บทที่ 403 เจ้ารู้ได้เช่นไร
เรื่องของตระกูลหลี่สิ้นสุดลง มีเพียงหลี่หลินเอ๋อร์ที่ยังมีชีวิตอยู่ และคิดไปเองว่าตระกูลหลี่คนอื่นๆ ก็ยังมีชีวิตอยู่
นางคิดว่าตราบใดที่ไม่บอกเรื่องที่ตนรู้กับเซียวชวี่เฟิงและคนอื่นๆ ก็จะไม่เกิดเรื่องอะไรขึ้นกับตระกูลหลี่ อย่างไรก็ตาม นางไม่รู้เลยว่าวิธีการของเซียวชวี่เฟิงนั้นช่างโหดร้ายยิ่งนัก
เฉียวเทียนช่างยิ้มอย่างสะใจหลังจากรู้ข่าว
หากชายหนุ่มจำไม่ผิด ตระกูลหลี่อยู่ในเมืองเซียวมาเกือบหนึ่งศตวรรษแล้ว แต่เขาสงสัยว่าตระกูลหลี่นั้นเป็นตัวหมากให้กับเหมียวเจียงมาตั้งแต่ร้อยปีที่แล้ว หรือเพิ่งเริ่มเป็นในสมัยของหัวหน้าตระกูลหลี่คนนี้กันแน่
เฉียวเทียนช่างมีความคิดแล่นเข้ามาในหัว ก่อนจะโบกมือและให้คนออกไป
ชายหนุ่มลุกขึ้น ก่อนจะมุ่งหน้าตรงไปยังคุกใต้ดิน และมองหลี่หลินเอ๋อร์ที่กำลังนั่งอยู่ด้านใน เขาแสยะยิ้มอย่างเย้ยหยัน “หลี่หลินเอ๋อร์”
หลี่หลินเอ๋อร์เงยหน้ามองอีกฝ่าย โดยไม่ตอบอะไร เพราะมั่นใจว่าเขาจะไม่กล้าทำอะไร
ถึงกระนั้น เฉียวเทียนช่างก็นั่งบนเก้าอี้ก่อนพินิจพิเคราะห์นางอย่างสุขุม สายตาของเขาทำให้อีกฝ่ายอึดอัด
“เจ้ามาทำอะไรกันแน่” บางทีหลี่หลินเอ๋อร์อาจจะยังไม่รู้เรื่องนี้ น้ำเสียงของนางสั่นเครือด้วยความหวาดกลัว
เฉียวเทียนช่างยิ้มอย่างขบขัน “ข้าคิดว่าเจ้าไม่เกรงกลัวอะไรเสียอีก”
“เจ้าคิดจะทำอะไร”
“ไม่ทำอะไรหรอก ข้าเพียงจะบอกเจ้าว่าตระกูลหลี่…ถูกทำลายแล้ว” เฉียวเทียนช่างพูดสี่คำสุดท้ายช้าๆ ทำให้อีกฝ่ายรู้สึกเย็นยะเยือกไปถึงหัวใจ
“เจ้าพูดจาไร้สาระ”
“ไร้สาระหรือ ข้าไม่มีเวลามาพูดเรื่องไร้สาระกับเจ้าหรอก” เฉียวเทียนช่างเยาะเย้ยขณะมองหลี่หลินเอ๋อร์ สายตาถากถางของเขาทำให้นางรู้ว่ามันคือเรื่องจริง
หลี่หลินเอ๋อร์เบิกตากว้าง และมองอีกฝ่ายอย่างไม่อยากเชื่อ หากไม่ได้รับข้อมูลจากนาง พวกเขาก็ไม่น่าจะไปแตะต้องตระกลูหลี่สิ แล้วทำไมตระกูลหลี่จึงถูกทำลายเล่า
“เจ้าไม่สงสัยหรือว่าทำไมตระกูลหลี่จึงพังพินาศ ในเมื่อเจ้าไม่ได้บอกเรื่องเกี่ยวกับเหมียวเจียงเลย หากพูดตามความจริงแล้ว ตระกูลหลี่รู้เรื่องนี้เยอะมาก พวกเขาอาจจะรู้เยอะกว่าเจ้าด้วยซ้ำ” เฉียวเทียนช่างมองหลี่หลินเอ๋อร์ที่เบิกตากว้างพร้อมยิ้มให้บางๆ
