อาจารย์ใหญ่เวินยิ้ม กล่าวว่า “เจ้าหนูนั่นลงสนามไปแล้ว พวกเราเองก็เซ็ง ๆ  เช่นนั้นมาหาอะไรทำฆ่าเวลากันสักหน่อยดีหรือไม่ ?”

“เป็นเช่นนี้ทุกปี ครั้งนี้ข้าจะต้องเอาชัยชนะกลับมาให้ได้ ข้าเดิมพันด้วยอาวุธวิญญาณระดับเจ็ดเลย”

“ส่วนข้า…”

สิ่งที่เรียกว่าฆ่าเวลา คือผู้เฒ่ากลุ่มหนึ่งมาเล่นพนันกัน ณ ที่ตรงนี้  พวกเขามองไปที่รองอาจารย์ใหญ่แห่งสำนักศึกษาแคว้นจื่อเยี่ยอย่างพร้อมเพรียง “ไม่ทราบว่ารองอาจารย์ใหญ่ฉู่จะเข้าร่วมวงหรือไม่เข้าร่วม”

แม้พวกเขาจะรู้ว่าสำนักศึกษาเล็ก ๆ ในแคว้นจื่อเยี่ยอาจจะไม่มีของอะไรดี ๆ มาลงพนัน แต่เนื้อขาของยุง ก็ยังถือเป็นเนื้ออยู่ดี

สีหน้ารองอาจารย์ใหญ่ฉู่หม่นคล้ำเล็กน้อย แน่นอนว่าก่อนที่เขาจะมาที่นี่ ได้ทำการสืบข่าวมาแล้ว โชคดีที่เมื่อวานเขายืมของจากมู่เฉียนซีมา ไม่อย่างนั้นวันนี้คงต้องเสียหน้า

“ข้าขอลงพนันด้วยเม็ดยาวิเศษระดับแปดหนึ่งเม็ด พนันว่าสำนักศึกษาแคว้นจื่อเยี่ยของเราจะได้ชัยชนะในรอบแรก”

ตาเฒ่าเหล่านี้ สูดลมซี้ดเข้าปอดลึก ๆ  ด้วยยาวิเศษระดับแปด นำเอามาพนันฝั่งสำนักศึกษาที่อ่อนแอที่สุด มิได้บ้าไปแล้วใช่ไหม ?!

แน่นอนว่าพวกเขายินดีจนแทบบ้า อย่างไรเสียพวกเขาก็หวังในเม็ดยาวิเศษระดับแปดนี้อย่างมาก มั่นใจเต็มสิบส่วนว่าจะได้มาเป็นของใส่ในกระเป๋าเสื้อคลุมของพวกเขา

ความจริงแล้ว รองอาจารย์ใหญ่เหงื่อตกเช่นกัน แม้ว่ามู่เฉียนซีจะบอกไว้แล้วว่า… ถึงแม้จะแพ้และเสียยาเม็ดนี้ไป นางก็จะไม่เรียกร้องสิ่งใด แต่ตัวเขาเองอดที่จะเจ็บใจไม่ได้หรอก!

แคว้นจื่อเยี่ยของพวกเขานั้น มีผู้มีฝีมือคือมู่เฉียนซี อวิ๋นอ๋อง และยังมีคุณหนูมู่หรูเหยียน โดยภาพรวมแล้วพวกเขาดูอ่อนแอมาก คิดที่จะคว้าที่หนึ่ง ช่างยากเย็นเหลือเกิน

กลุ่มของแคว้นจื่อเยี่ยเข้าไปในป่า พวกเขากล่าวขึ้นเบา ๆ “ทำเช่นไรดี ? พวกเรารู้สึกว่าอีกหลายกลุ่มกำลังเล็งมาเล่นงานเรา” ซวนหยวนหลี่เทียนขมวดคิ้วมุ่น แม้ว่าระดับการฝึกฝนของเขาจะพัฒนาขึ้นมาก แต่เขาก็ยังเป็นเพียงผู้บำเพ็ญภูตระดับหกเท่านั้น เมื่อต้องไปต่อกรกับคนใดคนหนึ่งในเจ็ดสำนักศึกษาใหญ่แคว้นต่าง ๆ  ล้วนไม่มีโอกาสชนะเลย

