมั่นคง” สถานที่ที่หญิงสาวกำลังจะสร้างนั้นมีขนาดใหญ่โต จึงเข้าใจได้ว่ามันต้องใช้เวลา

“ไปเชิญองค์ชายฉีให้มาที่นี่ บอกเขาว่าข้ามีเรื่องอยากจะเจรจาด้วย”

“ขอรับ”

เซียวฉีเทียนมาถึงภายในเวลาหนึ่งชั่วยาม เขามองหนิงเมิ่งเหยาอย่างตื่นเต้น “เมิ่งเหยา เจ้าเรียกหาข้าหรือ”

“อืม ร้านค้าเตรียมการไปถึงไหนแล้ว ตอนนี้ก็ใกล้ฉลองปีใหม่แล้ว หลังวันปีใหม่ พวกเราสามารถเริ่มได้ทันทีหลังจากเตรียมสินค้าในคลังเสร็จสิ้น”

“อย่ากังวลในส่วนของข้าเลย ทุกอย่างเตรียมพร้อมแล้ว เหลือเพียงรอสินค้าจากฝั่งของเจ้าเสร็จสิ้น เราก็สามารถเริ่มได้เลย แต่ก่อนที่เราจะเริ่ม รอจนกว่าเรื่องต่างๆ ในฝั่งนี้จะคลี่คลายดีแล้วก่อน” เซียวฉีเทียนนึกถึงสิ่งที่เซียวชวี่เฟิงบอกเขา ริมฝีปากของเขายกขึ้นเป็นรอยยิ้มเย็นชา

บทที่ 406 วันสิ้นปี

หนิงเมิ่งเหยาเลิกคิ้วมองเซียวฉีเทียน และเข้าใจความหมายของอีกฝ่ายในทันที

ขณะนี้ เมืองหลวงเกิดเหตุการณ์ไม่สงบ โดยเฉพาะจวนตระกูลหลิงและจวนตระกูลเซียว หากทั้งสองตระกูลยังไม่ถูกกำจัด พวกเขาก็ไม่อาจสงบใจได้เลย

“ถ้าเช่นนั้น ก็ไม่น่าจะเป็นอะไร พวกเราสามารถเตรียมสินค้าในคลังมากขึ้น เมื่อถึงเวลาจะได้ไม่เกิดปัญหา” หนิงเมิ่งเหยาไตร่ตรองความคิดของตนเอง

ขณะนี้ หญิงสาวต้องการจดรายการสินค้าที่จะนำมาจำหน่ายในร้านค้า เมื่อถึงเวลา จะได้ไม่ฉุกละหุก

“ตกลง แล้วเทียนช่างไปไหนหรือ” เซียวฉีเทียนถามอย่างสงสัย หลังจากมองซ้ายมองขวา แต่ไม่พบชายหนุ่ม

“เขาบอกว่ามีเรื่องบางอย่างต้องทำและออกไปข้างนอกน่ะ”

“ถ้าเช่นนั้น ข้าก็ขอตัวด้วยเช่นกัน มีบางอย่างที่ต้องเตรียม”

“ได้สิ”

บรรยากาศในเมืองหลวงเริ่มแปลกไป และมันก็เป็นเช่นนั้นจนถึงวันสิ้นปี

ในปีจันทรคติ หนิงเมิ่งเหยาลุกขึ้นตื่นก่อนเฉียวเทียนช่าง หญิงสาวยิ้มขณะมองดูชายหนุ่มที่ยังหลับสนิท

นางจับผมมาปัดตรงใบหน้าของเขาอย่างอ่อนโยน

“เจ้าตื่นแล้วก็ดีอยู่หรอก แต่ทำไมต้องมาแกล้งข้าที่กำลังหลับสบายด้วยเล่า” เฉียวเทียนช่างจับแขนของหนิงเมิ่งเหยาและลืมตาขึ้น ชายหนุ่มอดไม่ได้จริงๆ ‘นางทำตัวเป็นเด็กเช่นนี้ได้อย่างไร’

หนิงเมิ่งเหยากะพริบตา และเอ่ยกับชายหนุ่มอย่างน่าเอ็นดู “วันนี้เป็นวันปีใหม่เล็ก[1]นะ รีบลุกขึ้นเร็วเข้า”

เฉียวเทียนช่างกอดหญิงสาวไว้ข้างกาย ก่อนจะหมุนตัวทับนาง แต่เมื่อนึกขึ้นได้ว่าอีกฝ่ายกำลังตั้งครรภ์ เขาจึงพยุงร่างกายของตนเองด้วยสองมือ เพื่อไม่ทิ้งน้ำหนักลงบนร่างของอีกฝ่ายมากเกินไป

“เหยาเอ๋อร์ มีผู้ใดเคยบอกเจ้าหรือไม่ว่าอย่ายั่วยวนผู้ชายตอนเช้าตรู่ ยิ่งไปกว่านั้น เจ้ากำลังตั้งครรภ์สี่เดือนอยู่ด้วย” เฉียวเทียนช่างพูดข้างหูของหนิงเมิ่งเหยาด้วยน้ำเสียงแหบพร่าเล็กน้อย ก่อนจะแทะเล็มใบหูของนาง

