ตอนที่ 145 หลี่อ๋องพิโรธ

ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ

ใครเล่าจะคาดว่าสิ่งของล้ำค่าเหล่านี้จะถูกเมินเฉยไปเสียได้  สิ่งของอันล้ำค่าเหล่านี้ พวกเขาตั้งใจคัดสรรนำมามอบให้อย่างดีแล้วแท้ ๆ ท่านผู้นำตระกูลมู่กลับปฏิเสธอย่างไม่ใยดี

ปากของท่านรองเจ้าสำนักกระตุกเล็กน้อย “ท่านผู้นำตระกูลมู่ต้องการสิ่งของใดแทนคำขอโทษ บอกข้ามาตรง ๆ เถิด”

“หอหมอปีศาจของสหายข้า เพิ่งจะเปิดการค้าที่แคว้นชิง  สมุนไพรวิญญาณยังขาดอยู่เล็กน้อย หากรองเจ้าสำนักอยากจะขอโทษด้วยความจริงใจ ก็จงนำของเหล่านี้ไปมอบให้ที่หอหมอปีศาจเถอะ” มู่เฉียนซีกล่าว นางยื่นใบรายการสมุนไพรวิญญาณให้กับอิ๋นลี่

รองเจ้าสำนักผงะไปครู่หนึ่ง จากนั้นกล่าวขึ้น “หอหมอปีศาจ ข้าได้ยินมาว่าหมอปีศาจผู้นี้มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับตระกูลมู่ ตกลงแล้วท่านผู้นำตระกูลมู่กับหมอปีศาจมีความสัมพันธ์อันใดกันหรือ ?”

เมื่อได้ยินคำถามนี้อีกครั้ง ซวนหยวนหลี่เทียนกรุ่นโกรธจนหน้าใบเขียวคล้ำ

มู่เฉียนซีมุมปากกระตุกเล็กน้อย การกระทำนี้ของนางยิ่งทวีความโกรธของซวนหยวนหลี่เทียนมากขึ้นไปอีก  นางกล่าว “คำถามนี้เป็นคำถามที่หลี่อ๋องถามข้าเมื่อครู่ หากรองเจ้าสำนักใคร่อยากจะรู้ ก็ถามหลี่อ๋องเอาแล้วกัน”

“สองวันมานี้ที่หอหมอปีศาจยุ่งมากจนข้ารู้สึกทั้งเหนื่อยทั้งเพลีย ข้าต้องขอตัวไปพักผ่อนก่อนแล้ว” มู่เฉียนซีกล่าว น้ำเสียงของนางเหน็ดเหนื่อยไม่ปกปิด

นางปรุงยารักษาและยาพิษเป็นจำนวนมาก จากนั้นก็ไปจวนไป๋กั๋วกง นางจะไม่เหน็ดเหนื่อยได้อย่างไร ?

ทว่าเมื่อคำพูดนี้เข้าหูซวนหยวนหลี่เทียน กลับทำให้เขาโกรธกำหมัดแน่น กลิ่นอายจิตสังหารแผ่กว้างไปในบริเวณรอบ ๆ จนทำให้มู่หรูอวิ๋นรู้สึกกลัวขึ้นมา

มู่หรูอวิ๋นกระซิบถาม “ท่านพี่หลี่เทียนเป็นอะไรไปหรือ ?”

รองเจ้าสำนักถามเช่นกัน “หลี่อ๋อง ไม่ทราบว่าท่านจะไขข้อสงสัยให้ข้าได้หรือไม่ ?”