มู่เฉียนซีสังเกตรูปการณ์รอบ ๆ ตัว นางกล่าว “โดยเฉลี่ยแล้วความแข็งแกร่งของพวกเรานั้นห่างชั้นกับฝ่ายตรงข้ามมากเกินไป ไม่สามารถเข้าชนจัง ๆ ได้ ต้องใช้ปัญญาเข้าสู้เท่านั้น  ขั้นแรก จงแสดงตนให้ศัตรูเห็นว่าเรานั้นแข็งแกร่ง”

มู่เฉียนซีทําลายความเย่อหยิ่งของอาณาจักรชิงไปแล้วในตอนที่อยู่แคว้นจื่อเยี่ย ดังนั้นพวกเขาจึงฟังคำของมู่เฉียนซี

มู่เฉียนซีกล่าว “อวิ๋นอ๋อง เราตั้งค่ายกลกันก่อน รอให้มีคนโชคร้ายมาติดกับเถอะ”

ซวนหยวนหลี่เทียนตะลึงงัน “มู่เฉียนซี เจ้ารู้ถึงค่ายกลของพี่สามของข้าได้อย่างไร ?”

องค์ชายสามซวนหยวนชิงิวิ๋น เหมือนกับซวนหยวนจิ่วยี่ย พวกเขาเป็นคนในขอบข่ายของราชวงศ์ จึงได้สัมผัสใกล้ชิดกับผู้อื่นน้อยมาก

“ข้ารู้ แล้วมันเรื่องอะไรของท่านล่ะหลี่อ๋อง ?” มู่เฉียนซีกล่าวอย่างเกียจคร้าน

ณ ตอนนี้ซวนหยวนชิงอวิ๋นเริ่มสร้างค่ายกลแล้ว ดูจากวิธีการวางค่ายกลของเขา ถือว่าประสบความสำเร็จไม่เบา

ซวนหยวนหลี่เทียนหรี่ตาลง ดูเหมือนว่าเขาจะไม่รู้จักองค์ชายสามที่พิเศษต่างจากคนบนโลกนี้เอาเสียเลย

“ค่ายกลติดกับดักถูกสร้างไว้แล้วเรียบร้อย เมื่อใดที่พวกนั้นเข้าไปติดกับ พลังวิญญาณและพลังชีวิตจะปั่นป่วน พวกเราก็ถือโอกาสนั้นชิงลงมือ น่าจะสามารถจัดการไปได้สักสำนักศึกษาหนึ่ง” ซวนหยวนชิงอวิ๋นกล่าวอย่างเฉยเมย

“หึ ๆ” มู่เฉียนซีหัวเราะเบา ๆ “อา… ทุกอย่างพร้อมแล้ว ตอนนี้ขาดแค่ให้ลมตะวันออกพัดพามา ไม่รู้ว่าสำนักศึกษาแห่งใดจะโชคร้ายเข้ามาโดนกับดักค่ายกลนี้ก่อน”

“พี่ใหญ่! ข้าเห็นพวกนั้นไปทางนี้ พวกนั้นอยู่ข้างหน้านั่นแน่ ๆ”

“ไป! กำจัดสำนักศึกษามดปลวกของแคว้นเล็ก ๆ นั่น เอารางวัลชุดแรกของพวกเรากันเถอะ”

สำนักศึกษาอวี้ชิง ไม่ได้ติดหนึ่งในเจ็ดอันดับของแคว้นชิง คนพวกนั้นไม่มีวิธีการใดที่จะสามารถเอาชนะสำนักศึกษาอื่น ๆ ได้ เช่นนั้นแล้วพวกนี้จึงได้เล็งสำนักศึกษาแคว้นจื่อเยี่ยมาแต่แรก

พวกเขาเดินไปข้างหน้า ทันใดนั้นตกอยู่ในกลุ่มหมอกหนา จากนั้นพลังวิญญาณและพลังชีวิตก็ปั่นป่วนเป็นอย่างมาก

มู่เฉียนซีแสยะยิ้ม “ปลาติดเบ็ดแล้ว ลุย!”

“ผนึกมังกรวารี!”

“สงครามเมฆาคลั่ง!”

“สายฟ้าสะท้าน!”

