เหยาเหยียนอี้จับขอบเรือแล้วมองไปด้านหลังเรือที่บรรทุกยาสมุนไพรแต่ละลำโคลงไปเคลงมาบนผืนน้ำ คนที่อยู่บนเรือกำลังใช้โซ่เหล็กล่ามเรือแต่ละลำให้เชื่อมกัน ถังเซียวอี้ในชุดสีขาวยืนอยู่บนดาดฟ้าพร้อมสั่งการด้วยเสียงสู งส่วนเว่ยจางกลับหายตัวไปไม่เห็นแม้แต่เงา
“คุณชายรอง!” ในมือของจินหวนกางร่มแล้วเดินออกจากห้องโดยสาร ยังไม่ทันพูดอะไรออกมากลับมีลมแรงพัดกระโชกทำให้ร่มกระดาษมันที่มีโครงร่มสิบหกซี่ถูกพัดจนพังทันที
“กลับไป!” เหยาเหยียนอี้หันไปตะโกนใส่ “ปิดประตูให้ดี!”
จินหวนแค่โผล่หน้าไปแวบเดียวเสื้อผ้าก็ชุ่มเปียกน้ำฝน ร่มในมือก็พัง ทำได้เพียงถอยหลังกลับไป
เหล่าสตรีที่อยู่ในห้องโดยสารต่างก็แอบเช็ดหยาดเหงื่อที่ซึมออกมา มีเพียงยัยหนูน้อยเหยาชุ่ยฮั่นนอนอยู่กลางอ้อมกอดของแม่นมและหลับอย่างสบายใจ
หนิงฮูหยินน้อยหันกลับไปมองนางเพียงพริบตาเดียวพร้อมอุทานขึ้น “เด็กคนนี้กลับหลับฝันหวานขนาดนี้เชียว”
“เจี่ยเอ๋อร์ช่างเป็นเด็กที่มีวาสนานัก” แม่นมอุ้มยัยหนูน้อยไว้ในอ้อมกอดด้วยความรักใคร่และเอ็นดู
แม้นเหยาเยี่ยนอวี่จะนั่งอยู่บนตั่งไม้แล้วไม่พูดไม่จา ภายในใจกลับรู้สึกกังวลมาก ยิ่งเรือสองสามลำที่บรรทุกยาสมุนไพร หากเกิดเหตุสุดวิสัยขึ้นมา ทุกคนก็คงหนีไม่พ้นกับภาระหน้าที่นี้
ได้ยินเสียงฟ้าคำราม หยาดฝนเทลงมาอย่างหนัก ภายในใจของคุณหนูเหยาลอบด่าทอ ฝนห่าใหญ่นี่สมควรตายยิ่งนัก!
เหยาเหยียนอี้ก็ไม่ได้อยู่ด้านนอกเป็นเวลานาน หลังจากมองเรือทั้งหมดเชื่อมด้วยโซ่เหล็กแล้วก็รู้สึกวางใจลงไม่น้อย
“ท่านพี่!” หนิงฮูหยินน้อยพลันลุกขึ้นและเดินไปข้างหน้ามองเหยาเหยียนอี้ที่เปียกโชกไปทั้งตัว รู้สึกเป็นห่วงจวนใจจะขาดแล้วสั่งการจินหวน “ไปต้มน้ำขิงมาเดี๋ยวนี้!”
เหยาเหยียนอี้ผายมือ “ช่างเถอะ เวลานี้จะจุดเตาไฟได้อย่างไรกัน”
หนิงฮูหยินน้อยเพิ่งจะนึกขึ้นได้ว่าตัวเองอยู่บนเรือ เพราะว่าอากาศร้อน ปกติพวกเขาจะยกเตาไปจุดไฟที่ดาดฟ้าด้านนอก ในห้องโดยสารไม่ได้เตรียมอุปกรณ์ใดๆ ที่ใช้ในการจุดไฟ ตอนนี้ฝนตก เตาไฟถูกน้ำฝนสาดจนเสียไปแล้ว แล้วจะต้มน้ำขิงได้อย่างไร
เหยาเยี่ยนอวี่พลันพูด “พี่รองรีบเข้าไปเปลี่ยนเสื้อผ้าให้ตัวแห้งเถอะ บอกให้ชุ่ยเวยใช้วิธีการรมยาขับพิษเย็นให้ท่านพี่เอา”
เหยาเหยียนอี้พยักหน้าแล้วกลับเข้าไปในห้องโดยสาร จินหวนและเสวี่ยเหลียนจึงรีบตามเข้าไปปรนนิบัติรับใช้เขา
ฝนตกหนักราวๆ ครึ่งชั่วยามก็เริ่มซาลงมาบ้าง แค่ได้ยินเสียงฝนตก ทว่ากลับไม่ได้ยินเสียงลมพัดอีก
