เสี่ยวเชี่ยนฉวยโอกาสตอนที่เขากำลังเจ็บพูดเสริม
“ข้างบนมีสวรรค์ ข้างล่างมีพื้นดิน ตรงกลางมีจิตใจอันดีงาม เป็นคนน่ะอย่าให้มันสุดโต่งเกินไป แล้วก็อย่าท้าทายสวรรค์ เพราะจะทำให้ถูก ลง โทษ ได้ง่าย!”
เย่ต้าเชียนเห็นแค่ปากเสี่ยวเชี่ยนขยับขึ้นลง รู้สึกว่าโลกหมุนติ้ว จากนั้นก็มืดมิด เขาสลบไปแล้ว
ไม่มีใครรู้ว่าสุดท้ายเสี่ยวเชี่ยนพูดอะไรกับเย่ต้าเชียน พวกเขาเห็นแค่เด็กผู้หญิงหน้าตาดีคนหนึ่งมีความเมตตาต่อผู้ชายที่ซวยเพราะถูกหมากัด เธอพูดให้กำลังใจเขาอย่างอ่อนโยน—ถึงแม้เธอพูดเสร็จแล้วคนป่วยจะสลบไปก็ตาม
เป็นช่วงเวลาพักกลางวันพอดี รถค่อนข้างติด รถพยาบาลยังไม่มา หมอจากคลินิกที่อยู่แถวนั้นมาดูให้ก่อนพร้อมเอาสบู่กับแอลกอฮอล์มาด้วย อีกทั้งยังมีเข็มฉีดยา หลังจากถูกหมากัดต้องรีบจัดการบาดแผล หลังล้างน้ำทำความสะอาดแล้วต้องใช้แอลกอฮอล์หรือทิงเจอร์ไอโอดีนเช็ด หมอค่อนข้างมีความชำนาญ ผู้คนพากันชะเง้อมองดู อยากรู้ว่าน้องชายที่ถูกกัดเป็นยังไงบ้าง
เสี่ยวเชี่ยนเองก็อยากรู้ เธอจึงชะโงกหน้าไปดูบ้าง
อวัยวะเจ้าปัญหาที่เคยใช้ทำร้ายเด็กผู้หญิงที่ไร้เดียงสาคนหนึ่งตอนนี้โชกไปด้วยเลือด หมอเช็ดแผลไปก็พึมพำไป ยังใช้งานได้ไหมเนี่ย…
“ฉันช่วยถือแอลกอฮอล์ให้ค่ะ” เสี่ยวเชี่ยนเข้าไป “ฉันเองก็เป็นหมอ แต่เป็นจิตแพทย์ค่ะ”
“งั้นรบกวนด้วยครับ ผมจะทำแผลที่ขาให้เขา” หมอยื่นแอลกอฮอล์กับอุปกรณ์อื่นๆให้เสี่ยวเชี่ยน ยังไม่ลืมเอาเสื้อมาคลุมตรงน้องชายของผู้ป่วยที่ตอนนี้ตกเป็นเป้าสายตาของผู้คน
เสี่ยวเชี่ยนถือแอลกอฮอล์ เธอสั่นมือเล็กน้อยให้แอลกอฮอล์หกใส่เสื้อของเย่ต้าเชียนไปปนกับน้ำมันหอมระเหย น้ำมันหอมระเหยชนิดที่ละลายน้ำได้เมื่อเจอกับแอลกอฮอล์ก็ถูกเจือจางอย่างรวดเร็ว แบบนี้คือไม่มีหลักฐานหลงเหลืออยู่แล้ว
เสี่ยวเชี่ยนเงยหน้ามองแสงแดดที่ชวนให้แสบตา วันนี้อากาศดีจริงๆ เธอก็อารมณ์ดีด้วย
สายลมพัดผมเธอพลิ้วไหว ใบหน้าสวยๆนิ่งเฉย มีแค่ความเย็นชา
ห่างจากเธอไปไม่ไกล คนผมทองสวมหมวกแก็ปหยิบกล้องดิจิตอลขึ้นมากดชัตเตอร์เก็บภาพของเสี่ยวเชี่ยนเอาไว้ จากนั้นก็โทรรายงานเจ้านายตัวเอง
“บอส เธอจัดการเย่ต้าเชียนคนที่พวกเราเหม็นขี้หน้าไปแล้ว”
“หืม? ทำได้ยังไงน่ะ? เสี่ยงต่อการมีคนเห็นหรือเปล่า?”
“ฉันก็เห็นไม่ชัด เอาเป็นว่าแก๊งค์หมากัดมันจนเป็นขันทีไปแล้ว หมาพวกนั้นสุดยอดเลยจริงๆ กัดทีเดียวแทบลากออกมาทั้งยวง ไอ้บ้านั่นอยากจะดึงกลับก็แย่งหมาไม่ได้ อี๋! ตอนเกิดเรื่องเธออยู่ห่างออกไปมาก ฉันยังไม่เข้าใจเลยว่ามันเรื่องอะไรกัน ตำรวจก็ไม่น่าสืบได้…บอส หรือเธอจะสะกดจิตหมาได้?”
