Ch.3 – เขี้ยวทารก

Translator : Muntra / Author

โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ Ep.3 – เขี้ยวทารก

 

สองมือของฉินเฟิงกระทำสองสิ่ง หนึ่งผลักอกโจวฮ่าวให้ถอยห่างออกไป อีกหนึ่งเกร็งแน่นหวดเข้าใส่เขี้ยวทารก

 

แม้ความเร็วของเขาจะเชื่องช้ากว่าเขี้ยวทารกมากนัก ทว่าราวกับเป็นเรื่องบังเอิญ ที่กำปั้นของเขาดันชกเข้าใส่ตรงบริเวณหัวของมันพอดิบพอดี

 

“โผล๊ะ!”

 

บังเกิดเสียงดั่งลูกแตงโมที่แตกออก มันสมองสีขาวและแดงกระจายไปทั่ว

 

ฉินเฟิงขมวดคิ้วมุ่น

 

ที่ขมวดคิ้ว มันมิใช่เพราะฉากนองเลือดชวนสะอิดสะเอียนตรงหน้า หากแต่เป็นเพราะตรงส่วนง่ามนิ้วมือของเขามันเกิดการฉีดขาด เลือดไหลทะลัก เนื่องจากการโจมตีอันรุนแรงเมื่อครู่

 

‘ยังคงอ่อนแอเกินไป!’ ความรู้สึกที่ว่าร่างกายตนที่ทั้งเล็กจ้อยและอ่อนแอเช่นนี้ มันเคยเกิดขึ้นเมื่อนานเท่าไหร่แล้ว ฉินเฟิงเองก็ไม่สามารถจดจำได้ชัดเจนนัก

 

วินาทีนั้นเอง ดวงตาของฉินเฟิงหรี่แคบลง ในแววตาพลันเปลี่ยนเป็นมืดมิด คล้ายดั่งช่วงเวลากลางคืนที่ไร้ซึ่งแสงไฟ จากนั้น พลังงานที่มองไม่เห็นจากร่างศพเขี้ยวทารกก็เริ่มถูกดูดกลืนเข้ามา หลอมรวมกับภายในร่างกายของฉินเฟิง

 

แผลในมือเขาได้รับการสมานอย่างรวดเร็ว เศษเนื้อร้ายที่ไม่ดีหลุดลอกออก มันถูกรักษาหายเป็นปลิดทิ้งราวกับไม่เคยได้รับบาดเจ็บมาก่อน

 

และนี่เองคือพลังพิเศษของฉินเฟิง!

 

‘ดูดกลืน!’

 

สีหน้าของฉินเฟิงเผยให้เห็นถึงร่องรอยของความตกใจและตื่นเต้น

 

ตามความทรงจำในชีวิตก่อนหน้า ตนเองจำได้ว่าเมื่อพลังพิเศษถูกปลุกให้ตื่นขึ้นมา มันคือความสามารถอันคงกระพัน โลกทั้งใบล้วนตื่นตะลึงกับผลลัพธ์ของพลังพิเศษนี้ จนสุดท้ายก็จบลงที่เขาถูกจับตัวไปทดลองนั่นเอง

เพียงดูดกลืนพลังงานจาก ‘ศพสัตว์ร้ายที่เพิ่งตายลงไป’ ก็จะสามารถเสริมสร้างความแข็งแกร่งและรักษาตนเองได้ ตรงจุดนี้เองที่ทำให้เขาสามารถรอดตายจากสถานการณ์ที่ไม่น่าจะเป็นไปได้ในชีวิตก่อนหน้าอยู่หลายครั้ง

 

ในชีวิตนี้ หากพลังพิเศษของเขาไม่ได้ถูกทำลายจนด้อยอำนาจลงโดยผลจากการทดลอง … มันจะทรงประสิทธิภาพขนาดไหนกันนะ?

ฉินเฟิงรู้สึกว่าเพียงเขาดูดซับพลังงานจากร่างศพของเขี้ยวทารก พละกำลังร่างกายก็ค่อยๆเพิ่มพูนขึ้น

 

ประมาณการคร่าวๆ หากเขาสังหารเขี้ยวทารกได้สักสิบตัว แล้วดูดกลืนพวกมัน พลังงานที่ได้มาอาจจะทำให้เขาทะยานขึ้นไปสู่เลเวล G2 เลยก็ได้!

ในเมื่อเป็นแบบนี้แล้ว ยังจะมามัวรออะไรอยู่อีกเล่า?

 

ฉินเฟิงรู้สึกว่าเขาไม่ได้ตื่นเต้นแบบนี้มานานแล้ว!

