ตอนที่ 252

เสน่ห์คมดาบ

เปลวไฟสีทองกำลังเผาต้นไม้สีเขียวอีกต้นพลันมีเสียงกรีดร้องดังขึ้น 

 

 

เสียงกรีดร้องดังมาถึงหูของชีอ้าวชวางและคามิลล์มีคนอยู่หลังต้นไม้เขียว โอ้ ไม่สิ อสูรปีศาจต่างหาก! 

 

 

หลังจากต้นไม้สีเขียวถูกไฟไหม้ สิ่งที่ชีอ้าวชวางและคามิลล์เห็นต่อหน้าพวกเขาก็คือสาวตัวน้อยน่ารักซึ่งดูอายุไม่น่าจะเกินเจ็ดหรือแปดปี ดวงตาโตมีน้ำคลอ ใบหน้าสีชมพูสวยงาม ผิวขาว และผมหยิกสีทอง นางใส่ชุดเจ้าหญิงสีขาวราวกับหิมะและมองชีอ้าวชวางและคามิลล์อย่างเขินอาย 

 

 

สาวตัวน้อยน่ารักมากเลย! 

 

 

“พี่สาว พี่ชาย พวกพี่จะผ่านเขาวงกตนี้ใช่หรือไม่?” เสียงของสาวน้อยหวานราวกับเสียงของสวรรค์ นางถามเสียงเบาอย่างเขินอายและมองมาอย่างไร้เดียงสาด้วยดวงตาที่มีน้ำคลออยู่ตลอด และยังคงมีร่องรอยความกลัวในดวงตาอยู่ 

 

 

“อื้ม” ชีอ้าวชวางพยักหน้ามองสาวตัวน้อยน่ารักที่อยู่ตรงหน้า เด็กคนนี้น่ารักน่าชังมาก ดูน่ากอดมาก 

 

 

“เช่นนั้นพี่สาวพาข้าไปด้วยได้หรือไม่?” สาวน้อยถามอย่างขี้อาย 

 

 

ชีอ้าวชวางพยักหน้าและยิ้ม “ได้สิ” 

 

 

“ถ้าเช่นนั้น พี่ชายคนนี้ดูน่ากลัวมาก…” สาวน้อยเหลือบมองคามิลล์ด้วยดวงตาหวาดหวั่นแล้วเคลื่อนไปทางด้านของชีอ้าวชวางอย่างช้าๆ ราวกับว่านางกำลังต้องการการปกป้อง 

 

 

ชีอ้าวชวางยิ้มและยื่นมือออกไปลูบตัวของสาวน้อยและพูด “ไม่ต้องกังวล พี่ชายคนนี้ไม่น่ากลัวหรอก” 

 

 

“ไม่เอา เขาน่ากลัว…ข้าไม่อยากไปกับเขา” สาวน้อยยังคงหดตัวไปอยู่ข้างๆ ชีอ้าวชวาง จากนั้นก็จ้องไปที่ดวงตาของชีอ้าวชวาง ดวงตาที่สวยงามขนาดใหญ่นั้นดูเหมือนกำลังขอร้องอยู่ 

 

 

คามิลล์ยังคงเงียบไม่พูดอะไร รอยยิ้มที่อ่อนโยนและสง่างามยังคงอยู่บนใบหน้าอันหล่อเหลาของเขา 

 

 

“เช่นนั้นเจ้าต้องการให้ข้าทำอะไรล่ะ?” ชีอ้าวชวางพูดสายตาของนางดูเหมือนกำลังหลงใหลอยู่ 

 

 

“ข้า ข้าอยากให้ท่านฆ่าเขาและพาแค่ข้าออกจากเขาวงกตนี้ไปคนเดียว” เสียงของเด็กน้อยยังคงไพเราะ แต่สิ่งที่นางพูดทั้งน้ำตาคลอเบ้านั้นดูน่ากลัวมากผิดปกติ ชีอ้าวชวางมองดวงตาของนางแล้วเสียงหวานก็พูดเสียงต่ำ “พี่สาว ข้าคิดว่าท่านก็เต็มใจที่จะทำแบบนี้ใช่หรือไม่?” 

