บทที่ 235: เมืองที่เต็มไปด้วยจิ้งจอก

ทรราชตัวน้อย ไม่อยากพบจุดจบแบบ BAD END

บทที่ 235: เมืองที่เต็มไปด้วยจิ้งจอก

ภายในรถม้าที่กำลังวิ่งไปตามท้องถนน ชาร์ล็อต โซโรฟยา วางคางไว้บนแขนพลางเหลือบมองไปยังฝูงชนด้านนอกด้วยอารมณ์ที่กำลังหงุดหงิด

“… นี่มันก็ผ่านมาสามเดือนแล้วนะ ตั้งแต่ที่พวกเราได้เจอกันเป็นครั้งสุดท้าย”

ชาร์ล็อตพึมพำกับตัวเองด้วยความผิดหวัง

เด็กสาวนั้นกำลังคิดถึงคนรักและคู่หมั้นของตน โรเอล แอสคาร์ด หลังจากที่ได้ผ่านสถานการณ์อันตรายมากมายมาด้วยกันเมื่อปีที่แล้ว พวกเขาก็ตกหลุมรักกัน อย่างไรก็ตามเวลาที่ทั้งสองมีร่วมกันนั้นจำกัด

นี่ก็ผ่านมาสามเดือนแล้วนับตั้งแต่ที่โรเอลและอลิเซียเดินทางไปยังเมืองหลวงศักดิ์สิทธิ์ในช่วงปีใหม่เพื่อพบกับคาร์เตอร์ ตอนนั้นเองที่นอร่า องค์หญิงแห่งจักรวรรดิเซนต์เมซิท ปฏิเสธที่จะอนุญาตให้เขาเดินทางกลับ ยื้อตัวของเด็กชายเอาไว้จนกระทั่งเริ่มภาคการศึกษา ขัดขวางแผนการของชาร์ล็อตที่คิดจะเดินทางไปยังโบรเนลพร้อม ๆ กับเขา

แต่นั่นยังไม่ใช่ทั้งหมด!

นอร่านั้นได้ใช้วันเกิดของตนเรียกโรเอลไปที่เมืองหลวงศักดิ์สิทธิ์เป็นเวลาเดือนกว่า ๆ ซึ่งหมายความว่าเธอได้ขโมยเวลาระหว่างชาร์ล็อตกับโรเอลไปถึง 3 เดือน! แค่คิดถึงเรื่องนี้ก็ทำให้เด็กสาวสั่นไปด้วยความโกรธแล้ว

เมื่อปีที่แล้ว หลังจากที่พวกเขาแยกทางกันที่เมืองโรซ่า โรเอลก็มีธุระที่ต้องจัดการมากมาย เขาใช้เวลาสองเดือนในการเดินทางไปยังป่าเครอน ซึ่งทันทีที่เด็กชายกลับมา เขาก็ได้พูดคุยกับชาร์ล็อตถึงแผนการที่จะย้ายเทรนท์โบราณไปยังเขตการปกครองแอสคาร์ด

เพราะกังวลว่าอาจมีบางอย่างผิดพลาดเกิดขึ้น โรเอลจึงเลือกที่จะดูแลจัดการเรื่องนี้ด้วยตนเองและเดินทางกลับไปพร้อมกับเคเดย์ และด้วยที่เทรนท์โบราณนั้นมีขนาดใหญ่มาก การดำเนินการทั้งหมดจึงต้องใช้เวลาอีกสามเดือน

ต่อจากนั้น ด้วยบทบาทของโรเอลในฐานะตัวแทนผู้ปกครองเขตการปกครอง เขาต้องจัดการเริ่มตั้งรกรากให้กับเหล่าสมาชิกจากลัทธิคุณสมบัติแก่นแท้ต้นกำเนิดความแน่วแน่ และความแข็งแกร่ง ในเขตการปกครองแอสคาร์ด พร้อม ๆ กับจัดการเรื่องกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับผู้นับถือลัทธินอกรีตในเขตการปกครอง และติดตามปัญหาต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นจากการเติบโตทางเศรษฐกิจครั้งใหญ่ของเขตการปกครอง รวมถึงผลักดันแนวทางแก้ไข

เรียกได้ว่าโรเอลนั้นจมอยู่กับงานมากมายไม่รู้จบ!

