แต่ขณะเล่อเหยาเหยาเสียใจ เธอกลับถูกรัดแน่นอยู่ในอ้อมกอด
อ้อมกอดแปลกใหม่อบอุ่น กระทั่งกลิ่นกายล้วนแปลกประหลาดนั้น
ไม่ใช่กลิ่นอำพันทะเลที่เธอชื่นชอบและคุ้นชิน แต่เป็นกลิ่นหอมสดชื่นจางๆ ของดอกเหมย
แม้ไม่ได้มีกลิ่นฉุน แต่ไม่รู้เพราะเคยชินกับกลิ่นกายของเหลิ่งจวิ้นอวี๋หรือไม่ เมื่อได้กลิ่นของคนอื่น จึงรู้สึกไม่คุ้นชิน
ความเคยชิน ช่างเป็นเรื่องที่น่ากลัวจริงๆ
ดังนั้นหลังจากถูกชายหนุ่มดึงเข้าไปกอด เล่อเหยาเหยาคิดดิ้นออกมา แต่เธอรู้สึกเพียงแผ่นหลังถูกคนตบลงอย่างเบามือ
เบาบาง ละมุน ราวกับกำลังปลอบใจเธออย่างอ่อนโยน
ตามมาด้วยน้ำเสียงใสไพเราะที่ไม่สูญเสียความกังวาน
“ซินเอ๋อร์ ไม่ต้องห่วงมีข้าอยู่ทั้งคน พวกเราคือสามีภรรยา”
“เอ่อ”
เขามองออกว่าเธอกังวลใจ แต่เขากลับคิดว่าเธอสูญเสียความทรงจำของตนเองจึงกังวลใจ
เฮ้อ ชายผู้นี้ ช่างทำให้คนจนใจและปวดหัวเสียจริง
แม้ความโหดเหี้ยมของเขาจะมากเพียงพอให้มองออกว่า เขาคือชายผู้ที่เลือดเย็น
แต่จนถึงตอนนี้ ชายผู้นี้กลับไม่ทำร้ายเธอแม้แต่นิดเดียว กลับปฏิบัติต่อเธอเป็นอย่างดี
ความจริงเมื่อละทิ้งสถานะและการเข่นฆ่าที่เหี้ยมโหดของชายหนุ่มลง
ชายหนุ่มผู้นี้ ช่างยอดเยี่ยมจริงๆ!
มีหน้าตาที่โดดเด่น หายากในโลกใบนี้ งดงามจนสะเทือนฟ้าดิน
หลังจากที่เธอฟื้นขึ้นมา ความใส่ใจและกังวลใจของเขาที่มีต่อเธอ เพียงพอทำให้รู้ว่าเขารักภรรยาของเขาอย่างมากจริงๆ
ในยุคสมัยที่สามารถมีภรรยาได้หลายคนนี้ ผู้ชายมีสถานะสูงกว่าผู้หญิง แต่มีชายหนุ่มที่รักภรรยาตนเช่นนี้ ช่างหาได้ยากยิ่ง
ดังนั้นเล่อเหยาเหยาแม้จะจนใจกับชายหนุ่มที่ดื้อดึงผู้นี้ แต่กลับตัดใจเกลียดชังเขาไม่ลง
อาจเพราะบนกายของชายหนุ่มผู้นี้ มีเสน่ห์ลึกลับพิเศษ ทำให้คนไม่สามารถเกลียดชังเขาได้
แม้จะเป็นเช่นนี้ เล่อเหยาเหยายังไม่อาจชื่นชอบเขาได้ เพราะในใจเธอมีคนผู้หนึ่งเข้าไปอยู่ในนั้นเรียบร้อยแล้ว
ขณะเล่อเหยาเหยาคิดในใจ ก็ได้ยินเสียงเคาะประตูดังมาจากด้านนอก
“เรียนนายท่าน อาหารจัดเตรียมเรียบร้อยแล้ว” เป็นเสียงของชิงเฟิง
“อืม นำเข้ามา”
เมื่อได้ยิน ซือมู่หานค่อยๆ คลายมือที่โอบกอดเล่อเหยาเหยาออก ก่อนเอ่ยขึ้นโดยไม่หันศีรษะกลับไป
หลังคำพูดของเขา ประตูไม้ลายสลักที่ปิดแน่นถูกผลักเปิดออกจากด้านนอก จากนั้นเห็นเพียงชิงเฟิงกำลังสั่งสาวใช้หลายคนยกอาหารเลิศรสเข้ามาวางบนโต๊ะ
“ซินเอ๋อร์ เจ้าคงหิวแล้ว พวกเราทานอาหารกันเถิด”
“อืม”
เมื่อได้ยินคำพูดของซือมู่หาน เล่อเหยาเหยาอดพยักหน้าตอบรับไม่ได้
เพราะเธอไม่รู้ว่าตนหลับไปนานเพียงใด และเมื่อครู่อาเจียนออกมา ตอนนี้ภายในท้องเธอจึงว่างเปล่าอย่างมาก
หลังได้ยินคำพูดของชายหนุ่ม และได้กลิ่นหอมของอาหารที่ชวนน้ำลายไหลนั้น พยาธิภายในท้องเล่อเหยาเหยาส่งเสียงร้อง ‘จ๊อกๆ’ ออกมาอย่างไม่รู้จบ
อาจเพราะเสียงท้องของเธอดังมากเกินไป รวมทั้งซือมู่หานมีวรยุทธ์ หูย่อมดีอย่างมาก จึงรับรู้ได้ ดังนั้นจึงอดหันหน้ามาหัวเราะให้กับเล่อเหยาเหยาไม่ได้
ไม่ต้องพูดว่าชายหนุ่มผู้นี้หัวเราะได้น่าหลงใหลเพียงใด!