 

 

“ใช่” ดูเหมือนชีอ้าวชวางจะหลงเสน่ห์ไปแล้ว นางยิ้มและดึงดาบที่มีรูปทรงแปลกตาออกจากฝ่ามือซ้าย พอสาวน้อยเห็นดาบที่ชีอ้าวชวางเอาออกมา ดวงตาของนางก็ก็ประหลาดใจและจากนั้นก็มีความสุข 

 

 

ชีอ้าวชวางค่อยๆ ดึงดาบออกมา ดวงตาของนางไม่ได้โฟกัสอีกต่อไปแล้ว 

 

 

“ใช่ พี่สาว ฆ่าคนนี้แล้วพาข้าไปด้วย” เสียงหวานของสาวน้อยทำให้คนที่ฟังปฏิเสธไม่ได้ ท่าทางที่ไร้เดียงสาของนางก็ยิ่งน่าเอ็นดู 

 

 

สาวน้อยมองดาบของชีอ้าวชวางที่ยกขึ้นสูงแล้วนางก็มีความสุขมาก คิดไม่ถึงเลยจริงๆ ว่าการเก็บเกี่ยวในวันนี้จะได้ปลาตัวใหญ่ขนาดนี้ ผู้หญิงคนนี้ พลังดีจริงๆ แต่นางหลงเสน่ห์และเชื่อฟังตนเอง เพียงแค่ขอพึ่งพาพลังของผู้หญิงคนนี้เพื่อออกจากเขาวงกตที่น่ารังเกียจนี่แล้วสั่งให้นางฆ่าตัวตายก็พอแล้ว แต่บางทีก็อาจจะให้นางปกป้องตนเองไปจนจบการประลองค่อยว่ากัน 

 

 

คามิลล์เหลือบมองเล็กน้อย เขามองรอยยิ้มที่ประสบความสำเร็จในส่วนลึกของดวงตาของสาวน้อยและยิ้มอย่างเงียบๆ 

 

 

เจ้าหัวเราะทำไม? จะตายอยู่แล้วยังจะขำอยู่อีก! สาวน้อยคิดจะเอ่ยถาม แต่กลับมีอาการเจ็บแปลบที่หน้าอกของนาง 

 

 

ดวงตาของสาวน้อยเบิกกว้าง นางตะลึงมองดาบที่แทงเข้าไปในอกของนาง 

 

 

ดวงตาของชีอ้าวชวางไม่มีความหลงใหลอยู่แล้ว และนางก็กำลังหรี่ตาหัวเราะเยาะใบหน้าประหลาดใจของสาวน้อย 

 

 

“เจ้า…” สาวน้อยเบิกตากว้างมองชีอ้าวชวางที่มีใบหน้าเย็นชาอย่างไม่อยากจะเชื่อ เป็นไปได้อย่างไรที่ผู้หญิงคนนี้ไม่หลงเสน่ห์ตัวเอง นางอยากจะถามว่าผู้หญิงเย็นชาที่อยู่ตรงหน้ากำจัดเสน่ห์ของนางไปได้อย่างไร แต่นางก็พูดอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้ไม่ได้อีกแล้ว ทำได้เพียงแค่เอนหลังล้มลงและสลายเป็นเถ้าถ่าน 

 

 

สิ่งที่เหลืออยู่ที่ปลายดาบก็คือแกนชีวิตที่ส่องประกาย 

 

 

“นี่มันอะไรกัน?” ชีอ้าวชวางดึงแกนชีวิตออกจากปลายดาบและถามด้วยความสับสน 

 

 

“มันคือแกนชีวิตของอสูรปีศาจจิ้งจอกตัวนี้ ดาบอสูรปีศาจก่อนหน้านี้ดูดซับมันได้อย่างสมบูรณ์ แต่หลังจากที่มันหลอมรวมกันกับดาบของเจ้า ดาบของเจ้าก็จุกจิกมาก ไม่ยอมกินของแบบนี้” คามิลล์พูดเบาๆ 

 

 

“โอ้” ชีอ้าวชวางมองแกนชีวิตในมือและเตรียมจะเก็บมัน 

 

 

ใครจะรู้จะว่ามีเรื่องที่น่าตกใจเกิดขึ้นในเวลานี้ 

 

 

ทันใดนั้นแกนชีวิตที่ส่องประกายก็กระเด็นจากมือของชีอ้าวชวางและบินตรงเข้าสู่ร่างกายของชีอ้าวชวาง จากนั้นก็หายไป 

 

 

“เกิดอะไรขึ้น?” ชีอ้าวชวางแตะที่หน้าอกแต่ไม่รู้สึกถึงความผิดปกติใดๆ แกนชีวิตเพิ่งจะหายเข้าไปในร่างกายของนาง 

 

 

คามิลล์มองชีอ้าวชวางและหัวเราะ “แมวล่าสมบัติในร่างกายของเจ้าน่ะสิ” 

 

 

“หือ?” ชีอ้าวชวางกะพริบตาและเข้าใจทันทีว่าแมวล่าสมบัตินั้นเป็นอสูรปีศาจอย่างแท้จริง ดังนั้น… “อาเป่าดูดซับแกนชีวิตนี้หรือ?” 

