ตอนที่ 389 ฉันรับไว้ไม่ได้
สีหน้าเย่ซู่ซู่เปลี่ยนไปเล็กน้อยจนยากจะสังเกต เธอยกมือขึ้นมาวางไว้ที่ปลายจมูกเพื่อดมกลิ่น จากนั้นก็พยักหน้าด้วยท่าทางนิ่งเฉย
“ใช้ได้”
รอยยิ้มบนใบหน้าของเฉินเชียนโหรวค่อยๆ ผ่อนคลายลงมา แต่กลับรับรู้ไม่ได้ถึงความอดกลั้นของเย่ซู่ซู่ที่ถูกสั่งสอนเลี้ยงดูมาอย่างดี ซึ่งเธอกำลังหันไปยิ้มให้กับเฉินฝานซิงที่อยู่ข้างๆ ด้วยรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความเหยียดหยาม
สุดท้ายเฉินเชียนโหรวก็ซื้อน้ำหอมขวดนั้นมา
ใบหน้างดงามได้รูปของเย่ซู่ซู่เผยให้เห็นความหมดความอดทนอย่างเต็มประดา ในระหว่างที่เฉินเชียนโหรวกำลังรอของ เธอหันไปดูประตูหน้าร้านปราดหนึ่งก่อนจะหันหลังเดินจากไป
รอจนกระทั่งเฉินเชียนโหรวได้น้ำหอมออกมาจากในร้าน พวกเธอทั้งสามคนก็ไปหยุดอยู่ที่โซนเสื้อผ้าเรียบร้อยแล้ว
หญิงสาวสามคนยืนอยู่นอกร้านเสื้อผ้าร้านหนึ่ง พร้อมกับชำเลืองไปมองเสื้อผ้าตัวที่หุ่นใส่อยู่ในตู้โชว์แวบหนึ่ง
เฉินฝานซิงดึงมือเย่ซู่ซู่เข้ามายืนข้างๆ ไม่รู้ว่าพูดอะไรกันบ้าง แต่สีหน้าของเย่ซู่ซู่กลับยิ้มออกมาด้วยความผ่อนคลาย
เฉินเชียนโหรวไม่พอใจที่พวกเธออยู่ด้วยกันด้วยท่าทางยิ้มแย่มแจ่มใส เธอแหงนหน้าขึ้นไปมองยังเสื้อผ้าที่อยู่บนตัวหุ่นก่อนจะเม้มริมฝีปาก
ของแบรนด์หรู การออกแอบดูเรียบง่าย แต่ราคากลับไม่ถูก
ทว่าไม่นานนัก พวกเธอทุกคนก็พากันเดินเล่นไปเรื่อยๆ อย่างไร้จุดหมาย
เฉินเชียนโหรวเห็นร้านที่พวกเธอเพิ่งไปยืนกัน จึงซื้อเสื้อผ้าชุดนั้นมาตามขนาดตัวของเย่ซู่ซู่
เฉินฝานซิงจับข้อมือของเย่ซู่ซู่ระหว่างเดินช้อปปิ้งตลอด สุดท้ายก็ค่อยๆ เดินออกจากโซนสินค้าหรูหรา
คนเริ่มเยอะขึ้นเรื่อยๆ และดูเหมือนว่าเสื้อผ้าก็ดูเข้าตามากขึ้นกว่าเดิม
“กลิ่นของน้ำหอมจะยิ่งแรงขึ้นเมื่ออยู่ในอุณหภูมิที่ค่อนข้างสูง โดยเฉพาะเมื่อผสมกับเหงื่อก็จะส่งผลที่คาดไม่ถึงออกมา แต่ว่าผ่านไปสักพักหนึ่ง กลิ่นฉุนของน้ำหอมก็จะค่อยๆ หายไปเอง ทนอีกหน่อยนะคะ ทำให้เหงื่อออกหน่อยจะได้ระเหยเร็วขึ้น”
