ขณะเล่อเหยาเหยาสงสัยไม่เข้าใจ ชายหนุ่มยังคงตะโกนอย่างดีใจ กอดเธอหมุนไปมาอยู่ภายในห้อง
แม้ชายหนุ่มเวลานี้จะดีใจอย่างมาก แต่เล่อเหยาเหยากลับไม่ดีใจแม้แต่นิดเดียว
ร่างกายที่เดิมทีไม่สบาย ตอนนี้ถูกชายหนุ่มพลิกไปมาเช่นนี้ ท้องไส้จึงปั่นป่วนขึ้นมา
เมื่อรู้สึกน้ำเปรี้ยวจะทะลักออกมาจากลำคอ ใบหน้าเล็กของเล่อเหยาเหยาพลันเขียวคล้ำ
ทันใดนั้น ก็เอามือหนึ่งปิดปาก อีกมือตบลงบนตัวชายหนุ่มที่กำลังตื่นเต้น แสดงให้เขาวางตัวเธอลง เพราะเธออยากอาเจียน!
แต่หลังจากชายหนุ่มเข้าใจความหมายของเธอ ก็ช้าไปเสียแล้ว
“อุ๊บ…แหวะ”
เมื่อทนไม่ไหว เล่อเหยาเหยาอาเจียนอย่างหนักขึ้นมา
ไม่รู้ตนหมดสติไปนานเพียงใด สิ่งของภายในท้องก็ไม่รู้ย่อยสลายไปถึงลำไส้ส่วนใด ดังนั้นเล่อเหยาเหยาจึงอาเจียนไม่มาก
แต่เพราะสิ่งที่อาเจียนออกมานั้น ไม่คิดก็น่าจะรู้ว่านั่นสกปรกเพียงใด กลิ่นจะน่าคลื่นเหียนขนาดไหน
กระทั่งเล่อเหยาเหยาที่ได้กลิ่น อดย่นจมูกไม่ได้
หลังอาเจียนอย่างทรมาน จึงเงยใบหน้าซีดขาวขึ้น ก่อนมองสถานที่ที่ถูกเธออาเจียนออกมาอย่างตกตะลึง นั่นคือหน้าอกกว้างของชายหนุ่ม
เมื่อเห็นน้ำเปรี้ยวสีขาวขุ่นบนเสื้อคลุมสีแดงนั้น เล่อเหยาเหยาที่ใบหน้าซีดขาว พลันซีดลงดุจกระดาษ
แอบร้องตะโกนในใจว่า จบกัน เธอกลับอาเจียนรดตัวปีศาจนี้!
แม้จะไม่เคยเห็นการลงมือที่โหดเหี้ยมของชายหนุ่มผู้นี้กับตา แต่เรื่องราวที่เขาทำทั้งหมด เธอรู้มาไม่น้อย
…
เรื่องควักหัวใจสามเดือนก่อนหน้านี้
นั่นเพราะภรรยาของเขาเสียชีวิตเพราะป่วยหนัก เขาจึงอยากให้ภรรยาตนฟื้นคืนชีพกลับมา จึงให้ลูกน้องควักหัวใจและสูบเลือดของสาวน้อยบริสุทธิ์พวกนั้น!
เพียงเพื่อคนผู้เดียว เขาจึงสังหารสาวน้อยที่บริสุทธิ์กว่าร้อยคน เพียงคิดก็รู้ว่า ในใจเขาโหดเหี้ยม เสียสติ เห็นแก่ตัวมากเพียงใด!
ดังนั้น เล่อเหยาเหยาจึงกลัวชายหนุ่มตรงหน้านี้อย่างมาก มากยิ่งกว่าตอนเริ่มหวาดกลัวพญายมเสียอีก
ตอนนี้เห็นตนอาเจียนใส่ตัวปีศาจผู้นี้ เล่อเหยาเหยาได้ยินเสียง ‘ตูม’ ดังขึ้น ก่อนสมองพลันขาวโพลน ในใจสั่นสะท้าน ไอเย็นพุ่งจากหัวใจขึ้นสู่เหนือศีรษะ
ในใจคร่ำครวญ
จบกัน ครั้งนี้ เธอต้องตายแน่!