 

ในระยะไกลออกไป เขี้ยวทารกที่เห็นพรรคพวกตกตาย ก็เริ่มกรีดร้อง และพุ่งเข้ามาหาฉินเฟิง

 

สองเขี้ยวทารกประกบหนึ่งซ้ายหนึ่งขวา คิดหมายโอบล้อมโจมตีเขา

 

ฉินเฟิงถอยกลับไปก้าวหนึ่งเพื่อเลี่ยงสถานการณ์ถูกรุมล้อม

 

เขาตบมือสัมผัสลงตรงเอว หยิบมีดสั้นเล็กๆที่ยาวเพียงสิบเซนติเมตรออกมา โบกสะบัดคมกล้า สาดแสงเย็นเข้าหาเขี้ยวทารก

 

“ฉัวะ!”

 

ในพริบตา คอของเขี้ยวทารกก็ถูกตัดเฉือนโดยฉินเฟิง ร่างน้อยๆที่กระโจนเข้าใส่ร่วงตกลง หากมิใช่เพราะผิวหนังหนาส่วนหลังของลำคอ หัวของมันคงหลุดกระเด็นแยกออกจากลำตัวไปแล้ว

 

เลือดสาดกระจายไปทั่ว!

 

ฉินเฟิงยกเท้าข้างหนึ่งขึ้น และเหวี่ยงฟาดเข้าใส่ร่างของเขี้ยวทารกตัวที่สองเต็มรัก ส่งมันปลิวถอยกลับไปไกลกว่าสามเมตร จึงค่อยร่วงลงกับพื้น

 

และไม่ยินยอมเปิดโอกาสใดๆให้แก่มัน เขากระโจนตามไปข้างหน้าทันที สองมือยกสูง ง้างคมมีดขึ้นเหนือหัวและจ้วง! ลงใส่เป้าหมายอย่างดุดัน!

 

ด้วยการทุ่มสุดแรงเพียงครั้งเดียว คมมีดก็สามารถเจาะทะลวงเข้าไปในอกของเขี้ยวทารก ปลายแหลมของมีดทะลุแผ่นหลังกระทบกับพื้นดินหนาเสียงดังกึ้ง!

 

“อุแว๊—”

 

คล้ายกับว่าต้องการจะแจ้งเตือนให้เพื่อนๆสังเกตถึงสถานการณ์ในจุดนี้ เขี้ยวทารกกรีดร้องโหยหวนเสียงแหลม -ราวกับเสียงหอนของหมาป่า เขี้ยวทารกตนอื่นๆเริ่มร้องขานรับตาม

 

ปรากฏเขี้ยวทารกหลายตัวพุ่งเข้ามา

 

ทว่าเฉินเฟิงกลับยังคงสงบจนน่าประหลาดใจ ในสมองของเขาเริ่มทำการคิดคำนวณทันที งัดกลยุทธ์สังหารทีละหนึ่ง ทีละหนึ่งออกมา!

 

นี่เกิดจากประสบการณ์ต่อสู้ในชีวิตก่อนหน้าของเขา ที่มีมากมายจนเกินไป มันจึงเกินพอที่จะใช้จัดการกับเขี้ยวทารกเหล่านี้ได้

 

อย่างไรก็ตาม ร่างกายของเขากลับไม่สามารถเคลื่อนไหวให้ทันตามจังหวะที่สมองคิด ไหนจะเขี้ยวทารกที่มีมากมายเกินไป มันพุ่งมาจากทุกทิศทาง จนสุดท้ายมีตัวหนึ่งหลุดจากการป้องกัน กระโจนเข้างับเขา

 

“งั่ม!” เขี้ยวทารกใช้ฟันอันแหลมคมกัดเข้าใส่อย่างแรง ความเจ็บจากเขี้ยวแหลมจี๊ดขึ้นมาทันที

 

คมเขี้ยวฝังลึกลงบนน่องของเขา เลือดไหลทะลัก -มันเลือกที่จะโจมตีจุดนี้เป็นจุดแรกเพราะไม่ต้องการจะให้ตัวเขาหลบหนี!

 

อย่างไรก็ตาม ที่น่ากลัวยิ่งกว่าก็คือเขี้ยวทารกอีกตัวหนึ่งต่างหาก เพราะเป้าหมายโจมตีของมันในเวลานี้ คือบริเวณคอของเขา!

 

ในช่วงเวลาวิกฤตินั้นเอง

 

สีหน้าของฉินเฟิงแปรเปลี่ยนกลับกลาย เขายกแขนข้างหนึ่งขึ้น เพื่อใช้ป้องกัน

 

และฟันแหลมของเขี้ยวทารกก็งับเข้าใส่แขนเขาทันที แต่อย่างน้อยเจ้าตัวก็ยังรักษาคอของตนเอาไว้ได้

 

“ตายซะ!”