เย่ซู่ซู่อมยิ้มพลางพยักหน้า “โชดดีจริงๆ ที่มีเธอ…”
เฉินเชียนโหรวที่ตามมาด้านหลังเห็นทั้งสองคนหัวร่อต่อกระซิกกัน สีหน้าก็เผยให้เห็นความืดมน พลันกำหมัดทั้งสองไว้แน่น
ทำไมเธอตามติดดูแลด้วยความประคบประหงมอย่างดี แต่สุดท้ายกลับได้รับท่าทีห่างเหินเย็นชาของคุณนายเผยตอบกลับมา ส่วนเฉินฝานซิงที่เพิ่งโผล่มาทีหลังกลับสนิทสนมกันขนาดนั้นได้
วันนี้เพื่ออออกมาเจอกับคุณนายเผย เธอถึงกับเตรียมการแต่งกายอย่างพิถีพิถัน เพราะอะไรเฉินฝานซิงที่ใส่แค่เสื้อเชิ้ตสีขาวกับกระโปรงสีเทาแบบลำลองตามใจตัวเอง กลับได้รับความชื่นชอบ
เฉินเชียนโหรวกัดฟันกรอดก่อนจะรีบตามไป พลันยื่นกระโปรงราคาแพงที่เพิ่งซื้อมาให้กับเย่ซู่ซู่
“คุณนายเผย เมื่อกี้เห็นคุณดูชอบกระโปรงตัวนี้มากเลย รับไปเถอะนะคะ”
เย่ซู่ซู่ก้มมองโลโก้ที่อยู่บนถุงปราดหนึ่ง คิ้วโก่งเป็นทรงสวยงามทั้งสองข้างผูกติดกันเล็กน้อย
“ไม่จำเป็นหรอก มันแพงเกินไป”
“จะเป็นแบบนั้นได้ยังไงคะ ในเมื่อชอบ งั้นก็ไม่เรียกว่าแพงหรอกค่ะ”
“ไม่ ฉันรับมันไว้ไม่ได้หรอก…”
“คุณนายเผย อย่าเกรงใจไปเลยค่ะ”
เฉินเชียนโหรวทึกทักเอาเองว่าเย่ซู่ซู่กำลังเกรงใจ
แต่เย่ซู่ซู่ผลักไสถุงที่อยู่ในมือของเธออก ก่อนจะหันไปหาเฉินฝานซิงและสวี่ชิงจือพลันพูดด้วยท่าทางเหนื่อยล้า
“ฉันเหนื่อยแล้ว หาที่นั่งพักก่อนเถอะ”
“ค่ะ”
เฉินฝานซิงตอบรับ จากนั้นแย่ซู่ซู่ก็เดินนำออกไปทันที
เฉินเชียนโหรวยืนอยู่ที่เดิม กัดริมฝีปากแน่น รู้สึกอึดอัดจนทำตัวไม่ถูก
“เฉินฝานซิง เธอไปพูดอะไรกับคุณนายเผยมาใช่ไหม แอบนินทาลับหลังกันเหรอ เธอไม่รู้สึกบ้างเหรอว่าแบบนี้มันหน้าไม่อายเกินไปน่ะ”
เฉินฝานซิงจ้องมองเธอก่อนจะยิ้มมุมปาก
“ความชำนาญในการนินทาฉันสู้เธอไม่ได้หรอก ถ้าเธอคิดว่าฉันนินทา เธอจะไปนินทาฉันบ้างก็ได้นะ ไม่งั้นไปพูดเรื่องก่อนหน้านี้ฉันเคยให้ร้ายเธอไว้แบบไหนบ้าง ดีไหม ให้คุณนายเผยรู้ไปเลยว่าฉันคนนี้จริงๆ แล้วมันร้ายกาจแค่ไหนกันแน่”
ตอนที่ 390 เชิญเธอแสดงต่อไป
“…” เฉินเชียนโหรวหน้าถอดสีในทันที