 

 

“อืม ก็น่าจะใช่” คามิลล์พยักหน้า 

 

 

“เมื่อกี้ข้าไม่รู้สึกถึงพลังใดๆ ในแกนชีวิตของจิ้งจอกน้อยเลย” ชีอ้าวชวางสับสนเล็กน้อย นางไม่รู้สึกถึงพลังเวทที่ทรงพลังใดๆ ของสาวน้อยผู้นั้นเลยเมื่อครู่ 

 

 

“นั่นไม่ใช่จิ้งจอกน้อยนะ นางเป็นจิ้งจอกที่มีชีวิตอยู่มาไม่ต่ำกว่าห้าพันปีแล้ว เจ้าคิดว่าวิธีการที่นางโจมตีเจ้าเมื่อครู่นั่นคืออะไร?” คามิลล์มองและยิ้มอย่างอ่อนโยน จากนั้นก็เตือนอย่างแผ่วเบา 

 

 

ชีอ้าวชวางนิ่ง ใช่แล้ว สาวน้อยนั่น นางใช้การโจมตีทางจิตใจเพื่อให้ตนเองหลงเสน่ห์ เมื่อครู่ตนเองกำลังตกอยู่ในภวังค์ไปชั่วขณะจริงๆ แต่ก็ฟื้นสติได้อย่างรวดเร็วและเข้าใจว่าอีกฝ่ายกำลังใช้การโจมตีทางจิตใจและกำลังล่อลวงให้ตัวเองเสียสติอยู่ 

 

 

“เสน่ห์…” ชีอ้าวชวางพูดออกมาอย่างเงียบๆ 

 

 

“หึ!” คามิลล์พูดอย่างเคร่งขรึม “อย่าใช้กับข้านะ เดี๋ยวไปลองกับอสูรปีศาจตนอื่นดู อย่ามาทำท่าทางเช่นนี้ต่อหน้าข้าเชียว” 

 

 

ท่าทางเช่นนี้หรือ? ท่าทางอะไร? ชีอ้าวชวางไม่เข้าใจว่าคามิลล์หมายถึงอะไร หากชีอ้าวชวางมองในกระจกได้ในเวลานี้ นางก็จะรู้ว่าคามิลล์หมายถึงอะไร 

 

 

ตอนที่ชีอ้าวชวางหลงไปกับเสน่ห์นั้น นางดูมีเสน่ห์ดึงดูดและน่าสงสารมาก ดวงตาที่เอ่อคลอไปด้วยน้ำอย่างไร้เดียงสา ใบหน้าสวยที่แทบจะทำให้ผู้คนเข้าไปจูบ ริมฝีปากเล็กๆ นั้นหากเม้มเล็กน้อยผู้คนก็จะยอมทำทุกอย่างตามความต้องการของนางแน่นอน นี่แหละคือพลังแห่งเสน่ห์ 

 

 

เห็นได้ชัดว่าพลังเวทของชีอ้าวชวางนั้นเหนือกว่าจิ้งจอกตัวนั้นมาก แถมยังมีแมวล่าสมบัติที่อยู่ภายในร่างกายของนางอีก เพราะปกติแล้วเวทมนตร์นี้จะรุนแรงอย่างถึงที่สุดเลย 

 

 

“เอาละ เราไปกันเถอะ” คามิลล์เตือนสติ 

 

 

“อืม” ชีอ้าวชวางยังคงปล่อยเปลวไฟเผาเปิดเส้นทางให้เดินไปข้างหน้าอยู่ 

 

 

ทั้งสองเดินตรงไปข้างหน้า ในที่สุดก็มาถึงพื้นราบว่างเปล่า กำแพงรอบๆ ก็ยังคงสร้างจากต้นไม้ มีน้ำพุใสอยู่ตรงกลางพื้นราบและกำลังพ่นน้ำออกมาอย่างมีความสุข แสงอาทิตย์สาดส่องมาเป็นแสงสีขาวที่สวยงาม 

 

 

“นี่คือใจกลางเขาวงกตหรือ?” ชีอ้าวชวางมองไปรอบๆ 

 

 

“น่าจะใช่นะ”คามิลล์ลูบคางที่เนียนสวยของเขาและพูดเบาๆ “คำถามคือที่นี่ดูเหมือนว่าจะเป็นปลายทางเลยนะ?” 

 

 

ชีอ้าวชวางก็ขมวดคิ้วเช่นกัน เพราะนางจำได้ว่าปลายทางที่ทำเครื่องหมายไว้บนแผนที่เวทมนตร์นั้นดูเหมือนจะอยู่ที่นี่ น้ำพุตรงหน้านี้คือจุดหมายปลายทางหรือ? 

 

 

ดูเหมือนว่าจะมีบางอย่างผิดปกตินะ 

 

 

ชีอ้าวชวางก้าวไปข้างหน้าและมองน้ำพุที่มีขนาดค่อนข้างใหญ่พร้อมกับน้ำพุเย็นๆ ที่พุ่งขึ้นท้องฟ้าแล้วตกลงมา มันไม่มีอะไรผิดปกติเลย 

 

 

ไม่มีอสูรปีศาจตนอื่นๆ อยู่แถวรอบๆ นี้เลย หรือว่าพวกเขาจะมาถึงที่นี่ก่อนใครเลย? 

