เล่มที่ 9 บทที่ 261 พี่ใหญ่เป็นเจ้าทึ่ม

ทะลุมิติไปเป็นภรรยาชาวสวนของท่านบัณฑิต

พอได้ยินว่าเซี่ยยวี่หลัวจะไป กวั่นซื่อและหลี่ซื่อต่างก็ดีอกดีใจ ก่อนไปยังไม่ลืมที่จะกล่าวเสริม “ยวี่หลัว เรียกอายวี่ไปเที่ยวเล่นด้วยกันสิ”

รอยยิ้มของเซี่ยยวี่หลัวพลันแข็งทื่อ “เขา… เขาต้องอ่านตำราเจ้าค่ะ! ”

กวั่นซื่อกล่าวด้วยท่าทางเสียดาย “จริงด้วย ทั้งไปทั้งกลับ ต้องใช้เวลาครึ่งค่อนวัน พวกเราจะรบกวนเวลาอ่านตำราของอายวี่ไม่ได้ ในเมื่อไปไม่ได้…”

“ท่านป้า พี่สะใภ้ พรุ่งนี้ข้าไปได้ขอรับ เสียเวลาแค่ครึ่งวันเท่านั้น พวกท่านเปิดร้านเป็นเรื่องน่ายินดี พวกเราสมควรไปขอรับ! ” จู่ๆ ก็ได้ยินเสียงเซียวยวี่ดังขึ้นจากด้านหลัง เซี่ยยวี่หลัวตกใจจนแทบกระโดดขึ้น

ไม่รู้ว่าเซียวยวี่เดินออกมาตั้งแต่เมื่อไร และไม่รู้ว่าเขาฟังพวกนางสามคนคุยกันนานเพียงใดแล้ว จู่ๆ เซียวยวี่ก็เดินออกมา ทั้งยังบอกว่าเขาจะไปด้วย

กวั่นซื่อปรบมือด้วยความดีใจ “ดี ได้เลย พรุ่งนี้เช้าอาเหลียนต้องไปในตัวเมือง ให้เขามาตามพวกเจ้า พาพวกเจ้าไปด้วยกัน! แต่ต้องเช้ามาก เกรงว่าพวกเจ้าต้องตื่นตั้งแต่ฟ้ายังไม่สว่าง ช่วงค่ำจื่อเซวียนกับจื่อเมิ่งก็นอนเร็วหน่อย พรุ่งนี้ไปด้วยกันทั้งหมด”

พอได้ยินว่าเด็กสองคนก็จะไปด้วย เซี่ยยวี่หลัวผ่อนลมหายใจยาวด้วยความโล่งอก

เห็นเซี่ยยวี่หลัวไม่ได้วิตกเหมือนเมื่อครู่ คงเพราะได้ยินว่าเด็กสองคนก็จะไปด้วยจึงรู้สึกดีใจ

เขาน่ากลัวถึงเพียงนั้นเชียวหรือ?

เซียวยวี่แย้มรอยยิ้ม “ได้ขอรับ ท่านป้า พรุ่งนี้ยามหยิน [1] ท่านให้พี่เซียวเหลียนมารับพวกเราได้”

กวั่นซื่อและหลี่ซื่อกลับไปอย่างดีอกดีใจ เซี่ยยวี่หลัวส่งทั้งสองคนถึงประตูใหญ่ มองส่งพวกนางจนไม่เห็นแม้แต่เงาแล้ว นางยังคงชะเง้อคอรอคอยอยู่หน้าประตู

คอยอะไร?

ย่อมกำลังรอคอยให้เซียวยวี่รีบกลับห้องไป

เซี่ยยวี่หลัวยืนอยู่หน้าประตู สายตากลับคอยชำเลืองมองไปทางด้านหลัง เซียวยวี่ยืนอยู่ที่เดิมตลอด ไม่มีความคิดจะกลับห้องแม้แต่น้อย

ท่านรีบกลับห้องได้แล้ว ยืนทื่ออยู่ที่นี่เป็นท่อนไม้หรืออย่างไร!