เฉินฝานซิงแสยะยิ้ม “แม้แต่คนไร้ยางอายอย่างเธอยังไม่กล้าทำเรื่องนี้ต่อหน้าคุณนายเผย นับประสาอะไรกับคนอื่นล่ะ”
เฉินฝานซิงพูดพลางเดินเข้าไปใกล้เฉินเขียนโหรวอีกหนึ่งก้าว ก่อนจะพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่สุดแสนจะเยือกเย็น “เงินลงทุนนั่น ฉันไม่อยากให้เธอได้มันไป ตอนแรกคิดว่าคงต้องลงแรงทำอะไรสักหน่อย แต่ว่า เฉินเชียนโหรว ฉันไม่คิดเลยว่ามันจะง่ายขนาดนี้…เงินลงทุนของเผยซื่อ ซูเหิงเขาอยากให้เธอมาช่วยดีลงั้นเหรอ เหอะ…สมองหายไปไหนหมดแล้วนะ”
เฉินฝานซิงไม่ได้พูดต่อ แต่กลับยิ้มออกมาอย่างมีเลศนัย
เฉินเชียนโหรวรู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาอย่างไม่มีเหตุผล “เธอหมายความว่ายังไง”
เฉินฝานซิงส่ายหน้าด้วยท่าทางที่แฝงไปด้วยความเย้ยหยัน “เรื่องอะไรจะต้องบอกเธอ เชิญเธอแสดงต่อไปเถอะ”
พูดจบเธอก็ไม่ได้สนใจเฉินเชียนโหรวอีก เพียงแต่หันหลังเดินออกไปช้าๆ
เฉินเชียนโหรวโกรธจนสั่นไปทั้งตัว เธอลงมืออย่างละเอียดรอบคอบมมาโดยตลอด ไม่กล้าที่จะไม่จริงจังหรือเพิกเฉยเลยแม้แต่น้อย แล้วเธอมีสิทธิ์อะไรมาทำท่าทีอยู่เหนือตัวเองอย่างนี้ด้วย
เฉินฝานซิงตามเย่ซู่ซู่ไป หลังจากปรึกษาหารือกันก็ตัดสินใจว่าจะไปนั่งที่ร้านขนมหวาน
เมื่อถามรสชาติที่ถูกปากของเย่ซู่ซู่ด้วยความใส่ใจแล้ว เฉินฝานซิงกลับไม่ได้สั่งเค้กให้เธอแต่สั่งไอศกรีมมาหนึ่งชุด
รวมถึงของเธอและสวี่ชิงจืออีกคนละชุด เฉินเชียนโหรวบอกว่าจะลดน้ำหนัก จึงสั่งเพียงน้ำผลไม้หนึ่งแก้ว
เย่ซู่ซู่ดูมีท่าทางตื่นเต้นเมื่อได้เห็นไอศกรีม “ฉันคิดมาตลอดเลยว่าการช้อปปิ้งกับไอศกรีมเป็นอะไรที่เข้ากันอย่างไม่มีที่ติ”
เฉินฝานซิงหัวเราะพลางพยักหน้า “ใช่เลยค่ะ มันเป็นเหตุผลสำคัญที่สุดเลยที่จะตอบตกลงมาเดินช้อปปิ้งกับเพื่อนในช่วงสุดสัปดาห์”
ยิ่งได้คุยเย่ซู่ซู่ก็ยิ่งรู้สึกถูกคอกับเฉินฝานซิงมากขึ้น หลังจากที่กินไอศกรีมเสร็จ ดูเหมือนพลังของทุกคนจะกลับมาเต็มเปี่ยมอีกครั้ง สาวๆ จึงไปเดินช้อปปิ้งกันต่อ