 

ฉินเฟิงคำรามด้วยความโกรธ เหวี่ยงแขนฟาดลงกระแทกกับพื้นอย่างแรง

 

เขี้ยวทารกกรีดร้องสยองเกล้า บังเกิดเสียง ‘กร๊อบ’ ของกระดูกที่แตกหักขึ้นทันใด เขี้ยวทารกที่งับแขนของเขา บัดนี้ทั้งหัวทั้งตัวแหลกแหลว เรียกได้ว่าแทบจะอยู่ในสภาพป่นปี้

 

แต่ในเวลานั้นเอง อีกตัวหนึ่งก็ฉวยโอกาส กระโจนเข้ามาด้วยความดุร้าย

 

แม้จะเป็นสัตว์ร้ายระดับต่ำ แต่ก็อยู่ร่วมกันเป็นฝูง และการโจมตีของพวกมันก็แม่นยำ แต่ละตำแหน่งที่เลือกโจมตีเองก็ไม่เลวเลยเช่นกัน

คราวนี้ มันอ้าปากกว้าง คล้ายกับพร้อมที่จะกลืนกินทั้งหัวของฉินเฟิงในคราวเดียว

 

ดวงตาของฉินเฟิงหดลีบลงอย่างรวดเร็ว

 

แต่ในเวลานั้นเอง ไม้เบสบอลที่มีสีขาวราวหิมะก็เหวี่ยงวูบ! -ปงงงง! หวดเข้าใส่เขี้ยวทารก ส่งมันปลิวกระเด็นออกไป

 

พร้อมกันกับร่างของโจวฮ่าวที่ปรากฏกายขึ้นเบื้องหน้าของฉินเฟิง

 

ร่างของโจวฮ่าวยังคงสั่นสะท้าน แต่เขาก็ไม่รีรอให้เสียเวลา หันกลับมาแล้วฟาดไม้เบสบอลเข้าใส่สัตว์ร้ายที่งับขาของฉินเฟิง

 

“ใจเย็นเข้าไว้ตัวฉัน มันก็แค่สัตว์ร้ายระดับต่ำ ใจเย็นเข้าไว้”

 

อย่างไรก็ตาม เนื่องจากเกรงว่าจะสร้างความเจ็บปวดให้แก่ฉินเฟิง โจวฮ่าวจึงไม่กล้าฟาดแรงจนเกินไป

 

สุดท้ายจำต้องฟาดอยู่หลายครั้ง เขี้ยวทารกตัวที่งับขาของฉินเฟิงอยู่จึงยอมคลายฟันอันแหลมคมของมันลง และถูกเตะกระเด็นออกไป

 

แม้ร่างกายที่ได้รับบาดเจ็บจะสามารถฟื้นฟูตนเองได้อย่างรวดเร็ว แต่ในภายนอก สภาพของฉินเฟิงดูได้รับบาดเจ็บสาหัส

 

โจวฮ่าวสั่นไหว อะดรีนาลีนจากทั้งคนทั้งร่างของเขาเริ่มปะทุ ใบหน้าแดงก่ำ ปากอ้าสูดอากาศหายใจเข้าปอดอย่างรุนแรง

 

นี่มันน่าตื่นเต้นมากเกินไป!

 

ในทันที เมื่อเห็นถึงบาดแผลของฉินเฟิง โจวฮ่าวก็เริ่มช็อค

 

“ฉินเฟิง นายไม่เป็นอะไรนะ!”

 

“ฉันไม่เป็นไร”

 

ฉันเฟิงส่ายหัว  ขณะเดียวกันในเวลานั้นเอง ในที่สุดหน่วยลาดตระเวนก็ปรากฏกายออกมา พวกเขาแทรกตัวฝ่าฝูงชนที่กำลังวุ่นวาย และเข้าปิดล้อมถนนหลัก

 

“ตอนนี้ … ถึงเวลาที่พวกเราควรจะหนีกันได้แล้วใช่ไหม?” เมื่อต้องเผชิญกับสถานการณ์ดังกล่าว โจวฮ่าวก็ไม่รู้ว่าสมควรจะต้องทำอย่างไรดี

 

“ไม่! ยังไปไม่ได้” ฉินเฟิงส่ายหัว “เนื่องจากหน่วยลาดตระเวนมาที่รอยแยกมิตินี้ ดังนั้นจึงมีเพียงที่นี่เท่านั้นที่ปลอดภัย!”

