ตอนที่ 391 ค่อยๆ ทำลายทีละนิด / ตอนที่ 392 ล้วนเต็มไปด้วยคนที่หน้ามืดตามัวเห็นกงจักรเป็นดอกบัว

ช้าก่อนคุณป๋อ! ครั้งนี้ขอเป็นรักสุดท้าย

ตอนที่ 391 ค่อยๆ ทำลายทีละนิด

และในระหว่างนั้นเอง รถหรูสีดำคันหนึ่งก็มาจอดตรงบริเวณด้านหน้าห้าง

เย่ซู่ซู่ย่อมจำรถจากบ้านของตัวเองได้ดี เธอรีบส่งเสียง “ชู่ว” เป็นสัญญาบอกให้เฉินฝานซิงเงียบไว้

เฉินฝานซิงกะพริบตาปริบๆ กอดขนมพื้นเมืองในอ้อมแขนไว้แน่น

ขณะนั้นเอง ประตูรถถูกเปิดออก ร่างสูงยาวของเผยอันจือออกมาจากในรถ พร้อมกับราศีสง่างามที่ตามออกมาด้วย ใบหน้าหล่อเหลานั้น ถึงแม้ช่วงเวลาจะผ่านไปเนิ่นนานเพียงใด แต่ก็เพียงแค่ทำให้ใบหน้านั้นดูสุขุมนุ่มลึกเพิ่มขึ้นก็เท่านั้น

เนื่องจากในงานเมื่อคืนมีผู้คนมาร่วมงานมากมายทำให้เฉินเชียนโหรวยังไม่เห็นเผยอันจือ วันนี้เป็นครั้งแรกที่ได้เจอในระยะประชิดขนาดนี้ ทำให้รู้สึกใจเต้นไม่น้อย

เป็นผู้ชายที่หล่อขนาดนี้เลยเหรอ

สายตาที่เฉยเมยเย็นชาของเผยอันจือสอดส่ายผ่านผู้คนโดยไม่ได้หยุดที่ใครแม้แต่คนเดียว สุดท้ายสายตาคู่นั้นก็ไปหยุดลงบนตัวภรรยาของตัวเอง ดวงตาที่เฉยชากลายเปลี่ยนเป็นความอ่อนโยนในชั่วพริบตา ขาเรียวยาวย่างก้าวมาทางเย่ซู่ซู่ ก่อนจะโอบไหล่เธออย่างเป็นธรรมชาติ

“ช็อปปิ้งเสร็จแล้วเหรอ”

“อื้ม” เย่ซู่ซู่ส่งรอยยิ้มพร้อมกับพยักหน้า

ยังไม่ทันไร คิ้วที่สวยงามได้รูปของเผยอันจือก็เลิกขึ้นเล็กน้อย ก่อนจะก้มลงมองหญิงสาวที่อยู่ในอ้อมแขนของตัวเอง แล้วเอ่ยถามเสียงเบา

“บนตัวคุณนี่กลิ่นอะไร”

เย่ซู่ซู่ถอนหายใจออกมา แล้วหันไปมองทางเฉินฝานซิงอย่างจนปัญญา

เฉินฝานซิงส่งสายตาปลอบโยนไปหาเธอ

เวลานี้ เฉินเชียนโหรวที่คืนสติกลับมาแล้วรีบเดินเข้าไปยื่นน้ำหอมและถุงผ้าที่อยู่ในมือออกไป “คุณนายเผย ของพวกนี้ คุณรับไปเถอะค่ะ”

เย่ซู่ซู่ยิ้มจางๆ ตอบรับ ภายในดวงตาเผยให้เห็นความเย็นชา “ไม่เป็นไรค่ะ คุณเฉิน”

เฉินเชียนโหรวรู้สึกอึดอัดใจ ก่อนจะส่งสายตาออดอ้อนขอความช่วยเหลือไปทางเผยอันจือ

เผนอันจือชำเลืองมองถุงน้ำหอมในมือของเฉินเชียนโหรวพร้อมกับเผยประกายแห่งความเยือกเย็นออกมาจากแววตา