หากเป็นคนอื่นมาถามเซ้าซี้ในขณะที่โกรธอยู่นี้ มีหวังโดนซวนหยวนหลี่เทียนไล่ตะเพิดไปเป็นแน่แท้ ทว่านี่เป็นรองเจ้าสำนักจินติ่ง สำนักจินติ่งมีความแข็งแกร่งมากพอที่จะทำลายล้างราชวงศ์ซวนหยวนได้ ด้วยเหตุนี้ เขาจะทำตัวเป็นคนไร้ซึ่งเหตุผลกับคนของสำนักจินติ่งไม่ได้

เขาจำใจต้องไขข้อสงสัยนี้ให้กับรองเจ้าสำนักจินติ่งได้รับรู้

หลังจากที่ได้ยินคำตอบแล้ว รองเจ้าสำนักจินติ่งพึมพำ “คิดไม่ถึงว่าท่านผู้นำตระกูลมู่กับหมอปีศาจผู้ลึกลับนั่น จะมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกันขนาดนั้น”

เขาเห็นสีหน้ากรุ่นโกรธเขียวคล้ำของซวนหยวนหลี่เทียนจึงกล่าวขึ้นว่า… “หลี่อ๋อง ท่านอย่าไปใส่ใจกับเรื่องนั้นเลย ท่านผู้นำตระกูลมู่นางยังเด็ก ทำอะไรตามอำเภอใจ  อีกอย่าง ตอนนี้นางก็มิได้เป็นว่าที่พระชายาของท่านแล้ว เรื่องเช่นนี้อย่าเก็บมาใส่ใจไปเลย  ออกมาได้ก็ถือว่าดีแล้วมิใช่หรือ ? อย่างไรเสีย ตอนนี้ข้างกายท่านก็มีสตรีงดงาม เก่งกล้าสามารถดั่งเช่นแม่นางหรูอวิ๋นอยู่ ถือเป็นเรื่องที่ดียิ่ง”

มู่หรูเหยียนได้ยินคำชื่นชมเช่นนี้แล้ว ก้มหน้าเขินอายอย่างถ่อมตัว ทว่าสีหน้าซวนหยวนหลี่เทียนกลับไม่สู้ดีนัก   ใต้หล้านี้มีสตรีมากเหลือคณานับที่รักเขา ทว่ามู่เฉียนซีผู้ที่รักเขาในแต่ก่อนกลับเปลี่ยนใจ มาบัดนี้เขาเองก็คว้านางเอาไว้ไม่ได้แล้ว

อิ๋นลี่ “เช่นนั้นข้าขอลา”

ในใจของมู่หรูอวิ๋นตอนนี้รู้สึกอิจฉาริษยามู่เฉียนซียิ่งนัก เป็นเพราะมู่เฉียนซี นางสามารถควบคุมอารมณ์ความรู้สึกของท่านพี่หลี่เทียนที่รักของนางได้ ทำให้ท่านพี่หลี่เทียนขวัญหนีดีฝ่อได้ถึงเพียงนี้ นางเป็นผู้ไร้ชื่อเสียง ต้องอยู่กับท่านพี่หลี่เทียนด้วยความกล้ำกลืนฝืนใจ แต่ตอนนี้กลับไม่ได้รับความรักจากเขาเลย

เหตุใดมู่เฉียนซีผู้เย่อหยิ่ง ยั่วยวนบุรุษไปทั่ว ถึงได้รับความสนใจจากท่านพี่หลี่เทียนมากมายเยี่ยงนี้ ?

มู่หรูอวิ๋นเดินเข้าไปใกล้ ๆ ซวนหยวนหลี่เทียนก่อนจะกล่าวว่า “ท่านพี่หลี่เทียน ยังมีหรูอวิ๋นอยู่ตรงนี้ทั้งคน หรูอวิ๋นให้คำมั่นสัญญาว่าจะรักท่านพี่หลี่เทียนตลอดไป”

“ไสหัวไป!”