คิ้วเรียวโค้งงอน ดวงตาหงส์ยิ้มดุจพระจันทร์เสี้ยว แววตามีรอยยิ้ม และริมฝีปากบางอมชมพูยกขึ้นอย่างสมบูรณ์แบบ เผยฟันขาวสะอาดเป็นแถวออกมา ทำให้เล่อเหยาเหยาอดนึกถึงดาราในโฆษณายาสีฟันบนทีวีไม่ได้
แต่ว่าบนทีวีต่างถ่ายออกมาแล้วทำการตัดต่อจึงสวยงาม คนตรงหน้ากลับคือของจริง ไม่ได้หลอกลวง!
จริงอย่างที่คิด สวรรค์ช่างไม่ยุติธรรม! มอบร่างกายสมบูรณ์แบบเช่นนี้ และมอบฟันสวยใสกระจ่างจับตาให้แก่เขา
ขณะเล่อเหยาเหยาคิดในใจ เมื่อเห็นรอยยิ้มบนใบหน้าโดดเด่นของชายหนุ่ม ไม่รู้เหตุใดใบหน้าจึงร้อนผ่าวชั่วขณะ
เสน่ห์ของชายหนุ่มรูปงามรุนแรงจริงๆ!
แม้เธอจะไม่ได้ลุ่มหลงชายงาม แต่เมื่อถูกหนุ่มหล่อโดดเด่นมองเช่นนี้ ใบหน้าจึงแดงก่ำ
แต่เธอยึดมั่นในรัก ชั่วชีวิตนี้นอกจากเหลิ่งจวิ้นอวี๋ เธอไม่รักชายผู้อื่นอีกเด็ดขาด!
เล่อเหยาเหยาคิดในใจ พลันก้มหน้าลงไม่มองใบหน้าชายหนุ่มอีก
เพราะใบหน้านี้งดงามและมีพลังทำลายล้างที่มากเกินไป เธอกลัวตนจะมองจนรู้สึกด้อยค่า
ดังนั้นเล่อเหยาเหยาจึงลงจากเตียงคิดสวมรองเท้าแล้วไปทานอาหารที่โถง แต่ยังไม่ทันได้สวมรองเท้า เห็นซือมู่หานพลันโน้มตัวลง ก่อนนั่งลงบนพื้น จากนั้นยื่นมือจับเท้าของเธอพร้อมสวมรองเท้าให้เธอ
“อา!”
เห็นท่าทางเช่นนี้ของชายหนุ่ม ทันใดนั้น เล่อเหยาเหยาพลันตื่นเต้นคิดหดเท้าตนกลับมา
เพราะหลังจากครั้งก่อนเธอไม่ระวังทำเท้าบาดเจ็บ เหลิ่งจวิ้นอวี๋สัมผัสเท้าเธอ ยังไม่มีชายใดสัมผัสเท้าเธอมาก่อน
รวมทั้งยังช่วยเธอสวมรองเท้า นี่มันช่าง…
“ข้า ข้าทำเองก็ได้”
เล่อเหยาเหยาหน้าแดง ก่อนเอ่ยกับชายหนุ่มที่กำลังจับเท้าเธออย่างอ่อนโยน
“ฮ่า ๆ ซินเอ๋อร์ความจริงไม่ต้องเขินอาย ก่อนหน้านี้ข้าก็มักสวมรองเท้าให้แก่เจ้า”
ชายหนุ่มเอ่ยจบแสดงท่าทางปกติ สวมรองเท้าให้แก่เล่อเหยาเหยาอย่างเป็นธรรมชาติและคุ้นชิน
เมื่อเห็นชายหนุ่มกำลังนั่งลดตัวอยู่ข้างเตียงสวมรองเท้าให้กับเธอ เล่อเหยาเหยาจึงใจเต้นในใจชั่วขณะ
เพราะไม่ว่าจะเป็นยุคปัจจุบันหรือยุคโบราณ ชายหนุ่มต่างมีความภาคภูมิใจในความเป็นผู้ชาย แม้จะรักหญิงสาวผู้นั้นเช่นไร ก็ไม่ทำเรื่องประเภทสวมรองเท้าหรือช่วยเธอสวมรองเท้า
แม้จะเป็นเหลิ่งจวิ้นอวี๋ ก็ไม่อาจทำเรื่องประเภทนี้
เมื่อเห็นชายหนุ่มตรงหน้าสวมรองเท้าให้เธอ ด้วยใบหน้าดูมีความสุข ราวกับเรื่องนี้เป็นเรื่องปกติ
เพราะเธอคือภรรยาที่เขารักผู้นั้น ดังนั้นเขาช่วยภรรยาทำเรื่องเหล่านี้ จึงถือเป็นหลักการของฟ้าดิน
ยิ่งกว่านั้น ตอนนี้ภายในห้องยังมีผู้อื่น เขาไม่รู้สึกใดๆ เลยหรือ!
