เซี่ยยวี่หลัวกลับไปยังห้องของตัวเอง มองดูเซียวยวี่ที่ยังอยู่ในสวนหลังบ้าน ราวกับว่าหากยังพรวนดินตรงนั้นไม่เสร็จเขาก็จะไม่ไปพักผ่อนอย่างไรอย่างนั้น เช่นนี้เซี่ยยวี่หลัวจะนอนได้อย่างไร เซียวจื่อเมิ่งถอดเสื้อขึ้นเตียงอย่างว่าง่ายแล้ว “พี่สะใภ้ใหญ่ ท่านไม่มานอนหรือเจ้าคะ? ”
เซี่ยยวี่หลัว “พี่สะใภ้ใหญ่ยังมีธุระนิดหน่อย เจ้านอนก่อน”
“เจ้าค่ะ พี่สะใภ้ใหญ่ เช่นนั้นข้านอนก่อน ท่านก็รีบนอนนะเจ้าคะ” เซียวจื่อเมิ่งเอนตัวลงนอน พร้อมกล่าวเสียงใส
เซี่ยยวี่หลัวนั่งตรงขอบเตียง ลูบศีรษะเล็กของนาง เซียวจื่อเมิ่งถือโอกาสหลับตา เซี่ยยวี่หลัวจิตใจเลื่อนลอย หัวใจของนางสับสนวุ่นวายเพราะการกระทำต่างๆ ของเซียวยวี่
เซียวยวี่พรวนดินไปนานแค่ไหน เซี่ยยวี่หลัวก็มองอยู่ในห้องนานเท่านั้น เมื่อเห็นว่าใกล้พรวนดินเสร็จหมดแล้ว เซี่ยยวี่หลัวรีบไปยกน้ำหนึ่งอ่าง รินน้ำอีกหนึ่งถ้วย คิดครู่หนึ่ง ก่อนเติมน้ำผึ้งลงไปเล็กน้อย นางเติมเพียงเล็กน้อย ให้มีรสหวานอ่อนๆ เท่านั้น
ทำสิ่งเหล่านี้เสร็จ นางมายังห้องโถง
พรวนดินเสร็จ เซียวยวี่นำหญ้าที่ถอนออกมากำจัดดินโคลนออก วางไว้ข้างๆ เมื่อไม่มีดิน หญ้าเหล่านี้ถูกแสงแดดแผดเผาสองวันก็แห้งตายแล้ว
เมื่อเห็นพื้นที่พรวนดินเสร็จแล้ว เซียวยวี่ล้างมือในบ่อน้ำ ภายในใจรู้สึกพึงพอใจเป็นอย่างยิ่ง
นางกลัวแดดถึงเพียงนั้น เช่นนี้ก็ไม่ต้องออกมาอีกหลายวัน
เขาหันกลับไปอย่างมีความสุข เห็นเซี่ยยวี่หลัวยืนอยู่ตรงประตูสวนหลังบ้านรอเขาอยู่
เซียวยวี่รู้สึกหัวใจสั่นไหว ฝีเท้าเร็วขึ้นเล็กน้อย มาถึงตรงหน้าเซี่ยยวี่หลัว น้ำเสียงแฝงเร้นด้วยความยินดีที่แม้แต่เขาเองก็ไม่ทันรู้ตัว “ยังไม่นอนหรือ? ”
เซี่ยยวี่หลัวเพียงกล่าวว่ากำลังจะไป จากนั้นจึงชี้ไปยังของบนโต๊ะพร้อมกล่าว “นั่นคือน้ำผึ้งที่เพิ่งชงเสร็จ ข้าไม่ได้เติมเพียงเล็กน้อย ยังมีน้ำและผ้าเช็ดหน้าสะอาด เจ้าล้างหน้าเสร็จแล้วจะได้ไปนอน”
กล่าวจบ ไม่รอให้เซียวยวี่กล่าวอะไร เซี่ยยวี่หลัวหันขวับเดินไปทันที
ทิ้งให้เซียวยวี่มองดูของบนโต๊ะด้วยอาการเหม่อลอยเล็กน้อย
เขาบิดผ้าเช็ดหน้าสะอาดที่อยู่ในอ่างจนหมาด เช็ดใบหน้าและลำคอ ใช้น้ำอุ่นเช็ดไปบนตัว รู้สึกสบายยิ่งนัก เมื่อเช็ดเสร็จแล้ว เซียวยวี่จึงยกน้ำตรงหน้าขึ้นมา
