หมื่นสวรรค์สิ้นโลกา Online Ep.521 – แสงแห่งรุ่งอรุณทริสเต้

 

พอได้ยินคำของพวกมัน หญิงงามไม้สลักก็เอ่ยด้วยความยินดีออกมา “ในเมื่อพวกเจ้าไม่เคยผ่านมือคนอื่นมาก่อน ถ้าอย่างนั้นนับจากนี้ไป พวกเจ้าจะกลายเป็นหนึ่งในชุดของเรา โดยไม่เป็นเพียงแค่ของสะสมที่ถูกเก็บทิ้งเอาไว้ในห้อง”

 

“และพวกเรา พร้อมที่จะรับใช้คุณหญิงทุกเมื่อ” บิกินี่กับปีกกล่าวเป็นเสียงเดียวกัน

 

แม้ใบหน้าของกู่ฉิงซานจะยังคงสงบ แต่ภายในหัวใจกลับลอบถอนหายใจโล่งอกอย่างลับๆ

 

“เจ้าหนู เป็นอย่างไรบ้าง พวกเรารับมือได้ดีไปเลยใช่ไหม?” บิกินี่ส่งเสียงถามมาอย่างเงียบๆ

 

“ดีมากเลยล่ะ” กู่าฉิงซานส่งเสียงผ่านความคิดไป

 

ปีกสีชมพูส่งเสียงมา “บางทีเจ้าอาจจะไม่รู้จักหญิงที่มีเกียรติคนนี้ แต่การที่พวกเราสามารถเป็นชุดส่วนตัวของเธอได้ ตลอดทั้งชีวิตไม่นับว่าเสียใจแล้ว ดังนั้นพวกเราเลยต้องการตอบแทนเจ้า ไม่อยากให้เจ้าต้องพบพานกับเรื่องร้ายใดๆ”

 

“ขอบคุณมากเลยนะ” กู่ฉิงซานกล่าว

 

ในเวลานั้นเอง หญิงงามไม้สลักก็หันไปยิ้มให้กับกู่ฉิงซาน และเอ่ยปากว่า “ในความเป็นจริงแล้ว โดยทั่วไปตัวเราจะไม่ยอมรับสิ่งของจากคนอื่น แต่ของขวัญสองชิ้นนี้มันถูกใจเรามากจริงๆ ดังนั้น .. ”

 

“โปรดรับมันไว้ และดูแลพวกมันให้ดีด้วย” กู่ฉิงซานตัดจบ

 

หญิงงามไม้สลักพยักหน้า วาดมือออกไป และสองชุดแฟชั่นสีชมพูก็หายไป

 

—เธอไม่ลังเลเลยที่จะรับของขวัญจากกู่ฉิงซาน

 

“สหายตัวน้อยจากสมาคมกำปั้นเหล็ก เจ้าช่างมีน้ำใจมากจริงๆ ของขวัญเหล่านี้มีค่าไม่น้อยเลย มันทำให้อารมณ์ของเราดีขึ้นมากทีเดียว”

 

“ผมรู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่ง”

 

“จงบอกคำขอของเจ้ามา ถ้าตัวเราสามารถทำมันได้ เราจะพิจารณาเกี่ยวกับมันอย่างจริงจัง”

 

“ผมพลาดการเรียกขานของวิหคหนามไป แต่ผมจำเป็นต้องเข้าร่วมให้ได้”

 

“ที่แท้ก็เป็นเรื่องนี้ … แสงแห่งรุ่งอรุณทริสเต้ค่อนข้างมีสัมพันธ์ที่ดีกับเรา และบางทีทริสเต้ก็อาจจะเข้าร่วมพิธีฉลองตนก้าวสู่วัยผู้ใหญ่ของเจ้าหญิงหนามตัวน้อย – ที่จะจัดขึ้นเป็นเวลาสามวันสามคืน”

 

หญิงงามไม้สลักผุดลุกขึ้น

 

“ไปกันเถิด” เธอกล่าว “ไปร่วมงานสังสรรค์กับเรา แล้วเราจะขอให้เธออนุญาตให้เจ้าเข้าร่วมการเรียกขานเอง”

 

กู่ฉิงซานพอได้ฟังก็มีความสุขยิ่ง เขาประสานหนึ่งฝ่ามือหนึ่งกำปั้นไปทางอีกฝ่าย “ขอบพระคุณท่าน!”