เมื่อเห็นว่าคนรักของตนยุ่งแค่ไหน ชาร์ล็อตก็ไม่อาจทนนิ่งดูดายได้อีก ด้วยอิทธิพลของเธอในเมืองโรซ่า เด็กสาวได้คอยช่วยแก้ไขปัญหาทางเศรษฐกิจหลาย ๆ อย่างของเขตการปกครองแอสคาร์ด จนได้รับความนิยมอย่างมากจากพลเรือนและเหล่าทหาร ทำให้เพียงช่วงเวลาสั้น ๆ ชื่อของเธอก็เลื่องลือเป็นที่จดจำ

อย่างไรก็ตาม กำไรย่อมมาคู่กับต้นทุน การอุทิศเวลาและความพยายามของชาร์ล็อต ให้กับเขตการปกครองแอสคาร์ด ทำให้เวลาที่จะอยู่กับโรเอลของเธอน้อยลง

ความรู้สึกอึดอัดที่ไม่ได้แสดงความรักออกมา ทำให้ชาร์ล็อตรู้สึกหงุดหงิดจนอารมณ์บูดบึ้งมาตลอดการเดินทางมายังอาณาจักรแห่งการศึกษาโบรเนล

เด็กสาวผู้ผิดหวังมองไปยังด้านนอกหน้าต่าง จ้องมองไปตามถนนของเมืองเลนสเตอร์ นี่เป็นสถานที่ที่ชาร์ล็อตคุ้นเคยตั้งแต่ในวัยเด็ก ในฐานะที่เป็นตระกูลสูงส่งที่มีชื่อเสียงในช่วงสองสามศตวรรษที่ผ่านมา ตระกูลโซโรฟยาจึงให้ความสำคัญอย่างยิ่งกับการเข้าร่วมแวดวงสังคมชั้นสูงของทวีปเซีย และการเข้าเรียนที่สถาบันเซนต์เฟรย่าเองก็เป็นหนึ่งในวิธีที่ดีสำหรับการนั้น

ดังนั้นในช่วงศตวรรษที่ผ่านมา ตระกูลโซโรฟยา จึงกลายเป็นผู้สนับสนุนรายใหญ่ที่สุดของสถาบันการศึกษาเซนต์เฟรย่า ด้วยความสามารถทางการเงิน และการมีสมาชิกที่จบการศึกษาจากสถาบันการศึกษาเซนต์เฟรย่ามากมาย ทำให้ตระกูลโซโรฟยาประสบความสำเร็จในการเข้าสู่แวดวงชนชั้นสูงได้ในที่สุด วางรากฐานสำหรับพวกเขาในการขยายเส้นทางธุรกิจมากมาย

อย่างไรก็ตามสิ่งสำคัญที่สุดก็คือ ตระกูลโซโรฟยาจะต้องรักษาความสัมพันธ์ที่สร้างขึ้นนี้ต่อไป เพื่อให้แน่ใจว่าจะมีความร่วมมือทางธุรกิจในแวดวงชนชั้นสูงอย่างต่อเนื่อง ดังนั้นในฐานะผู้สืบทอดของตระกูลโซโรฟยา ชาร์ล็อตจึงต้องมาที่นี่เพื่อสานต่อความสัมพันธ์ทางสังคมนี้

เมืองเลนสเตอร์นั้นค่อนข้างจะแออัดในช่วงฤดูใบไม้ผลิ เนื่องจากมีวัยรุ่นมากมายจากทั่วทวีปเซีย เดินทางมาที่นี่เพื่อเข้ารับการศึกษา รถม้าของลูกหลานจากตระกูลขุนนางนานาอาณาจักร เรียงรายอยู่นอกประตูเมือง ทำให้ชาร์ล็อตต้องเสียเวลาพักใหญ่ ๆ กว่าจะเข้ามาข้างในตัวเมืองได้ ซึ่งสิ่งแรกที่เธอได้เห็น ก็คือเหล่าวัยรุ่น คนหนุ่มสาวมากมายจนผิดปกติรอบตัวเธอ

“ที่นี่คือเมืองแห่งการศึกษาจริง ๆ หรือ? มีคนเยอะมากจริง ๆ…”

ชาร์ล็อตพึมพำขณะมองออกไปนอกหน้าต่าง ทว่าจังหวะที่เธอกำลังจะดึงหน้าต่างลง เพื่อบังสายตาจากคนที่เดินผ่านไปมาด้านนอก เด็กสาวก็ได้เห็นร่างที่คุ้นเคย

มันคือร่างของเด็กหนุ่มผมดำที่แต่งกายอย่างสง่างาม และถือไม้เท้าโบราณอยู่ในมือ นี่ทำให้ชาร์ล็อตไร้สติไปครู่หนึ่ง ก่อนที่เธอจะรีบออกคำสั่งให้กับคนขับรถ

“หยุดรถม้าเร็ว!”

ทันทีที่รถม้าของตระกูลโซโรฟยาหยุดลงกลางถนน สายตาจากฝูงชนโดยรอบก็หยุดนิ่งลงเช่นกัน

คำชมของพอลเงียบลง พร้อมกับโรเอลที่หันกลับมาด้วยความประหลาดใจ ชั่วขณะหนึ่ง เด็กชายรู้สึกราวกับว่าหัวใจของตนเย็นลง ขณะที่ขนลุกซู่ไปทั้งตัว

ทำไมกัน… เราน่าจะขัดจังหวะการเผชิญหน้าระหว่างตัวเอกกับนางเอกได้แล้วนี่นา แล้วทำไมรถม้าถึงยังหยุดลงที่นี่? จะบอกว่าโครงเรื่องดั้งเดิมของเกมมีพลังผูกมัดโลกใบนี้ ไม่ให้เราเปลี่ยนแปลงเหตุการณ์งั้นเหรอ?

