ตอนที่ 227 : ร่างของตือโป๊ยก่าย

ระบบพี่เลี้ยงอสูรขั้นเทพ (神宠进c化系统)

ตอนที่ 227 : ร่างของตือโป๊ยก่าย

เขารู้ว่าอัญมณีความทรงจำสามารถใช้กับตัวตนที่เป็นจิตวิญญาณได้

ดังนั้นหวังเย่าจึงไม่ได้กลัวซากปิศาจนี่แล้ว การเผชิญหน้ากับตัวตนที่ไม่รู้จักอาจจะทำให้คนเรากลัวไปโดยปริยาย แต่เมื่อ หวังเย่ารู้ถึงบทบาทของอัญมณีความทรงจำแล้ว เขาก็ไม่กลัวมันอีกต่อไป

อีกอย่างแล้วตอนนี้ซากปิศาจก็ทำได้แค่ส่งเสียงน่ารำคาญออกมาก็เท่านั้น

จ้าวเมิ่งซีกัดฟันแน่นและพูดขึ้น “ฉันจะลองดูว่าฉันจะจัดการกับมันได้รึเปล่า”

เธอสะบัดมือพร้อมกับมีน้ำแข็งก่อตัวขึ้นมาพุ่งเข้าใส่ซากปิศาจนั่น

ในเมื่อมันถูกรากไม้กักขังเอาไว้ งั้นบางทีมันอาจจะถูกน้ำแข็งผนึกไว้ได้ ?

ธนูน้ำแข็งจำนวนนับไม่ถ้วนพุ่งเข้าใส่ซากปิศาจนั่นทันที แต่ในระยะ 10 เมตรจากซากปิศาจนั่น น้ำแข็งกลับถูกกันเอาไว้ด้วยพลังบางอย่างและไม่อาจจะเข้าไปได้

หวังเย่าแปลกใจ น้ำแข็งพวกนี้อ่อนแอเกินไปรึไง ?

จ้าวเมิ่งซีเหมือนจะคาดการณ์ไว้อยู่แล้ว เธอทำการควบคุมน้ำแข็งอีกครั้งก่อนจะส่งมันให้พุ่งไปยังซากปิศาจอีกครั้ง

แน่นอนว่าเธอเดาถูก ครั้งนี้ธนูน้ำแข็งได้พุ่งเข้าไปหาซากปิศาจนั่น แม้ว่าจะมีพลังบางอย่างคอยขัดขวางเอาไว้อยู่ แต่ลูกธนูก็มีพลังพอที่จะทะลวงผ่านพลังนั้นไปได้

แม้ว่าซากปิศาจนั่นจะไม่มีพลังชีวิต แต่ก็มีความคิดเป็นของตัวเองราวกับว่ามีปิศาจอยู่ด้านใน เมื่อเห็นว่ามีธนูน้ำแข็งพุ่งเข้ามาเพื่อกำจัดมัน มันก็ได้ทำลายธนูน้ำแข็งเพื่อที่จะเอาตัวรอด

“ฉันไม่คิดว่าแกจะมีความสามารถแบบนี้ แต่ยังไงซะฉันก็จะทำลายแกให้ได้” หวังเย่าพูดขึ้นมา

การ์ฟิลด์พุ่งเข้าใส่ซากปิศาจและใช้กรงเล็บที่รุนแรงเข้าโจมตี

ซากปิศาจนั่นหลบได้อย่างว่องไว

การ์ฟิลด์จึงพุ่งเข้าไปอีกรอบและใช้กรงเล็บเข้าโจมตีอีกครั้ง แต่ก่อนที่จะได้ใช้กรงเล็บโจมตี จู่ ๆ มันก็เหมือนกับหมดสติไปชั่วครู่ซึ่งทำให้ซากปิศาจนั่นหนีรอดไปได้

สีหน้าของหวังเย่าบิดเบี้ยวไป คิดจะหนีงั้นหรือ ?

เมื่อมันอยากที่จะหนี งั้นก็ลองใช้ลูกธนูไฟจัดการมัน ลูกแก้ววิญญาณไฟมีพลังไฟหลงเหลืออยู่ไม่มากแต่ก็เพียงพอให้เขายิงลูกธนูไฟออกไปได้หลายลูกอยู่

ลูกธนูไฟถูกยิงเข้าใส่ซากปิศาจอย่างรวดเร็ว ด้วยการที่ในอากาศมีพลังธาตุไฟอยู่จึงทำให้มันสามารถรู้ตำแหน่งของซากปิศาจนั่นได้ง่ายราวกับโดนล็อคเป้าเอาไว้

ความเร็วของลูกธนูไฟนั้นรวดเร็วเป็นอย่างมาก ยิ่งไปกว่านั้นด้วยระยะทางที่สั้นแบบนี้จึงทำให้ยากที่ซากปิศาจนั่นจะหลบหนีไปได้

บึ้มมม !