ด้วยวิธีการลงมือที่โหดเหี้ยมของปีศาจนี้ ไม่รู้เขาจะทำเช่นใดกับเธอ จะถลกหนังเลาะกระดูกเธอ หรือตัดแขนขา หรือควักหัวใจ!
เมื่อนึกถึงภาพคนตายไปโดยศพไม่ครบส่วน เล่อเหยาเหยารู้สึกเพียงหนังศีรษะชาวาบ ร่างกายเริ่มสั่นเทิ้มขึ้นมา
นั่นเพราะตกใจอย่างหนัก
แต่ขณะเล่อเหยาเหยาหวาดกลัวสุดขีด หูพลันได้ยินเสียงเต็มไปด้วยความกังวลของชายหนุ่มขึ้นว่า
“ซินเอ๋อร์ เจ้าไม่สบายที่ใดหรือ”
พอพูดถึงตรงนี้ คิ้วน่ามองของซือมู่หานนั้นขมวดแน่น พลันหันศีรษะร้องตะโกนออกไปด้านนอก
“เด็กๆ ไปเชิญท่านหมอมา”
จากเสียงตะโกนของซือมู่หาน ไม่นาน ประตูไม้ลายสลักที่ปิดแน่นถูกเปิดจากคนด้านนอก พลันมีเงาร่างคนสองคนเดินเข้ามา
เวลานั้น เล่อเหยาเหยาถูกซือมู่หานอุ้มอย่างอ่อนโยนไปนอนที่บนเตียง
“ซินเอ๋อร์ ไม่ต้องกลัว ข้าจะไม่ให้เจ้าเป็นสิ่งใดเด็ดขาด”
เห็นเพียงซือมู่หานกุมมือเล่อเหยาเหยาไว้แน่น ก่อนเอ่ยอย่างหนักแน่น
แต่เล่อเหยาเหยาไม่ได้ไม่รู้สึกตัว แม้น้ำเสียงชายหนุ่มจะหนักแน่น แต่สีหน้ากังวลของเขา มือใหญ่ที่เย็นเฉียบกุมมือเล็กของเธอสั่นเทาเล็กน้อย เพียงพอที่จะพิสูจน์ว่าเขากำลังหวาดกลัว!
สายตาเหลือบมองอีกครั้ง ก่อนมองบนหน้าอกที่เปื้อนของเขา
ชายหนุ่มคล้ายไม่สนใจแม้แต่นิดเดียว อาจเพราะความคิดทั้งหมดตอนนี้ของเขาอยู่ที่ตน จึงไม่สนใจสิ่งอื่น
เห็นเช่นนั้น ดวงตาคู่งามของเล่อเหยาเหยาเป็นประกายครู่หนึ่ง
แม้ชายตรงหน้านี้ จะเป็นหัวหน้าปีศาจที่ชั่วร้าย ทุกคนต่างคิดสังหาร
แต่เขากลับเป็นสามีที่ยอดเยี่ยมผู้หนึ่ง!
เขารักภรรยาของเขา เรื่องนี้เธอมั่นใจอย่างยิ่ง แต่น่าเสียดายเธอไม่ใช่ภรรยาของเขา
ในใจถอนหายใจออกมา เล่อเหยาเหยาค่อยๆ รู้สึกไม่หวาดกลัวชายผู้นี้
เพราะชายผู้นี้ตอนนี้ในสายตาของเธอ ช่างน่าสงสารเช่นนี้
เขาเคยเจ็บปวดจากการสูญเสียภรรยา ไม่งายกว่าจะฟื้นคืนชีพ ‘ภรรยา’ ของเขากลับมาได้ ดังนั้นเขาจึงเห็นเธอเป็นของล้ำค่าที่ต้องปกป้องบนโลกนี้
ประคองไว้ในมืออย่างกลัวตกหายไป ซ่อนไว้ในปากกลัวละลาย อาจเป็นคำพรรณนาถึงชายหนุ่มตรงหน้าตอนนี้
พอคิดถึงตรงนี้ เล่อเหยาเหยาถอนหายใจอีกรอบ ประจวบกับหมอเข้ามาพอดี
หมอผู้นี้สะพายกล่องยาไว้ที่ไหล่ ท่าทางอายุประมาณสามสิบกว่าปี ไม่ใช่หมอชราที่เชิญมาก่อนหน้านี้
ส่วนชายชุดดำที่อยู่ด้านข้างที่เข้ามาพร้อมท่านหมอ มีรูปร่างกำยำ
เห็นเพียงชายชุดดำผู้นี้ ความสูงน่าจะประมาณหนึ่งร้อยแปดสิบเซนติเมตรขึ้นไป ชุดสีดำแนบกายนั้น ทำให้รูปร่างเขาดูตรง ผอมเพรียว สูงใหญ่ กำยำ มองแล้วดุจเขาไท่ซานสูงตระหง่าน
เล่อเหยาเหยากล้าเชื่อว่า หากชายชุดดำนี้อยู่ในยุคปัจจุบัน ต้องถูกจัดอยู่ในประเภทชายหนุ่มรูปร่างสวยงามแน่!