“ฉันสะกดจิตเธอได้ ฉันจะหักเงินโบนัส!บอกให้สะกดรอยตามให้ดี เรื่องแค่นี้ยังทำไม่ได้!”
“อย่าหักเงินนะบอส! คุยกันก่อนนะ! เดิมฉันคิดว่าถ้าเธอเก็บมันไม่ได้ฉันจะหาทางไปตอนมันเอง ปรากฏว่าเธอทำสำเร็จ ส่วนทำยังไงนั้นฉันก็ยังงงอยู่ อัจฉริยะสุดๆ!”
“อาทิตย์หน้าไปสืบดูที่มหาลัยเขา เข้าไปสังเกตการณ์ใกล้ๆ เข้าใจ?”
“รับทราบ!”
รถพยาบาลมาแล้ว เสี่ยวเชี่ยนตามคนมุงไปดูเย่ต้าเชียนถูกพาขึ้นรถพยาบาล พอเห็นรถวิ่งไปไกลแล้วเธอก็ยิ้มมุมปาก
สิ่งที่เธออดทนมานานได้ปลดปล่อยไปที่สัตว์เดรัจฉานตัวนั้นแล้ว ลาก่อน
ตอนเสี่ยวเชี่ยนกลับถึงบ้านเวยเวยก็ตื่นแล้ว เสี่ยวเชี่ยนเข้าไปกอดเธอ
“เด็กน้อยวันนี้อารมณ์ดีขึ้นหรือยังจ๊ะ?”
“ยังเลยค่ะ…”
“ไม่เป็นไรนะ เดี๋ยวก็หายแล้ว ทุกอย่างจะต้องดีขึ้น”
“จริงสิหลิวเหมย!” หลังจากที่เสี่ยวเชี่ยนปลอบเวยเวยเสร็จอยู่ๆก็นึกอะไรออก
“มีอะไรเหรอพี่สะใภ้?” หลิวเหมยที่กำลังนั่งหางานในหนังสือพิมพ์อยู่บนโซฟาเงยหน้าขึ้นมามอง
“โรงเรียนที่เธอกับฉิวฉิวถูกปฏิเสธชื่ออะไร?”
“โรงเรียนเอกชนหลงเฟย”
“หนูเรียนที่โรงเรียนนั้นค่ะ” เวยเวยเงยหน้ามองหลิวเหมยแล้วพูดอย่างจริงจัง
“ผู้อำนวยการโรงเรียนหนูเป็นผู้หญิงแก่ๆใส่แว่นกรอบดำหรือเปล่าจ๊ะ?” เดิมเสี่ยวเชี่ยนไม่ได้เอาเรื่องมาเชื่อมโยงกัน เพียงแต่หลังจากได้เห็นความคิดอันไร้เหตุผลของผู้อำนวยการคนนั้นแล้ว อยู่ๆเธอก็นึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้นตอนฉิวฉิวกับหลิวเหมยหางาน
หลิวเหมยถูกปฏิเสธเพราะเป็นผู้หญิง ส่วนฉิวฉิวถูกปฏิเสธเพราะพบว่าเป็นผู้ชายในร่างหญิง เรื่องที่เดิมไม่น่าจะเกี่ยวข้องกันกลับทำให้เสี่ยวเชี่ยนเอามาเชื่อมโยงกันได้
โรงเรียนเอกชนในเมืองนี้ทั้งหมดมีแค่สองโรงเรียน เสี่ยวเชี่ยนรู้ว่าเวยเวยเรียนโรงเรียนเอกชน เลยลองถามดูว่าใช่โรงเรียนที่มีผู้อำนวยการเป็นผู้หญิงตรรกะป่วยหรือเปล่า
“ใช่ค่ะ ผู้อำนวยการซุน” เวยเวยจำผู้อำนวยการคนนั้นได้แม่น ชอบทำตัวดุนักเรียน
“ปกติเขาชอบทำตัวไร้เหตุผลใช่หรือเปล่า?”
