เห็นเซียวยวี่เปลี่ยนเป็นชุดตรงสีขาวสะอาด พอเขาสวมเสื้อตัวนั้นบนกาย ก็ขับให้ผิวขาวเนียนของเขาดูขาวเนียนยิ่งขึ้น ใบหน้าสะอาดสะอ้าน เรียบเนียนประหนึ่งไข่ไก่ที่เพิ่งกะเทาะเปลือกออก ราวกับโดนลมพัดโชยแล้วอาจปริแตกได้
ผิวพรรณของบุรุษผู้หนึ่งก็สามารถดูเนียนนุ่มชุ่มชื้นราวกับจะมีน้ำหยดออกมาได้
ยังมีรูปร่างสูงโปร่งนั่นอีก ถึงแม้จะผอมไปบ้าง แต่กลับไม่อ่อนแอ เซี่ยยวี่หลัวเคยยืนอยู่ใกล้เขามาก เคยสัมผัสด้วยตัวเอง ว่าร่างกายกำยำนั่น สูงตระหง่านและแข็งแรงเพียงใด
นั่นเป็นความทรงพลังของชายชาตรี
เมื่อยืนอยู่ข้างกายเขา ก็เกิดความรู้สึกปลอดภัยอย่างที่ไม่จำเป็นต้องหวั่นเกรงต่อพายุฝนกระหน่ำ
เซี่ยยวี่หลัวไม่อาจตัดใจละสายตาได้ เซียวยวี่ก็เช่นเดียวกัน ทั้งสองคนสบสายตากันเป็นเวลานาน จวบจนเซียวยวี่เม้มริมฝีปากแย้มรอยยิ้มให้นาง
คำว่ารอยยิ้มดั่งบุปผา ที่แท้ไม่เพียงแต่ใช้กับสตรีได้ แต่สามารถใช้กับบุรุษได้เช่นกัน
เซี่ยยวี่หลัวรู้สึกหัวใจสั่นไหว
ท่านราชบัณฑิตน้อย ช่างหล่อเหลาจนทั้งมนุษย์และเทพเซียนยังต้องอิจฉาจนโกรธเคือง!
หากอยู่ในยุคสมัยปัจจุบัน ก็ถือเป็นหนุ่มรูปงามที่หาได้ยากในรอบห้าพันปี ทั้งยังเป็นหน้าตาธรรมชาติทั้งหมด มีดีทั้งรูปลักษณ์หน้าตาและรูปร่าง คนอื่นยังจะเอาอะไรมาเทียบอีก!
เป็นประเภทดาราชื่อดังระดับนานาชาติที่ขอเพียงเข้าวงการก็จะโด่งดังไปทั่วโลก แค่รูปลักษณ์ภายนอกก็ทิ้งห่างดาราคนอื่นๆ ไปไกลเท่าแม่น้ำฉางเจียงทั้งสายแล้ว
คิดไม่ถึง ว่าคนที่หล่อเหลาถึงเพียงนี้จะเป็นสามีของนาง มันช่าง…
แม้แต่ตอนนอนฝันยังน้ำลายไหลได้เลย
เซียวยวี่มองดูเซี่ยยวี่หลัว นางจ้องมองเขาด้วยอาการเหม่อลอย เบื้องลึกแววตาฉายประกายราวดวงดาราทอแสงระยิบระยับ จ้องมองเขาจนไม่อาจกะพริบตาได้แม้แต่ครั้งเดียว มองเขาอย่างเหม่อลอยอยู่อย่างนั้น อ้าปากเล็กน้อย ขอบริมฝีปากสีแดงชุ่มฉ่ำมีแสงสีขาวแวววาว
เซียวจื่อเมิ่งเอ่ยถามด้วยความประหลาดใจ “พี่สะใภ้ใหญ่ เหตุใดท่านถึงน้ำลายไหลเจ้าคะ? ”
เซียวยวี่รู้สึกขำขันอยู่ในใจ รู้สึกพึงพอใจในรูปลักษณ์ภายนอกของตนเองเป็นอย่างมาก
เซี่ยยวี่หลัวส่งเสียง “หา” ทีหนึ่ง รู้สึกว่าตรงมุมปากมีความชื้นแฉะ เอื้อมมือไปเช็ด เซี่ยยวี่หลัวถึงกับนิ่งอึ้ง!