ทั้งสามคนค่อยๆ สนิทกันขึ้นเรื่อยๆ หัวเราะพูดคุยกันอย่างสนุกสนานระหว่างช็อปปิ้งราวกับเป็นเพื่อนสาวที่รู้ใจกัน
แต่คนที่แตกต่างออกไปโดยสิ้นเชิงมีเพียงแค่เฉินเชียนโหรว
ในมือของเธอมีน้ำหอมและถุงผ้าอย่างดีถืออยู่ รองเท้าส้นสูงที่เลือกด้วยความตั้งใจตอนนี้กลับกลายเป็นตัวถ่วง ฝ่าเท้าของเธอปวดจนระบม
เธอกัดฟันยืนหยัดต่อไป ทุกครั้งที่เย่ซู่ซู่ถูกใจและกำลังจะจ่ายเงิน เธอมักจะเป็นคนแย่งจ่ายเสมอ ทว่าระหว่างนั้น เฉินฝานซิงและสวี่ชิงจือนอกจากให้คำแนะนำเย่ซู่ซู่ ที่เหลือกลับทำเพียงแค่ยืนอยู่ข้างๆ เป็นทองไม่รู้ร้อน
ทุกครั้งที่เฉินเชียนโหรวเห็นแบบนั้นก็รู้สึกว่าเฉินฝานซิงขัดเขิน ยิ่งไปกว่านั้นคือรู้สึกว่าเฉินฝานซิงช่างไม่รู้จักคว้าโอกาสเอาไว้เสียเลย โอกาสนี้จึงกลายเป็นของเธอไปโดยปริยาย
ออกมาเดินช็อปปิ้งเป็นเพื่อนทั้งที นอกจากเลี้ยงไอศกรีมราคาถูกแค่ถ้วยเดียว พอถึงช่วงสำคัญที่ต้องแสดงตัวกลับไม่กล้าพูดอะไรสักคำ
ทว่า ทุกครั้งที่เธอเข้าไปแย่งจ่ายเงิน เย่ซู่ซู่จะปฏิเสธเธออย่างอ้อมค้อมตลอด จนกระทั่งท้ายที่สุด เย่ซู่ซู่ก็ชักสีหน้าปฏิเสธเธอในทันที
เมื่อเดินซื้อของเสร็จแล้ว เฉินฝานซิงก็เอ่ยปากขึ้น “ฉันอยากจะหาซื้อสินค้าพื้นเมืองของเมืองเกียวโตกลับไปสักหน่อยค่ะ คุณนายเผย ช่วยแนะนำให้พวกเราหน่อยจะได้ไหม”
เย่ซู่ซู่ทำสีหน้าราวกับคิดอะไรขึ้นมาได้อย่างฉับพลัน “เธอ…รู้จักฉันน้อยไปแล้ว มา ฉันจะพาเธอไปดูเอง”
สุดท้ายก็เป็นเย่ซู่ซู่เองที่ควักกระเป๋าเสียเงินซื้อของฝากให้พวกเธอทั้งสามคน
เฉินเชียนโหรวรู้สึกลำบากใจ มองดูขนมที่ไม่เข้าตาเอาซะเลยในมือพวกนั้น พยายามบอกปัด
แต่เฉินฝานซิงกลับพูดเพียงขอบคุณ ก่อนจะรับไปด้วยท่าทางดีอกดีใจ ส่วนสวี่ชิงจือเองก็ไม่ปฏิเสธ
“ขอบคุณคุณนายเผยจริงๆ ครั้งหน้าถ้าไปเที่ยวเมืองผิงเฉิง อย่าลืมเรียกฉันนะคะ ฉันจะพาคุณไปเที่ยวให้ทั่วผิงเฉิงเลย”
“ได้สิ ถึงตอนนั้นพวกเรามาแอบกินไอศกรีมด้วยกันอีกนะ”
เฉินฝานซิงอมยิ้ม “เรื่องนี้แน่นอนอยู่แล้วค่ะ”
และในระหว่างนั้นเอง รถหรูสีดำคันหนึ่งก็มาจอดตรงบริเวณด้านหน้าห้าง