เล่อเหยาเหยาคิดในใจ ดวงตาคู่งามแอบมองพวกเขาที่กำลังยุ่งกับการทำงานอยู่ไม่ไกล
เห็นเพียงชิงเฟิงและเหล่าสาวใช้ ต่างไม่สนใจทางด้านนี้ แม้จะเห็น แต่บนใบหน้ากลับไม่ได้มีสิ่งใดผิดปกติ ราวกับเรื่องนี้พวกเขาเห็นจนชินตาแล้ว
เห็นเช่นนั้น เล่อเหยาเหยาอดก้มลงมองชายหนุ่มที่ช่วยสวมรองเท้าให้เธออยู่ด้านล่าง ด้วยความรู้สึกสับสนไม่ได้
“เอาล่ะ ซินเอ๋อร์สวมรองเท้าเรียบร้อยแล้ว พวกเราไปทานอาหารกันเถิด”
“อืม”
เมื่อเห็นรอยยิ้มดุจบุปผาบนใบหน้าของชายหนุ่ม เล่อเหยาเหยาจึงพยักหน้าตอบกลับไป
ทันใดนั้น มือเล็กก็ถูกมือใหญ่ของชายหนุ่มจับกุมแน่น ก่อนดึงไปทางห้องโถงนั้น
เวลานี้ เล่อเหยาเหยาจึงมีเวลาสำรวจภายในห้องนี้
เห็นเพียงห้องนี้มีรูปแบบเป็นหนึ่งห้องนอน หนึ่งห้องโถง
บนพื้นปูด้วยขนแกะสีขาวดุจหิมะหนานุ่มหนึ่งชั้น ดังนั้นเมื่อคนเหยียบลงไปจึงไร้เสียง และยังเก็บกักความร้อนเป็นอย่างดี
รอบห้องวางวัตถุโบราณของมีค่าที่เพียงมองก็รู้ว่ามีค่าสามารถซื้อเมืองได้
และรอบด้านวางเตาผิงที่ไหม้ลุกโชนไว้ ทำให้ทั่วห้องต่างอบอุ่น
ด้านข้างห้องวางกระถางกำยานสีทองไว้ เห็นเพียงภายในกระถางกำยานนี้มีควันลอยละล่องออกมา กลิ่นหอมน่าสูดดมดุจกลิ่นของดอกเหมย หอมสดชื่นไปทั่วห้อง
บนผนังแขวนภาพมากมาย และภายในภาพทุกภาพ ต่างเป็นภาพวาดของหญิงสาวที่หน้าตาเหมือนเธอราวกับคนเดียวกัน
เห็นเพียงหญิงสาวในภาพนั่งอยู่กลางบุปผาอย่างเกียจคร้าน มีทั้งเงยหน้าชื่นชมทิวทัศน์สวยงาม มีทั้งก้มหน้าชมปลา หรือดูดอกเหมย
ไม่ว่าหญิงสาวในภาพจะทำสิ่งใด คนที่วาดหญิงสาวผู้นี้ต้องมีฝีมือในการวาดภาพที่ยอดเยี่ยม และรักหญิงสาวผู้นี้อย่างมากแน่นอน เพราะภาพของเขาต่างเปิดเผยทุกท่าทาง อารมณ์ความรู้สึกของหญิงสาวออกมาทั้งหมด ราวกับเป็นคนจริงๆ ทำให้คนที่เห็นตกตะลึงไม่หยุด
เมื่อเห็นเช่นนั้น เล่อเหยาเหยาอดหันไปเอ่ยถามชายหนุ่มข้างกายไม่ได้ว่า
“ภาพเหล่านี้ ท่านเป็นคนวาดทั้งหมดหรือ”
“อืม ถูกต้อง”
เมื่อพูดถึงตรงนี้ ซือมู่หานคล้ายฉุกคิดขึ้นมาได้ ดวงตาหงส์พลันมืดมนลงชั่วขณะ ก่อนเอ่ยอย่างแหบพร่า เสียใจ