สวรรค์ทรงโปรด น้ำลายไหลจริงด้วย!
เช่นนี้เท่ากับบอกเซียวยวี่อย่างโจ่งแจ้ง ว่านางมองเขาจนน้ำลายไหลไม่ใช่หรือ?
เซียวยวี่เหมือนจะเข้าใจความหมายของเซี่ยยวี่หลัวแล้วเช่นกัน จึงปิดปากกลั้นหัวเราะ
ส่วนเซี่ยยวี่หลัวกลับอายจนแทบอยากหารูบนพื้นมุดหนีไป นางบอกได้หรือว่านางมองหนุ่มรูปงามจนเคลิ้ม?
มองบุรุษจนน้ำลายไหล เรื่องนี้ยังไม่เท่าไร ที่สำคัญคือท่าทางที่นางเช็ดปากก็ถูกเซียวยวี่เห็นแล้ว
สวรรค์!
เซี่ยยวี่หลัวก้มหน้า ระหว่างกินอาหารไม่เงยหน้าแม้แต่ครั้งเดียว เวลานี้หากสามารถเปลี่ยนตัวตนได้ นางสู้ยอมเป็นข้าวในชาม ถูกกินจนหมดเกลี้ยงคงดีไม่น้อย จะได้ไม่ต้องรู้สึกกระดากอยู่อย่างนี้
ขายหน้าเสียจริง!
เหมือนจะเห็นท่าทางกระดากอายของใครบางคน อีกคนจึงรู้สึกอารมณ์ดียิ่งนัก แม้แต่อาหารเที่ยงก็กินเพิ่มขึ้นสองชาม
หลังจากกินอาหารเที่ยง เซี่ยยวี่หลัวก็พาเซียวจื่อเมิ่งไปถอนหญ้าและพรวนดินที่สวนหลังบ้าน เซียวจื่อเซวียนไปล้างชามในห้องครัว เซียวยวี่กลับห้องไป อยู่เพียงครู่เดียว ได้ยินเสียงหัวเราะที่ดังมาจากสวนหลังบ้าน ก็ไม่มีแก่ใจจะอ่านตำราในมืออีก
เขากินมากเกินไป พอดีเลย ควรไปย่อยอาหารที่สวนหลังบ้านเช่นกัน
มาถึงสวนหลังบ้าน เซี่ยยวี่หลัวกำลังพรวนดิน เหวี่ยงจอบในมืออย่างคล่องแคล่ว ราวกับว่าทำเรื่องเช่นนี้เป็นประจำ
เซียวจื่อเมิ่งถอนหญ้าอยู่ข้างๆ ทั้งสองคนแบ่งงานกันอย่างลงตัว ผ่านไปเพียงครู่เดียวก็พรวนดินเสร็จจุดหนึ่งแล้ว
ทั้งสองคนแต่งตัวเต็มรูปแบบ หมวกที่สามารถปิดบังใบหน้าได้ ยังมีผ้าปิดหน้า ปกปิดใบหน้าไว้อย่างมิดชิด
ตั้งแต่เซียวยวี่กลับมา ก็พบว่าเซี่ยยวี่หลัวชอบปิดใบหน้าของนางเป็นอย่างมาก ขอเพียงออกจากบ้าน ก็จะใช้หมวกและผ้าปิดหน้าปกปิดใบหน้าของนางไว้อย่างมิดชิด ไม่เพียงแค่นางที่ทำเช่นนี้ แม้แต่เซียวจื่อเมิ่ง ก็ถูกนางปิดไว้อย่างมิดชิด เรื่องนี้ทำให้เซียวยวี่รู้สึกประหลาดใจยิ่งนัก
“ปิดอย่างมิดชิดเช่นนี้ ไม่ร้อนหรือ? ” เซียวยวี่เดินไป เอ่ยถามเซียวจื่อเมิ่ง
เขาเอ่ยถามเซียวจื่อเมิ่ง
เซี่ยยวี่หลัวเห็นเซียวยวี่มาแล้ว จึงไม่ได้กล่าวอะไรอีก ก้มหน้าถอนหญ้าต่อ ส่วนคำถามของเซียวยวี่ นางไม่คิดจะตอบ อย่างไรเสียก็ไม่ได้ถามนาง
เซียวจื่อเมิ่งกล่าวเสียงใส “พี่ใหญ่ พี่สะใภ้ใหญ่บอกว่า ตอนนี้เป็นช่วงฤดูร้อน ต้องปกป้องใบหน้าของตัวเองดีๆ หากตากแดดมากเกินไปเป็นเวลานาน ใบหน้าจะมีจุดด่างดำเจ้าค่ะ”
จุดด่างดำ?