เซี่ยยวี่หลัวบ่นอุบอยู่ในใจ สอดส่ายสายตามองไปทางซ้ายที ทางขวาที ไม่ทันรู้ตัวว่าเซียวยวี่กำลังเดินเข้าใกล้นางช้าๆ

“เจ้ากำลังรอผู้ใดอยู่? ” จู่ๆ เสียงของเซียวยวี่ก็ดังขึ้นจากด้านหลัง อยู่ใกล้แค่คืบ เซี่ยยวี่หลัวตกใจจนกระโดดขึ้น กำลังคิดจะหันตัวไป ตัวนางกลับโซเซ ขาอ่อนยวบ เหยียบใส่ขั้นบันไดตรงประตูใหญ่ ตัวเซล้มลงไป

“ระวัง” เซียวยวี่อุทานด้วยความตกใจ ยื่นมือออกไปรับโดยไม่คิดด้วยซ้ำ

เซี่ยยวี่หลัวนึกว่าตัวเองต้องล้มลงไปแน่ ฝ่ามือใหญ่ที่ทรงพลังพลันโอบเอวบางของนางไว้ ก่อนจะออกแรงดึงนางกลับขึ้นมา

ทั้งสองคนแนบชิดกัน เซียวยวี่ได้ยินเสียงหัวใจของเซี่ยยวี่หลัวที่เต้นแรง ยังมีหัวใจของเขาที่ตกใจจนแทบหล่นวูบ ไม่ง่ายเลยกว่าจะสงบใจ หัวใจของเขาก็กำลังเต้นแรงเช่นกัน

เซี่ยยวี่หลัวยังตั้งสติไม่ได้ นางกำลังตกใจกลัว ไม่ทันรู้ตัวว่านางโอบกอดเซียวยวี่ไว้แน่น

ผ่อนลมหายใจยาวอยู่หลายครั้ง หัวใจของเซี่ยยวี่หลัวที่เต้นแรงจึงสงบลง มือทั้งคู่ของนางจับเสื้อเซียวยวี่ไว้แน่น ทั้งสองคนแนบชิดติดกันจนไม่เหลือช่องว่างแม้แต่น้อย

ร่างกายซูบผอมแต่กลับมีพลัง สูงโปร่งกำยำ เซี่ยยวี่หลัวผงะไป จมูกได้กลิ่นหอมจากกายเซียวยวี่ รวมถึงความรู้สึกปลอดภัยที่เซี่ยยวี่หลัวสัมผัสได้เมื่ออยู่ภายใต้ร่างกายสูงใหญ่นั่น

ลมหายใจเหนือศีรษะกระทบกับเส้นผมบนศีรษะเซี่ยยวี่หลัว ในที่สุดลมหายใจอุ่นร้อนก็เรียกสติของเซี่ยยวี่หลัวกลับมา นางเพิ่งรู้ตัวว่าตัวเองจับเสื้อของเซียวยวี่อยู่ตลอด ไม่ได้ปล่อยมือ

ทั้งคู่ใกล้ชิดกันถึงเพียงนี้…

ใบหน้าของเซี่ยยวี่หลัวขึ้นสีแดงทันที นางรีบปล่อยมือ ก้าวเท้าถอยหลังสองก้าวอย่างรีบร้อน ใครจะรู้ว่าจะสะดุดโดนธรณีประตูอีกครั้ง ฝีก้าวโซเซ ล้มไปอีกครั้ง เซียวยวี่รู้สึกตื่นตกใจอีกหน “ระวัง…”

ครั้งนี้เซี่ยยวี่หลัวไม่ได้ตกใจจนลืมตัว นางจับวงกบประตูที่อยู่ข้างๆ ไว้แน่นเพื่อทรงตัว ก่อนมองเซียวยวี่แวบหนึ่ง จากนั้นจึงหันขวับวิ่งกลับห้องตัวเองไปด้วยท่าทางทุลักทุเลประหนึ่งกวางน้อยที่ตื่นตกใจก็มิปาน

ขายหน้าแทบตาย

เกือบสะดุดล้มสองครั้งในคราเดียว สะดุดล้มสองครั้งยังไม่เท่าไร แต่ล้มต่อหน้าเซียวยวี่ติดต่อกันถึงสองครั้ง ขายหน้าจนแทบจะขายไปถึงไท่ผิงหยาง [2] แล้ว

เซียวยวี่ต้องเยาะเย้ยที่นางซุ่มซ่ามเป็นแน่!