ลูกธนูไฟได้ปะทะกับมันจนเกิดการระเบิดขึ้น

หวังเย่ากลัวว่าจะเกิดเรื่องไม่คาดคิดขึ้น เขาจึงได้ใช้สกิลเนตรอัคคีมองผ่านเปลวไฟที่กระจายไปทั่ว ก่อนจะพบว่าผลึกซากปิศาจนั่นเริ่มแตกออก ก่อนจะถูกเผาจนกลายเป็นเถ้า

แต่ทว่าบางสิ่งที่มีขนาดเท่ากับเม็ดข้าวสีเลือดกลับไม่ถูกทำลายลงไป มันยังฝ่าเปลวไฟพุ่งออกไปเพื่อหลบหนี

แน่นอนหวังเย่าจะยอมปล่อยมันไปได้ยังไง ซากปิศาจนี่แปลกประหลาดเกินไป หากมันฟื้นฟูตัวเองได้…งั้นเดาว่ามันอาจจะส่งผลกระทบเกินกว่าจะคาดถึง

แม้ว่าเขาจะมีวิธีจัดการกับมัน แต่นอกจากเขาแล้วก็ยังมีทหารรับจ้างคนอื่น ๆ ในมิติดวงจันทร์แห่งนี้ด้วย จิตที่หลงเหลือของปิศาจนี้ อาจจะแทรกซึมเข้าไปบังคับจิตใจของคนได้ แค่คิดก็น่ากลัวแล้ว

แต่หวังเย่าไม่อาจจะไล่ตามมันทัน จึงได้แต่ใช้ลูกธนูไฟเขาโจมตีมัน

ตูมมม !

เมล็ดข้าวสีเลือดนั่นหนีไปอย่างรวดเร็ว แต่ก็ไม่อาจจะสลัดการโจมตีได้หมด มันยังคงโดนโจมตีอย่างต่อเนื่อง

แม้จะไม่ได้รับความเสียหายหนักหน่วงอะไร แต่สุดท้ายก็ยังร่วงลงมาจากท้องฟ้า

หวังเย่าเห็นแบบนั้นก็สร้างชั้นลมเข้าไปห่อหุ้มมันทันที

เมล็ดข้าวสีเลือดตอนนี้เหลือแค่เศษสีแดงที่แผ่พลังของปิศาจออกมา แต่ภายใต้พลังจิตของหวังเย่า มันก็ไม่อาจจะส่งพลังจิตอันชั่วร้ายออกมาภายนอกได้

หวังเย่าเรียกลูกไฟออกมาตั้งใจที่จะเผามัน แต่เศษสีแดงนั้นกลับบิดเบี้ยวไปแค่เล็กน้อยราวกับไม่ได้รับผลกระทบจากไฟเลย

“หรือว่าจิตปิศาจโดนฉันทำลายไปแล้วงั้นหรือ ? ”

ตอนนี้เศษสีแดงกลับอยู่นิ่ง จิตปิศาจด้านในเหมือนกับโดนฆ่าไปแล้ว มันไม่มีจิตชั่วร้ายอีก แต่ถึงอย่างนั้นร่างของมันก็ยังมีคุณสมบัติของปิศาจอยู่

หวังเย่ายื่นมือออกไปคว้ามันไว้ เขารับรู้ได้ถึงคลื่นพลังของปิศาจที่แผ่ออกมาราวกับต้องการเข้ามาในตัวเขา

หวังเย่าขมวดคิ้วและรีบใช้สกิลของหงอคงเพิ่มพลังให้กับร่างกายเพื่อจะขับไล่คลื่นพลังปิศาจนี้ออกจากตัว

“หวังเย่า เป็นยังไงบ้าง ? ” จ้าวเมิ่งซีมองหวังเย่าด้วยความกังวล

“ตอนนี้ยังไม่มีอะไรที่น่าเป็นห่วง มันไม่ใช่ของที่ดี ดูเหมือนว่ามันจะแข็งแกร่งจนแม้แต่ไฟของฉันก็ยังทำอะไรมันไม่ได้”

หวังเย่าพูดจบก็เอากล่องหยกออกมาก่อนจะเก็บเศษนั่นเข้าไปในกล่องหยก

“นายท่าน” ตือโป๊ยก่ายส่งข้อความหาหวังเย่า

หวังเย่าเลิกคิ้วด้วยความสับสน แต่ไม่นานเขาก็เผยท่าทียินดีออกมา ตือโป๊ยก่ายส่งข้อความมาบอกเขาว่ามันขอเศษของผลึกนี้ ดูเหมือนว่าเศษแค่นี่จะมีประโยขน์ต่อมันอย่างมาก

สุดท้ายหวังเย่าก็ตอบตกลง

“ขอบคุณมากนายท่าน” ตือโป๊ยก่ายขอบคุณออกมาก่อนจะก่อตัวเป็นหมอกดำพุ่งเข้าหาเศษผลึก หมอกดำของมันหายไปทีละนิด ๆ ดูเหมือนว่าจะแทรกเข้าไปอาศัยอยู่ในเศษนั้น

สุดท้ายหมอกดำก็หายไปจนหมด เศษสีแดงในมือสั่นไหวจนหลุดออกจากฝ่ามือของหวังเย่า มันพยายามที่จะบิน มันบินไปมาด้วยความเร็วสูงกว่าเสียงซึ่งไม่ได้ด้อยกว่าความเร็วของลูกธนูไฟเลย

หวังเย่าหรี่ตาลงและครุ่นคิดทันที

ตือโป๊ยก่ายเหมือนจะอยากใช้เศษผลึกเล็ก ๆ ที่เหมือนก้อนเพชรนี่เป็นร่างกายของมัน เพราะร่างหมอกของมันยังอ่อนแอและบาดเจ็บได้ง่าย ในร่างเงาเองก็เหมือนกัน ด้วยการที่ก้อนเพชรเล็ก ๆ นี่แข็งอย่างมาก มันแทบเป็นไปไม่ได้ที่จะถูกทำลาย

ก้อนเพชรนี่คือสิ่งที่ซากปิศาจได้ทิ้งเอาไว้ เมื่อตือโป๊ยก่ายเข้าไปในซากของปิศาจ มันจะไม่ได้รับผลกระทบจากคลื่นพลังปิศาจงั้นหรือ ?

เรื่องนี้ทำให้หวังเย่ากังวลอยู่สักพัก