 

“แล้วฉันล่ะ?” ไก่ใหญ่เอ่ยถามอย่างไม่แน่ใจ

 

“ต้องการจะอยู่ที่นี่ หรือว่าจะไปงานสังสรรค์ด้วยกันกับเราล่ะ?” หญิงงามไม้สลักมองไปที่มัน

 

“แน่นอนอยู่แล้วว่าต้องไป! กระพ้มรู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่ง!” ไก่ตีปีกพับๆด้วยความตื่นเต้น

 

มันหันไปยกนิ้วโป้งให้แก่กู่ฉิงซานอย่างลับๆ

 

ไก่ไม่คาดคิดเลยว่าการช่วยเหลือผู้อื่น แท้จริงแล้วจะช่วยให้ตนสามารถย่นระยะห่างระหว่างหญิงงามไม้สลักได้ นี่มันเป็นกำไรที่คาดไม่ถึงจริงๆ

 

ณ โรงแรมอัลเบอัส

 

ตลอดทั้งโรงแรมดื่มด่ำไปกับบทเพลงบรรเลงอันไพเราะและสูงส่ง

 

ผู้คนสวมใส่เครื่องแต่งกายที่ดูวิจิตงดงาม ทักทายซึ่งกันและกัน พูดคุยด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล และเดินจากกันไปอย่างเงียบๆ

 

วิหคหนามแห่งดินแดนอัศจรรย์เป็นขุนนางที่ค่อนข้างเรื่องมากในพิธีและมารยาท ดังนั้นทั้งหมดที่กล่าวมาจึงเป็นเรื่องเข้มงวดนัก

 

ทุกชนิดของอาหารอันหลากหลาย ถูกจัดวางอยู่ในถาดอย่างละเอียดละออ แช่อยู่ในหมอกหลากสีสัน

 

นี่คือหมอกแห่งเวลา มันมาจากดินแดนอัศจรรย์ เป็นสิ่งที่จะช่วยรักษาอาหารให้สดใหม่อยู่ตลอดเวลา

 

เพียงแค่คุณนำอาหารเข้าปาก หมอกแห่งเวลาจะแพร่กระจายออกมา และรสแสนอร่อยของอาหารก็จะระเบิดลงตรงปลายลิ้นคุณ

 

นี่เป็นสิ่งรับประกันเพื่อให้แน่ใจว่าอาหารจะคงอยู่ในรสชาติที่ดีที่สุดอยู่เสมอตลอดทั้งเวลางานเลี้ยงที่ยาวนาน

 

ขณะก้าวเดิน ไก่ตัวใหญ่ก็ก้มหน้าลงมาพูดกับกู่ฉิงซาน “ฉันไม่สามารถทนกับการกระทำของพวกวิหคหนามได้”

 

“การกระทำอะไรหรือ?” กู่ฉิงซานสงสัย

 

“ลองมองดูสิ เห็นเค้กที่ตกแต่ง12ชั้นไหม แล้วก็นั่นอีก กระเป๋าสีเทาใบใหญ่ที่เรียกกันว่ากระเป๋าขนมอันไร้ที่สิ้นสุด -ทุกตารางนิ้วของงานเลี้ยงน่ะเต็มไปด้วยอาหารอันโชะมากมาย แต่จริงๆแล้วพวกวิหคหนามกลับไม่เคยคิดจะกินมันเลยแม้เพียงครึ่งคำ”

 

“แต่เท่าที่ฟังมา พวกเขาเป็นเจ้าภาพไม่ใช่หรอ บางทีพวกเขาอาจจะเคยทานมันมาแล้วหรือเปล่า เลยไม่มีความสนใจใดๆกับของพวกนี้”

 