หลี่หลินเอ๋อร์ที่สงบนิ่งนั้น จู่ๆ ก็หน้าซีดเผือดและมีท่าทีถมึงทึงในทันที “พวกเจ้ารู้ได้อย่างไรกัน”
“เจ้าไม่คิดหรือว่าตอนนั้น คำพูดของเจ้าไม่น่าเชื่อถือเลย” เฉียวเทียนช่างนั่งบนเก้าอี้ และเอ่ยถามอย่างใจเย็น
หลี่หลินเอ๋อร์ฉงนใจ นางมิได้กระทำการใดๆ เลย แล้วทำไมมันถึงกลับกลายเป็นเช่นนี้ นางไม่อาจยอมรับได้
“เฉียวเทียนช่าง ข้าไม่เชื่อ เป็นไปไม่ได้ที่พวกเขาจะบอกเจ้า” มันเป็นเรื่องที่ต้องเก็บไว้เป็นความลับจนตาย ท่านพ่อและคนอื่นๆ มิใช่คนโง่เขลา มันเป็นไปไม่ได้
สิ่งเดียวที่พอจะเป็นไปได้ คือเฉียวเทียนช่างโกหก และต้องการให้นางรู้สึกร้อนรน จนเปิดเผยข้อมูลทุกอย่างให้พวกเขาเท่านั้น
เมื่อหลี่หลินเอ๋อร์ครุ่นคิดเช่นนั้น ก็ยิ่งรู้สึกว่ามีโอกาสเป็นไปได้
เฉียวเทียนช่างเห็นว่าอีกฝ่ายมีสีหน้าเปลี่ยนไป จึงนั่งอยู่ที่เดิมโดยไม่เปลี่ยนท่าทีใดๆ
“หลี่หลินเอ๋อร์ ตอนที่เจ้ายังเด็ก เจ้ามิได้ถูกเลี้ยงในห้องส่วนตัว แต่กลับถูกเลี้ยงที่เหมียวเจียงใช่หรือไม่ นอกจากนี้ เจ้ายังมีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับกู่พิษ ถึงขนาดเพาะพันธุ์กู่พิษเองอีกด้วย ข้าพูดถูกหรือไม่” ชายหนุ่มรู้ว่าอีกฝ่ายไม่เชื่อ เขาจึงพูดข้อมูลบางอย่างที่เพิ่งได้มา
เมื่อได้ฟังคำพูดของเขา หลี่หลินเอ๋อร์จึงเบิกตากว้างอย่างไม่อยากเชื่อ… ‘เป็นไปได้อย่างไรกัน’
“เจ้า…เจ้ารู้ได้อย่างไร” หลี่หลินเอ๋อร์มองอีกฝ่าย ‘มีเพียงตระกูลของนางเท่านั้นที่รู้เรื่องนี้ หรือว่า…’
หลังเกิดความคิดเช่นนั้น หลี่หลินเอ๋อร์จึงรีบส่ายศีรษะ ‘เป็นไปไม่ได้ นางคิดมากเกินไป ท่านพ่อกับคนอื่นๆ จะบอกเรื่องแบบนี้กับเซียวชวี่เฟิงและคนอื่นๆ ได้อย่างไรกัน’
แต่ทว่า นางไม่อาจหาคำอธิบายได้ว่าอีกฝ่ายรู้เรื่องนี้ได้อย่างไร
เฉียวเทียนช่างมองหลี่หลินเอ๋อร์ที่ยังคงไม่เชื่อ มุมปากของชายหนุ่มยกขึ้นเป็นรอยยิ้ม ”จริงๆ แล้ว ต้องขอบคุณน้องชายของเจ้าที่ทำให้พวกเรารู้เรื่องทุกอย่าง หากไม่ใช่เพราะเขารักตัวกลัวตาย พวกเราก็คงไม่ได้รู้ข้อมูลพวกนี้”
บทที่ 404 ล้มเหลว