ความโกรธของซวนหยวนหลี่เทียนทั้งหมดระเบิดออกมาอย่างมิอาจห้ามเอาไว้ได้ ไม่พูดเปล่า หลี่อ๋องผลักร่างของมู่หรูอวิ๋นอย่างแรง

— ตุบ! —

ร่างมู่หรูอวิ๋นล้มลงกับพื้น นางเงยมองซวนหยวนหลี่เทียน ตีใบหน้าน่าสงสาร ทว่าหลี่อ๋องกลับจ้องมองนางด้วยสายตาดุร้ายเคืองแค้น

“เจ้า! หากไม่มีเจ้า ข้ากับซีเอ๋อร์คงไม่เป็นเช่นนี้!”

สีหน้าของมู่หรูอวิ๋นซีดขาวราวกระดาษเมื่อได้ยินคนรักดุด่าออกมาอย่างไร้ปรานี

“ฮือ ๆ ๆ” นางร้องห่มร้องไห้เพื่อให้ซวนหยวนหลี่เทียนสงสาร  ซวนหยวนหลี่เทียนที่จิตใจกำลังสับสนวุ่นวายไม่เหลือใจจะมาสนใจนางอีก เขาย่ำเท้าพรวดออกไปโดยไม่แยแสนางแม้แต่น้อย

ดวงตาของมู่หรูอวิ๋นมีน้ำตาเอ่อล้น นัยน์ตานางเต็มไปด้วยความอิจฉาริษยาและความโกรธแค้น  ท่านพี่หลี่เทียนสนใจแต่นางบ้ามู่เฉียนซีนั่น ทั้งอารมณ์และความรู้สึกของท่านพี่หลี่เทียนตอนนี้ก็ขึ้นอยู่กับนางมู่เฉียนซีหมดแล้วจริง ๆ มิเช่นนั้นเขาคงไม่เก็บเรื่องของนางมาคิดจนโกรธขึ้งได้ถึงเพียงนี้

ทันใดนั้น อิ๋นเจี้ยนกล่าวขึ้นอย่างไม่พอใจ “ท่านลุง มู่เฉียนซีนางเป็นจอมภูตพลังธาตุวารี มีเพียงนางเท่านั้นที่จะทำให้ข้าสามารถทะลวงพลังปรมาจารย์ภูตก่อนที่ข้าจะอายุสามสิบปีได้ ถึงตอนนั้นแล้ว คนในสำนักจะได้ยำเกรงท่านลุงบ้าง”

— เพี๊ยะ! —

อิ๋นลี่ตบหน้าหลานชายอย่างแรง “เจ้า! นับวันเจ้ายิ่งอวดดีมากขึ้น!  กล้าดีอย่างไรไปหาเรื่องท่านผู้นำตระกูลมู่มู่เฉียนซี นางเป็นว่าที่พระชายาของเยี่ยอ๋อง หอหมอปีศาจรวมไปถึงตัวหมอปีศาจลึกลับผู้นั้นก็เป็นคนของนาง เจ้ากำลังหาเรื่องให้พวกเราทั้งหมดต้องตายอย่างไม่เหลือดี เจ้ายังไม่รู้ตัวอีกรึ ?”

เยี่ยอ๋องผู้นั้นน่ายำเกรงอย่างที่สุด เพียงเขาโบกมือเบา ๆ ก็สามารถกวาดล้างทำลายสำนักนิกายป้านซิงให้ย่อยยับได้ ทั้งยังมีหมอปีศาจลึกลับผู้นั้นอีก หากไปยั่วโมโหพวกเขาเหล่านั้น เกรงว่าสำนักจินติ่งของสำนักป้านซิงคงจะต้องพบจุดจบ

การละเมิดนักปรุงยาผู้อาวุโสเช่นนั้น ต่อให้เป็นเขา คนของสำนักจินติ่ง  สำนักจินติ่งก็คงไม่สามารถปกป้องสองลุงหลานคู่นี้ได้เป็นแน่แท้

อิ๋นเจี้ยนถูกท่านลุงของตนตบจนหน้าหงาย

อิ๋นลี่กล่าว “ต่อไปจะทำอะไรก็ใช้สมองอันชาญฉลาดของเจ้าขบคิดให้ดี อย่าไปยุ่งกับผู้ที่เจ้าไม่ควรยุ่งเด็ดขาด มิเช่นนั้นเจ้าอย่าหาว่าข้าไม่เตือน ครั้งนี้ข้าไม่รู้ว่าใครเป็นคนเป่าหูเจ้า หากข้ารู้ ข้าไม่ปล่อยให้มันผู้นั้นตายดีแน่!”