— ซู่มมมม! —

เกิดเสียงดังสนั่น กลุ่มคนของสำนักศึกษาอวี้ชิงยังไม่ทันโต้กลับ ก็ถูกพวกเขาเอาชนะได้ไปทีละคน ๆ  สุดท้าย ป้ายหยกถูกยึดโดยกลุ่มคนของสำนักศึกษาแคว้นจื่อเยี่ย

พี่ใหญ่ของสำนักศึกษาอวี้ชิงถลึงตาใส่พวกเขา กล่าวอย่างกราดเกรี้ยว “พวกเจ้าช่างต่ำช้านัก ทำการลอบโจมตี แน่จริงออกมาสู้กันซึ่ง ๆ หน้ากับข้าสักครั้งสิ!”

มู่เฉียนซียิ้มเยาะ นางกล่าวอย่างไม่สะทกสะท้าน “การรบไม่เกี่ยงกลโกง แพ้ก็คือแพ้”

เขาโต้อย่างโกรธเกรี้ยวกว่าเดิม “พวกเจ้ารอข้าก่อนเถอะ! ในรอบการต่อสู้ตัวต่อตัว ข้าไม่ปล่อยให้รอดไปแน่”

กลุ่มแรกถูกจัดการไปอย่างง่ายดาย ต้องยอมรับเลยว่าค่ายกลของซวนหยวนชิงอวิ๋น ถือเป็นอาวุธสังหารชิ้นใหญ่

แน่นอนว่าอีกหกสำนักศึกษาใหญ่ไม่ได้โง่เขลาขนาดที่จะมาติดกับแบบนี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า  แต่ว่าหลุมพิษที่มู่เฉียนซีขุดเอาไว้หลายชนิดนั้น มีอีกสำนักศึกษาหนึ่งเดินเข้ามาตกจนได้

มาถึงตอนนี้ คนอื่น ๆ เกิดความเคารพนับถือมู่เฉียนซีกับซวนหยวนชิงอวิ๋นมากขึ้นเรื่อย ๆ

“สหายมู่เฉียนซีและอวิ๋นอ๋องช่างร้ายกาจนัก เดิมทีพวกเราคิดว่าโอกาสชนะในการแข่งขันครั้งนี้มีเพียงน้อยนิด  พวกเราไม่คิดเลยว่าตอนนี้พวกเราจะมีโอกาสชนะมากเพียงนี้”

ค่ายกลของซวนหยวนชิงอวิ๋นและพิษของมู่เฉียนซี เมื่อพวกเขาทั้งสองร่วมมือกัน ทําให้ซวนหยวนหลี่เทียนและมู่หรูอวิ๋นไม่ได้แสดงฝีมือใด ๆ ออกมาเลย

มู่หรูเหยียนกล่าวอย่างนุ่มนวล “ซีเอ๋อร์ พวกเราใช้วิธีเช่นนี้เอาชนะ จะไม่ทำให้เราโดดเด่นเกินไปใช่หรือไม่ ?”

มู่เฉียนซีกล่าวตอบ “อาจารย์ใหญ่แห่งสำนักศึกษาแคว้นชิงกล่าวเอาไว้แต่แรกแล้วว่าเราสามารถใช้วิธีใดก็ได้ในการยึดป้ายหยกของฝ่ายตรงข้ามมา ถ้ายึดมาได้ถือว่าเป็นผู้ชนะ”

“เอาล่ะ ข้าจะไม่ห้ามเจ้า” “เหอะ! ถึงอย่างไรมีเจ้าก็เหมือนไม่มี ขาดเจ้าก็เหมือนไม่ขาด”

มู่หรูเหยียนหน้าซีดเผือด กล่าวอย่างน่าสงสาร “ซีเอ๋อร์ เจ้าก็รู้ว่าข้าไม่ได้หมายความเช่นนั้น องค์ชายอวิ๋น ข้า…”

ท่าทางที่น่ารักของมูหรูเหยียนนั้น สามารถใช้ได้ผลกับซวนหยวนหลี่ซาง น่าเสียดายที่ซวนหยวนหลี่ซางไม่ได้อยู่ที่นี่ นางจึงตั้งเป้าเป็นซวนหยวนชิงอวิ๋นแทน