“ไม่หรอก แต่เป็นเพราะพวกเขาคิดว่าการกินระหว่างเนื่องในโอกาสงานฉลองอันเคร่งครัดนี้น่ะ มันจะดูไม่มีมารยาทต่างหาก”

 

“อาหารทั้งหมดที่วางไว้ … ”

 

“เป็นของที่บริการไว้สำหรับแขกเท่านั้น”

 

“อ่า แต่เท่าที่ฟังดูมันก็ไม่ใช่เรื่องผิดปกตินะ”

 

ไก่ใหญ่จ้องมาที่กู่ฉิงซานและกล่าว “ผิดปกติสิ! เพราะเมื่อใดก็ตามที่พวกเขาเห็นว่าอาหารของตนถูกหยิบขึ้นมารับประทาน พวกเขาจะแสดงรอยยิ้มภาคภูมิใจน้อยๆออกมา ราวกับว่าคนที่กินไปทำผิดพลาดครั้งใหญ่ต่อหน้าสาธารณชน แต่สำหรับวิหคหนามน่ะตรงกันข้าม เพราะพวกเขากลับสามารถรักษามารยาทอันสุภาพ ไม่ยินยอมกระทำเหมือนกับบรรดาแขกเหรื่อได้ – แบบนี้ไม่ว่าจะคิดยังไงมันก็ดูน่ารังเกียจไม่ใช่หรอ?”

 

“ลดเสียงลงหน่อย” หญิงงามไม้สลักหันมองจิกตาใส่ไก่

 

ไก่ใหญ่หุบปากลงทันที

 

หญิงงามไม้สลักนำกู่ฉิงซานกับไก่ใหญ่เดินข้ามผ่านตลอดทั้งห้องจัดเลี้ยงอาหารค่ำ , ห้องจัดเลี้ยงขนาดเล็ก , โถงเต้นรำ และในที่สุดก็มาถึงโซนที่นั่งชั้นพิเศษ

 

สององครักษ์ราชวงศ์วิหคหนามที่มีใบหน้าถมึงทึงยืนอยู่หน้าประตู

 

เมื่อเห็นว่าทั้งสามคนเดินตรงเข้ามา สององครักษ์ก็ก้าวออกมาข้างหน้าและกล่าวทันที “ต้องขออภัยด้วย ที่นี่คือสถานที่พักผ่อนสำหรับผู้สูงศักดิ์เท่านั้น ช่วยกรุณา-”

 

หญิงงามไม้สลักคีบบัตรเชิญด้วยปลายนิ้วของเธอขึ้นมา

 

เมื่อองครักษ์ทั้งสองเห็นบัตรเชิญนี้ พวกเขาก็ก้าวถอยหลัง และโค้งคำนับอย่างนอบน้อม “ที่แท้ก็เป็นท่านหัวใจพฤษานิรันดร์ จิตวิญญาณแห่งพฤษาศักดิ์สิทธิ์นี่เอง พวกเราขอน้อมรับการมาเยือนของท่านด้วยความยินดี”

 

“ตอนนี้มีใครอยู่ข้างในนั้น?”

 

“ทริสเต้”

 

“แค่เธอคนเดียว?”

 

“ยังมีแขกผู้มีเกียรติอีกหลายคนอยู่ในห้อง”

 

หญิงงามไม้สลักประหลาดใจ เธอกล่าวออกมา “หืม? ที่พักของราชวงศ์หนามไม่ได้อยู่ที่นี่มิใช่หรือ? แล้วคนพวกนั้นเป็นใครกัน?”

 

สีหน้าของสององครักษ์แสดงออกถึงความอึดอัด

 

พวกเขาหันมามองหน้ากันและกัน

 

“ช่างมันเถอะ ตัวเราเหนื่อยเกินไปที่จะต้องมาถามคำถามเกี่ยวกับเรื่องนี้ เราแค่มีธุระเล็กๆน้อยที่จะคุยกับทริสเต้เท่านั้น” หญิงงามไม้สลักโบกมือไปมา

 

สีหน้าขององครักษ์จึงผ่อนคลายลง แล้วหลีกทางให้อีกฝ่าย

 