“ไปกันเถอะ รีบกลับไปอาบน้ำ”

เขาไม่แม้แต่จะชายตามองเฉินเชียนโหรว จากนั้นก็โอบภรรยายของตัวเองพาเดินขึ้นรถไปทันที

เฉินเชียนโหรวยืนตะลึงงันอยู่อย่างนั้น ใบหน้างดงามแดงก่ำ

หลังจากที่เย่ซู่ซู่ขึ้นรถไปก็ลดกระจกลงมา

“ฝานซิง ตอนบ่ายถ้าพักผ่อนจนหายเหนื่อยแล้ว ตอนเย็นก็มาทานมื้อค่ำที่บ้านฉันสิ ดีไหม”

เฉินฝานซิงยิ้มตอบด้วยท่าทางอ่อนน้อม “จะเป็นการรบกวนเกินไปหรือเปล่าคะ”

“ไม่เลย ต้องมาให้ได้นะ มาชิมฝีมือปลายจวักของฉัน”

“จริงเหรอคะ งั้นฉันต้องไปให้ได้เลยค่ะ แต่บอกไว้ก่อนว่าฉันกินจุมากเลยนะคะ”

“ไม่มีปัญหา แล้วก็ชิงจือ เธอเองก็ต้องมาด้วยนะ”

“ได้เลยค่ะ” สวี่ชิงจือรีบตอบรับ

หลังจากนัดแนะกันเรียบร้อยแล้ว หน้าต่างรถก็เลื่อนขึ้นก่อนที่รถจะค่อยๆ เคลื่อนตัวออกไป

ส่วนเฉินฝานซิงก็เก็บสายตากลับมาแล้วมองไปทางเฉินเชียนโหรวด้วยความเย็นชา ในใจกำลังแสยะหัวเราะ

“ชิงจือ พวกเราก็กลับกันเถอะ”

“ได้สิ”

ทั้งสองคนกำลังจะเดินออกไป เฉินเชียนโหรวกลับขวางทางพวกเธอเอาไว้

“เฉินฝานซิง เธอไปพูดอะไรกับคุณนายเผยเอาไว้กันแน่ เธอรู้หรือเปล่าว่านี่เป็นเงินลงทุนที่พี่เหิงให้ความสำคัญที่สุดก้อนหนึ่งเลยนะ”

เฉินฝานซิงขมวดคิ้วพลางพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความถากถางและเฉยชา “เป็นเงินลงทุนที่ซูเหิงให้ความสำคัญมากแล้วฉันต้องทำยังไงเหรอ”

เธอนิ่งไปครู่หนึ่งก่อนจะก้าวเข้ามาใกล้เฉินเชียนโหรวทีละก้าว ทีละก้าว

“แต่เป็นเพราะว่าเขาให้ความสำคัญมากที่สุดต่างหาก ฉันเลยต้องแย่งมาให้ได้ไง ในเมื่อฉันเป็นคนค่อยๆ สร้างซูซื่อขึ้นมาเองกับมือ ฉันก็จะค่อยๆ พังมันลงทีละนิด เพราะอะไรรู้ไหม ไม่ใช่แค่เพราะซูเหิงทรยศฉันหรอกนะ แต่เป็นเพราะเธอ…”

เฉินฝานซิงประชิดตัวเฉินเชียนโหรว ทุกถ้อยคำของเธอราวกับมีดน้ำแข็งที่เชือดเฉือนลงไปในใจของเฉินเชียนโหรวช้าๆ

“สิ่งที่เธอแย่งไปจากมือของฉัน สิ่งที่เธอสนใจ…ฉันจะค่อยๆ ทำลายมันทีละนิดให้หมดทุกอย่าง…”