หนิงฮูหยินน้อยสั่งให้แม่นมของฮั่นเจี่ยเอ๋อร์ไปนอนก่อน เหยาเหยียนอี้ก็หันไปมองทุกคนเพียงพริบตาเดียวแล้วพูดขึ้น “พวกเจ้าก็ไปนอนกันเถอะ ไม่มีเรื่องอะไรแล้ว” กล่าวจบเขาก็สวมใส่เสื้อคลุมกันน้ำและหมวกทรงกรวยออกไปสังเกตการณ์ด้านนอก เหยาเยี่ยนอวี่ก็สาวเท้าตามออกไปด้วย น้าตู้ซานที่อยู่ด้านหลังพลันกางร่มเดินตามไป
“เจ้ายังไม่ไปนอนอีก” เหยาเหยียนอี้หันกลับไปมองเหยาเยี่ยนอวี่เพียงแวบเดียว
“ข้าไม่วางใจ” ฝนซาลงจริงๆ ทว่ายังคงไม่ควรละเลย เหยาเยี่ยนอวี่ลอบถอนหายใจ ฝนเพิ่งจะเริ่มไม่นานก็เข้าสู่ฤดูฝนแล้ว ต่อจากนี้ก็ยังไม่รู้ว่าจะผ่านฝนอีกกี่ครั้งถึงจะเดินทางไปถึงเมืองหลวงอวิ๋น
“มีอะไรไม่น่าวางใจเล่า ข้ากับจวินเสี่ยนก็นึกถึงแล้วตอนนี้ยังไม่ถือว่าถึงฤดูฝนอย่างเป็นทางการ แต่ถ้าอีกครึ่งเดือนก็คงจะลำบาก ทว่า…หลังจากครึ่งเดือนผ่านไป พวกเราก็ถึงเมืองหลวงอวิ๋นแล้ว” เหยาเหยียนอี้พูดขึ้นแล้วคลี่ยิ้มบางๆ
พอพูดเช่นนี้ก็มีกระแสลมพัดผ่านทันที เหยาเยี่ยนอวี่หันไปมองเว่ยจางที่เปียกแฉะไปทั้งตัวยืนอยู่ข้างกายนาง จากนั้นก็มีแสงสีขาวแวบผ่าน ท่านรองแม่ทัพถังที่อยู่ในชุดสีขาวโพลนก็เหาะผ่านไปแล้วยืนอยู่บนดาดฟ้าอย่างแผ่วเบา
เหยาเยี่ยนอวี่พลันเอาร่มในมือของน้าตู้ซานมาแล้วสั่งการ “รีบไปเอาร่มมาอีกสองคัน”
“ไม่ต้องแล้ว” เว่ยจางผายมือ นี่ก็เปียกไปทั้งตัวแล้ว จะกางหรือไม่กางร่มก็เหมือนกัน
“เช่นนั้นก็ไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเถอะ” เหยาเหยียนอี้พูดขึ้น
“พี่เหยา ทางนี้มีสตรีมากเกินไปคงไม่สะดวก” เว่ยจางส่ายหน้า “ข้ามาก็เพื่อที่จะบอกท่านว่า ดูจากฝนที่ตกลงมาครั้งนี้ ไม่รู้ว่าการสัญจรทางน้ำด้านหน้าจะมีปัญหาหรือไม่ หากมีปัญหาพวกเราต้องเปลี่ยนเป็นเดินทางทางบกเอา พี่เหยามีการวางแผนเช่นนี้หรือไม่”
“ไม่หรอกกระมัง” เหยาเหยียนอี้ขมวดคิ้ว ฝนตกลงมาแค่ครั้งนี้จะทำให้แม่น้ำอวิ๋นเทียนยังเกิดปัญหาทำนบพังเลยหรือ
“ห่างจากที่นี่ไปหนึ่งร้อยยี่สิบลี้เป็นจุดบรรจบกันระหว่างแม่น้ำอวิ๋นเทียนและแม่น้ำจิน แม่น้ำจินและแม่น้ำอวิ๋นเทียนไม่เหมือนกัน นั่นคือแม่น้ำธรรมชาติช่วงฤดูน้ำหลากของทุกปีก็มักจะเกิดปัญหาทำนบพัง ตอนนี้ฝนยังคงตกไม่หยุด ข้าคิดว่าสถานการณ์ตอนนี้ของแม่น้ำจินอาจเกิดเหตุไม่คาดคิด”
เหยาเยี่ยนอวี่เอ่ยถามด้วยคิ้วขมวด “เจ้ารู้ได้อย่างไรว่าอีกหนึ่งร้อยลี้ฝนยังตกอีก”
“ฝนที่ตกตอนนี้มาจากทิศเหนือ ข้ากล้าพูดว่าน้ำฝนในเขตตอนเหนือคงจะหนักกว่าที่นี่ ไม่มีทางเบากว่าแน่นอน”