 

 

แต่ทำไมที่นี่ไม่มีคำแนะนำอื่นๆ เลยล่ะ? 

 

 

ในตอนที่ชีอ้าวชวางกำลังรู้สึกงงอยู่ก็มีเสียงดังขึ้น เมื่อชีอ้าวชวางก็หันไปมองแล้วก็ได้เจอคนที่แทบจะทำให้หัวใจของนางหยุดเต้น 

 

 

ผมสีแดงเพลิง ดวงตาสีดำและใบหน้าหล่อเหลา ภาพนั้นอยู่ในสายตาของชีอ้าวชวาง เฟิงอี้เซวียนที่อยู่ตรงหน้านี้มีหลากหลายอารมณ์ฉายผ่านแววตาของเขา เขายังยืนอึ้งอยู่ที่เดิม ยังคงมองชีอ้าวชวางนิ่งๆ เหมือนเดิม ส่วนคนที่ยืนอยู่ข้างๆ เขาก็คือนายน้อย นายน้อยเหล่ตา เบ้ปากแต่ไม่ได้พูดอะไร ทั้งสองยืนอยู่ที่เดิมไม่ขยับไปไหนเลย 

 

 

ในเวลานี้มีเสียงดังมาจากอีกด้านหนึ่ง คนรู้จักอีกคนก็ปรากฏตัวที่ทางเข้าอีกทางเช่นกัน 

 

 

ผมสีเงิน ดวงตาสีม่วง 

 

 

เสื้อผ้าสีขาวราวกับหิมะของเหลิ่งหลิงยวิ๋นนั้นสะอาดสะอ้าน ใบหน้าที่หล่อเหลาของเขาเย็นชา พอเขาเห็นชีอ้าวชวาง ความเย็นชาบนใบหน้าของเขาก็ค่อยๆ อ่อนลง คนที่อยู่ถัดจากเขาคือชายในชุดสีเทาที่มีเสื้อคลุมและหมวกใบกว้างปิดบังใบหน้าของชายคนนั้นไว้ 

 

 

สายตาของทั้งเหลิ่งหลิงยวิ๋นและเฟิงอี้เซวียนหยุดอยู่ที่ชีอ้าวชวางก่อนที่ทั้งสองฝ่ายพูดอะไร ก็มีเสียงหนึ่งดังมาก่อน 

 

 

“ไปตายซะไป๋ตี้ เจ้าคิดจริงๆ หรือว่าข้าไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเจ้าน่ะ?” เสียงไม่พอใจของเฮยหยู่ที่คุ้นเคย 

 

 

คำตอบของเขาคือความเงียบ ไป๋ตี้ไม่ได้พูดอะไรเลย 

 

 

“เจ้ามันเลว แสร้งทำเป็นเท่ เวลาหลายพันปีที่ผ่านมา ครั้งนี้จะต้องมีการตัดสินผู้ชนะ! ข้าแข็งแกร่งกว่า ข้าแข็งแกร่งยิ่งกว่าเจ้า!” เสียงที่ดังขึ้นของเฮยหยู่ผสมกับการต่อสู้ดุเดือดที่กำลังใกล้เข้ามาเรื่อยๆ 

 

 

เกิดเสียงดังโครมครามขึ้น ต้นไม้ทั้งหมดที่อยู่ข้างหน้าชีอ้าวชวางล้มลง แล้วร่างสีดำและสีขาวก็เข้ามา ในสายตาของทุกคน นั่นคือไป๋ตี้และเฮยหยู่ที่ต่อสู้จนแยกกันไม่ออกเลย 

 

 

“ไป๋ตี้ เฮยหยู่! ”ชีอ้าวชวางร้องออกไป 

 

 

แต่เฮยหยู่ตอบกลับมาเพียงแค่ “อ้าวชวาง เจ้าก็อยู่ที่นี่ด้วยหรือ รอข้าก่อน ให้ข้าฆ่าผู้ชายคนนี้เสร็จก่อนเราค่อยคุยกัน” 

 

 

ชีอ้าวชวางปวดหัว ผู้ชายคนนี้ไม่รู้หรือว่าพวกเขาทั้งสามคนเป็นผู้ร่วมพันธะกัน? หรือจงใจเพิกเฉยในเรื่องนี้? เป็นแบบนี้ต่อไปก็ไม่มีใครได้เปรียบใครหรอก 

 

 

ไป๋ตี้เงียบ แล้วเขาก็แค่ต้านการโจมตีของเฮยหยู่โดยที่ไม่ได้ต่อสู้กลับเลย