อิ๋นเจี้ยนรีบกล่าวอย่างลุกลี้ลุกลน “อ่า! ท่านลุง ข้ามิกล้าแล้ว ข้ามิกล้าแล้วจริง ๆ  แล้วสมุนไพรวิญญาณเหล่านั้น เราจะให้นางหรือไม่ ?”

“ให้สิ เราจำเป็นต้องให้ นี่เป็นโอกาสดีที่เราจะได้ทำความรู้จักกับหมอปีศาจ อย่างไรเสียก็ต้องให้”

……

การแลกเปลี่ยนระหว่างสำนักศึกษาเริ่มขึ้นในสามวันต่อมา…  รองอาจารย์ใหญ่สำนักศึกษาแคว้นจื่อเยี่ยพาศิษย์จำนวนสิบคนมาที่สำนักศึกษาแคว้นชิง ส่วนสำนักศึกษาอื่น ๆ ก็ได้มาถึงกันแล้วในตอนนี้

ฉินเทียนอี้มาขวางหน้ามู่เฉียนซีไว้ กล่าวว่า “ในสำนักศึกษาแห่งนี้ ความแข็งแกร่งของข้าเพียงแค่ระดับกลางเท่านั้น ข้าไม่มีโอกาสได้เข้าร่วมการประลองในครั้งนี้ คนที่ได้ร่วมการประลองสิบคนนั่น ล้วนแต่แข็งแกร่งกว่าข้ามาก หวังว่าเจ้าคงจะไม่พ่ายแพ้อย่างน่าสังเวช”

มุมปากของมู่เฉียนซียกยิ้มเล็กน้อย “ข้าทำให้คนอย่างเจ้าพ่ายแพ้มาแล้ว และข้าก็เชื่อว่าข้าสามารถทำให้ศิษย์คนอื่น ๆ ของสำนักศึกษาแคว้นชิงพ่ายแพ้ได้เช่นกัน”

ฉินเทียนอี้ทำเสียงฮึดฮัด ก่อนจะกล่าวเสียงเย็นชา “ข้าก็หวังว่าเจ้าจะมั่นใจในตัวเองเช่นนี้ได้จนถึงอึดใจสุดท้ายของการประลอง”

นอกจากสำนักศึกษาแคว้นชิง ยังมีสำนึกศึกษาอื่น ๆ อีกหกสำนัก เมื่อพวกเขาเห็นคนของแคว้นจื่อเยี่ย ต่างก็พากันมองด้วยสายตาดูถูกเหยียดหยามเต็มที่

“ไม่คิดเลยว่าคนของแคว้นจื่อเยี่ยจะยังมีหน้ามาเข้าร่วมการประลองในครานี้”

“แม้กระทั่งผู้ฝึกยุทธ์ระดับห้าก็ยังเอามาร่วม  เหอะ! ดู ๆ แล้วสำนักศึกษาแคว้นจื่อเยี่ยช่างอ่อนแอยิ่งนัก! ปวกเปียกเช่นนั้นจะไปสู้ใครได้”

“เหอะ ๆ ๆ…”

สำนักศึกษาแคว้นชิงเป็นเจ้าภาพ การจัดการแข่งขันครั้งนี้ล้วนแต่เป็นการดำเนินการของสำนักศึกษาแคว้นชิงทั้งสิ้น  อาจารย์เวิน ผู้เป็นอาจารย์ใหญ่ของสำนักศึกษาแคว้นชิง ได้ยินคำซุบซิบนินทาเหล่านี้ เขาไม่ได้สนใจอะไร