เซี่ยยวี่หลัวกลับห้องไป แทบอยากหารูมุดหนีไป เวลานี้เซียวยวี่เหมือนดวงวิญญาณก็มิปาน ไปที่ไหนก็พบเขา หากเป็นเช่นนี้ต่อไป ต้องเกิดเรื่องน่าอายอีกแน่

เซียวยวี่เห็นเซี่ยยวี่หลัวไม่เป็นอะไร ในที่สุดสีหน้าที่ดูวิตกอยู่ตลอดก็ส่งเสียงหัวเราะออกมา

เซี่ยยวี่หลัวก็มีเวลาที่ทุลักทุเลเช่นนี้ด้วย เมื่อครู่นี้นางเป็นเหมือนเด็กก็มิปาน แววตาที่ตื่นตระหนกนั่น เหมือนจะตกใจกลัว

เขาน่ากลัวถึงเพียงนั้นเชียวหรือ?

เซียวยวี่ไม่เข้าใจ เขายกมือขวาของตัวเองขึ้นมา มองดูอย่างละเอียด จากนั้นจึงกำแน่น ก่อนคลายออก ลูบสองครั้ง ก่อนบีบแน่นอีกครั้ง

มือข้างนี้ เมื่อครู่โอบเอวบางที่แทบจะโอบได้ด้วยมือเดียวไว้ สัมผัสอ่อนนุ่ม บนมือเหมือนจะยังมีกลิ่น…

เซียวยวี่ตวัดมุมปากเล็กน้อย เพ่งมองมือตนเองตาไม่กะพริบ

“ท่านเป็นอะไรไปหรือ พี่ใหญ่? ” เซียวจื่อเซวียนและเซียวจื่อเมิ่งให้อาหารกระต่ายที่สวนหลังบ้านกลับมา พอออกมาก็เห็นพี่ใหญ่ยืนจ้องมือตัวเองอยู่ตรงหน้าประตูใหญ่พร้อมยิ้มด้วยท่าทางเหมือนคนสติไม่เต็มเต็ง

ฝ่ามือมีอะไรน่าดู? จ้องไปแล้วจะเห็นดอกไม้หรืออย่างไร

ยังดีที่พวกเขารู้ว่าพี่ใหญ่ของตนเองเป็นคนปกติ หากคนอื่นเห็นเข้า ต้องบอกว่าพี่ใหญ่เป็นเจ้าทึ่มแน่นอน

เซียวยวี่รู้ว่าเมื่อครู่ตนเองแสดงกิริยาไม่เหมาะ เขารีบปิดปากกระแอมสองที “กลับห้องไปเขียนหนังสือสองหน้า”

เซียวจื่อเซวียนและเซียวจื่อเมิ่งขานตอบ ก่อนจูงมือกันไปยังห้องของเซียวยวี่ ลืมเรื่องที่เมื่อครู่พวกเขาเห็นพี่ใหญ่ที่มีท่าทางเหมือนเจ้าทึ่มไปเสียสนิท

เด็กสองคนเข้าไปในห้อง เซียวยวี่ก็ตามเข้าไปด้วย

เขาชำเลืองมองไปทางห้องของเซี่ยยวี่หลัวแวบหนึ่ง บนใบหน้าที่เคร่งขรึม มุมปากของเขาตวัดขึ้นเล็กน้อย

อารมณ์ดีเป็นพิเศษ

เวลาในช่วงบ่ายผ่านไปอย่างรวดเร็ว ไม่นานเซียวจื่อเซวียนและเซียวจื่อเมิ่งก็เขียนหนังสือสองหน้าเสร็จ ตัวหนังสือของเซียวจื่อเซวียนมีความก้าวหน้ามาก หากเป็นปกติ เซียวยวี่จะชี้ให้เห็นเพียงจุดที่มีข้อผิดพลาดชัดเจน แต่คราวนี้…