แต่ใบหน้าไร้อารมณ์เรียบเฉยนั้น กลับมีแผลเป็นที่น่าเกลียด
เห็นเพียงรอแผลเป็นนั้น ไม่เหมือนบาดแผลจากคมมีด แต่คล้ายถูกของแข็งข่วนจนเป็นแผลยาว จากหางตาด้านซ้ายลงไปจนถึงคาง เห็นแล้วทำให้คนตกตะลึง
แต่นี่ไม่ใช่สิ่งที่ทำให้เล่อเหยาเหยาตะลึงที่สุด ไม่รู้เหตุใด เมื่อเห็นชายชุดดำตรงหน้า เล่อเหยาเหยามักรู้สึกคุ้นตา คล้ายกับเคยเห็นชายหนุ่มผู้นี้ที่ใดสักแห่งมาก่อน
แต่ใบหน้านั้น แม้ไม่มีแผลเป็นอัปลักษณ์ เล่อเหยาเหยาก็นึกไม่ออกว่าเคยเห็นที่ใดมาก่อน แต่ความรู้สึกที่คุ้นเคยนั้น มาจากที่ใดกัน!
สำหรับเรื่องนี้ เล่อเหยาเหยาสงสัยอยากรู้
อาจเพราะความคิดในใจเธอเผยขึ้นมาบนใบหน้า ซือมู่หานที่อยู่ข้างหลังเห็นเล่อเหยาเหยาจ้องมองเขาตลอดเวลา ตั้งแต่ชายหนุ่มเข้ามา และแววตาแฝงด้วยความสงสัย พลันเอ่ยปากขึ้นว่า
“ซินเอ๋อร์ นี่คือชิงเฟิง เจ้าจำเขาได้หรือไม่”
เมื่อได้ยินคำพูดของซือมู่หาน เล่อเหยาเหยาเพียงเม้มริมฝีปาก ก่อนเอ่ยขึ้น
“เฮ้อ ท่านจะอธิบายเช่นไรข้าไม่เข้าใจ เพราะข้าไม่ใช่ภรรยาของท่าน พวกเขาคือผู้ใด ข้าไม่รู้ และข้าไม่ได้สูญเสียความทรงจำอีกด้วย”
เล่อเหยาเหยาอธิบายเน้นย้ำอีกรอบ และยิ่งสนทนากับชายผู้นี้ เธอโมโหจนแทบกระอักเลือดออกมา
ชายหนุ่มผู้นี้ ดื้อดึงไม่ยอมรับเสียจริง!
เล่อเหยาเหยาจนใจ เหลือบมองสองคนตรงหน้าครู่หนึ่ง พลันฉุกคิดขึ้นมาได้ ดวงตาคู่งามเป็นประกาย ก่อนจับที่มือของหมอวัยกลางคนผู้นั้น เอ่ยขึ้นอย่างตื่นเต้นว่า
“ท่านเป็นหมอใช่หรือไม่ เช่นนั้นท่านตรวจสอบได้แน่ว่าข้าไม่ได้สูญเสียความทรงจำ ท่านรีบอธิบายกับเขาเร็ว ข้าไม่ใช่ซินเอ๋อร์ ภรรยาของเขาจริงๆ และตอนนี้ข้าตั้งครรภ์สามเดือนแล้ว หากข้าเป็นภรรยาของเขาจริง เธอเสียชีวิตไปสามเดือนแล้ว เหตุใดจะฟื้นขึ้นมาได้ แม้จะเป็นภรรยาที่ฟื้นคืนชีพมาของเขาจริง เด็กภายในท้องข้า ต้องไม่มีชีวิตอยู่แล้วมิใช่หรือ!”