เขายิ้ม กล่าวประกาศว่า “ยินดีต้อนรับเหล่าชายหญิงทุกคนที่ได้เข้าร่วมการประลองในครั้งนี้ เช่นนั้นข้า… อาจารย์เวิน จะประกาศกฎของการประลองประเดี๋ยวนี้เลยก็แล้วกัน”

“การประลองในครั้งนี้ แบ่งออกเป็นสองประเภทนั่นก็คือ การประลองตัวต่อตัว และการประลองเป็นกลุ่ม  การประลองแรกจะเป็นการประลองเป็นกลุ่ม จะจัดขึ้นที่เกาะฝึกประสบการณ์กลางทะเลสาบชิงเยี่ย การจัดอันดับนับจากศพของคู่ต่อสู้”

“ฆ่ามัน! ฆ่ามัน!”

ทุกคนตะโกนเสียงดังเกรียวกราวด้วยความฮึกเหิมเต็มที่ ศิษย์ที่เข้าร่วมการประลองทุกคนล้วนแต่มีประสบการณ์ในการต่อสู้และผ่านความเป็นความตายมาแล้วทั้งสิ้น

อาจารย์ใหญ่แห่งสำนักศึกษาแคว้นชิงยิ้ม กล่าวว่า “ฮ่า ๆ ๆ พอ ๆ ๆ อาจารย์เพียงแค่ล้อทุกคนเล่น การประลองในครั้งนี้ห้ามปลิดชีพคู่ต่อสู้เด็ดขาด”

อาจารย์เวินหยิบหยกวิญญาณชิ้นหนึ่งออกมา “ทุกคนจะมีหยกวิญญาณประจำตัว  หากยกวิญญาณนี้โดนแย่งไปได้ นั่นหมายความว่าเจ้าพ่ายแพ้แล้ว ไม่มีสิทธิ์แข่งขันต่อ เอาล่ะ… ตอนนี้ทุกคนเก็บรักษาหยกวิญญาณของตัวเองเอาไว้ให้ดี”

การดำเนินการขั้นตอนแรกเตรียมพร้อมเสร็จสิ้นแล้ว อาจารย์ใหญ่เวินกล่าวว่า “ทางสำนักศึกษาของเราเตรียมสัตว์วิญญาณบินได้เอาไว้ ตอนนี้พร้อมที่จะส่งทุกคนไปทะเลสาบชิงเยี่ยแล้ว”

สัตว์วิญญาณบินได้นี้ ไม่สามารถพบเห็นได้ในแคว้นจื่อเยี่ย การที่แคว้นชิงเอามาได้ถึงแปดตัวนับว่าน่าอัศจรรย์ใจอย่างยิ่ง  แม้ว่ามันจะเป็นสัตว์วิญญาณระดับหนึ่ง แต่ความแข็งแกร่งของแคว้นชิงกับแคว้นจื่อเยี่ยห่างไกลกันมาก

สัตว์วิญญาณบินได้ บินร่อนลงบนผืนแผ่นดินของเกาะฝึกประสบการณ์

อาจารย์เวินยิ้ม กล่าวว่า “เอาล่ะ พวกเจ้าเข้าสู่เกาะฝึกประสบการณ์เถอะ ไม่ว่าจะใช้กลอุบายเช่นไร ขอแค่ให้ได้หยกวิญญาณของคู่ต่อสู้มาก็ถือว่าชนะ”

“เวลาแห่งการแข่งขันมีเพียงสามวันเท่านั้น เมื่อครบสามวัน การแข่งขันเป็นอันสิ้นสุดลง และเราจะเริ่มนับคะแนนกัน”

เมื่ออาจารย์เวินกล่าวจบ กลุ่มผู้เข้าแข่งขันทั้งแปด ก็ได้เข้าไปในป่าแห่งเกาะฝึกประสบการณ์

.