เซียวยวี่หันมองเซี่ยยวี่หลัวด้วยความไม่เข้าใจ เซี่ยยวี่หลัวปิดใบหน้าไว้อย่างมิดชิด มองผ่านผ้าโปร่งบาง สามารถมองเห็นใบหน้าของเซี่ยยวี่หลัวที่ขาวสะอาดไร้จุดด่างพร้อย
ใบหน้าของนางสะอาดถึงเพียงนี้ จะมีจุดด่างดำด้วยหรือ?
นอกจากนั้น เมื่อก่อนเซี่ยยวี่หลัวมักคุยโตว่ามีรูปลักษณ์เป็นหนึ่งในใต้หล้าไม่มีผู้ใดทัดเทียม เดินไปถึงไหนก็อยากให้ผู้อื่นเห็นใบหน้าของนางไม่ใช่หรือ นางไม่เคยรู้จักการปกปิด แทบอยากให้ผู้คนทั่วหล้าตกตะลึงกับใบหน้าอันงดงามของนาง เหตุใดตอนนี้กลับปิดบังใบหน้าเสียมิดชิดถึงเพียงนี้ ราวกับกลัวว่าผู้อื่นจะเห็นอย่างไรอย่างนั้น
ใบหน้าของเซี่ยยวี่หลัวขาวเนียนสะอาดหมดจด ไม่ได้แต่งแต้มเครื่องประทินโฉม ขาวเนียนงามสะคราญอย่างเป็นธรรมชาติ ขาวราวกับเครื่องกระเบื้องเคลือบชั้นดี โปร่งใสแวววาว
เมื่อก่อนนางไม่มีทางออกบ้านด้วยใบหน้าเช่นนี้ ทุกคราก่อนออกจากบ้าน นางเป็นต้องวาดคิ้วแต้มปาก เดิมทีใบหน้าก็ขาวอยู่แล้ว นางยังจะปะแป้งเพิ่ม เดิมทีริมฝีปากก็แดงมากพอแล้ว นางกลับยังไม่พึงพอใจ ยังจะแต่งแต้มด้วยเครื่องประทินโฉมให้แดงขึ้น เพียงแต่ช่างน่าเสียดายนัก ที่ทักษะการแต่งหน้าของเซี่ยยวี่หลัวถือว่าธรรมดาทั่วไป หากก่อนแต่งมีแต้มความงามสิบคะแนน หลังจากแต่งหน้าแล้ว ก็เหลือเพียงเก้าคะแนนเท่านั้น
ทว่า เซี่ยยวี่หลัวที่มีเพียงเก้าคะแนนก็เพียงพอจะทำให้ผู้อื่นรู้สึกตกตะลึงในความงาม จึงไม่เคยมีใครกล่าวอะไร
เซี่ยยวี่หลัวก้มหน้าถอนหญ้าอยู่ตลอด แต่ก็สัมผัสได้ว่าข้างกายมีสายตาคู่หนึ่งเพ่งมองตัวเองอยู่ มองจนนางรู้สึกอึดอัด ไม่เป็นตัวของตัวเอง
“คือ แสงแดดแรงเกินไป ทั้งยังไม่มีฝางไซ่ซวาง [1] ข้าเกรงว่าผิวจะโดนแดดเผา” เซี่ยยวี่หลัวอับจนหนทาง ได้แต่เงยหน้าขึ้น กล่าวตอบด้วยสีหน้าจริงจัง
ฝางไซ่ซวาง?