ตอนที่ 392 ล้วนเต็มไปด้วยคนที่หน้ามืดตามัวเห็นกงจักรเป็นดอกบัว

“สิ่งที่เธอแย่งไปจากมือของฉัน สิ่งที่เธอสนใจ…ฉันจะค่อยๆ ทำลายมันทีละนิดให้หมดทุกอย่าง…”

เฉินเชียนโหรวตกตะลึงกับคำพูดที่ได้ยินจนขาอ่อนไร้เรี่ยวแรงทรุดลงไปนั่งอยู่บนพื้น ของที่อยู่ในมือหล่นกระเด็นกระจัดกระจาย

เฉินฝานซิงค่อยๆ ลุกขึ้นยืนอย่างช้าๆ มองเธอด้วยท่าทางเหยียดหยาม

“เชื่อฉันสิ เฉินเชียนโหรว อย่างน้อยตอนนี้ เงินลงทุนของเผยซื่อน่ะ ซูซื่อหมดสิทธิ์แล้วแหละ”

หลังจากคำพูดบาดใจราวกับพายุซัดกระหน่ำสิ้นเสียงลง เฉินฝานซิงและสวี่ชิงจือก็หันหลังเดินจากไป

ทว่าทั้งสองคนเดินไปได้นานไม่ รถหรูสีดำคันหนึ่งก็มาจอดตรงหน้าพวกเธอ

กระจกรถลดลง ก่อนจะเผยให้เห็นใบหน้าหล่อเหลาของป๋อจิ่งชวน

“ขึ้นรถ”

เฉินฝานซิงประหลาดใจกับการปรากฏตัวของเขา แต่ก็ยอมขึ้นรถไปแต่โดยดี

“คุณมาได้ยังไง”

“ก็ผมไม่เห็นคุณ จะออกมาเพ่นพ่านทำไม” สีหน้าของป๋อจิ่งชวนบ่งบอกถึงความไม่พอใจ ออกไปตอนเช้าแค่แป๊บเดียว กลับมาถึงห้องก็ไม่เจอใครแล้ว

สวี่ชิงจือหัวเราะอยู่ข้างๆ “เห็นท่าทางคุณตื่นตูมขนาดนี้ อย่างกับกลัวว่าเฉินฝานซิงจะถูกลักพาตัวไปอย่างนั้นแหละ”

“…” ป๋อจิ่งชวนไม่พูดอะไร เพียงแต่เหลือบมองเธอด้วยสายตาเย็นชา

สวี่ชิงจือตัวแข็งทื่อ ก่อนจะพูดออกมาอย่างเจื่อนๆ “ไม่หรอกมั้ง คุณกลัวเธอจะโดนลักพาตัวไปจริงๆ เหรอ”

เธอทำท่าตกใจอยู่ครู่ใหญ่ จู่ๆ ก็ทนไม่ไหว “พรวด” หลุดขำออกมาเสียงดัง

ในระหว่างที่หัวเราะจนน้ำหูน้ำตาไหลก็ใช้ข้อศอกกระทุ้งเฉินฝานซิงไปด้วย

“ฝานซิง เธอนี่ใช้ได้เลยนี่ กลยุทธ์พิชิตใจผู้ เธอดูท่าทางเขาเข้าสิ อย่างกับจะจับเธอยัดใส่กระเป๋าเสื้อแล้วพกไปไหนมาไหนด้วยทุกที่ยังไงอย่างงั้นเลย เธอทำอะไรกับประธานป๋อผู้ยิ่งใหญ่กันแน่เนี่ย”

เฉินฝานซิงเพียงแค่อมยิ้มเล็กน้อยๆ พลันคาดเข็มขัดนิรภัยให้ตัวเอง

เธอทำอะไรงั้นเหรอ

ก็เพราะว่าเธอไม่ทำอะไรต่างหากถึงทำให้ใครบางคนอารมณ์เปลี่ยนแปลงบ่อยได้ขนาดนี้

สวี่ชิงจือหยุดขำไม่ได้

“ถ้ายังให้ผมได้ยินเสียงหัวเราะของคุณอีก ก็ลงจากรถไปซะ”