ทว่า… ซวนหยวนชิงอวิ๋นไม่แยแสสาวงามที่น่าสงสารผู้นี้เลย เขามองเห็นนางแต่ก็ทำเหมือนกับมองไม่เห็น

“ข้าคิดแค่ว่าอยากจะรีบจบการต่อสู้ในครั้งนี้ไว ๆ และได้รับชัยชนะมา เพื่อมิให้คนแคว้นชิงพวกนี้มาดูถูกแคว้นจื่อเยี่ยเรา ส่วนวีธีการจะเป็นอย่างไรนั้นมันไม่สำคัญ” ซวนหยวนชิงอวิ๋นกล่าวย่างเฉยชา

ในขณะเดียวกัน ณ อีกสถานที่หนึ่ง จางจวินผู้เป็นหัวหน้ากลุ่มแห่งสำนักศึกษาแคว้นชิงนำกรงสีดำขลับออกมา เขากล่าวขึ้นว่า… “ก่อนที่จะเข้ามาในนี้ อาจารย์ใหญ่สำนักศึกษาของเรา ได้ให้อาวุธวิเศษมาหนึ่งอย่าง ด้วยเพราะความสามารถของเรากับสำนักศึกษาหลัวหลินนั้นต่างกันไม่น้อย จะเอาชนะกลุ่มนั้นมีความยากลำบากอยู่บ้าง” ผู้ที่อยู่ด้านข้างกล่าวขึ้นด้วยความประหลาดใจ “พี่ใหญ่ ไม่ทราบว่าอาจารย์ใหญ่ให้ของวิเศษอะไรมารึ ?”

จางจวิน “ในนี้คือผึ้งปีศาจ มันเป็นสิ่งมีชีวิตมีพิษที่อาศัยอยู่บนเกาะฝึกประสบการณ์ โดยปกติแล้วหากไม่มีคนไปทำให้มันโกรธ มันก็จะไม่ทำอะไร แต่หากไปยุ่งให้มันโกรธขึ้ง พวกมันจะบ้าคลั่งและออกทำร้ายผู้คนบนเกาะแห่งนั้น ทำให้ผู้คนตกอยู่ในอาการหลับใหล เพียงปล่อยพวกมันออกมา พวกคนอื่น ๆ ก็จบเห่แล้ว”

“พี่ใหญ่ เช่นนั้นแล้วพวกเราจะพลอยลำบากไปด้วยหรือไม่ ?”

จางจวินนำผงยาออกมาส่วนหนึ่ง “ของวิเศษที่ท่านอาจารย์ใหญ่ให้เรามา แน่นอนว่ามีการเตรียมการเอาไว้ เจ้าเอาผงดอกไม้เน่านี่ไปทาไว้บนตัวให้ทั่ว พวกผึ้งปีศาจจะไม่เข้ามาใกล้ตัวเจ้า”

“อ๊ากพี่ใหญ่! มันเหม็นมาก”

พวกเขาลูบผงไปพลาง เอามือปิดจมูกไปพลาง

“ถึงแม้ว่าผงนี่จะเหม็นไปเสียหน่อย แต่ถ้าทำให้พวกเราได้ที่หนึ่งในสายการแข่งขันนี้ก็ถือว่าคุ้มค่า”

“ท่านอาจารย์ใหญ่ช่างฉลาดล้ำ!”

จางจวินปล่อยผึ้งเหล่านั้นออกมา เมื่อพวกเขาเห็นฝูงผึ้งปีศาจที่เกาะกลุ่มกันบินเป็นกลุ่มควันสีดำทะมึน พลันรู้สึกชาไปทั้งหนังหัว  ดีที่พวกเขานั้นได้ทาผงดอกไม้เน่าไปแล้ว ผึ้งปีศาจพวกนั้นจึงไม่กล้าเข้าใกล้พวกเขา มิเช่นนั้นพวกเขาคงได้ตายไปเฝ้ายมทูต

— หึ่ง!  หึ่ง!  หึ่ง! —

ฝูงผึ้งปีศาจบินดำทะมึน พุ่งออกจากกรงบินเป็นเป็นชั้น ๆ  พวกมันค่อย ๆ ขยายออกไปทั่วบริเวณ

.