เซียวยวี่ขมวดคิ้ว “ฝางไซ่ซวางคือสิ่งใด? ”
“อ๊ะ…” เซี่ยยวี่หลัวเพิ่งรู้ตัว ว่าตัวเองพูดคำศัพท์ในยุคปัจจุบันอีกแล้ว จึงรีบอธิบาย “อ่อ คือสิ่งที่ใช้ทาบนใบหน้า เหมือนเครื่องประทินโฉม สามารถทำให้ใบหน้าดูดียิ่งขึ้น! ฝางไซ่ซวางเป็นสิ่งที่มีไว้ป้องกันแสงแดดไม่ให้ส่องโดนใบหน้าทั้งหมด เหมือนที่แสงแดดสามารถเผาใบหน้าจนดำคล้ำ ฝางไซ่ซวางก็เหมือนหมวกกับเสื้อผ้า สามารถป้องกันได้บ้าง” เซี่ยยวี่หลัวอธิบายอย่างละเอียดว่าฝางไซ่ซวางคือสิ่งใด
เซียวยวี่เข้าใจอย่างแจ่มแจ้ง “เป็นเช่นนี้เอง”
เป็นเช่นนั้นจริง หากสวมใส่เสื้อผ้าในฤดูร้อน ผิวจะไม่ดำคล้ำง่าย บางคนสวมใส่เสื้อแขนสั้น ผิวที่อยู่นอกเสื้อก็จะโดนแดดเผาจนดำคล้ำอย่างรวดเร็ว
เซี่ยยวี่หลัวหัวเราะแห้ง “พวกเราไม่มีฝางไซ่ซวาง จึงใส่หมวก สวมใส่เสื้อแขนยาวกางเกงขายาวก็ได้เหมือนกัน” แต่หากมี เช่นนั้นก็ย่อมดีกว่า
เซียวยวี่เอื้อมมือไปหยิบจอบในมือเซี่ยยวี่หลัว เซี่ยยวี่หลัวตัวแข็งทื่อ
“เจ้าไปพักผ่อนก่อน เหงื่อท่วมหัวแล้ว” เซียวยวี่กล่าวอย่างเรียบสงบ ออกแรงเพียงเล็กน้อย ก็ดึงจอบมาจากมือเซี่ยยวี่หลัวสำเร็จ
จากนั้นจึงเหวี่ยงจอบพรวนดิน
เซียวยวี่ทำเกษตรไม่เป็นจริงๆ ท่าทางเงอะงะนั่น ดูท่าเพิ่งจะเรียนรู้แล้วทำตาม
“ข้าทำเอง เจ้ากลับห้องไปพักผ่อน เหลืออีกเพียงเล็กน้อยก็เสร็จแล้ว” เซี่ยยวี่หลัวกล่าว
เซียวยวี่ไม่ได้กล่าวอะไร พยายามพรวนดินอย่างสุดกำลัง
เซี่ยยวี่หลัวเห็นเขายืนกรานจะทำ จึงไม่อยากกล่าวอะไรอีก จากนั้นจึงกลับห้องของตัวเอง
เซียวยวี่ก้มหน้าเล็กน้อย เม้มริมฝีปากแย้มรอยยิ้ม ออกแรงพรวนดินต่อ
ฝางไซ่ซวางเช่นนั้นหรือ?
เขาจำไว้แล้ว
————————-
เชิงอรรถ
[1] ฝางไซ่ซวาง คือ ครีมกันแดด