“ใช่ค่ะ อันที่จริง…เมื่อสองปีก่อนโรงเรียนเราเคยเกิดเหตุการณ์อาจารย์ผู้ชายลวนลามนักเรียนหญิง แต่เด็กคนนั้นสุดท้ายก็ถูกไล่ออก เพราะอย่างนั้นหนูถึงไม่กล้าบอกเรื่องนี้…”
หลังจากเวยเวยได้รับการรักษาจากเสี่ยวเชี่ยนก็กล้าเล่าความในใจออกมามากยิ่งขึ้น
เรื่องนั้นดังมากในโรงเรียน แต่สุดท้ายกลับถูกทำให้เงียบ นักเรียนหญิงคนนั้นถูกไล่ออกด้วยเหตุผลที่ว่าพฤติกรรมไม่ดี ไม่แต่งเครื่องแบบ สวมกระโปรงสั้นมาก อาจารย์ผู้ชายก็ถูกย้ายไป แต่ได้ยินมาว่าเขาเป็นญาติกับผู้อำนวยการ เลยถูกย้ายไปอยู่โรงเรียนอื่น
“ตามคาด…” เสี่ยวเชี่ยน หึ ออกมา
“นี่มันความคิดอะไรกัน เด็กผู้หญิงถูกรังแกแต่กลับไล่ออก?” หลิวเหมยรู้สึกโชคดีที่ตัวเองไม่ได้ทำงานที่โรงเรียนนั้น ไม่อย่างนั้นเธอคงได้หัวร้อนโมโหตาย
“พี่เจอผู้อำนวยการคนนั้นมาแล้ว เป็นโรคมะเร็งความคิดต่ำตมแบบผู้ชายหัวรั้นชนิดระยะสุดท้าย หมดทางเยียวยา ในสายตาของเขาผู้หญิงถูกรังแกเป็นเพราะไม่ระวังตัว ผู้หญิงแบบนี้มีชีวิตอยู่ไปก็น่าสงสาร ในความคิดของเขาคนที่เป็นโรคซึมเศร้าก็คือคนที่อ่อนแอปล่อยวางไม่ได้”
คนแบบนี้คิดว่าการที่ผู้หญิงถูกคุกคามเป็นความผิดของผู้หญิง หรือถึงขนาดที่คิดว่าโรคซึมเศร้าล้วนเป็นข้ออ้างของคนอ่อนแอที่อยากหนีความจริง พูดจาออกมาได้เป็นฉากๆโดยไม่เหนื่อย บอกว่าแค่ปล่อยวางให้ได้ก็ไม่เป็นโรคซึมเศร้าแล้ว เหอๆ
ก็เหมือนกับที่ผู้อำนวยการคนนั้นรับเงินไปแล้วกล้าพูดว่าเวยเวยไม่แต่งเครื่องแบบโรงเรียน มีพฤติกรรมยั่วยวนอาจารย์ผู้ชาย ใครบอกว่ามะเร็งผู้ชายหัวรั้นจะเกิดแต่ในผู้ชาย ผู้หญิงก็มีความคิดหัวรั้น หลงอยู่แต่ในโลกของตัวเองได้เหมือนกัน ชอบเสนอความคิดที่คิดเอาเอง ถือเป็นโรคที่รักษาไม่หายของสังคม
“หัวหน้าไม่ดีแล้วลูกน้องจะดีได้ยังไง คนแบบนี้ไม่ควรจะทำงานในโรงเรียน มีแต่จะพาเสีย ฉันกับฉิวฉิวไม่ได้ทำงานที่นั่นก็ถือว่ายังมีบุญ” หลิวเหมยเองก็มีความทรงจำไม่ดีกับโรงเรียนนี้
“เลิกพูดเรื่องไม่ดีเถอะ หลิวเหมย มื้อกลางวันพวกเรากินดีหน่อย ไปซื้อของมาทำสุกี้กิน เปิดแอร์กินสุกี้กันดีกว่า เวยเวยอยากกินอะไรจ๊ะ?”
“กินลูกชิ้นได้ไหมคะ?”
เสี่ยวเชี่ยนลูบใบหน้าเวยเวย “ปฏิทินจีนเขียนไว้ว่าวันนี้หมากินลูกชิ้นคนไม่กิน พี่เหม่ยเหวยซื้ออย่างอื่นให้ดีไหม สุกี้ใส่อย่างอื่นได้ตั้งเยอะแยะเลยนะ!”
“ค่า!”
หลิวเหมยลูบคาง “หมากินลูกชิ้นคนไม่กิน? ปฏิทินจีนอะไรอะพี่เขียนไว้แบบนั้น?”
เสี่ยวเชี่ยนมองเธอกึ่งเล่นกึ่งจริง ยิ้มให้แต่ไม่พูด ละครเรื่องหมากินลูกชิ้นสนุกจะตาย น่าเสียดายที่ฉายซ้ำไม่ได้
อาหารกลางวันกินกันช้าไปหน่อยแต่เล่นใหญ่มาก เปิดแอร์กินสุกี้ในวันที่อากาศร้อนๆ โค้กเอย เบียร์เอย อาหารต่างๆพรั่งพร้อม นี่คือการให้เกียรติคนสายกินของแท้
หลิวเหมยเล่นมุกไม่หยุด เอาแต่เล่าเรื่องสนุก เสี่ยวเชี่ยนกินอย่างมีความสุขสุดๆ เมื่ออยู่ในสภาพแวดล้อมแบบนี้เวยเวยก็พลอยอารมณ์ดีไปด้วย
ช่วงเวลาแห่งความสุขได้ถูกขัดจังหวะด้วยเสียงเคาะประตู หลิวเหมยเดินไปเปิด หลุ่ยจือยืนอยู่หน้าบ้านด้วยสีหน้าซีดเซียว ชี้หน้าด่าเสี่ยวเชี่ยน
“นัง…ทอง! แกไม่ตายดีแน่ แกกล้า แกกล้าทำ…”