หญิงงามเดินนำกู่ฉิงซานกับไก่ใหญ่เข้าไป

 

บนทางเดินยาว คุณจะสามารถได้ยินถึงเสียงสนทนาที่เล็ดลอดออกมาจากด้านหน้าของห้องอยู่เป็นพักๆ

 

หลังจากทั้งหมดนี้ นี่เป็นสถานที่ๆมีการป้องกันอันเข้มงวด บุคคลที่สามารถเข้ามาที่นี่ได้ล้วนเป็นคนคุ้นเคยกัน ดังนั้นเหล่าคนที่สนทนากันอยู่ภายในห้องจึงไม่จำเป็นต้องกังวลว่าจะมีเรื่องใดๆหลุดรอดออกไป

 

“ว่าไงนะ? หาไม่พบงั้นหรือ?”

 

“ส่งออกไปตั้งหลายคน แล้วทำไมถึงยังหาไม่เจออีก?”

 

“ไม่คิดเลย ว่ามันจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น”

 

“ใช่ แต่จริงๆแล้วมันไปอยู่ที่ไหนกันแน่”

 

กู่ฉิงซานได้ยินถึงเสียงสนทนาเบาๆ

 

ความตื่นตระหนกดูจะฟุ้งไปทั่วชั้นอากาศ

 

อย่างไรก็ตาม เมื่อพวกเขาผลักประดูเข้าไป และยืนอยู่ต่อหน้าทริสเต้ บทสนทนาทั้งหมดก็หายไป

 

คนอื่นๆล้วนหุบปากลง เพราะนี่เป็นมารยาทขั้นพื้นฐานที่สุดในเวลาที่มีคนมาเยี่ยมเยือน

 

เห็นแค่เพียงขุนนางหลายคนกำลังนั่งพูดคุยกันอยู่

 

แน่นอน ที่โดดเด่นและดูอ่อนโยนที่สุดคงไม่พ้นทริสเต้ เธอเป็นหญิงที่มีรูปร่างสูง ดวงตาสีมรกต ครอบครองผมสีน้ำตาล ห้อยยาวลงมาคล้ายกับธารน้ำตก

 

“ทริสเต้ เรามาแล้ว” หญิงงามไม้สลักกล่าว

 

“อ้าว? ข้าจำได้ว่าเจ้าไม่ชอบงานเลี้ยงมิใช่หรอกหรือ? ลมอะไรหอบมากันล่ะเนี่ย?”

 

ทริสเต้ยืนขึ้นด้วยรอยยิ้ม เธอทักทายหญิงงามไม้สลัก ต่อด้วยไก่ใหญ่และกู่ฉิงซาน

 

“พอดีว่าเรามีเรื่องเล็กน้อยที่จะรบกวนน่ะ”

 

“นับว่าเป็นเรื่องที่หาได้ยากจริงๆ ที่เจ้ามาขอให้คนอื่นช่วย”

 

“นั่นเพราะมันเป็นเรื่องเกี่ยวกับเจ้า”

 

หลังจากทักทายกันสั้นๆ พวกเธอก็นั่งลง

 

หญิงงามไม้สลักบอกเล่าเรื่องราวทั้งหมด

 

ทริสเต้มองไปยังกู่ฉิงซานและถามว่า “งั้นหรอ? เจ้าติดอยู่ในกับดัก? เลยพลาดการเรียกขานของข้า?”

 

“ใช่ มันเป็นอุบัติเหตุ อันที่จริงแล้วผมตั้งตารอเป็นอย่างยิ่งที่จะได้ช่วยงานคุณ” กู่ฉิงซานกล่าวอย่างจริงใจ

 

“ในเมื่อเจ้าถึงขั้นมาพูดเรื่องนี้กับข้าเป็นการส่วนตัว ข้าก็ยินดีที่จะช่วยเหลือเจ้า”

 

ขณะกล่าว ทริสเต้ก็โยนเหรียญทรงกลมออกไปทางกู่ฉิงซาน

 

กู่ฉิงซานคว้าจับเหรียญ

 

เห็นแค่เพียงเหรียญเงินในมือ ที่มีตัวของทริสเต้ยืนอยู่ภายใน เธอกำลังเฝ้ามองกู่ฉิงซาน และพยักหน้าให้เขาด้วยรอยยิ้ม

 

“เหรียญนี่เป็นสัญลักษ์ของการแสดงว่าเจ้าได้ตอบรับคำเรียกขานของข้าแล้ว” เอสเต้กล่าวอย่างอ่อนโยน “และภายในเหรียญ ก็มีของรางวัลอันดับสองอยู่ ..”