เล่อเหยาเหยาคล้ายคนที่กำลังจมน้ำจับคว้าท่อนไม้เอาชีวิตรอดไว้ จึงจับมือชายวัยกลางคนแน่น เอ่ยอย่างตื่นเต้น
เพราะเธอกับซือมู่หานคุยกันไม่รู้เรื่องจริงๆ จะพูดเช่นไร เขาไม่เข้าใจ จึงไม่สู้ให้ผู้อื่นเป็นคนพูดกับเขาแทน!
ขณะเล่อเหยาเหยาคิดเช่นนี้ กลับไม่รับรู้เลยว่าขณะที่เธอจับมือของชายวัยกลางคนนั้น ดวงตาหงส์ของซือมู่ทานที่อยู่ด้านข้างอดหรี่ลงไม่ได้
แววตาปรากฎประกายความเย็น และตามมาด้วยไอสังหารเลือนลางออกมา
เล่อเหยาเหยาไม่รับรู้ แต่หมอวัยกลางคนนั้นไม่ได้ไม่รู้สึก
หลังรับรู้แววตาสังหารของซือมู่หานที่อยู่ด้านข้าง ทันใดนั้น หมอวัยกลางคนหนังศีรษะชาวาบ บนหน้าผากเหงื่อซึมออกมา รู้สึกลำบากใจ
หมอคนเมื่อครู่เพียงพูดผิด เรียกหญิงสาวตรงหน้านี้ว่า ‘แม่นาง’ จนถูกตัดลิ้นไป
ตอนนี้หญิงสาวผู้นี้กลับจับมือเขา แม้เขาจะไม่ยินยอม แต่คนกลุ่มนี้ คือปีศาจที่สังหารคนโดยไม่กระพริบตา!
พอคิดถึงตรงนี้ ชายวัยกลางคนนั้นตกใจจนเหงื่อไหลทั่วกาย สุดท้ายเพื่อรักษาชีวิตตน พลันดิ้นหลุดจากมือของเล่อเหยาเหยา จากนั้นพลางเช็ดเหงื่อเย็นเยียบ พลางเอ่ยกับเล่อเหยาเหยาว่า
“แม่นางโปรดระวัง ให้ข้าจับชีพจรให้ท่านก่อนเถิด”
“เอ่อ”
เมื่อเห็นหมอวัยกลางคนตกใจจนเหงื่อไหลเต็มหน้าผาก ใช้ชายเสื้อเช็ดเหงื่อไม่หยุด เล่อเหยาเหยารู้ว่าชายวัยกลางคนนี้หวาดกลัวซือมู่หานอย่างยิ่ง
นั่นก็เพราะคนที่สังหารคนโดยไม่กระพริบตาเช่นพวกเขา มีผู้ใดไม่รู้สึกเกรงกลัว!