หลี่หลินเอ๋อร์จ้องเฉียวเทียนช่าง “เจ้าหมายความว่าอย่างไร”
“ข้าหมายความว่าอะไรน่ะหรือ จริงๆ แล้วก็ไม่มีอะไรมาก น้องชายที่แสนดีของเจ้าเป็นคนเล่าเรื่องนี้ให้พวกเรารู้ หนำซ้ำ เขายังเกลี้ยกล่อมให้หัวหน้าตระกูลหลี่ช่วยบอกอีกด้วย เจ้าไม่คิดว่าข้าควรจะขอบคุณเขาหรือ”
หลี่หลินเอ๋อร์ลุกขึ้นยืนด้วยเนื้อตัวสั่นเทา ตอนนี้ นางเชื่อแล้วว่าตระกูลหลี่นั้นถูกทำลาย ทุกสิ่งทุกอย่างจบสิ้นแล้ว
หลังจากมุ่งมั่นตั้งใจมากว่าสิบปี แต่แล้วทุกอย่างกลับพังทลาย
นางไม่ยอม นางไม่ยอมอย่างแน่นอน
เมื่อเฉียวเทียนช่างเห็นว่าอีกฝ่ายแทบจะเสียสติ เขาก็ไม่แสดงปฏิกิริยาใดๆ แม้แต่น้อย
คนๆ หนึ่งย่อมมีด้านที่น่าสงสารและน่ารังเกียจ และหลี่หลินเอ๋อร์ก็เป็นคนประเภทนั้น
“ฮ่าๆๆ จบสิ้นแล้ว ทุกอย่างพังพินาศหมดแล้ว” ในขณะที่เฉียวเทียนช่างกำลังจะจากไป หลี่หลินเอ๋อร์ก็หัวเราะราวกับคนบ้า จนชายหนุ่มหรี่ตาและหันไปมองนาง ก่อนจะเห็นว่าอีกฝ่ายกำลังกระอักเลือด
เขามองเหตุการณ์นั้นด้วยดวงตาเย็นชา ก่อนจะเดินออกจากห้องใต้ดิน
ส่วนหลี่หลินเอ๋อร์นั้นยืนนิ่งอย่างเหม่อลอย ดวงตาของนางดูว่างเปล่า
‘มันเป็นเช่นนี้ได้อย่างไรกัน’ หลี่หลินเอ๋อร์รู้สึกสับสนยิ่งนัก นางวางแผนมาอย่างดี แล้วทำไมมันถึงกลับกลายเป็นเช่นนี้ได้
เกิดข้อผิดพลาดอะไร ถึงทำให้เรื่องราวต้องลงเอยเช่นนี้
ทันใดนั้น หลี่หลินเอ๋อร์ก็นึกขึ้นได้ว่า ตั้งแต่ที่นางบอกเรื่องนี้กับเซียวจื่อเซวียน ทุกอย่างก็อยู่เหนือการควบคุม นั่นหมายความว่า เรื่องราวต่างๆ ดำเนินมาถึงจุดนี้ก็เพราะนาง
เมื่อหลี่หลินเอ๋อร์คิดว่าตนเองเป็นสาเหตุทำให้ทุกอย่างกลายเป็นเช่นนี้ นางก็หัวเราะอย่างบ้าคลั่ง
ทันใดนั้น ดวงตาของนางก็เบิกกว้าง และจับหน้าอกแน่น ใบหน้านั้นบิดเบี้ยวด้วยความเจ็บปวด นางทรุดลงไปกองกับพื้น ก่อนจะหมดลมหายใจ
เฉียวเทียนช่างรู้ข่าวการเสียชีวิตของหลี่หลินเอ๋อร์อย่างรวดเร็ว ขณะเดียวกัน ชายหนุ่มก็ได้รับถุงผ้าขนาดเล็กที่พบบนร่างของนาง
หลังจากนั้น เฉียวเทียนช่างจึงเปิดถุงผ้า และหยิบสิ่งของด้านในออกมาดู ก่อนจะหรี่ตาลง
ชายหนุ่มเผากระดาษแผ่นนั้นทิ้งบนเทียนที่จุดไฟ