หนิงเมิ่งเหยาตะลึงงัน นางไม่รู้ว่าสถานการณ์กลายเป็นแบบนี้ได้อย่างไร “เทียนช่าง ลุกเถอะ”

“ถึงเจ้าจะตั้งครรภ์สี่เดือน ก็ไม่ใช่ปัญหาหรอก” ชายหนุ่มก้มหน้าลง พร้อมพรมจูบตามลำคอของหญิงสาว และพูดอย่างสะลึมสะลือ

หนิงเมิ่งเหยาอยากร่ำไห้แต่ไม่มีน้ำตา เหมือนกับว่านางกำลังหาเรื่องใส่ตัวแท้ๆ

ไม่ว่าหญิงสาวจะรู้สึกอึดอัดเพียงใด แต่สุดท้าย นางก็ผล็อยหลับต่อ จนผ่านไปครึ่งวัน เมื่อหนิงเมิ่งเหยาตื่นขึ้นมาอีกครั้ง ก็อดไม่ได้ที่จะจ้องมองชายหนุ่มอย่างเง้างอน

เฉียวเทียนช่างกอดหญิงสาวไว้แนบอก จากนั้นจึงจุมพิตตรงใบหน้าของนาง “ลุกขึ้นกันเถอะ”

“ฮึ”

ชายหนุ่มไม่โกรธเคืองที่อีกฝ่ายแสดงท่าทีเช่นนั้น เขากลับยิ้มและจูบใบหน้าของนางแทน

หนิงเมิ่งเหยาหน้านิ่วคิ้วขมวดขณะลูบใบหน้าของตน นางเอ่ยอย่างรังเกียจ “อี๋ น้ำลาย”

เฉียวเทียนช่างหรี่ตามองหญิงสาวที่นั่งบนตักของตน “เจ้ารังเกียจข้าหรือ”

“เปล่าสักหน่อย” เมื่อหนิงเมิ่งเหยาเห็นสายตาน่ากลัวของเขา นางจึงพูดด้วยน้ำเสียงกลั้วหัวเราะ

ชายหนุ่มเขกศีรษะหญิงสาว จากนั้นจึงช่วยนางสวมใส่เสื้อผ้าก่อนจะเดินไปข้างนอกด้วยกัน

เมื่อพวกเขาเดินออกมา ก็พบว่าชิงซวงและคนอื่นๆ กำลังทานอาหารที่ท่านยายฉินเตรียมไว้ให้

หนิงเมิ่งเหยาเห็นกับข้าวที่เตรียมไว้ ก็เอ่ยขึ้นอย่างขุ่นเคือง “ตอนแรกข้าอยากจะทำอาหาร แต่ทุกอย่างก็เตรียมไว้หมดแล้ว ทีนี้ข้าจะสนุกกับอะไรได้บ้างเล่า”

ชิงซวงและคนอื่นๆ ได้ยินหญิงสาวบ่น พวกเขาจึงรีบนำอาหารมาวางไว้ตรงหน้านางทันที “คุณหนู ท่านสามารถเพลิดเพลินกับการทานอาหารได้เจ้าค่ะ”

หนิงเมิ่งเหยาหน้ามุ่ย ‘มันจะไปมีความหมายได้อย่างไรกัน’

แต่หลังจากหญิงสาวได้กลิ่นหอมของอาหาร นิ้วมือของนางก็เริ่มเคลื่อนไหว ก่อนจะหยิบของว่างขึ้นมากิน

ระหว่างที่หนิงเมิ่งเหยากำลังพูดคุยกับชิงซวงและคนอื่นๆ นั้น เฉียวเทียนช่างก็ออกไปทำธุระข้างนอก

เซียวจื่อเซวียนใช้ชีวิตอย่างระมัดระวัง นางไม่แปลกใจเลยว่าทำไมหลิงหลัวจึงไม่มาที่ลานบ้านของนาง

ในช่วงสองสามวันแรกนั้นไม่มีปัญหาอะไร แต่ทว่า ตั้งแต่ตอนที่เขามาหาวันนั้น ก็ผ่านมานานแล้ว ทำให้เซียวจื่อเซวียนกังวลว่าเขาอาจจะรู้ความจริงแล้วจึงเมินเฉยต่อนางเช่นนี้

ยิ่งเซียวจื่อเซวียนคิดเช่นนั้น ก็ยิ่งรู้สึกกระวนกระวายใจเป็นเท่าทวีคูณ

นางกัดริมฝีปากของตน ก่อนจะใช้โอกาสในวันปีใหม่เล็กไปหาหลิงหลัวที่ลานบ้านของเขา แต่เมื่อนางเข้าไปด้านใน ก็ได้ยินเสียงของหลิงหลัวและผู้หญิงอีกคน เสียงของหญิงคนนั้นฟังดูมีเสน่ห์และคุ้นหูยิ่งนัก นางคือหนึ่งในอนุภรรยาของหลิงหลัวนั่นเอง

[1] ปีใหม่เล็ก หรือ เทศกาล 小年 คือ ช่วงเวลา 1 สัปดาห์ก่อนจะถึงวันตรุษจีนหรือวันปีใหม่จีน