พอคิดถึงตรงนี้ เล่อเหยาเหยาไม่อยากให้หมอวัยกลางคนลำบากใจ จึงทำปากยื่น ให้หมอวัยกลางคนนี้จับชีพจรอย่างว่าง่าย
ส่วนซือมู่หานยื่นหน้าเข้าไปเอ่ยซักถามหมอวัยกลางคนอย่างกังวลไม่หยุด
“เป็นเช่นไร เธอเป็นสิ่งใดกันแน่ ไม่ว่าเป็นเช่นไร เจ้าต้องรักษาชีวิตของเธอ มิฉะนั้น ข้าจะฝังศพเจ้า”
คำพูดที่แฝงการข่มขู่นั้น พลันทำให้หมอวัยกลางคนขาอ่อนทรุดตัวลงบนพื้น แทบปัสสาวะราด
“ระ…เรียนนายท่าน นะ…นายหญิงไม่ได้เป็นสิ่งใดร้ายแรง เพียงเพราะกระทบกระเทือนจิตใจเกินไป เพียงปรับสมดุล จะไม่มีปัญหาแล้ว”
“เช่นนั้นเด็กล่ะ ไม่เป็นสิ่งใดใช่หรือไม่”
เมื่อได้ยินคำพูดของหมอวัยกลางคน เห็นชัดว่าสีหน้าที่เต็มไปด้วยไอสังหารของซือมู่หานอ่อนลง พลันเอ่ยถามขึ้นอีกครั้ง
“ระ…เรียนนายท่าน เด็กปลอดภัย และ และแข็งแรงอย่างยิ่ง นายท่านโปรดวางใจ”
“อืม ดี ดียิ่ง”
เมื่อได้ยินคำพูดของหมอวัยกลางคน รู้ว่าเล่อเหยาเหยาและเด็กต่างปลอดภัย ใบหน้าของซือมู่หานในที่สุดเผยความวางใจออกมา พลันหันไปยิ้มพลางเอ่ยกับเล่อเหยาเหยาอย่างอ่อนโยนว่า
“ซินเอ๋อร์ เจ้าได้ยินแล้วหรือไม่ เจ้าไม่เป็นสิ่งใด เจ้าและเด็กต่างปลอดภัย ฮ่า ๆ ข้าดีใจยิ่งนัก ดีใจจริงๆ”
เห็นเพียงซือมู่หานยิ้มอย่างดีใจ บนใบหน้าที่งดงามกว่าหญิงสาวนั้น ก่อนหน้านี้ยังเต็มไปด้วยไอสังหาร ดุจพญายมที่ขึ้นมาจากนรกขุมที่สิบแปด มองแล้วน่าหวาดกลัว
แต่เวลาต่อมา เมื่อเผชิญหน้ากับเล่อเหยาเหยา กลับยิ้มแย้มดุจบุปผา
ภายในดวงตาหงส์แคบยาวน่ามองคู่นั้น เป็นประกาย กระจ่างใสอย่างไร้ที่เปรียบ และรอยยิ้มงดงามนั้น ทำให้เขาคล้ายกับชายหนุ่มหล่อเหลาไร้เดียงสาผู้หนึ่ง
การเปลี่ยนสีหน้ารวดเร็วกว่าพลิกหน้าหนังสือนั้น ทำให้คนอดชื่นชมไม่ได้เสียจริง!
เห็นเช่นนั้น เล่อเหยาเหยารู้สึกจนใจและจำใจ ไม่สนใจและอธิบายอีก
บนใบหน้าเผยความโศกเศร้าเสียใจออกมา
ราวกับหมดคำพูด
ซือมู่หานเห็น พลันร้อนรนขึ้นมา ก่อนพลันฉุกคิดขึ้นมาได้ จึงเอ่ยว่า
“ซินเอ๋อร์ เจ้าเพราะรู้สึกจำเรื่องก่อนหน้านี้ไม่ได้ จึงเสียใจใช่หรือไม่ ไม่เป็นไร เพียงเจ้าสบายดี วันหน้าพวกเราจะมีความทรงจำที่งดงามมากมาย และวันหน้าข้าจะเล่าเรื่องหวานชื่นของพวกเราในอดีตให้แก่เจ้าฟัง ดังนั้น เจ้าไม่ต้องเสียใจ ดีหรือไม่”
น้ำเสียงชายหนุ่มทั้งร้อนรน อ่อนโยน แววตาหงส์นั้นแฝงด้วยความเสียใจ อ้อนวอน ทุกสิ่งคือความจริงเช่นนี้ ทำให้เขาดูคล้ายสุนัขตัวน้อยที่น่าสงสาร ทำให้คนปวดใจและเห็นใจ
แต่หลังได้ยินคำพูดนี้ของเขา เล่อเหยาเหยายิ่งจนใจ
สวรรค์!