น้ำเป็นสีเหลืองอ่อน และมีกลิ่นหอมหวานเบาบาง
นางน่าจะรู้ว่าเขาไม่ชอบกินของรสหวาน
น้ำยังอุ่นอยู่ เพิ่งชงเสร็จ เซียวยวี่ใช้มือคู่ถือถ้วยไว้ ยังสัมผัสได้ถึงความอบอุ่นเล็กน้อย เมื่อนำมาใกล้จมูก ได้กลิ่นหอมหวานเบาบางของน้ำผึ้ง
คนที่ไม่ชอบกินรสหวาน บัดนี้ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใด ยังคงไม่ชอบของรสหวาน แต่หากเป็นสิ่งที่ใครบางคนเตรียมให้ด้วยตัวเอง เหมือนว่ารสหวานก็ไม่ได้แย่นัก ตรงกันข้าม กลับรู้สึกว่ารสชาติดียิ่งนัก
เซียวยวี่แหงนหน้าดื่มลงไปทั้งหมด เพียงรู้สึกว่าความร้อนอบอ้าวหายไปจนสิ้น
ทั้งเตรียมน้ำล้างหน้า ทั้งเตรียมน้ำให้ดื่ม เมื่อครู่เขาพรวนดินไปเพียงเล็กน้อยเท่านั้น นางกลับเห็นอกเห็นใจเขาถึงเพียงนี้ เซียวยวี่แย้มรอยยิ้มอีกครั้ง กลับห้องไปอย่างเบิกบานใจ
ตลอดช่วงบ่าย เขาอ่านหนังสือได้ดีขึ้นมาก แม้แต่บทความ ก็มีความคิดพรั่งพรูราวกับน้ำที่ทะลักออกจากบ่อ
เมื่อสภาวะจิตใจดี แม้แต่ประสิทธิภาพการร่ำเรียนก็ดีขึ้นเป็นเท่าตัว
เซี่ยยวี่หลัวกลับรู้สึกจิตใจไม่สงบ ภายหลังกลับถึงห้อง นอนลงบนเตียงก็นอนไม่หลับ อาจเพราะตอนเช้าได้นอนต่ออีกหนึ่งตื่น
ความเปลี่ยนแปลงของเซียวยวี่ ทำให้เซี่ยยวี่หลัวรู้สึกจับต้นชนปลายไม่ถูก
แต่ความเปลี่ยนแปลงเช่นนี้ ก็ทำให้นางรู้สึกยินดี
ท่านราชบัณฑิตน้อยไม่ได้มีท่าทีเย็นชาและรังเกียจเหมือนก่อนหน้านี้แล้ว ตอนนี้ความสัมพันธ์ระหว่างเขากับนางก็กำลังดีขึ้นทีละเล็กทีละน้อย นั่นหมายความว่าต่อไปนางไม่ต้องตายแล้วใช่หรือไม่?
พอคิดว่าตัวเองน่าจะไม่ต้องตายแล้ว เซี่ยยวี่หลัวรู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อย ถึงเวลาขอเพียงนางเอกปรากฏตัว นางก็สามารถถอนตัวได้แล้ว
หลังจากนางออกจากหมู่บ้านสกุลเซียว จะไปที่ไหนดี?
อย่างไรเสียไปที่ไหนก็ได้ แผ่นดินกว้างใหญ่ท้องฟ้ากว้างไกล นางสามารถทะยานไปได้อย่างอิสระ ยิ่งไปกว่านั้น ขุนเขาลำธารในยุคสมัยโบราณมีทิวทัศน์งดงาม เวลานี้ทิวทัศน์งดงามเหล่านี้ยังเป็นธรรมชาติที่ไม่เคยถูกปรับแต่ง มิสู้ท่องไปทั่วหล้า ไม่แน่ว่านางอาจสามารถเขียนประสบการณ์เดินทางที่จะเลื่องชื่อไปชั่วกาลก็เป็นได้!