 

กู่ฉิงซานกำเหรียญและกล่าว “ขอบพระคุณสำหรับความใจกว้างนี้ แต่จริงๆแล้วผมต้องการที่จะเข้าสู่โลกของคุณต่างหาก”

 

“เหตุผลล่ะ?” ทริสเต้ถาม

 

“เพราะเพื่อนของผมได้เข้าไปในนั้น และผมก็กังวลเกี่ยวกับความปลอดภัยของเธอ”

 

“ถ้าเป็นเรื่องนี้เจ้าสามารถวางใจได้” ทริสเต้หัวเราะเบาๆ “เพราะในครั้งนี้ข้าตั้งกฏเกณฑ์เอาไว้ว่าจะไม่อนุญาตให้ใครตาย ไม่แม้กระทั่งได้รับบาดเจ็บ”

 

เธอมองกู่ฉิงซาน ดวงตามรกตช่างกระช่างใส ชวนให้เคลิบเคลิ้มตกอยู่ในภวังค์

 

กู่ฉิงซานพอได้ฟังคำพูดของทริสเต้ก็เริ่มลังเล

 

หญิงงามไม้สลักกล่าว “เจ้าหนูหากมีกฏเกณฑ์อันเข้มงวดนี้อยู่ ก็น่าจะวางใจได้แล้วนะ”

 

กู่ฉิงซานอึดอัด พยายามจะพูดบางสิ่งอีกครั้ง

 

แต่ทริสเต้ก็พูดตัดหน้าเขาซะก่อน “โลกของข้ามันอยู่ในสภาวะถูกปิดกั้น แม้ว่าข้าจะต้องการเปิดมัน แต่ ก็ยังจำเป็นต้องใช้พลังงานค่อนข้างมาก ดังนั้นมันจะเป็นการดีกว่าหากเจ้ารออยู่ที่นี่ ข้าประมาณการคร่าวๆว่าน่าจะอีกสักครึ่งวัน ทุกอย่างคงจะจบลง แล้วสหายของเจ้าก็จะออกมาจากภายใน”

 

“เมื่อถึงเวลานั้น ขอให้เจ้ากล่าวนามของสหายออกมา แล้วข้าจะส่งเธอมาปรากฏตรงหน้าเจ้าเลยโดยตรง”

 

ทริสเต้พูดถึงขนาดนี้ กู่ฉิงซานก็ไม่มีอะไรจะเถียงอีก

 

ทริสเต้ให้เหรียญมา แถมยังบอกว่ามีรางวัลที่เป็นรองเพียงอันดับหนึ่งเท่านั้นอยู่ภายในอีก ทริสเต้ไม่เพียงการันตีความปลอดภัยของซูเซี่ยเอ๋อ แต่ยังบอกอีกว่าหากสิ้นภารกิจแล้ว จะส่งเธอกลับมาหาเขาเลยโดยตรง

 

เขาไม่ได้สนิทกับอีกฝ่ายมากมายขนาดนั้น จะดีจะร้าย ก็ไม่สมควรที่จะร้องขออะไรเพิ่มเติมอีก

 

นอกจากนี้ ในโลกเก็บสมบัติของทริสเต้ แม้กระทั่งอาการบาดเจ็บเล็กน้อยก็ยังไม่อนุญาต ฉะนั้น ซูเซี่ยเอ๋อคงจะสามารถกลับมาอย่างปลอดภัย

 

แถมในสายตาเขา ยังมีบรรทัดเส้นแสงตัวอักษรปรากฏขึ้นบนหน้าต่างระบบเทพสงครามแล้วด้วยในตอนนี้