“งั้นก็คงลำบากแล้ว!” เหยาเหยียนอี้ขมวดคิ้ว “หากเดินทางทางบกเกรงว่าจะช้าเกินไป อีกอย่างการเดินทางทางบกไปยังเมืองหลวง ถนนหนทางบนหุบเขาก็กันดารนัก หากไม่ขนส่งสินค้าทางน้ำแล้ว ข้าเกรงว่าพวกอันธพาลจะมาสร้างเรื่องสร้างปัญหาเอา”
“ท่านแม่ทัพส่งคนไปลาดตะเวนบนชายฝั่งแล้ว” ถังเซียวอี้มองผืนน้ำด้วยนัยน์ตาที่มัวหมอง “ก่อนฟ้ารุ่งสาง ห่างจากตอนนี้อีกสองชั่วยามก็คงจะได้รับข่าวสาร ทุกคนถือเวลานี้นอนพักกันก่อนเถอะ”
“ทำได้เพียงเท่านี้แล้ว” เหยาเหยียนอี้ขมวดคิ้วเป็นปม นึกไม่ถึงว่าวันแรกที่ออกจากเมืองเจียงหนิงก็เจอกับปัญหาเช่นนี้ ทำให้รู้สึกเคร่งเครียดจริงๆ
เว่ยจางมองเหยาเยี่ยนอวี่ที่นิ่งเงียบไม่พูดไม่จาใดๆ เพียงพริบตาเดียวแล้วพูดด้วยความอ่อนโยน “อย่างไรก็ต้องมีทางออกอยู่แล้ว กระวนกระวายไปก็ไร้ประโยชน์ กลับไปพักผ่อนก่อนเถอะ”
เหยาเยี่ยนอวี่เงยหน้ามองเขาเพียงแวบเดียว ในสถานการณ์อันยุ่งวุ่นวายนี้ นัยน์ตาของเขานิ่งสงบเป็นพิเศษ ทำให้ส่วนลึกในใจของนางเกิดความเชื่อมั่น แม้กระทั่งไม่รู้ว่าวันข้างหน้าจะเกิดเรื่องอะไรขึ้นก็เชื่อใจเขาว่าจะจัดการทุกอย่างได้อย่างเหมาะสม
ฝนยังคงตกลงมาเรื่อยๆ เหยาเยี่ยนอวี่กังวลว่าเว่ยจางและถังเซียวอี้จะยืนตากฝนจนไม่สบายเอา ด้วยเหตุนี้จึงพูดขึ้น “ปล่อยให้เป็นเช่นนี้ไปก่อน รอให้ถึงรุ่งสางค่อยว่ากัน”
“อืม” เหยาเหยียนอี้พยักหน้า “ทั้งสองท่านรีบกลับไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเถอะ”
ถังเซียวอี้ยกยิ้ม “นี่เป็นเรื่องเล็กน้อย อากาศร้อนระอุเช่นนี้ถือโอกาสอาบน้ำให้สบายตัว”
เว่ยจางพยักหน้าให้สองพี่น้องตระกูลเหยาแล้วพูดขึ้น “รีบกลับไปพักผ่อนเถอะ ขอตัวก่อน”
เหยาเยี่ยนอวี่มองเขากระโดดจากห้องโดยสารลงไปบนเรือลำเล็กหนึ่งลำ จากนั้นก็ยืนอยู่บนดาดฟ้าของเรือลำนั้นแล้วกระโดดไปบนเรือลำอื่นอย่างต่อเนื่องอีกหลายลำจนกลับถึงเรือแบนที่เป็นลำประจำของเขากับถังเซียวอี้ถึงจะลอบถอนหายใจออกมาหนึ่งที
ถังเซียวอี้พุ่งไปตรงหน้าเหยาเหยียนอี้พร้อมประสานมือคารวะกล่าวอำลาจากนั้นก็จากไป
สองพี่น้องตระกูลเหยาสบตากัน ใครก็ไม่พูดไม่จา ทว่าภายในใจต่างก็กังวลเหมือนกัน
พอกลับถึงห้องโดยสารชั้นสาม เฝิงหมัวมัวเตรียมน้ำอุ่นและเสื้อผ้าสะอาดไว้แต่เนิ่นๆ ด้วยเหตุนี้จึงเกลี้ยกล่อม “คุณหนูตัวเปียกหมดแล้ว รีบมาแช่น้ำอุ่นหน่อยเถอะ”
“อืม” เหยาเยี่ยนอวี่ยืนอยู่ตรงหน้าอ่างอาบน้ำให้สาวใช้สองคนถอดเสื้อ จากนั้นก็ยกเท้าก้าวลงไปในอ่างอาบน้ำ