เซี่ยยวี่หลัวรู้สึกดีใจเป็นอย่างยิ่ง แทบจะส่งเสียงหัวเราะออกมา
หากเป็นเช่นนี้ต่อไป ท่านราชบัณฑิตน้อยมองนางต่างจากเดิม นางเอกจะปรากฏตัวก่อนเซียวยวี่จะไปสอบอีกครั้งในปีหน้า เกิดรักแรกพบกับเซียวยวี่ ยังมีเวลาอีกหนึ่งปี ช่วงหนึ่งปีนี้ เพียงพอให้นางวางแผนอนาคต
ถึงเวลาเด็กสองคนนี้ก็เติบใหญ่แล้ว ถึงแม้จะรู้สึกเสียดายอยู่บ้าง เพียงแต่…
มนุษย์ อย่างไรก็ต้องแยกจาก
เซี่ยยวี่หลัวพลิกตัวไปมองดูใบหน้าเซียวจื่อเมิ่งโดยละเอียด
ดวงหน้าของเด็กคนนี้ มีเงาของเซียวยวี่อยู่บ้าง สามพี่น้องล้วนมีสันจมูกโด่ง เซี่ยยวี่หลัวฉุกคิดในใจ ลองบีบจมูกเล็กของเซียวจื่อเมิ่งที่มีสันจมูกโด่งเบาๆ เซียวจื่อเมิ่งส่งเสียงละเมอเบา ก่อนพลิกตัวนอนหลับต่อ
เซี่ยยวี่หลัวใช้มือค้ำศีรษะไว้ หลับตานอนหลับไป
หลังจากตื่นขึ้น กวั่นซื่อและหลี่ซื่อก็มาหานาง
เซี่ยยวี่หลัวกำลังหั่นแตงโมให้เด็กๆ กินอยู่ในบ้านพอดี กวั่นซื่อและหลี่ซื่อมา จึงกินคนละสองชิ้น ก่อนกล่าวด้วยความรู้สึกประหลาดใจ “ยวี่หลัว แตงโมของเจ้าปลูกเช่นไร เหตุใดแตงโมที่ปลูกออกมาถึงทั้งลูกใหญ่และหวานกว่าของบ้านข้า! ”
เซี่ยยวี่หลัวยิ้มพร้อมกล่าว “เป็นเมล็ดพันธุ์ที่ซื้อมาจากตลาดไม่ใช่หรือเจ้าคะ? ”
หลี่ซื่อกล่าวด้วยท่าทีสงสัย “พวกเราก็ซื้อเมล็ดพันธุ์จากตลาดในตัวเมืองเหมือนกัน แต่แตงโมที่พวกเราปลูก ไม่ใหญ่เท่าของเจ้านี่นา”
“ออกผลเยอะมากใช่หรือไม่เจ้าคะ? ”
“ออกผลเยอะ แต่ไม่ใหญ่และไม่หวานเท่าไร! ” กวั่นซื่อมองดูผลแตงโมสุกที่เซี่ยยวี่หลัวเก็บมาวางไว้ตรงมุมห้องโถง แตงโมนั่นลูกใหญ่มาก ใหญ่กว่าของบ้านนางมากนัก ทั้งยังหวานกว่าของบ้านนางมากด้วย
เห็นแล้วรู้สึกอิจฉานัก
“พวกท่านได้ตัดกิ่งแขนงหรือไม่เจ้าคะ? ” เซี่ยยวี่หลัวเอ่ยถาม
“ตัดกิ่งแขนง? ” กวั่นซื่อและหลี่ซื่อต่างก็รู้สึกสงสัย “อะไรคือตัดกิ่งแขนง? ”
แม้แต่เรื่องตัดกิ่งแขนงยังไม่รู้ ดูท่า แตงโมที่ปลูกลูกใหญ่และหวานสิถึงจะแปลก เซี่ยยวี่หลัวเข้าใจทันที
ผู้คนในยุคสมัยปัจจุบันรู้ว่าต้องตัดกิ่งแขนงแตงโม แต่คนในยุคสมัยนี้กลับไม่รู้ น่าจะเป็นประสบการณ์ความรู้ที่คนในยุคสมัยโบราณสั่งสมมาด้วยความยากลำบาก นางที่เป็นคนในยุคปัจจุบัน กลับมีความรู้ที่คนในยุคโบราณไม่รู้