ซือมู่หาน ชายผู้นี้ไม่ใช่คนปกติจริงๆ เขาเห็นเธอเสียใจเพราะสูญเสียความทรงจำหรือ!
พวกเขาตอนนี้เป็นคนสองประเภทที่คุยกันไม่รู้เรื่องจริงๆ !
ดังนั้น เล่อเหยาเหยาจึงเหนื่อยล้า และไม่อยากเปลืองน้ำลายอีก
สุดท้ายชายชุดดำนั้น นั่นคือชิงเฟิง เมื่อเห็นเล่อเหยาเหยาไม่พูดไม่จา และซือมู่หานที่มีท่าทีกังวลร้อนใจ ในที่สุดอดเอ่ยปากขึ้นไม่ได้
“นายท่าน ท่านอย่างกังวลเกินไปเลย ในเมื่อตอนนี้นายหญิงปลอดภัยแล้ว นายหญิงคงเหนื่อยล้า บ่าวจะไปจัดเตรียมอาหารเย็นก่อน”
“ใช่ๆ ตอนนี้ดึกมากแล้ว โอ้ สวรรค์ ข้าเลอะเลือนเกินไปจริงๆ ยังเป็นชิงเฟิงที่คิดรอบคอบ เช่นนั้นเจ้ารีบไปจัดเตรียมอาหารเย็นเถิด อย่าลืมเตรียมอาหารที่ซินเอ๋อร์ชอบมากๆ มาหน่อย”
หลังได้ยินคำพูดของชิงเฟิง ซือมู่ถานพลันได้สติ ก่อนรีบเอ่ยกำชับชิงเฟิง
ชิงเฟิงได้ยิน เพียงพยักหน้า ก่อนหิ้วตัวหมอที่อ่อนระทวยยืนไม่ขึ้นออกจากห้องไปอย่างสบาย จากนั้นจึงปิดประตูลงอย่างใส่ใจ
ดังนั้น ภายในห้องจึงเหลือเพียงเล่อเหยาเหยาและซือมู่หาน
ทั้งสองคนต่างไม่พูดจา ทำให้ภายในห้องตกอยู่ในความเงียบ ราวกับสามารถได้ยินเสียงเข็มตกลงพื้น
เล่อเหยาเหยาไม่อยากพูด เพราะตอนนี้เธอขี้เกียจจะพูดจา
เพราะชายตรงหน้านี้ มักดื้อดึงไม่ยอมฟัง พูดกับเขาพันรอบหมื่นรอบ เขาคงไม่รับฟังคำพูดของเธอ
ตอนนี้มิสู้เธอเงียบเสียดีกว่า เพื่อวางแผนขั้นต่อไป
และจำได้ว่าก่อนเธอหมดสติ คนของลัทธินอกรีตต่อสู้กับคนในวังอ๋อง แม้คนภายในวังอ๋องต่างเป็นคนที่เหลิ่งจวิ้นอวี๋อบรมฝึกฝนมา แต่หนึ่งต่อสิบ ดูจากสถานการณ์นั้นแล้ว คนของลัทธินอกรีตก็ไม่ได้ ใจดีมีเมตตา จึงต่อสู้กันอย่างสูสี
และไม่รู้การต่อสู้นั้น บาดเจ็บล้มตายไปมากน้อยเพียงใด และพวกซิงจะได้รับบาดเจ็บหรือไม่
และยังมีเซี่ยลี่และเซี่ยผิงสองพี่น้อง แม้จะรู้จักกับพวกเธอได้ไม่นาน แต่ก็เห็นพวกเธอเป็นดังน้องสาวตน
สาวน้อยสองคนที่น่ารักเช่นนี้ สวรรค์โปรดเมตตาพวกเธอ อย่าให้เกิดเรื่องใดขึ้นเถิด
และเหลิ่งจวิ้นอวี๋ ไม่รู้ตอนนี้เขาจะรู้ว่าเธอถูกลักพาตัวไปหรือไม่ ไม่รู้ตอนนี้เขากังวลเรื่องเธออยู่หรือเปล่า!
พอนึกถึงตรงนี้ เล่อเหยาเหยาปวดแปลบในใจอย่างยิ่ง
…………………………………………………………………………………..