 

แม้ว่ากู่ฉิงซานจะไม่มีเวลามองมัน แต่เขาก็รับรู้ได้ว่ามันคือการแจ้งเตือนว่าภารกิจเสร็จสมบูรณ์แล้ว

 

ระบบได้ใช้เหรียญเป็นสัญลักษณ์ของการสำเร็จภารกิจ

 

กล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือ เขาได้ตอบรับการเรียกขานของวิหคหนามแล้ว และกำลังจะได้รับฟังก์ชั่นใหม่ของระบบเทพสงครามนั่นเอง

 

กู่ฉิงซานผ่อนลมหายใจ คิดอย่างลึกซึ้งเกี่ยวกับมัน

 

ดูเหมือนว่าทุกอย่างจะเป็นไปด้วยดี

 

เขาลุกขึ้น และประสานกำปั้นไปทางทริสเต้ “ขอบพระคุณท่านมาก”

 

“ไม่จำเป็นต้องสุภาพไป ผู้หญิงคนนี้ถึงขั้นออกหน้าขอร้องแทนเจ้าเป็นการส่วนตัว จึงย่อมเป็นธรรมดาที่ข้าจะช่วยเหลือ” ทริสเต้กล่าวด้วยรอยยิ้ม

 

แล้วเธอก็เอื้อมไปจับกับมือของหญิงงามไม้สลักและกล่าว “มากับข้าหน่อยสิ ข้ามีเรื่องที่อยากจะขอความช่วยเหลือจากเจ้าอยู่เหมือนกัน”

 

“เกิดอะไรขึ้นงั้นหรือ?” หญิงงามไม้สลักเอ่ยถาม

 

“เดี๋ยวจะอธิบายให้ฟัง แต่ขอบอกเลยว่ามันเป็นสิ่งที่น่ารำคาญยิ่ง”

 

หญิงงามไม้สลักลุกขึ้น และเดินไปที่ประตูพร้อมกับทริสเต้

 

ดูเหมือนว่าเธอจะตระหนักได้ถึงบางสิ่ง จึงหันกลับมาและโบกมือให้กับไก่ใหญ่ “คุณก็มาด้วย มันอาจจะมีบางสิ่งที่คุณสามารถช่วยได้ก็ได้”

 

“รับทราบ”

 

ไก่ใหญ่ลุกขึ้นตามไป

 

หญิงงามไม้สลักหันมามองกู่ฉิงซาน “ส่วนเจ้าก็รออยู่ที่นี่ เอาไว้จบเรื่องแล้วพวกเราค่อยกลับไปด้วยกัน”

 

“ครับ”

 

กู่ฉิงซานขานรับ

 

แล้วหญิงงามไม้สลักกับทริสเต้ก็เดินเคียงข้างกันไป

 

ก่อนที่ไก่จะเดินตามทั้งสอง มันก็หันหน้ากลับมาขยิบตาให้กู่ฉิงซาน ส่งสัญญาณว่าเรื่องความสัมพันธ์กับสาวที่ตามจีบ มันดีขึ้นเพราะเขาเป็นพ่อสื่อจริงๆ

 

กู่ฉิงซานอดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมา และยกนิ้วโป้งให้แก่ไก่ใหญ่

 

“ขอบคุณลูกพี่ไก่ที่ช่วยเหลือ ถ้าจบเรื่องนี้ผมจะเชิญคุณไปกินอาหารด้วยกันอย่างแน่นอน”

 

พอได้ยิน ไก่ก็เชิดหัวขึ้น เผยท่าทีพึงพอใจออกมา

 

“ฉันก็อยากจะเลี้ยงนายสักมื้อใหญ่เหมือนกัน เอาไว้เดี๋ยวเจอกันใหม่นะ” ไก่ส่งเสียงผ่านความคิดมา

 

แล้วไก่ใหญ่ก็ผลักประตูตามหญิงทั้งสองคนไป

 

ในตอนนี้ ภายในห้องจึงหลงเหลือเพียงกู่ฉิงซานกับบรรดาขุนนางสาวๆเท่านั้น