เซี่ยยวี่หลัวอธิบายอย่างใจเย็น “แตงโมมักจะแตกกิ่งแขนง เมื่อมีกิ่งแขนงก็ต้องตัดออก เมื่อกิ่งที่ยาวที่สุดยาวเท่านี้…”
เซี่ยยวี่หลัวยื่นแขนออกสองข้าง แยกออกจากกันในระยะประมาณสามสิบหลีหมี่
“เมื่อยาวเท่านี้ ต้องเลือกกิ่งแขนงที่แข็งแรง ใช้เป็นกิ่งสำรอง กิ่งที่เหลือตัดทิ้งทั้งหมด พอออกผลแตงโม เพื่อป้องกันไม่ให้ผลแตงโมแย่งสารอาหารกัน หลังจากเลือกกิ่งแล้วต้องคอยตัดกิ่งที่แตกแขนงออกในภายหลัง เมื่อกิ่งหลักและกิ่งสำรองยาวประมาณสองหมี่ต้องเด็ดยอดออก เพื่อป้องกันไม่ให้สูญเสียสารอาหาร เช่นนี้สามารถทำให้ผลอ่อนสมบูรณ์และมีผลโต”
เมื่อได้ฟังเซี่ยยวี่หลัวกล่าวอย่างฉะฉาน กวั่นซื่อและหลี่ซื่อต่างก็ฟังด้วยอาการงงงวย อะไรคือตัดกิ่งแขนง อะไรคือกิ่งหลัก อะไรคือกิ่งสำรอง!
ล้ำลึกเกินไป ฟังไม่เข้าใจ!
แต่พวกนางเชื่อสิ่งที่เซี่ยยวี่หลัวกล่าวมา ถึงอย่างไรแตงโมที่เซี่ยยวี่หลัวปลูกก็ดีกว่าแตงโมที่พวกเขาปลูก!
ทั้งใหญ่ทั้งหวาน เช่นนั้นต้องเป็นเพราะขั้นตอนการปลูกแตงโมของพวกเขามีปัญหาแน่ ต้องเรียนรู้จากเซี่ยยวี่หลัว
“กิ่งหลักอะไร กิ่งสำรองอะไร ยวี่หลัว พวกเราฟังไม่เข้าใจ เอาอย่างนี้ ปีหน้าตอนปลูกแตงโม เจ้าสอนพวกเราด้วยตัวเองได้หรือไม่? ” กวั่นซื่อกล่าวอย่างตรงไปตรงมา นางไม่เข้าใจสิ่งที่เซี่ยยวี่หลัวกล่าวมา ล้ำลึกเกินไป
เซี่ยยวี่หลัวพยักหน้าตอบตกลง “ได้เจ้าค่ะ ปีหน้าข้าจะไปช่วยตัดกิ่งแขนงต้นแตงโมของพวกท่าน! ”
กวั่นซื่อและหลี่ซื่อชิมแตงโมอีกหนึ่งชิ้น ชูนิ้วโป้งขึ้นพลางกล่าว “ยวี่หลัว เจ้าช่างรู้อะไรเยอะจริง ทั้งทำอาหารเป็น ทำซาลาเปาเป็น ทอดโหยวเถียวเป็น ทั้งยังปลูกแตงโมเป็น เก่งกาจเสียจริง! ”
หลี่ซื่อก็กล่าวด้วยความตื่นเต้น “ยวี่หลัว พวกเราซื้อร้านไว้แล้ว พรุ่งนี้จะเริ่มขายวันแรก เจ้าก็ไปดูด้วยสิ”
เซี่ยยวี่หลัวรู้สึกยินดียิ่ง “ได้เจ้าค่ะ พรุ่งนี้ข้าต้องไปแน่นอน”
อีกฝ่ายมาหาถึงบ้าน เชิญนางไปด้วยตัวเอง เซี่ยยวี่หลัวไม่มีเหตุผลที่จะไม่ไป ยิ่งไปกว่านั้น พรุ่งนี้นางยังมีธุระอื่นที่ต้องทำอีก ต้องส่งซีโหยวจี้เล่มสามไป ไม่อย่างนั้นจะไม่ทันตีพิมพ์เล่ม ตอนนี้ก็ถึงช่วงปลายเดือนแล้ว
ยังมีสบู่ที่ทำเสร็จแล้ว คืนนี้นางจะลองใช้ว่าดีหรือไม่ พรุ่งนี้จะนำไปที่ฮวาหม่านยี