ท่ามกลางน้ำเสียงที่เย็นชาของป๋อจิ่งชวนนั้นเต็มไปด้วยสัญญาณเตือนที่แสนหนักแน่น สีหน้าก็เยือกเย็นอำมหิตจนน่าตกใจ ทำให้สวี่ชิงจือรีบหุบยิ้มทันที

เฉินฝานซิงที่นั่งอยู่ข้างๆ เขาหันไปมองเขาปราดหนึ่ง ก็พบว่าสายตาของเขาแข็งกร้าว ดวงตาดำขลับคู่นั้นมีความเย็นชาและเมินเฉยอย่างที่เคยเป็นตามปกติ

ราวกับว่าไม่มีอะไรผิดแปลกไป

สวี่ชิงจือเม้มริมฝีปาก ในขณะที่เบนสายตาก็เหลือบไปเห็นเฉินเชียนโหรวที่ยังคงนั่งอยู่บนพื้นอยู่ไม่ไกลออกไปผ่านกระจกมองหลัง จากนั้นรอยยิ้มก็ค่อยๆ จางลง

“ฝานซิง ที่เธอมุ่งหน้าไปโซนสินค้าหรูตั้งแต่มาถึงห้าง เพราะเธอรู้ว่าเฉินเชียนโหรวและคุณนายเผยอยู่ที่นั่นตั้งแต่แรกแล้วใช่ไหม”

เฉินฝานซิงชำเลืองมองร่างของเฉินเชียนโหรวด้วยสายตานิ่งเรียบ การเคลื่อนตัวของรถทำให้เธอดึงสายตากลับมา

“แต่ไหนแต่ไรมาหล่อนถูกคนเอาใจจนเคยชิน ตอนนี้ถึงตาต้องมาเอาใจคนอื่นแล้ว แน่นอนว่าต้องทำตามในสิ่งที่ตัวเองชอบ เพียงแต่น่าเสียดายที่คุณนายเผยไม่ใช่คนประเภทเดียวกันกับหล่อน”

สวี่ชิงจือพยักหน้า “อืม คุณนายเผยเป็นถึงคุณนายใหญ่แห่งสมาคมประจำเมืองนี้ อยากได้อะไรมีเหรอที่จะไม่ได้ คงจะลำบากเชียนโหรวแย่ที่ต้องลุกขึ้นมาต้อนรับขับสู้ตั้งแต่เช้าตรู่ อุตส่าห์เฝ้าตามเอาใจด้วยความใส่ใจแต่กลับเปล่าประโยชน์…”

สีหน้าเฉินฝานซิงราบเรียบนิ่งเฉย “ในเมืองแห่งนี้ คุณนายเผยต่างหากที่เป็นเจ้าบ้าน ในเมื่อเธอเป็นเจ้าบ้านก็ต้องให้เธอเป็นคนนำถึงจะเหมาะสม เฉินเชียนโหรวเป็นคนชอบเสนอตัวเองมาตั้งแต่ไหนแต่ไร ทำให้ทำเกินหน้าที่อยู่บ่อยครั้ง ไม่มีทางได้รับความชื่นชอบใจจากใครหรอก…”

สวี่ชิงจือหัวเราะเย็นชา “สำคัญที่สุดก็คือ เธอเป็นคนไม่เอาไหนแบบนี้ก็ดีแล้ว กาลเวลาพิสูจน์ใจคน ซูเหิงคงจะตาบอดจริงๆ ถึงได้ชอบเธอลงไปได้”

เฉินฝานซิงมองออกไปนอกหน้าต่างพลางพูดขึ้นมานิ่งๆ

“บนโลกใบนี้ ล้วนเต็มไปด้วยคนที่หน้ามืดตามัวเห็นกงจักรเป็นดอกบัว”