เซียวยวี่ชี้ไปยังตัวหนังสือหนึ่งตัวที่เขียนได้ไม่เลว “เจ้าดูเส้นนี้ ควรเขียนเช่นนี้ เส้นนี้เจ้าลงน้ำหนักพู่กันมากเกินไป ต้องเบาลงเล็กน้อย…”

เซียวจื่อเซวียนกล่าวด้วยท่าทีสงสัย “พี่ใหญ่ ข้าเขียนตัวนี้อยู่ทุกวัน…”

เหตุใดท่านถึงไม่ชี้ให้ข้าเห็นตั้งแต่เมื่อวาน เมื่อวานซืน หรือเมื่อวันก่อน กลับมาบอกกล่าวในวันนี้

เซียวยวี่ทำสีหน้าราวกับข้าทำไปเพราะหวังดีต่อเจ้า กล่าวด้วยท่าทีจริงจังเป็นพิเศษ “ก่อนหน้านี้ไม่ได้กล่าวออกมา ด้วยเกรงว่าจะส่งผลต่อความกระตือรือร้นของเจ้า ตอนนี้ตัวอักษรของเจ้าเขียนได้ดีมากแล้ว ข้อผิดพลาดเหล่านี้ จะปล่อยให้ผิดอีกไม่ได้”

เซียวจื่อเซวียนแลบลิ้นทีหนึ่ง “ข้าเข้าใจแล้วขอรับ! ” จากนั้นจึงฟังพี่ใหญ่อธิบายอย่างตั้งอกตั้งใจ

“พรุ่งนี้เจ้ากับน้องสาวเขียนหนังสือเพิ่มอีกสองสามหน้า” เซียวยวี่ตรวจทานจนพบข้อผิดพลาดจำนวนมาก ขมวดคิ้วพร้อมกล่าว “ตัวหนังสือเขียนได้ไม่เลว แต่ก็มีข้อผิดพลาดมากมาย ถึงแม้จะเป็นข้อผิดพลาดเล็กๆ น้อยๆ แต่เจ้าก็ต้องแก้ให้ถูกต้องโดยเร็ว มิเช่นนั้นหากต่อไปติดเป็นนิสัย จะแก้อีกก็ไม่ง่ายแล้ว”

เซียวจื่อเซวียนเกาศีรษะด้วยท่าทางเก้อเขิน “ขอรับ ได้ขอรับ เช่นนั้นพรุ่งนี้ข้าจะเขียนเพิ่มอีกสองสามหน้า ข้ารับรองว่าจะไม่เขียนผิดอีกขอรับ”

เซียวยวี่ยกตำราขึ้น ขานรับด้วยน้ำเสียงเรียบสงบ “ออกไปเล่นได้”

เซียวจื่อเซวียนและเซียวจื่อเมิ่งออกไปอย่างมีความสุข วิ่งเข้าไปในห้องครัว เซี่ยยวี่หลัวบอกพวกเขาว่าพรุ่งนี้จะพาพวกเขาไปในตัวเมือง บ้านท่านปู่หัวหน้าหมู่บ้านจะเปิดร้านอาหารเช้า ทุกคนจะได้ไปเที่ยวเล่นกัน

พอได้ยินว่าจะไปในตัวเมือง เด็กสองคนรีบตอบตกลงทันที

ตั้งแต่พี่ใหญ่กลับมา พวกเขาก็ไม่เคยเข้าไปในตัวเมืองอีกเลย

เด็กสองคนใส่ฟืนพลางพูดคุยถึงเรื่องที่พรุ่งนี้จะเข้าไปในตัวเมือง แม้แต่ตอนกินอาหาร ก็ยังพูดคุยถึงเรื่องนี้

เซียวยวี่ได้ยินเข้า จึงวางชามกับตะเกียบลงเงียบๆ “คุยกันไว้แล้วว่าพรุ่งนี้จะอยู่เขียนหนังสือที่บ้านไม่ใช่หรือ? ”

————————-

เชิงอรรถ

[1] ยามหยิน คือ 1 ใน 12 ชั่วยามของจีน เป็นช่วงเวลาระหว่าง 03:00 – 05:00 น.

[2] ไท่ผิงหยาง คือ มหาสมุทรแปซิฟิก