ในขณะที่หลี่หลินเอ๋อร์เสียชีวิตลง ทางฝั่งของเรือนสุดหรูแห่งหนึ่ง ณ เหมียวเจียง ชายที่สวมชุดขาวคนหนึ่งกำลังยืนหันหลังให้ประตู เขาเอ่ยขึ้นอย่างโกรธแค้น “พวกขยะไร้ค่า”
“ราชครูขอรับ โปรดให้อภัยข้าด้วยเถิดขอรับ” คนที่เข้ามารายงานข่าวเนื้อตัวสั่นเทิ้ม น้ำเสียงของเขาดูขลาดกลัว
“บอกให้พวกเขากำจัดร่องรอยทุกอย่างให้สิ้นซาก”
“ขอรับ”
หลังจากคนๆ นั้นจากไป ราชครูก็หันหน้ามา ใบหน้านั้นช่างคล้ายคลึงกับเซียวชวี่เฟิงยิ่งนัก
“บ้าเอ๊ย ครั้งนี้ข้าพลาดไป” เขาตบโต๊ะอย่างแรงจนมันแตกเป็นเสี่ยง
โชคดีที่เขามีแผนสำรอง ราชครูไม่อนุญาตให้พวกนั้นติดต่อกับคนอื่น มิฉะนั้น เขาอาจจะไม่เพียงสูญเสียตระกูลหลี่เท่านั้น
ราชครูเดินไปเดินมาในห้องหนังสือ จากนั้นจึงเดินไปตรงด้านข้างชั้นวางหนังสือ ก่อนจะโยกแจกันใบหนึ่งที่ตั้งอยู่บนนั้น เขาหมุนมันอย่างแรง โดยมือข้างซ้ายของเขาผลักชั้นหนังสือให้เปิดออก จนเผยให้เห็นทางเดินลับ
ชายในชุดขาวผู้นั้นถือไข่มุกเรืองแสงขนาดเท่ากำมือ ก่อนจะเดินเข้าไปในห้องลับที่ตกแต่งจนดูคล้ายกับเป็นห้องส่วนตัวของหญิงสาว
เขาเดินไปข้างเตียง และมองดูคนที่กำลังหลับใหลอยู่บนนั้น “เวลาก็ผ่านมานานแล้ว แต่ทำไมเจ้าถึงยังไม่ยอมฟื้นขึ้นมาสักทีเล่า” เขาพึมพำเบาๆ ก่อนจะค่อยๆ พูดมากขึ้น แต่คนบนเตียงไม่ตอบสนอง และไม่ขยับเลยแม้แต่น้อย
ราชครูลูบแก้มของอีกฝ่ายอย่างอ่อนโยน “ผ่านมาหลายปีแล้ว เจ้าเป็นคนใจร้ายขนาดนี้เลยหรือ” เขามองหญิงสาวที่นอนอยู่บนเตียง ก่อนจะเดินออกจากห้องลับนี้ไป
หลังจากเดินออกมา ใบหน้าผิดหวังของราชครูก็จางหายไป และเปลี่ยนเป็นความเย็นชาและเหี้ยมโหดแทน
“รีบจัดการปัญหาทางฝั่งนั้นเสีย ข้าหวังว่าจะไม่มีความผิดพลาดใดๆ เกิดขึ้นอีก”
“ขอรับ”
เฉียวเทียนช่างและคนอื่นๆ ส่งคนไปยึดทรัพย์สินของตระกูลหลี่ ขณะเดียวกัน ร้านค้าส่วนใหญ่ของตระกูลหลี่ก็เกิดเหตุการณ์บางอย่างขึ้น ไม่ว่าจะเป็นสมุดบัญชีที่ถูกหนูกัดกินจนขาด หรือถูกไฟไหม้จนมอดไป
เฉียวเทียนช่างไม่เชื่อว่ามันคือเหตุบังเอิญ เรื่องนี้บ่งบอกได้เพียงอย่างเดียวว่าอีกฝ่ายชิงลงมือก่อนหน้าพวกเขา เพื่อหยุดยั้งมิให้พวกเขารับรู้ข้อมูลเพิ่มเติมอื่นๆ ได้