 

เขายังคงหวาดระแวงว่าอาจจะมีรอยแยกมิติอื่นปรากฏขึ้นมาอีกก็ได้

 

แต่แน่นอน ว่าแท้จริงแล้วรอยแยกมิติปรากฏขึ้นที่บริเวณนี้เพียงแห่งเดียวเท่านั้น

 

อย่างไรก็ตาม ในชีวิตก่อนหน้า ฉินเฟิงมิได้ตระหนักถึงข้อนี้

 

เพราะในเวลานั้น เหตุการณ์นี้ มันได้นำไปสู่การไล่ล่าของเขี้ยวทารกจำนวนมาก  เข่นฆ่าผู้คนไปมากมาย และในจำนวนนั้นยังรวมไปถึงโจวฮ่าวด้วย

 

นับว่าโชคดีจริงๆ ที่ในตอนนี้ทุกอย่างมันจบลงแล้ว!

 

ช่วงเวลานั้นเอง เห็นแค่เพียงเปลวไฟที่ลุกไหม้บนอุปกรณ์มิติเริ่มมอดดับลง ปรากฏแสงสีเงินปะทุขึ้น สาดไปทั่วฟ้า

 

พร้อมกันกับแสงนี้ที่ตกลง ฉินเฟิงกับโจวฮ่าวก็พบว่ารอยแยกมิติค่อยๆเล็กลง และในที่สุดก็หายไป

 

โจวฮ่าวที่เพิ่งเคยเห็นฉากนี้ เฝ้ามองด้วยความประหลาดใจ ปรากฏร่องรอยของความอยากรู้อยากเห็นบนใบหน้าของเขา

 

ในความเป็นจริง หากพวกเขาสามารถปลุกพลังพิเศษให้ตื่นขึ้นมาได้แล้ว นี่คือสิ่งที่จะต้องพบเจออีกบ่อยๆในอนาคต

 

“ตรู๊ด ตรู๊ด ถนนหมายเลข 12 ได้ทำการกวาดล้างเรียบร้อยแล้ว จะเริ่มนับยอดความเสียหาย ณ บัดนี้”

 

“มี 13 คนที่เสียชีวิต! ส่วนผู้บาดเจ็บมีเป็นจำนวนมาก!”

 

“แต่สถานการณ์ปลอดภัยแล้ว!”

 

หน่วยลาดตระเวนเดินกันให้วุ่น กระจายไปตามจุดต่างๆเพื่อยืนยันจำนวนผู้เสียชีวิต ฉินเฟิงเฝ้ามองดูฉากทั้งหมดด้วยความเยือกเย็น ไร้ซึ่งการเคลื่อนไหวใดๆ

 

ตรงกันข้ามกับโจวฮ่าว ที่ได้สติกลับคืน ทั้งคนทั้งร่างเริ่มหายจากอาการตื่นตัว สีหน้าในตอนนี้ของเขาค่อยๆกลายเป็นซีดขาว

 

ในช่วงเวลาสั้นๆ กว่า 13 คนได้เสียชีวิตลง หากไม่ใช่เพราะฉินเฟิงดึงดูดความสนใจของพวกมันแล้วล่ะก็ เกรงว่าคงจะมีคนตายอีกเป็นจำนวนมาก

 

ณ จุดนั้นเอง ชายที่ติดเหรียญตราหน่วยลาดตระเวนบนอก ก็เดินมาถึงเบื้องหน้าของฉินเฟิง

หน่วยลาดตระเวณ คือหน่วยที่มีหน้าที่แบบเดียวกับตำรวจ เนื่องจากในยุคนี้ ผู้คนที่มีพลังพิเศษ ครอบครองอำนาจทำลายล้างอันมหาศาล ดังนั้น หากมีการบาดหมางกันขึ้น ก็อาจนำไปสู่เหตุการณ์ที่ผู้แข็งแกร่งไล่ล้างบางพวกอ่อนแอกว่าก็ได้

ด้วยเหตุนี้เอง จึงย่อมเป็นธรรมดาที่หน่วยลาดตระเวนจะได้รับหน้าที่รักษากฏหมาย และความสงบเรียบร้อย เหมือนกับตำรวจ นี่ยังรวมไปถึงการปกป้องความปลอดภัยของสถานที่ชุมชนอีกด้วย

 

“พวกเขี้ยวทารกที่ตายลงแถวๆนี้เป็นฝีมือของพวกเธอสองคนใช่รึเปล่า? ดี ดีมาก เจ้าหนู พวกเธอนี่มันพระเอกตัวจริง!” ชายคนนั้นกล่าวด้วยรอยยิ้ม เขาเป็นคนที่มีขนาดตัวไม่สูงมากนัก น่าจะราวๆ 170 ซม. แต่กลิ่นอายรอบตัวกลับไม่ธรรมดา ดังนั้นฉินเฟิงจึงไม่คิดดูถูกฝ่ายตรงข้าม!