หรือโลกนี้ไม่ใช่เรื่องจริงตั้งแต่แรก?

ความคิดในแง่ร้ายมากมายปกคลุมจิตใจของโรเอล เมื่อประตูรถม้าถูกเปิดออก เด็กสาวผมสีน้ำตาลแดงก็ก้าวออกมา การปรากฏตัวของเธอทำให้ฝูงชนต่างพูดคุยกันด้วยความตื่นเต้น

“เธอคนนั้นเป็นใครกัน?”

“นั่นนายหญิงของตระกูลโซโรฟยานี่นา!”

“สวย…”

รูปลักษณ์อันมีเสน่ห์ของชาร์ล็อตและบรรยากาศอันสูงส่ง ทำให้เธอกลายเป็นจุดสนใจบนถนนอันพลุกพล่านแห่งนี้ในทันที ทุกคนในบริเวณใกล้เคียงต่างอดไม่ได้ที่จะให้ความสนใจกับทุกการเคลื่อนไหวของเธอ ทว่าเด็กสาวนั้นกลับไม่ได้ใส่ใจสายตาเหล่านั้นเลยแม้แต่น้อย เพราะสายตาของเธอจ้องมองมุ่งไปในทิศทางเดียวเท่านั้น

“เธอกำลังมองมาทางเรา!”

พอลอุทานด้วยความประหลาดใจและความตื่นเต้นผสมกัน

ก่อนที่โรเอลจะพูดอะไรออกไป เด็กสาวผมสีน้ำตาลแดงก็หายตัวไปพร้อมกับเสียงปืน และมาปรากฏตัวขึ้นด้านหลังเขา

“ที่รัก!”

ชาร์ล็อตร้องออกมาด้วยความตื่นเต้น เธอกอดโรเอลแน่นด้วยท่าทางที่สนิทสนม ทำให้ฝูงชนต้องตกใจไปตาม ๆ กัน จิตใจของโรเอลหยุดนิ่งไปในทันใด ส่วนพอลก็ต้องเบิกตากว้างด้วยความงุนงง

เอ๋ ที่รถม้าหยุดเพราะเราอย่างนั้นเหรอ?

การตระหนักถึงความจริงนี้ ทำให้โรเอลถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก ขจัดความรู้สึกลางร้ายที่ปกคลุมหัวใจของเขาไป ขณะเดียวกัน ชาร์ล็อตก็เอนศีรษะพิงไหล่ของเขาแล้วเริ่มพูดต่อ

“ในที่สุดพวกเราก็ได้พบอีก หลังจากสามเดือนอันยาวนาน โชคดีจริง ๆ ที่ข้าเฝ้ามองออกไปตามท้องถนนอยู่ตลอด…”

“อย่าทำแบบนี้สิชาร์ล็อต ที่นี่มีคนเยอะเกินไป”

“… ใช่ เจ้าพูดถูก ที่นี่มีคนเยอะเกินไป”

ชาร์ล็อตเงยหน้าขึ้นตอบสนองต่อคำพูดของโรเอล ก่อนจะจ้องมองไปยังเหล่านักเรียนหญิงในบริเวณใกล้เคียงด้วยสายตาอันเฉียบขาด เธอรู้สึกได้ถึงเจตนาแฝงที่อยู่ในใจของเด็กสาวเหล่านั้นโดยสัญชาตญาณ ซึ่งทำให้เธอระมัดระวังตัวมากขึ้นในทันที

ที่นี่ช่างเป็นเมืองที่อันตรายจริง ๆ

ด้วยความคิดเช่นนั้น ชาร์ล็อตปล่อยโรเอลออกจากอ้อมกอดของเธอ ก่อนจะเอื้อมมือไปจับมือของเด็กชายแทน จากนั้นก็หันไปทางพอลแล้วถามด้วยความสงสัย

“เขาคนนี้คือใคร…?”

“เขาเป็นเพื่อนร่วมชั้นของเราน่ะ เขากำลังหลงทางอยู่ พวกเราเลยจะเดินไปด้วยกัน”

“เข้าใจแล้ว”

เมื่อได้ยินคำอธิบายของโรเอล ชาร์ล็อตเผยรอยยิ้มออกมา เธอยกกระโปรงขึ้นเล็กน้อยอย่างสง่างามและพูดอย่างเป็นกันเองกับพอลที่กำลังงุนงง

“ยินดีที่ได้รู้จัก ฉันคือคู่หมั้นของโรเอล ชาร์ล็อต โซโรฟยา”